Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 34 Conflict between Evils 2
- Home
- Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~
- ตอนที่ 34 Conflict between Evils 2
–มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น
“โอ้ววววววววว!!”
ขวานศึกถูกเหวี่ยงลงบนพื้น หินที่แตกกระจายได้กระเด็นเข้าใส่อาโทว
อาโทวหลบหลีกมันด้วยการเคลื่อนไหวแบบกายกรรม เธอมองไปที่ไอซ์ร็อคพร้อมกับยิ้มในขณะที่กวัดแกว่งดาบศักดิ์สิทธิ์
(เข้าใจแล้ว บางทีเขาคงเป็นราชาสวรรค์ประเภทที่ชอบใช้กำลังสินะ)
อาโทววิเคราะห์คู่ต่อสู้อย่างใจเย็น ขณะที่ขยับรยางค์ไปมาและคอยรักษาระยะห่าง
ศัตรูแข็งแกร่งแค่ไหน?
อีกฝ่ายมาจากเกม RPG
พวกมันอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์คนละแบบ จึงมีความแตกต่างในด้านพลังอยู่
ถ้าเธอพลาด อาจจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้
อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายเป็นตัวละครในเกมที่เคยชินกับการสู้ตัวต่อตัว
ดูเหมือนพลังต่อสู้ของเขาจะแตกต่างจากอาโทวที่มักจะสู้กันในระดับกองทัพ
เมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลที่ทาคุโตะบอกเธอก็ค่อยๆได้รับพิสูจน์ว่าเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ
ดาบศักดิ์สิทธิ์หมุนไปมาเหมือนกังหันลม ราวกับเธอกำลังเต้นรำอยู่ อาโทวโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คอยหลบขวานศึกของไอซ์ร็อคไปด้วย
ขวานศึกพวกนั้นต่างก็ล้มเหลวในการฟันเธอ และได้แต่ทำลายพื้นแทน
“ย้ากก!”
“โอ้ร่าาา!”
“ฮึบ!”
ขณะที่ไอซ์ร็อคเหวี่ยงขวานไปมา และพยายามฟันใส่อาโทวที่กำลังเต้นรำอยู่นั้น รยางค์หลายเส้นได้โผล่ออกมาจากหลังเธอ
ไอซ์ร็อคเตรียมป้องกันการโจมตีจากรยางค์พวกนั้น แต่กลับกลายเป็นว่ารยางค์พวกนั้นเอาแต่โจมตีใส่ลูกน้องที่อยู่รอบๆตัวเขา
ไอซ์ร็อคพยายามที่จะหยุดการโจมตีของเธอโดยการตัดรยางค์พวกนั้น แต่อาโทวก็โจมตีไปยังช่องว่างของเขาด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เขาต้องรีบดึงขวานศึกกลับมาป้องกันจุดตายพวกนั้น
(ชิ! เธอพยายามจะหยุดข้าเอาไว้!)
ไอซ์ร็อคโอดครวญอยู่ในใจ
เพราะเขารู้ดีว่าศัตรูกำลังคิดที่จะทำอะไร
ในกองกำลังที่เข้าจู่โจมฟอว์นคาเวน ไอซ์ร็อคเป็นเพียงคนเดียวที่มีพลังการต่อสู้สูงที่สุด
นอกจากไอซ์ร็อคและเหล่าปีศาจที่เป็นลูกน้องเขาแล้ว พวกปีศาจที่เหลือก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย
ดังนั้น หากอีกฝ่ายสามารถจัดการกับพวกเขาได้ พวกเขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน
ปีศาจที่ทำตามสัญชาตญาณของตนเองไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในกองทัพ พวกมันไม่มีสติปัญญาในการตัดสินใจและลงมือทำสิ่งต่างๆ กองทัพที่เต็มไปด้วยปีศาจโดยปราศจากแม่ทัพยังมีความสามารถด้อยกว่าฝูงสัตว์ซะอีก
ในการหยุดยั้งศัตรู ควรจะเล็งไปที่หัวหน้าก่อน
อย่างไรก็ตาม แค่พูดมันง่ายกว่าการลงมือทำ
ไอซ์ร็อคที่ภาคภูมิใจในความสามารถของตนเองเกิดความสงสัยว่าทำไมอาโทวถึงกล้าลงมือทำเรื่องนี้เพียงลำพัง
“บัดซบ! อย่าเอาแต่หนีอย่างขี้ขลาด! เข้ามาสู้กับข้าอย่างยุติธรรมซะสิ!”
“ฟุฟุ หมารับใช้ของจอมมารอย่างแกมีสิทธิ์พูดอะไรแบบนั้นด้วยหรอ? อย่ามาทำให้ฉันขำหน่อยเลย เดี๋ยวดาบมันจะทื่อเอา”
อาโทวเพิกเฉยต่อคำยั่วยุของไอซ์ร็อค ในด้านพละกำลัง เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
…มันมีปีศาจที่เป็นลูกน้องของไอซ์ร็อคอยู่ไม่มาก เธอจะต้องลดจำนวนของพวกมันลงให้ได้มากที่สุด
ไอซ์ร็อคเริ่มหมดความอดทน
ในทางกลับ อาโทวเข้าใจลักษณะนิสัยของกองทัพจอมมารว่าเป็นแบบไหน และให้ความสำคัญในการกำจัดพวกปีศาจที่คอยสั่งการอยู่
ตอนนี้สนามรบคือดินแดนต้องสาปที่เกิดจากเวทมนตร์ขนาดใหญ่
ถ้ากำจัดพวกปีศาจไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็แค่ต้องกำจัดมอนสเตอร์ท้องถิ่นที่อ่อนแอลงแล้ว ด้วยแมลงขายาวที่ได้รับการเสริมพลังมา กับผู้เฒ่ามอลทาร์คอยช่วยเหลือ เธอคิดว่ามันคงไม่เกินกำลัง
สิ่งเดียวที่น่ากังวลคือพวกปีศาจที่ได้รับการเสริมพลังโดยดินแดนต้องสาป แต่อาโทวก็ประสบผลสำเร็จในการฆ่าปีศาจพวกนั้นด้วยการชี้แนะจากทาคุโตะ
อาโทวหัวเราะอยู่ในใจ เธอยกย่องกลยุทธ์ของทาคุโตะที่ประสบผลสำเร็จอย่างมาก แม้จะขาดการเตรียมพร้อมก็ตาม
ถ้าพวกเขาทำแบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็สามารถทำภารกิจให้เสร็จสิ้นได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ไอซ์ร็อคเป็นปีศาจชั้นสูงที่ได้รับฉายาราชาสวรรค์
เขาจะไม่ยอมให้มันจบแบบนี้แน่ๆ
“อสูรน้ำแข็ง! จงมา!”
เมื่อไอซ์ร็อคเรียกลูกน้องออกมา ทันใดนั้นหมาป่าน้ำแข็งที่มีขนสีเงินก็ปรากฏตัวขึ้น
ลิ้นที่ยืดยาวออกมาจากปากสีแดงสดของพวกมัน และฟันอันแหลมคมพร้อมกับกรงเล็บโลหะทำให้ดูโดดเด่นกว่ามอนสเตอร์ตัวอื่นๆ
(เข้าใจแล้ว สกิลอัญเชิญแบบไม่จำกัดสินะ…ถึงจะเป็นสกิลพื้นฐานในเกม RPG แต่ก็ยุ่งยากเอาเรื่อง)
อสูรน้ำแข็งที่ถูกอัญเชิญออกมา เข้าจู่โจมอาโทวพร้อมๆกัน
อาโทวที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ไล่ฆ่าปีศาจรอบๆตัว เหวี่ยงรยางค์ของเธอไปยังอสูรน้ำแข็งด้วยความใจเย็น
เลเวลของเหล่าฮีโร่ใน Eternal Nations จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาโทวเองก็ดูดกลืนสกิลมากมายจากศัตรูก่อนหน้านี้
อีกอย่าง รยางค์ของอาโทวได้รับการเสริมพลังจากสกิลดาบศักดิ์สิทธิ์ และไม่สามารถถูกทำลายได้ง่ายๆ
ไม่ว่าอสูรน้ำแข็งที่ถูกราชาสวรรค์น้ำแข็งอัญเชิญมาจะมากแค่ไหน สิ่งนี้เป็นการโจมตีที่หนักเกินไปสำหรับมัน สำหรับอาโทว พวกมันก็แค่มอนสเตอร์ตัวเล็กๆเท่านั้น
“โฮกก—กรั่ก!”
รยางค์ของอาโทวนั้นแข็งแกร่งกว่าเหล็กซะอีก รยางค์มากมายได้เจาะเข้าไปในผิวหนังของอสูรน้ำแข็งและสังหารมันอย่างง่ายดาย
ทันใดนั้นอาโทวก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ในขณะที่มองดูศพของมอนสเตอร์ร่วงลงบนพื้นและสลายหายไปเป็นเหรียญทอง
(…? เข้าโจมตีพร้อมกันได้แค่สองตัวเท่านั้น?)
ไอซ์ร็อคอัญเชิญอสูรน้ำแข็งออกมาห้าตัว เธอแทงไปหนึ่ง ดังนั้นจึงเหลืออีกสี่
อย่างไรก็ตาม มันแปลกมีอสูรน้ำแข็งแค่สองตัวเท่านั้นที่เข้าโจมตีอาโทว
เมื่อตัวหนึ่งถูกทำลาย อีกตัวก็จะเข้ามาแทนที่และเข้าร่วมการต่อสู้
(ระบบของเกมถูกตั้งค่าไว้แบบนี้สินะ)
เหมือนกับที่อาโทวและคนอื่นๆถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ของ Eternal Nations อีกฝ่ายเองก็ถูกบังคับด้วยกฏเกณฑ์ของเกม RPG เช่นกัน
ตัวละครที่มาจากเกมที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงถูกส่งมายังโลกใบนี้
อาโทวจดจ่อกับศัตรูที่อยู่ด้านหน้า ในขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ได้ยินอะไรบางอย่าง
“ทำไมเจ้าต้องมาขัดขวางกันด้วย!? เจ้าเองก็เป็นปีศาจเหมือนกันไม่ใช่รึ? จงสวามิภักดิ์แด่จอมมาร แล้วพวกเราจะได้พิชิตโลกไปด้วยกัน!”
ขณะที่เหวี่ยงขวานศึกของเขา ไอซ์ร็อคก็พูดกับอาโทว
ในเมื่อมีพลังขนาดนี้ เขาไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของอาโทว ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขา
คำพูดของเขาฟังดูเหมือนข้ออ้าง เพราะไอซ์ร็อคเริ่มที่จะคิดแล้วว่าเธออาจจะเอาชนะพวกเขาได้จริงๆ
แต่ฮีโร่แห่งโคลนเลนผู้นี้ ได้นำโลกเข้าสู่การล่มสลายมาจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเรื่องการพิชิตโลก
เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจ ราวกับจะถามว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไรกัน
“อ่า เขาคือคนที่จะพิชิตโลกหรอ?”
“ใช่แล้ว เราจะสร้างโลกของพวกเราเหล่าปีศาจ กำจัดพวกมนุษย์และสรรเสริญกู่ร้องชื่อของเราไปทั่วดินแดน ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ของความมืดมิดได้มาถึงแล้ว!”
ไอซ์ร็อคเอ่ยออกมาราวกับว่ากำลังปราศรัยอยู่
มันมีช่องว่างมากมาย และถ้าอาโทวโจมตีตอนนี้ เธอคิดว่ารยางค์ของเธอน่าจะเจาะทะลุกะโหลกน้ำแข็งนั่นได้
นั่นคือสิ่งที่อาโทวคิด แต่
(การโจมตีระหว่างแปลงร่าง หรือตอนที่กำลังพูดอยู่มันจะผิดกฏรึเปล่านะ? ตอบเขาสักหน่อยแล้วกัน)
“ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไง แต่หลังจากพิชิตโลกได้แล้ว นายจะทำอะไรต่อล่ะ?”
“หืม?”
ไอซ์ร็อคหยุดพูดและครุ่นคิดถึงคำถามที่เหนือความคาดหมาย
อาโทวถอนหายใจให้กับท่าทีนั้น และพ่นประโยคใส่ราวกับว่าเขาเป็นคนโง่
“มันมีงานให้ทำอีกเยอะเลยนะ! อย่างตอนนี้ ฉันต้องทำงานจนหัวหมุนจนไม่มีเวลาแม้แต่จะคุยกับนายท่าน นี่แค่อาณาจักรธรรมดาๆอาณาจักรเดียวเองนะ….นึกภาพออกมั้ยว่าถ้าเป็นทั้งโลกล่ะ? นี่แกอยากทำงานบริหารจัดการพวกนั้นมากขนาดนั้นเลยรึไงกัน?”
อาโทวยิงคำถามเพิ่มอีก
มันง่ายที่จะพูดว่าพิชิตโลก แต่มันต้องใช้สติปัญญาในการทำความเข้าใจอย่างแท้จริง
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องการสร้างโลกในอุดมคติของตนเองขึ้นมา หลังจากทำลายศัตรูทั้งหมดแล้ว มันเป็นยูโทเปียที่ผู้นำทั้งหลายต่างใฝ่ฝันถึง
อย่างไรก็ตาม การพิชิตโลกก็แค่ความหมาย ไม่ใช่จุดจบ
สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณจะทำอะไรหลังจากยึดครองโลกได้แล้วต่างหาก
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะเป็นการยากสำหรับไอซ์ร็อคที่จะตอบมัน
มีแต่คำพูดสวยหรูอย่างการยึดครองโลกปรากฏอยู่ในหัวของเขา
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องที่จะต้องทำหลังจากนั้นเลย เขาครุ่นคิดว่าจะตอบกลับยังไง และในที่สุดก็รู้ตัวว่าเขาไม่สามารถตอบได้
ดังนั้น อาโทวจึงปล่อยคำถามออกมาอีกด้วยท่าทีเย้ยหยัน
“หืม? หรือเป็นเพราะตัวละครของนายถูกตั้งค่าโดยผิวเผิน ทำให้การกระทำและความคิดมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น? นั่นสินะ ใช่แล้ว พวกบอสระดับกลางในเกม RPG ส่วนใหญ่จัดการได้ง่าย และพวกมันก็จบอยู่แค่นั้น”
เกม RPG อย่าง “Brave Quest” จัดได้ว่าเป็นเกมแบบเก่า
มันมีประวัติมายาวนานและได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเกม RPG แบบดั้งเดิม และได้รับการนำมาสร้างใหม่หลายครั้งเพื่อลงเครื่องเล่นเกมแต่ละรุ่น
แม้ว่าจะมีการตั้งค่าบางอย่างเพิ่มขึ้นมา แต่โดยพื้นฐานแล้วเรื่องราวมักจะดำเนินไปตามการตั้งค่าเดิม
เรียกได้ว่าเป็นเศษเสี้ยวของวันเวลาเก่าๆ
เรื่องราวของมันดำเนินเป็นเส้นตรง และปริมาณข้อมูลต่างๆก็น้อยมาก แตกต่างจาก Eternal Nations ที่มีเนื้อหาลึกลงไป และการตั้งค่าที่เยอะกว่ามาก
ดังนั้น ราชาสวรรค์ไอซ์ร็อค จึงถูกตั้งค่าให้เป็นเพียงแค่ “ศัตรูที่เด่นด้านพละกำลัง และให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนซามูไร” เท่านั้น
“ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดมาเลยแม้แต่น้อย! เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
ไอซ์ร็อคตะโกนออกมา
เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องแหกปากออกมา
เขาไม่เข้าใจคำพูดของหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าเลย
แต่เขาสัมผัสได้ว่าประโยคเหล่านั้นคือการล้อเลียนเขา
โทสะได้พลุ่งพล่านไปทั่วร่างของเขา
หัวใจที่เป็นน้ำแข็งของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็นสัญญาณของการหมดความอดทน อากาศอันหนาวเหน็บถูกปล่อยออกมาจากร่างของเขาแทนเหงื่อ
อาโทวเห็นไอซ์ร็อคโมโห จึงถอนหายใจอีกครั้ง
“แกนี่มัน…โง่กว่าที่คิดอีกนะ”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!?”
ขวานศึกขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงลงมาด้วยพละกำลังทั้งหมด
อาโทวเห็นการโจมตีที่รุนแรงนั้น เธอจึงฟันดาบขึ้นจากด้านล่าง และทำการตอบโต้การโจมตีนั้นซึ่งๆหน้า ทำให้เกิดสะเก็ดไฟ และเสียงของโลหะกระทบกัน
อย่างไรก็ตาม นี่คือการยืนยันครั้งสุดท้ายของเธอ
เธอรู้สึกความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้จากการฟันก่อนหน้านี้
ถ้านี่คือทั้งหมดของศัตรูแล้ว งั้นก็ง่ายที่จะจัดการมัน
อาโทวตัดสินว่าไอซ์ร็อคแข็งแกร่งกว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่เธอเคยสู้ด้วยก่อนหน้านี้ แต่มันยังไม่ใช่คู่มือของเธอในปัจจุบัน
“[ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์] สิ่งนี้คือทักษะที่ถูกสร้างโดยควอเลีย เพื่อกำจัดปีศาจอย่างพวกแก ชอบมันรึเปล่าล่ะ? น่ากลัวใช่ไหม?”
“ฮึ่ม! ทำไมปีศาจอย่างเจ้าถึงมีสกิลแบบนั้น? นี่เจ้ากระดิกหางให้กับพวกเทพนั่นแล้วรึ??”
“ไม่ใช่หรอก ทักษะพวกนี้มันไม่เกี่ยวกับเทพหรอกนะ มันก็แค่หนึ่งในสกิลที่ฉันมีเท่านั้นเอง”
ความคิดของอาโทวค่อนข้างแหวกแนว
อย่างแรกเลย สิ่งเดียวที่เธอสนใจก็คือทาคุโตะ อย่างอื่นนอกจากนั้นเธอคร้านจะชายตามองด้วยซ้ำไป
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือปีศาจ ถ้าสิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อทาคุโตะ เธอก็จะใช้มันโดยไม่ลังเล
เพราะฉะนั้น เธอจึงติดต่อกับดาร์คเอลฟ์โดยไม่มีไร้ซึ่งความเกลียดชัง และใช้ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เพื่อทาคุโตะแล้ว เธอทำได้ทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม ท่าทีไม่แยแส และความเชื่ออันแรงกล้าของเธอทำให้ไอซ์ร็อคหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
แท่งน้ำแข็งอันแหลมคมถูกพ่นออกมาจากปากของอสูรน้ำแข็ง
อาโทวหลบมันได้สำเร็จ และรยางค์เส้นหนึ่งของเธอได้แทงเข้าไปในปากของอสูรน้ำแข็งตัวนั้น
เหรียญทองดรอปออกมา และเสียงกระทบของโลหะก็ดังไปทั่วสนามรบ
(ถ้าสู้กันนานกว่านี้ แมลงขายาวจะไม่ไหวเอา ฉันจะมัวเสียเวลาไม่ได้)
ดินแดนต้องสาป และความสามารถของอิสลาทำให้แมลงขายาวมีพลังเพิ่มขึ้น
ถึงแม้ว่าพวกมันจะรับมือกับพวกปลาซิวปลาสร้อยได้ แต่พวกมันก็เป็นแค่ยูนิตสำรวจ ถ้าการต่อสู้ดำเนินไปนานกว่านี้ ความเสี่ยงที่พวกมันจะได้รับความเสียหายและถูกทำลายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทหารของเมืองมังกรตกอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากกว่าหลายเท่า
ถึงแม้พวกเขาจะโจมตีจากระยะไกลเป็นหลัก แต่พวกเขาก็จำเป็นจะต้องเข้าต่อสู้ในระยะประชิดอยู่ดี หากศัตรูบุกมาถึงเมืองได้
ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาจะต้องดิ้นรนต่อสู้กับเผ่าปีศาจที่มีพลังกำลังและความสามารถที่เหนือกว่า
ในที่สุดอาโทวก็ตัดสินจัดการกับไอซ์ร็อคทันที
หากว่าเราสามารถอ่านสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายได้ เราก็จะไม่ได้รับอันตรายจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
อาโทวกุมด้ามดาบศักดิ์สิทธิ์ไว้แน่น และบรรยากาศของเธอก็ต่างไปจากก่อนหน้านี้
“แกบอกเอาไว้ว่ามีจอมมารอยู่สินะ”
เหล่าอสูรน้ำแข็งได้ถูกจัดการไปหมดแล้ว
มันเกิดขึ้นในขณะที่ไอซ์ร็อคพูดคุยกับอาโทว
สกิลอัญเชิญมักจะมีเวลาคูลดาวน์ที่นาน มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะอัญเชิญมันได้อีกครั้ง
หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาจะพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ การใช้อสูรน้ำแข็งเป็นตัวล่อและถอยทัพไม่สามารถทำได้อีกต่อไป
ไอซ์ร็อคถูกหลอกโดยรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย และประเมินความสามารถของศัตรูต่ำไป
ในกรณีที่แย่ที่สุด เขาคงจะต้องขอความช่วยเหลือจากราชาสวรรค์คนอื่นๆ….ไม่สิ เขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากจอมมารด้วยตัวเองเลย
ผู้กล้าที่ครั้งหนึ่งสามารถทำลายกองทัพจอมมารทั้งหมด และแทงดาบทะลุอกของจอมมารได้
อาโทว หญิงชาวปีศาจที่กำลังโจมตีพวกเขาอยู่
ทั้งสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ หรือคุณลักษณะต่างๆ… แต่ภาพของพวกเขาทั้งคู่ได้ซ้อนทับกันในสายตาของไอซ์ร็อค
“ทำไมแกถึงอยากจะครองโลกนัก? มันเป็นสัญชาตญาณงั้นหรอ? หรือเป็นความต้องการของตัวแกเอง? เคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงมีผู้กล้าโผล่ออกมาขัดขวางพวกแกอยู่ตลอดน่ะ?”
น้ำเสียงนั้นได้ดึงดูดจิตใจของไอซ์ร็อค
สัญชาตญาณของเขาร้องเตือนหลายครั้ง แต่ร่างกายเขากลับไม่ยอมเชื่อฟังมัน
“ผู้กล้าที่ปรากฏตัวออกมา และสังหารแกตั้งหลายครั้ง ทำแบบเดิม ซ้ำไป ซ้ำม–”
“หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! หุบปากไปซะ!”
ไอซ์ร็อคตะโกนออกมา
เขากรีดร้องออกมาอย่างน่าสงสาร
เขาดูน่าสงสารจริงๆ ไม่สมกับที่เป็นราชาสวรรค์ ผู้ซึ่งอยู่ภายใต้จอมมารโดยตรงแม้แต่น้อย แต่เป็นโชคดีหรือร้ายไม่รู้ ที่มันไม่มีลูกน้องหรือปีศาจตนอื่นๆอยู่รอบตัวเขาเลย
“รู้สึกตัวแล้วสินะ? คงยากที่จะไม่รู้สึกถึงมันล่ะนะ ถ้าแกเป็นเหมือนพวกเราก็คงจะจำมันได้ โอ๊ะ ดูสิ! น่ารักจังเลยนะ! ท่าทีแบบนั้นจากปีศาจอันโหดร้ายที่โจมตีมนุษยชาติและผู้กล้าเนี่ยนะ สิ้นหวังเลยใช่ไหมล่ะ?”
ขวานศึกถูกเหวี่ยงลงไปด้วยความขมขื่น และโดนหญิงสาวที่มีขนาดตัวเล็กกว่าสองเท่าปัดทิ้งอย่างง่ายดาย
อาโทวหัวเราะ และทำการเยาะเย้ยศัตรูด้านหน้าเธอ
หญิงสาวตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้าไอซ์ร็อคได้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง และราชาของเธอ…
“เจ้าต้องการพูดอะไรกันแน่!”
“สุดท้ายแล้ว แกก็เป็นแค่ตัวละครบอสในเรื่องราวเท่านั้นเอง”
ไอซ์ร็อคจำทุกอย่างได้แล้ว
เขาเป็นแค่ตัวหมาก เขาควรจะเผชิญหน้ากับผู้กล้าพร้อมๆกับราชาสวรรค์คนอื่นๆ
เขาควรเผชิญหน้ากับผู้กล้าก่อนที่ผู้กล้าจะเพิ่มพลังได้ตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตระหนักถึงเรื่องนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามักจะเผชิญหน้ากับผู้กล้าในสถานที่เดิมๆเสมอ
แม้จะคิดแผนการได้มากมายแค่ไหน พวกมันทั้งหมดก็ไม่ถูกนำไปใช้
ไม่ว่าเขาจะทำมันอีกกี่ครั้ง
ไม่ว่าจะทำมันซ้ำไปซ้ำมามากแค่ไหน…
เขาก็ไม่เคยก้าวข้ามผู้กล้าได้ และในที่สุดเขาก็จบลงด้วยการถูกทำลาย
เขาเป็นค่หนึ่งในอุปสรรคที่มีตัวตนอยู่ในเรื่องราวที่ชื่อว่า “Brave Quest”
ตอนนี้ไอซ์ร็อคจำทุกอย่างได้แล้ว
“ฉันสัมผัสได้ถึงความกลัวของแกนะ คุณราชาสวรรค์ที่จอมมารภาคภูมิใจ”
“โอ้ววววววววว!!”
อาโทวมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างสนุกสนาน….
อาโทวแห่งโคลนเลน ทำการหัวเราะเยาะเย้ยศัตรูของเธอ
=========================================================
//ตอนนี้สงสารไอซ์ร็อคจังน้า พยายามเท่าไหร่ก็ไร้ความหมายอยู่ดี