Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 36 Surprise Move 1
- Home
- Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~
- ตอนที่ 36 Surprise Move 1
“แย่แล้วสิ…ฉันคิดตื้นไป”
เมื่อได้ยินประโยคที่ทาคุโตะพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว อิสลาได้คาดเดาความคิดของทาคุโตะอยู่เงียบๆ
กองทัพคนเถื่อนที่พันธมิตรอย่างฟอว์นคาเวนกำลังกังวลอยู่ จู่ๆก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตูบ้านของพวกเขา
การโจมตีที่ควรจะมาเป็นระลอก กลับกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่
อีกอย่างคือพวกเขานั้นมาจากคนละเกมกัน
คงโง่น่าดูถ้าจะใช้สามัญสำนึกจากเกมจำลองสถานการณ์ กับข้อมูลอันน้อยนิดมาวิเคราะห์สถานการณ์นี้ เขาคิดไม่ออกเลยว่าต้องใช้วิธีไหนมารับมือถึงจะดีที่สุด
แน่นอนว่าเวลาไม่คอยใคร
กองทัพของศัตรูกำลังรุกรานบ้านเมืองของพวกเขา พูดอีกอย่างคือ พวกมันเป็นภัยต่อความสงบสุขของไม่น็อกกราห์
สถานการณ์กำลังตึงเครียด
“ฉันเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าพวกเขาจะพบที่นี่…ถึงการที่เราจะปะทะกับศัตรูจะขึ้นอยู่กับเวลาก็ตาม แต่ท่านทาคุโตะ ฉันคิดว่าน่าจะดีกว่า หากเราเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวเข้าโจมตีกองทัพของจอมมารก่อนนะคะ”
อิสลาเลือกใช้คำอย่างระมัดระวังเพื่อให้ทาคุโตะพิจารณาข้อเสนอของเธอ หากไม่ดูที่ผลลัพธ์แล้ว การตัดสินใจทางการทหารของทาคุโตะดูจะเร่งรีบเกินไป
ถึงจะเป็นที่เข้าใจได้ว่าความรวดเร็วในการตอบสนองเป็นสิ่งจำเป็น ในการรับมือกับศัตรูที่ยังไม่รู้ความสามารถก็ตาม
และเหตุผลที่จำเป็นต้องคุ้มกันเมืองมังกรที่ถูกโจมตีเองก็ยังเข้าใจได้
อย่างไรก็ตาม การที่เขาตัดสินใจเปิดฉากการต่อสู้ที่เมืองมังกรโดยที่ยังไม่ทำการระบุตัวตนและความสามารถของของอีกฝ่ายมันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลสำหรับเธอ
ผลลัพธ์ก็คือ พวกเขาสามารถจัดการกับแม่ทัพ และขับไล่กองทัพของข้าศึกที่เข้าโจมตีเมืองมังกรออกไปได้
อิสลาเดาว่าคงมีข้อมูลบางอย่างที่เธอยังไม่รู้ เธอจึงถามออกมา
“ใช่แล้ว… ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็น ศัตรูกำลังเข้าโจมตีที่นี่ ดังนั้นมันจึงผิดพลาด แต่ว่า…”
หากอิสลาจำไม่ผิด ปกติแล้วทาคุโตะมักจะลงมืออย่างระมัดระวังเสมอ
กล่าวเพิ่มก็คือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขามักจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ เพราะว่าเขาให้ความสำคัญกับความสงบสุขและกิจการภายในมากที่สุด
ถ้าหากมันทำให้พวกเขาได้เปรียบขึ้น ปกติทาคุโตะจะพิจารณาถึงทางเลือกที่จะทอดทิ้งเมืองมังกรไปด้วย
แต่ทำไมเขาถึงรีบเปิดฉากการต่อสู้กับอีกฝ่ายเร็วนัก?
นั่นคือคำถามของเธอ
“ผมรู้สึกโล่งนะ ที่ความสามารถของอีกฝ่ายเป็นไปตามที่คิดไว้ ถ้าสี่ราชาสวรรค์มีพลังแค่นี้ บางทีเราน่าจะจัดการกับจอมมารได้เองเลย”
ใช่แล้ว ทาคุโตะเป็นคนวางแผนนี้เอง
โชคดีที่ข้อมูลซึ่งเขาได้จากอาโทวก่อนหน้านี้ ได้บอกถึงความแข็งแกร่งและลักษณะของกองทัพจอมมาร
สถานการณ์ยังไม่เข้าขั้นเลวร้าย และเขารู้ว่าจะสามารถก้าวข้ามมันได้ ถ้าเขาไม่ทำผิดพลาด
แต่นั่นคือสาเหตุที่อิสลาไม่อาจคลายความกังวลและจ้องไปยังทาคุโตะ
เบื้องหลังดวงตาคู่นั้นของเขาวางแผนอะไรไว้กัน? อิสลาไม่สามารถคาดเดาความคิดของเจ้านายของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะถามมันออกไปตรงๆ
“ถ้าให้พูดตามตรง ฉันคิดว่าผู้นำของอีกฝ่ายอย่างจอมมารอาจจะเป็นผู้เล่นเหมือนท่านก็ได้นะคะ?”
อิสลากังวลอยู่หนึ่งเรื่อง
ถ้าหากศัตรูเป็นผู้เล่นเหมือนทาคุโตะล่ะ?
ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาก็ยังไม่รู้พลังของอีกฝ่าย มีความเป็นไปได้ที่เขาเองก็เป็นผู้เล่นมากประสบการณ์แบบเดียวกับทาคุโตะก็เป็นได้
ไม่สำคัญหรอกว่าทาคุโตะจะเป็นผู้นำของไมน็อกกราห์ในโลกนี้มานานแค่ไหนแล้ว แต่มันคงเจ็บปวดน่าดูที่จะต้องมาต่อสู้กับคนที่มาจากโลกใบเดียวกัน
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาแบบไหน ก็ควรสงบศึกกันชั่วคราว
ไม่ใช่เรื่องแย่ที่จะซื้อเวลาเพิ่มอีกนิด พวกเขาสามารถเตรียมตัวรับมือกับความเสียหายได้ รวบรวมข้อมูลเพิ่มขึ้น และทำการเปิดโต๊ะเจรจากัน
มันคือคำถามที่เธอคิดไว้
อย่างไรก็ตาม คำตอบที่ได้รับเกินความคาดหมายไปมาก
“ก่อนอื่นเลย ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้เล่นเหมือนกัน….หรือแม้แต่เป็นคนญี่ปุ่นก็เถอะ…เพราะอะไรแบบนั้น ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาจะเป็นมิตรล่ะ?”
อิสลาอ้าปากค้างให้กับคำพูดของทาคุโตะ
ในประโยคเหล่านั้นมีแรงกดดันที่มองไม่เห็น
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตาไม่ใช่
เขาคิดอะไรอยู่ในหัว? ต่อให้เป็นอิสลาที่เคยพิชิตโลกต่างๆมาแล้วมากมายด้วยกันก็ยังไม่อาจทำความเข้าใจได้
บางที ถ้าเป็นอาโทวที่เขาไว้ใจมากที่สุดอาจจะสามารถแบกรับภาระพวกนั้นได้ น่าเสียดายที่เธอไม่อยู่ที่นี่ ปัจจุบันเธอกำลังยุ่งอยู่กับกับการคุ้มกันเมืองมังกร
ดังนั้นอิสลาจึงโค้งคำนับ และปฏิบัติตามคำสั่งของราชา
ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่มีทางเลือก
แต่ต่อให้มีทางเลือก เธอก็ไม่คิดจะต่อต้านเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เหมือนกับที่พวกดาร์คเอลฟ์รู้สึกสับสน และประหม่าต่อหน้าอิสลาและอาโทว
อิสลาเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับอิระ ทาคุโตะ และไม่อาจทำความเข้าใจเขาได้
“…ยังไงก็ตาม สิ่งที่ต้องทำก็ชัดเจน ไม่สำคัญหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้เล่นรึเปล่า มันยากที่จะตกลงกันแล้ว เราจะเอาแต่นั่งอยู่เฉยๆไม่ได้ ต้องบดขยี้พวกนั้นให้สุดกำลัง”
“ทราบแล้วค่ะ”
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว จะเป็นการเสียเวลาเปล่าหากมามัวแต่ตั้งคำถาม
ยิ่งกว่านั้น ทาคุโตะ ผู้เป็นราชาแห่งไมน็อกกราห์ ได้ทำการตัดสินใจแล้ว
จึงเป็นหน้าที่ของเหล่าผู้ใต้บัญชา ที่จะปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไงก็ตาม
อิสลาเปลี่ยนความคิด พยักหน้าอย่างแข็งขัน ในฐานะผู้ติดตามเธอจะอุทิศทุกสิ่งให้กับราชาของเธอ
“การลังเลที่ไม่จำเป็นอาจจะทำร้ายตัวเราเองได้ หนึ่งในกุญแจสู่ความสำเร็จคือเมื่อทำการตัดสินใจแล้วห้ามหันหลังกลับไป”
“ตามพระประสงค์ ฝ่าบาท”
ทาคุโตะวางแผนกลยุทธ์ในหัวของเขา
เขาขุดความจำสมัยก่อนออกมา ตรวจสอบการต่อสู้ในอดีตซ้ำไปมาหลายครั้ง และพิจารณาเลือกกลยุทธ์ที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้
แน่นอนว่า เขายังพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเอาไว้ด้วย
นี่ไม่ใช่โลกของ Eternal Nations มันมีตัวแปรหลายอย่าง และบางทีเหตุการณ์หลายๆอย่างอาจจะไม่เป็นไปตามที่คิด
ทาคุโตะรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น เพราะความตื่นเต้น
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขกับสถานการณ์นี้แปลกๆ
“รายงานเหตุการณ์ฉุกเฉิน กองทัพของศัตรูกำลังมุ่งหน้ามาที่ไมน็อกกราห์ พ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อทาคุโตะทำการวางแผน และเริ่มออกคำสั่งแก่เหล่าทหารในฐานะผู้นำของไมน็อกกราห์
ผู้ส่งสารดาร์คเอลฟ์ก็เข้ามายังท้องพระโรงด้วยใบหน้าซีดขาว
ทาคุโตะสามารถรับรู้สถานการณ์ทั้งหมดผ่านประชากรของไมน็อกกราห์ได้ ดังนั้นเขาจึงทราบข้อมูลที่กองทัพของเขาตรวจพบยูนิตศัตรูกำลังรุกรานเข้ามา
อย่างไรก็ตาม หัวหน้านักรบไกอาที่กำลังกังวลเรื่องการสื่อสารที่ล่าช้า ได้ทำการส่งหน่วยสอดแนมออกไปเพื่อยืนยัน
“เรารู้แล้ว”
ปกติแล้ว คนที่บุกเข้ามายังท้องพระโรงโดยไม่ได้รับอนุญาตจะต้องถูกลงโทษ
อย่างไรก็ตาม เพราะนี่เป็นสถานการณ์เร่งด่วน ทาคุโตะจึงยกมือขึ้นห้ามอิสลาที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง และตอบกลับรายงานนั้น
ผู้ส่งสารคนนั้นรู้สึกกดดันเมื่อได้ยืนเสียงของเขา และสูดลมหายใจลึก ทาคุโตะส่งสายตาไปยังอิสลา
อิสลาเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ ได้ออกคำสั่งแก่ผู้ส่งสารคนนั้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลกว่าปกติ
“ฝ่าบาททราบเรื่องการจู่โจมของกองทัพศัตรูแล้ว แน่นอนว่าพระองค์ได้สั่งการไปยังเหล่าบุคคลสำคัญ รวมไปถึงหัวหน้านักรบไกอาเรียบร้อย พวกเราเองก็จะย้ายจากพระราชวังไปยังศาลากลางเพื่อบัญชาการ เธอเองก็ด้วย ได้โปรดกลับไปประจำตำแหน่งทีนะ”
“ครับ!”
การสื่อสารระหว่างภาคสนามและเหล่ากองบัญชาการทำงานได้เป็นอย่างดี
ในระบบของ Eternal Nations ผู้เล่นสามารถรับรู้สถานการณ์ของยูนิตแต่ละตัว และออกคำสั่งได้อย่างแม่นยำทำให้สามารถเคลื่อนกองทัพได้ราวกับเป็นแขนขาของตัวเอง
การตอบสนองของหัวหน้านักรบไกอาเองก็เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าทาคุโตะจะยังไม่ออกคำสั่ง เขาก็รวบรวมทหารให้พาประชาชนอพยพ และทำการสร้างแนวป้องกันขึ้นมา
ทาคุโตะรู้สึกประทับใจ เพราะตอนนี้เขามีลูกน้องที่สามารถเคลื่อนไหวได้ดีกว่ายูนิตตอนอยู่ในเกมก่อนหน้านี้
พวกเขายังไม่ทราบจำนวนของศัตรู แต่ภายในดินแดนต้องสาปมีทัศนวิสัยไม่ค่อยดีนัก ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนกำลังพลจำนวนมากได้
ยิ่งกว่านั้น ผืนป่ายังทำให้ดาร์คเอล์ฟได้เปรียบ และดินแดนต้องสาปยังเพิ่มค่าสถานะให้กับประชากรของไมน็อกกราห์อีกด้วย
สถานการณ์นี้ค่อนข้างอันตราย อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะเอาชนะมันไม่ได้
“ยังไงก็เถอะ…”
“เป็นเรื่องจริงที่เราช้าไปก้าวหนึ่ง”
ทาคุโตะพึมพำเบาๆ
ในสถานการณ์ปกติ การส่งกองกำลังกลับไปยังศูนย์บัญชาการเป็นเรื่องโง่เขลา
ถ้าเป็นในภาพยนตร์ ผู้ชมคงจะส่งเสียงโห่ใส่
ถ้าเป็นในเกม เขาคงจะปาจอยทิ้งไปแล้ว
โชคร้ายที่มันเป็นเรื่องจริง เขาจึงต้องทำการตัดสินใจ
“เอาล่ะ มาสวนกลับกันทีเดียวเลย”
ทาคุโตะหัวเราะเงียบๆ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเขา
ศัตรูไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของตัวตนที่ชื่ออิระ ทาคุโตะ ผู้นำแห่งไมน็อกกราห์ใน Eternal Nations ที่พิชิตความยากระดับฝันร้าย
ถ้างั้นล่ะก็ เขาจะต้องสอนบทเรียนให้กับพวกมัน
ความหมายของการก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ
ทาคุโตะลุกจากบัลลังก์เงียบๆ ด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความปราณี