Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 31 Quickening
ราชาผู้น่าสงสาร ยังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์ในขณะที่มีเด็กหญิงฝาแฝดสองคนคอยปรนนิบัติอยู่ตามปกติ
มันเป็นวันธรรมดาทั่วไป
เหตุการณ์ดำเนินไปตามปกติ และทุกอย่างก็กำลังไปได้สวย ช่วงเวลาแห่งความสงบค่อยๆดำเนินต่อไป
ทันใดนั้นเอง…
“ว่ายังไงนะ?”
ทันใดนั้นทาคุโตะก็ลุกขึ้นยืนและโพล่งออกมา
ท่าทีผิดปกติของราชาทำให้ทั้งคู่จ้องมองด้วยความสงสัย
“ฝ่าบาท เกิดอะไรขึ้นหรอคะ?”
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
“เงียบก่อน!”
ทั้งคู่ต่างตกตะลึง และตัวสั่นราวกับโดนดุ พวกเธอก้มหัวลงช้าๆ และปิดปากสนิท
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พวกเธอรู้สึกหวาดกลัวกับท่าทีผิดปกติของทาคุโตะ
เห็นได้ชัดเลยว่าอาการแบบนี้คือเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้ว
พวกเธออยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตาม พวกเธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่ายังไม่ควรพูดอะไรที่จะเป็นการรบกวนราชา
ปกติแล้วเขามักจะคุยกับพวกเธออย่างอ่อนโยน แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาทำอย่างนั้น
เขาได้รับรายงานว่า ที่เมืองมังกรมีคนเถื่อนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นจากทางใต้
(จู่ๆก็โผล่ออกมาแบบนี้ เป็นอีเว้นท์อะไรรึเปล่า?)
ตอนแรกเป็นรายงานจากแมลงขายาวที่ประจำอยู่ที่เมืองมังกร ปกติแล้วภารกิจของพวกมันคือการสำรวจความลับของเมืองมังกร และสืบหาสาเหตุการเข้าโจมตีของพวกคนเถื่อน
ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? แล้วทำไมเป็นตอนนี้?
อย่างไรก็ตาม ภาพที่เขาเห็นผ่านดวงตาของแมลงขายาวนั้นทำให้เขารู้สึกขนลุกชัน
(ก่อนอื่นเลย คงต้องสั่งให้แมลงขายาวตรวจสอบความแข็งแกร่งของศัตรูก่อน และถ้าเป็นไปได้ก็จัดการพวกมันไปพร้อมกันเลย….ไม่สิ สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือการตรวจสอบเลเวล? ไม่สิ ไม่ใช่ ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันจะช้าไม่ได้)
ในฐานะที่เป็นยูนิตสอดแนม แมลงขายาวมีความสามารถในการสำรวจอย่างยอดเยี่ยม พวกมันมีมุมมองที่กว้าง และสามารถเห็นศัตรูได้จากระยะไกล ทำให้เป็นการง่ายที่จะประเมินกำลังรบของศัตรู
อีกอย่างคือ พวกมันเป็นยูนิตประเภทแมลง พวกมันจึงมีพลังเพิ่มขึ้นจากความสามารถพิเศษของอิสลา
พวกมันสู้ยักษ์ภูเขาไม่ไหว แต่พวกมันสามารถจัดการกับก๊อบลินหรือออร์คได้อย่างง่ายดาย ถึงพวกมันจะไม่ใช่ยูนิตราคาถูก แต่เขาก็สามารถอัญเชิญพวกมันออกมาได้อีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะดีกว่าถ้าพวกเขาจะบุกจากตรงนี้
(จำนวนของศัตรูมัน….อันตรายแล้วสิ มีมากกว่า 10 กองอีก!)
ศัตรูมีจำนวนไม่น้อยกว่า 10,000 ตัว
ถึงจะเป็นจำนวนที่น่าหวาดกลัว แต่ก็ไม่มีเวลามามัวบ่นแล้ว
ทาคุโตะที่คุ้นเคยกับสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ รีบลงมือตอบสนองทันที
ยิ่งกว่านั้น ใน Eternal Nations เขาก็เคยเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
ทาคุโตะปลอบใจตัวเองว่าโชคของเขายังดีอยู่ ในขณะที่รับรายงานจากแมลงขายาว เขาก็สั่งการพวกมันอย่างใจเย็น
เขาต้องลดกำลังรบของศัตรูให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เขาเข้าใจแค่ว่าสถานการณ์มันแย่ลงกะทันหัน
ทาคุโตะมุ่งหน้าไปยังทางออกของพระราชวัง
เมื่อสัมผัสได้ว่าเด็กหญิงทั้งสองตามหลังเขามา ทาคุโตะจึงเอ่ยปากถามสั้นๆ
“อิสลาอยู่ไหน?”
ในฐานะที่เป็นกษัตริย์ของไมน็อกกราห์ ทาคุโตะสามารถติดตามสถานะของยูนิตทุกตัวได้ตลอดเวลา
แน่นอนว่า เขารู้ว่าอิสลาอยู่ไหน และสามารถสั่งการเธอได้โดยตรง แต่เขาพยายามถามเด็กทั้งสองที่อยู่ตรงนี้ก่อน
อย่างแรกเลยก็คือ เขากลัวว่าตัวเองจะปฏิบัติกับพวกเธออย่างไม่ใส่ใจ
อีกอย่างคือ เขาต้องการยืนยันสิ่งสำคัญที่เขาต้องปกป้อง โดยทำให้แน่ใจว่าพวกเธอมีตัวตน
“ท่านแม่อิสลาอยู่ในเมืองค่ะ”
“หม่าม๊าอิสลา กำลังวางแผนไปเยี่ยมเยียนแต่ละส่วนของไมน็อกกราห์อยู่ ให้หนูไปเรียกเธอมาไหมคะ?”
“ช่วยรี– ไม่สิ ไม่เป็นไร”
ทาคุโตะเปลี่ยนคำสั่ง เมื่องได้ยินเสียงหึ่งๆอยู่ในหู
ดูเหมือนอิสลาจะรับรู้สถานการณ์ได้แล้วเช่นกัน
ปีกที่กระพือไปมา ทำให้เกิดเสียงดังราวกับรถสปอร์ต จนทำให้คนที่ได้ยินแทบอยากจะอุดหู
ในช่วงเวลาเดียวกับที่ทาคุโตะก้าวออกมาจากวัง อิสลาก็ลงมายังพื้นด้านหน้าของเขาด้วยเสียงที่ดังสนั่น
“นายท่าน โปรดมอบคำสั่งให้ข้าด้วยค่ะ”
ประโยคนี้ทำให้ทาคุโตะรู้ว่าอิสลารับรู้สถานการณ์ทั้งหมดจากแมลงใต้บัญชาของเธอแล้ว
ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องอธิบายให้มากความ เพราะนี่เป็นสถานการณ์เร่งด่วนจริงๆ
ไมน็อกกราห์คงจะเสียหายอย่างหนัก ถ้าพวกเขาต้องรับมือกับคนเถื่อนจำนวนมากขนาดนี้
โดยเฉพาะเมืองมังกร ต้องห้ามไม่ให้หลุมชีพจรมังกรที่พวกเขาเพิ่งได้มาครอบครองตกไปอยู่ในมือของศัตรูโดยเด็ดขาด
อีกอย่าง ทาคุโตะยังเป็นห่วงอาโทวด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันเธออยู่ที่เมืองมังกร เพื่อทำภารกิจคุ้มกันเมือง
ด้วยความสามารถในปัจจุบัน ทาคุโตะมั่นใจว่าเธอรับมือกับพวกคนเถื่อนจำนวนมากได้ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังอันตรายอยู่ดี
มีเรื่องที่ต้องคิดและลงมือทำมากมาย
ตอนที่อยู่ในเกม เขามีเวลาให้คิดมากมาย เพราะเวลาจะไม่เดินจนกว่าเขาจะกดเริ่มเทิร์น
แต่ความเป็นจริงไม่ง่ายขนาดนั้น
ในสถานการณ์ที่ต้องแข่งกับเวลา การใช้ความคิดเป็นเวลานานถือเป็นการกระทำที่โง่เขลา
อย่างไรก็ตาม ในโลกใบนี้ ทาคุโตะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
เขามีลูกน้องมากมายที่พร้อมจะเคลื่อนไหวสนับสนุนอย่างเต็มใจ
อีกอย่าง เขาเองก็มีลูกน้องที่เชื่อใจได้มากที่สุดอยู่ด้วย
หรือว่าความกังวลของเธอจะส่งมาถึงเขาได้กันนะ?
เขาคิดถึงใบหน้าของฮีโร่ที่เขาเชื่อใจมากที่สุด ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้รับสัญญาณติดต่อจากเธอ
“ท่านทาคุโตะคะ ฉันคิดว่าท่านน่าจะรู้แล้ว มันมีคนเถื่อนจำนวนมหาศาลกำลังพุ่งตรงมาจากทิศใต้ของเมืองมังกรค่ะ!”
“ผมรู้แล้ว มันแย่มากเลยล่ะ แล้วสถานการณ์ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง?”
อิสลาเอียงคอ และถามออกมา
“ท่านกำลังคุยกับอาโทวอยู่หรอคะ?”
ทาคุโตะตอบคำถามของเธอด้วยการพยักหน้า และในขณะเดียวกัน เขาก็ใช้ความคิดเรียบเรียงเรื่องต่างๆในหัว
การตอบสนองที่ล่าช้าอาจจะส่งผลอย่างมหาศาลในภายหลัง
เขาไม่มีเวลาให้กลับไปคิด
ก่อนอื่นเลย เขาต้องรวบรวมข้อมูลให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
พวกเขาจะไม่เป็นอะไร เหตุการณ์แค่นี้น่าจะไม่ยากเกินแก้
ทาคุโตะรู้ความสามารถของตัวเองดี
เขามักจะตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ
การรุกรานของคนเถื่อนสามารถนำมาใช้เพิ่มพลังให้กับฮีโร่ได้
ถ้าพวกเขาต่อสู้กับมัน มันจะเป็นประสบการที่ดีสำหรับอาโทวและอิสลา หลังจากที่จัดการกับพวกมันได้แล้ว พวกเขาสามารถจดจ่อไปที่การสืบหาสาเหตุได้
ทาคุโตะกำลังคิดแบบนั้นอยู่
อย่างไรก็ตาม…
“ก่อนอื่นเลย ฉันมีเรื่องเร่งด่วนจะแจ้งให้ทราบค่ะ พวกเราเพิ่งปราบยักษ์ภูเขาได้สำเร็จ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
จู่ๆร่างของยักษ์ภูเขาก็หายไป และมีเหรียณทองดรอปออกมา เราเพิ่งยืนยันได้ว่ามันไม่ได้มาจากโลกนี้”
“แย่แล้ว!”
ทาคุโตะอุทานออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ความเป็นไปได้นั้นถูกมองข้ามไปโดยสิ้นเชิง
ไม่สิ ที่จริงเขาก็เคยคิดถึงเรื่องนั้น แต่เขาได้สลัดมันออกไปจากหัวแล้ว
ถ้าขนาดเขายังถูกส่งตัวมาที่โลกนี้ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนอื่นเองก็โอกาสพบเจอเรื่องแบบเดียวกัน
ทาคุโตะพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดจากความประมาทของเขาเอง
(พลาดครั้งใหญ่เลย ทำไมเราถึงมองข้ามมันนะ! ไม่สิ เราก็เคยคิดถึงเรื่องนี้อยู่…แต่ดันปักใจเชื่อว่าไม่มีทางเป็นไปได้…บ้าจริง!)
เขารู้สึกว่าข้อมูลทั้งหมดเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
ควอเลียที่กำลังยุ่งอยู่กับสถานการณ์ในเขตทางตอนเหนือ
ถ้าสาเหตุนั้นมันเกิดจากอารยธรรมต่างโลกที่ปรากฏขึ้นมาแบบพวกเขาล่ะ?
แล้วถ้าการที่อัศวินศักดิ์สิทธิ์ของควอเลียได้รับคำสั่งจากนักบุญให้มาตรวจสอบดินแดนต้องสาป เพราะพวกเขาสัมผัสได้ถึงอารยธรรมใหม่ที่ปรากฏตัวขึ้นล่ะ?
และตอนนี้ ได้เกิดเหลือที่น่าเหลือเชื่อขึ้นทางทิศใต้ของเมืองมังกรอีก
พวกเขาได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ในโลกใบนี้ และพยายามที่จะสร้างอาณาจักรกันใหม่อีกครั้ง
ในเมื่อมีตัวอย่างให้เห็นอยู่ทนโท่ มันก็ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าอาณาจักรอื่นๆจะไม่เจอกับเหตุการณ์แบบเดียวกัน
(พวกมันมาจาก Eternal Nations งั้นหรอ? ถ้างั้นก็เป็นฝีมือของพวกตระกูลโกว-โกว-กุวาโกะ หรือ สมาพันธ์ภัยพิบัติธรรมชาติหรอ?)
รายชื่อของอาณาจักรมากมายปรากฏขึ้นในหัวของเขา
คนเถื่อน – ก๊อบลิน ออร์ค และยักษ์ภูเขา – นั้นมีตัวตนอยู่ใน Eternal Nations
อารยธรรมที่สามารถสร้างยูนิตแบบพวกมัน และนำไปใช้งานเป็นกองทัพได้
ไม่สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงได้เลย ถ้าพวกนั้นเกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้
ทั้งคู่เป็นอารยธรรมเผ่าปีศาจเหมือนกัน และพวกเขาเองก็ไม่มีความตั้งใจร่วมมือกับอาณาจักรอื่นๆ
แต่ว่า–
(ไม่สิ มีความเป็นไปได้ต่ำมากที่อารยธรรมพวกนั้นจะมาจาก Eternal Nations)
ไม่น่าเป็นไปได้
ทาคุโตะตัดสินใจทันที โดยที่ไม่ลงลึกเรื่องรายละเอียดมากนัก แต่ตัดสินเอาจากสิ่งที่เขาได้ยินจากอาโทว ศัตรูนั้นแตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
ถ้าเป็นเรื่องจริง บางทีพวกเขาอาจจะมาที่โลกใบนี้ด้วยวิธีที่ต่างจากทาคุโตะ
จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมา การโจมตีของคนเถื่อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปกติแล้ว เมื่อพวกเขาสังหารคนเถื่อน ศพของพวกมันก็จะกองอยู่ตรงนั้น จากรายงานของอาโทวก่อนหน้านี้ ร่างของพวกมันได้หายไป และมีเหรียญทองดรอปลงมาบริเวณนั้น
(พวกคนเถื่อนที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้เป็นแค่หน่วยสอดแนมหรอ?)
เป็นไปได้มั้ยที่พวกนั้นเป็นยูนิตที่ถูกอัญเชิญออกมา เพราะว่าศพหายไปตอนมันตาย?
หรือว่าการที่จำนวนคนเถื่อนเพิ่มขึ้นจะเป็นสัญญาณของอะไรบางอย่าง?)
พวกคนเถื่อนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นราวกับว่าพวกมันกำลังรอจังหวะเหมาะๆอยู่
วิกฤติที่มาเยือนฟอว์นคาเวน และเหล่ากองทหารที่คอยคุ้มกันเมืองอย่างฉับพลัน
ราวกับว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของเรื่องราวบางอย่าง…
(จากภาพที่แมลงขายาวส่งมา ยืนยันได้เลยว่าจำนวนขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ มันไม่ใช่จำนวนที่อารยธรรมอื่นๆจัดเตรียมได้ในทันทีที่มายังโลกนี้ อีกอย่างก็คือ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังเจอสัญญาณอะไรที่บอกว่ามีอารยธรรมอื่นๆอยู่เลย)
การจัดเตรียมกองทัพที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ แสดงว่าอาณาจักรของศัตรูจะต้องร้ายกาจมาก
ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บซ่อนตัวตนไว้เป็นความลับได้มิดชิดขนาดนี้
จนกระทั่งตอนนี้ แมลงขายาวได้ทำการสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่รับการบุกเบิกทางใต้ของเมืองมังกรไปบ้างแล้ว
พื้นที่พวกนั้นเป็นผืนดินทั้งหมด ถ้าเกิดมันมีอารยธรรมอื่นๆอยู่ พวกเขาควรจะต้องรู้แล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้ ทาคุโตะมั่นใจแค่ครึ่งเดียวว่าอีกฝ่ายคือศัตรูจากโลกอื่น
“อาโทว ตอนนี้เธอถือเหรียญทองนั้นอยู่รึเปล่า? ผมจะใช้การแบ่งปันมุมมอง”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันถือมันอยู่ในมือ”
ทันใดนั้น ภาพที่อาโทวมองเห็นก็ถูกส่งมายังทาคุโตะ
ทาคุโตะสังเกตวัตถุที่ปรากฏภาพขึ้นมาในหัว
เขาจะตัดส่วนใดส่วนหนึ่งออกไปไม่ได้ เขาต้องเก็บรายละเอียดทั้งหมดให้ครบ
กรณีที่แย่ที่สุด ไม่น็อกกราห์อาจจะถูกทำลายได้เลย
ทาคุโตะรู้สึกแย่เล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงค้นความทรงจำอย่างใจเย็น
“”ฉันไม่เคยเห็นเหรียญแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ดูเหมือนมันจะต่างจากอารยธรรมที่มีอยู่ใน Eternal Nations … หรือว่ามันจะมาจากอารยธรรมที่สูงกว่า? ท่านทาคุโตะพอจะทราบไหมคะ?”
(นี่มัน! ฉันเคยเห็นลายแบบนี้มาก่อน!)
ลวดลายที่ประดับอยู่บนเหรียญ
มันเหมือนตัวอักษรที่สลักอยู่กึ่งกลางดวงอาทิตย์ลักษณะทรงกลม
ทาคุโตะขมวดคิ้ว เขาคิดถึงบางอย่างที่ติดอยู่ในความทรงจำ
เหตุการณ์ในอดีตได้แล่นผ่านหัวของเขา
จากความทรงจำไม่กี่วันก่อน ย้อนกลับไปเป็นสัปดาห์….
ในที่สุดก็ย้อนกลับไปตอนอยู่ในโลกจริง ก่อนที่เขาจะมายังโลกใบนี้ – เหตุการณ์ในห้องของโรงพยาบาลนั้น
บทสนทนาที่เขาคุยกับหมอ ข่าวที่เห็นบนทีวี หนังสือที่อ่านเมื่อมีเวลาว่าง
และก็มาถึงเนื้อหาเกี่ยวกับเกมที่เขาเคยเล่นในอดีต…
“รู้แล้ว ตราแบบนี้มัน…”
ทาคุโตะรู้ถึงตัวตนของเหรียญนี้ และหลุดพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ทาคุโตะดีใจที่สถานการณ์ราบรื่นเกินกว่าที่ควรจะเป็น และสิ่งนี้มันเหมือนเหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นในเกม
อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักได้ว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทำให้สีหน้าของเขาแข็งทื่อ
ไม่สิ—มันเริ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้ เรื่องราวอันงดงามได้เริ่มขึ้นแล้ว
ถ้าเป็นแบบนั้น นี่ก็เป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเลยล่ะ
(แย่แล้ว…พวกเรายังไม่รู้ความสามารถของอีกฝ่ายเลย)
ทาคุโตะกัดฟัน
เขาหงุดหงิดตัวเองที่พลาด และทำให้อาโทวตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้อ่อนแอจนถึงขนาดต้องกรีดร้องออกมา
หลังจากที่ให้คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการณ์ อาโทวก็ตัดสินใจแทรกสิ่งที่เขาพูด
เขาบอกให้เธอคอยติดต่อเขาเพื่อนรายงานสถานการณ์เป็นพักๆ เธอจะได้สามารถตั้งสมาธิกับการป้องกันเมืองได้
อย่างแรก เขาต้องเตรียมมาตรการรับมือพื้นฐานกับอิสลาก่อน
เมื่อทาคุโตะได้สติ ฝาแฝดทั้งสองก็หายตัวไปแล้ว
ทาคุโตะเดาว่าอิสลาน่าจะส่งพวกเธอไปหาเอมัลและไกอาแล้ว เขาจึงหันหน้าไปยังอิสลา
“อิสลา สถานการณ์กำลังจะแย่ล–”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือคะ?”
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดในน้ำเสียงของเธอ ถึงจะไม่เข้ากับรูปลักษณ์ แต่ปกติแล้วเธอมักจะมีนิสัยที่ค่อนข้างสงบและผ่อนคลาย
อิสลาตระหนักได้ว่าสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหนจากท่าทีผิดปกติของทาคุโตะ
แต่เขาจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไง?
“ดูเหมือนว่าฝั่งศัตรู…ตัวตนแบบเดียวกับพวกเรากำลังจะมา”
“เหมือนพวกเรางั้นหรือคะ? หรืออีกนัยนึงก็คือ พวกมันมาจาก Eternal Nations? พวกเราสามารถติดต่อกับพวกเขาได้ไหมคะ? ถ้าเราสามารถเจรจากับพวกนั้นได้ ฉันคิดว่าเราน่าจะพอบรรลุข้อตกลงบางอย่างร่วมกันอย่างสันติได้…”
“ไม่ได้ บางทีเราอาจจะคุยกับพวกนั้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ พวกมันไม่มีความสามารถแบบนั้น พวกมันเคลื่อนไหวตามกฎเกณฑ์ของโลกที่ต่างไปจากเรา…”
อิสลาสูดลมหายใจลึก เมื่อได้ยินคำพูดของทาคุโตะ
ภายในหัวของเธอ กำลังเล่นประโยคที่ทาคุโตะพูดซ้ำไปซ้ำมาอย่างตกตะลึง
เธอรู้ว่าทาคุโตะพอจะเดาตัวตนของศัตรูออกแล้ว
“คุณมีเบาะแสอะไรไหมคะ นายท่าน?”
ทาคุโตะพยักหน้าตอบคำถามของอิสลา เขาจำลักษณะของเหรียญที่อาโทวแสดงให้ดูได้
“มันก็แค่เดาเอานะ แต่ 9 ใน 10 ส่วนเลย ผมคิดว่าศัตรูน่าจะ—”
“มาจากเกม RPG”
เกมที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเล่น
เห็นได้ชัดจากโลโก้แบบเดียวกันบนเหรียญทองคำนั่น มาปรากฏบนโลกที่ไม่รู้จัก
ศัตรูจากต่างโลก ที่ไม่น่ามาพบเจอกันได้ กำลังจะเข้าห้ำหั่นกัน….
= ข้อความ =============
กองกำลังใหม่ได้ถูกอัญเชิญมายังโลกใบนี้
[กองทัพปีศาจจาก Brave Quest]
―――――――――――――――――
= ข้อความ =============
<! > ข้อผิดพลาดหมายเลข 447 (มีการทำงานผิดปกติ)
<! > การอัญเชิญฮีโร่อัตโนมัติถูกระงับ
โปรโตคอลของโลกไม่รองรับ
―――――――――――――――――