Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 39 Defense
กร้วม กร้วม กร้วม–
“หืม..? ไม่ค่อยมีสารอาหารเลยนะคะ”
เสียงกะโหลกซึ่งโดนเคี้ยวอย่างแรง และเนื้อหนังที่ถูกฉีกออกดังไปทั่วบริเวณ
อิสลาใช้แขนที่สองของเธอในการกินบางสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ราวกับซอมเมอลิเยร์ที่กำลังชิมรสชาติของไวน์ชั้นเลิศ เธอกลั้วคอและรู้สึกผิดหวัง จากนั้นจึงโยนศพของเฟลมไนท์ทิ้งไป
“มีหลายรสชาติเกินไป แถมยังไม่เข้ากันอีก…ยิ่งกว่านั้น กระดูกแข็งชิ้นเล็กๆที่ทำให้ติดคอพวกนี้ก็ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไหร่”
บนต้นไม้มีเส้นใยจำนวนมากที่แข็งแกร่งพอๆกับเหล็กอยู่ มอนสเตอร์หลายตัวที่สูญเสียแขนขาไปถูกนำไปแขวนเอาไว้ ที่ปลายสุดของต้นไม้ที่บิดเบี้ยวนั้น มีชิ้นส่วนร่างกายที่ถูกยึดไว้จำนวนมาก ดูราวกับเป็นลิ้นที่ห้อยออกมานับร้อยชิ้น เลือดนองไปทั่วดินแดนต้องสาป
ไม่เพียงเท่านั้น…ยังมีไข่ซึ่งปกคลุมไปด้วยเมือก วางเรียงรายอยู่บริเวณกิ่งไม้และพื้นดินเป็นจำนวนมาก ไข่พวกนั้นยังคงขยับราวกับมีชีวิตอยู่ภายใน
คนที่มีสติดีคงบอกว่าที่แห่งนี้คือนรก
คนบ้าจะกล่าวว่าที่แห่งนี้คือสวงสวรรค์
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ มอนสเตอร์จาก Brave Quest ที่อยู่ในนี้จะกลายเป็นอาหารของแมลง
“ตามที่ท่านทาคุโตะบอก มันมีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ ฉันเลยมาตามหา อาจจะฟังดูหยาบคายสักหน่อยนะคะ แต่ฉันค่อนข้างผิดหวัง ไม่ว่าจะรสชาติ หรือท่าทีของพวกเขามันช่างน่าผิดหวังจริงๆเลยค่ะ”
เฮ้ออ…หลังจากถอนหายใจด้วยความผิดหวัง อิสลาค่อยๆ เช็ดเลือดที่หยดจากมุมปากด้วยท่าทางสง่างาม และหันไปอีกด้าน
ศัตรูผู้โง่เขลาตายหมดแล้ว และความทะเยอทะยานที่ไม่คู่ควรของพวกมันได้ถูกทำลายลง ณ ที่แห่งนี้ ชายผู้เพิ่งมาถึง เป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต เขาเดาะลิ้นด้วยความหงุดหงิด
“เป็นปีศาจที่เก่งแต่กับพวกมนุษย์อ่อนแองั้นรึ? ในฐานะอาหาร–คงจะสัก 30 แต้มได้”
มีชายยืนอยู่เบื้องหน้าดวงตาแมลงคู่นั้น
ดูจากรูปร่าง เขาน่าจะเป็นตัวละครจาก Brave Quest ถึงเขาจะดูสงบในนรกแห่งนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหัวเสียอยู่
“พวกนี้คือลูกน้องของนายสินะ?”
ชายคนนี้คือปีศาจเพลิง เฟรไมน์
“โอ้ ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าสัตว์ประหลาด ดูเหมือนแกจะไม่ค่อยชอบลูกน้องของข้าสักเท่าไหร่นะ—คิฮิฮิ”
เขาแสดงท่าทีเย้ยหยันและหัวเราะออกมา
เขาดูผอมซูบราวกับคนที่กำลังจะตายจากการอดอาหาร และร่างกายของเขามีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ตลอดเวลา
ดวงตาสีแดงฉานจับจ้องมาที่อิสลา
ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบงัน
แซ่ก แซ่ก…
ที่เหลืออยู่มีเพียงเสียงของแมลงที่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้เท่านั้น
“…………..”
แน่นอนว่าเหตุผลที่ทั้งคู่เงียบไป เพราะพวกเขากำลังประเมินความสามารถของศัตรูอยู่
เฟรไมน์สัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากศัตรูเบื้องหน้า และกองซากศพที่อยู่รอบๆ…
เขาสัมผัสได้ถึงแมลงที่อยู่รอบๆ และคิดว่าอิสลาน่าจะเป็นตัวละครประเภทบอส
….การเผชิญหน้านี้
ทั้งคู่เอาแต่จ้องมองกันเป็นเวลานานโดยไม่รู้ตัว พวกเขาสามารถประเมินความสามารถของคู่ต่อสู้ได้คร่าวๆ ต่อให้ไม่เห็นโดยตรงก็ตาม ทั้งคู่ตัดสินว่าไม่สามารถประมาทอีกฝ่ายได้
“เอ่ยนามของเจ้ามาซะ”
เฟรไมน์เรียกไฟออกมาสกิลของเขา และถามอย่างระมัดระวัง
ลูกน้องของเขาถูกกำจัด
เขาได้มอบกองทัพส่วนใหญ่ให้เฟลมไนท์ และเฟลมเมจรับผิดชอบ เพราะความสามารถในการจัดการของพวกนั้น ตอนนี้เขาและลูกน้องต่างตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่
เขาระวังตัวเพราะคิดว่าอาจจะมีการลอบโจมตี
ในขณะเดียวกัน อิสลาแสดงท่าทียินดี ราวกับว่าเธอไม่จำเป็นต้องเล่นลูกไม้อะไรแล้ว
“ไมน็อกกราห์ คือดินแดนที่ท่านอิระ ทาคุโตะผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ปกครอง ข้าคือหนึ่งในฮีโร่ของนายท่าน มีนามว่าอิสลา ราชินีแห่งแมลงทั้งปวง”
“หนึ่งในสี่ราชาสวรรค์ ปีศาจเพลิง เฟรไมน์”
พวกเขาไม่รู้จักกันมาก่อน
และทั้งคู่ต่างก็มาจากคนละโลก
อิสลารู้ดีว่าอีกฝ่ายมาจากโลกของเกมอื่นเช่นเดียวกับพวกเขา
ถึงแม้ว่าเฟรไมน์จะยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับโลกใบนี้ แต่เขาก็มีความรู้สึกแปลกๆ และแน่ใจว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ราชาสวรรค์! พอมาคิดดู ฉันจำได้ว่าเคยได้ยินในรายงานของอาโทวซังอยู่นะ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อ–ไอซ์ร็อค?”
“โฮ่ เจ้านั่นตายแล้วเรอะ? ก็นะ แค่ไอ้พวกบ้ากล้ามที่ไร้สมองเท่านั้นแหละ”
เธอพยายามหลีกเลี่ยงข้อมูลดังกล่าว แต่เฟรไมน์รับรู้ได้ว่าสหายของเขาถูกมอนสเตอร์ที่ไม่รู้จักพวกนี้สังหารลงแล้ว ทำให้เขากัดฟันด้วยความเข่นเขี้ยว
มันรวดเร็วและง่ายดายเกินไป
เฟรไมน์ไม่คาดคิดว่าศัตรูของเขาจะเป็นพวกตัวปัญหา
ถึงแม้ว่าเหล่าราชาสวรรค์จะมีตำแหน่งเท่าเทียมกัน แต่มันมีการจัดลำดับความแข็งแกร่งในหมู่พวกเขาอยู่
ไอซ์ร็อคนั้นอ่อนแอที่สุดในสี่ราชาสวรรค์
เมื่อเทียบกับตัวเขาถือว่ายังห่างชั้นกันอยู่
อย่างไรก็ตาม พวกเขาคือกองทัพจอมมาร
พวกเขาคือปีศาจ ซึ่งเป็นตัวตนสิ่งมีชีวิตในโลกหวาดกลัว
พวกเขาคือจอมทำลายล้างที่มีแต่ผู้กล้าจึงจะสามารถต่อกร
และพวกเขาพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย
(น่าจะยังเหลืออยู่พอสมควร…ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะโดนกำจัดไปทั้งหมดหรอก…บัดซบ ตรวจสอบสถานการณ์ไม่ได้เลย)
ปีศาจมากมายที่อยู่ภายใต้บัญชาของไอซ์ร็อค รวมไปถึงเหล่ามอนสเตอร์ที่ถูกอัญเชิญออกมา ได้เข้าโจมตีเมืองมังกร
จำนวนของพวกมันเยอะยิ่งกว่าทหารที่เฟรไมน์แอบเคลื่อนพลลับหลังจอมมารเสียอีก
แม้ว่าสำหรับราชาสวรรค์แล้ว พวกมันเป็นได้แค่มอนสเตอร์อ่อนแอเท่านั้น แต่พวกมันก็ถือเป็นฝันร้ายของเหล่ามนุษย์ที่คอยต่อสู้กับพวกมันมาตลอด
ด้วยจำนวนที่มากขนาดนั้น น่าจะเพียงพอในการถล่มเมือง
กองทัพจอมมารอันเกรียงไกร และราชาสวรรค์ซึ่งบัญชาการต่างก็พ่ายแพ้ไปง่ายๆ…ต่อให้เป็นคนฉลาดอย่างเฟรไมน์เองก็ต้องใช้เวลาในการยอมรับความจริง
(นั่นสินะ ไม่ว่าพวกมันจะไปได้ไกลแค่ไหน พวกสวะก็ยังเป็นสวะอยู่ดี)
แต่ต่อให้สถานการณ์จะร้ายแรงขนาดที่พรรคพวกของเขาถูกกำจัดไปหมด เฟรไมน์ก็ยังคงมั่นใจว่าด้วยความสามารถของเขา จะทำให้เขาสามารถเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้
…สุดท้ายแล้ว กองทัพจอมมารใน Brave Quest ก็เป็นได้แค่หมากเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าพวกนั้นไร้ความสามารถ แต่พวกมันไม่คุ้นเคยกับการจัดกระบวนทัพ
สุดท้ายแล้ว ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะนำทัพใหญ่ขนาดไหน เขาก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยกำลังของตนเองอยู่ดี
ตัวอย่างที่ดีที่สุดเลยก็คือ ผู้กล้า และจอมมาร
สงครามเป็นเพียงแค่การต่อสู้เพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างคนสองคน
ในโลกของพวกเขา การใช้ทหารเป็นเพียงองค์ประกอบส่วนที่สอง
เหมือนเป็นแค่มินิเกม หรือเกมที่ไว้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น
ดังนั้น เฟรไมน์จึงยังอยู่ที่นี่
เพราะเขาคิดว่า เพียงแค่เขาจัดการศัตรูตรงหน้าลง ก็จะสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ของการต่อสู้ก่อนหน้านี้ได้
ที่จริงแล้ว ในเกม Brave Quest เมื่อค่าพลังที่ใช้ในการอัญเชิญมอนสเตอร์หมดลง การใช้วิธีนี้ก็ไม่ได้ผิดพลาดอะไร
“เจ้านั่นอ่อนแอที่สุดในสี่ราชาสวรรค์เลยล่ะ เทียบกับข้าแล้วยังห่างกันอีกเยอะ…หากเจ้าคิดว่ามันอยู่ในระดับเดียวกัน เจ้าจะต้องเสียใจเอาแน่ คิฮิฮิ”
“โอ๊ะ นายดูมั่นใจจังเลยนะ…?”
“เป็นความคิดที่ดีออก สังหารเจ้าแล้วก็ลากนายท่านอะไรนั่นลงมาจากหลังเก้าอี้นั่นซะ ชื่ออะไรนะ? –ท่านทาคุโตะงั้นเรอะ? ฮ่าฮ่าฮ่า”
มันเป็นการยั่วยุห่วยๆ
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นแค่การยั่วยุ แต่มันคือคำต้องห้ามของชาวไมน็อกกราห์
โดยเฉพาะฮีโร่ของไมน็อกกราห์
“อาระ….ดูหมิ่นนายท่านผู้ยิ่งใหญ่ -เห่าเก่งเหลือเกินนะ ไอ้สวะ”
เธอกัดเขี้ยวอย่างหงุดหงิด และแรงกดดันที่ไร้รูปร่างก็เพิ่มขึ้น
ความโกรธที่พุ่งพล่านเกินจินตนาการจากหญิงสาวผู้สง่าสงาม ในขณะเดียวกัน แมลงเด็กจำนวนมากได้รับผลกระทบจากความโกรธเกรี้ยวของราชินี และพุ่งเข้าใส่เฟรไมน์
ร่างผอมๆของเขาถูกปกคลุมไปด้วยฝูงแมลง
ทันใดนั้น วัตถุสีดำที่มีรูปร่างคล้ายคนพร้อมกับเสียงอันน่าขนลุกได้ก่อตัวขึ้น
“………”
อิสลาเงียบให้กับสถานการณ์ตรงนี้
ทันใดนั้น เปลวเพลิงที่รุนแรงได้ระเบิดออกมาจากใจกลางจุดนั้น
สิ่งที่ปรากฎขึ้นคือเฟรไมน์
เพลิงบนร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้น และเผาแมลงที่พุ่งเข้าใส่
เฟรไมน์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ขณะมองดูแมลงกรีดร้องเมื่องโดนเผาเป็นขี้เถ้า
“ด้วยความยินดี ข้าไม่ได้เกลียดความรุนแรงหรอกนะ ยังไงก็ตาม ข้าเองก็ชมชอบการรับมือกับสตรีเช่นกัน ช่วยอ่อนโยนกับข้าหน่อยล่ะ”
อิสลาเองก็ส่งเสียงออกมาเช่นกัน
การเต้นรำระหว่างสัตว์ประหลาดที่มีพลังสูงสุดกำลังจะเริ่มขึ้น
………
……
…
“ฝ่าบาท…กำลังคิดอะไรอยู่?”
“มีอะไรให้พวกเราช่วยไหมคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก….แค่เรื่องเล็กน้อยน่ะ”
ภายในไมน็อกกราห์ ทาคุโตะนั่งอยู่บนเก้าอี้ของจัตุรัสเมืองซึ่งโอบล้มไปด้วยต้นไม้
เด็กหญิงทั้งสองมองไปยังใบหน้าของเขา และทำการขัดจังหวะ
ทั้งคู่คือ ซีเรีย และ มีเรีย
พวกเธอคือเอลฟ์พี่น้องที่ได้รับการเลือกให้มาดูแลทาคุโตะโดยเฉพาะ
โดยทั่วไปแล้ว ประชาชนที่ไม่มีส่วนร่วมกับการต่อสู้จะได้รับการอพยพ แต่ทั้งคู่ปฏิเสธ และต้องการอยู่กับทาคุโตะ
พวกเธอบอกว่าจะต้องทำหน้าที่ของเมดให้สมบูรณ์
เนื่องจากคนอื่นๆเองก็ยุ่งอยู่กับการอพยพ จึงไม่มีใครมีเวลามาโน้มน้าวพวกเธอ ในที่สุดพวกเธอก็ได้รับอนุญาตให้อยู่ โดยมีทหารคอยคุ้มกัน
“ตัวละครจากเกม SLG เหนือกว่าตัวละครจากเกม RPG โดยเฉพาะใน Eternal Nations โดยอิงจากการตั้งค่าในเกม ถ้าทั้งสองเกมมารวมกัน การที่ความแข็งแกร่งต่างกันขนาดนี้ก็สมเหตุสมผลอยู่…”
ขณะที่ไปยังใบหน้าของทั้งคู่ ทาคุโตะก็เงยหน้าขึ้นฟ้าและส่งเสียงพึมพำในลำคอ
ฝาแฝดทั้งสองต่างเอียงศรีษะด้วยความงุนงงให้กับท่าทางของทาคุโตะ
“หืม?!…”
ทาคุโตะจมอยู่กับความคิด ข้อสงสัยที่ทำให้เขาส่งเสียงออกมา
เหมือนมองข้ามอะไรบางอย่าง
ความรู้สึกกังวลเล็กๆผุดขึ้นมาในอก
ความแข็งแกร่งที่ห่างชั้นกัน…
ในการตั้งค่าของ Eternal Nations แต่ละชาติสามารถใช้อาวุธขนาดใหญ่เพื่อเจาะทะลุฟากฟ้า ครอบครองทหารเป็นหมื่นๆยูนิต และสามารถสร้างภัยพิบัติธรรมชาติได้
สิ่งที่แตกต่างกันใน Brave Quest ก็คือ มันเป็นเกมผจญภัยและสามารถใช้เวทมนตร์ในระดับบุคคลได้เท่านั้น
ทาคุโตะระมัดระวังอย่างถีงที่สุด เพราะศัตรูมาจากเกม RPG แต่หลังจากการต่อสู้ได้เปิดม่านขึ้น ดูเหมือนพวกเขาจะรับมือได้อย่างไม่มีปัญหา
จากความสามารถในการต่อสู้ของไอซ์ร็อค เขาใช้มันในการอ้างอิงความสามารถของจอมมาร และราชาสวรรค์ตนอื่นๆ
ด้วยสถานะปัจจุบันของไมน็อกกราห์ พวกเขาสามารถจัดการกับพวกนั้นได้ ตราบใดทำการที่เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
ปัญหาเดียวที่ต้องพิจารณาก็คือ จะทำยังไงกับพวกคนเถื่อนที่สามารถปรากฎขึ้นมาโดยไร้ซึ่งวี่แววได้ ถ้ามันเป็นมอนสเตอร์ของเกม RPG ที่ถูกอัญเชิญมา เขาก็มีมาตรการรับมือแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกไม่สบายใจนี้ยังไม่หายไป
เหมือนกับก้างปลาที่ติดอยู่ในคอ
ความรู้สึกคุ้นเคยที่คอยสั่นกระดิ่งเตือนภัยในอกของเขา
เขาตรวจสอบข้อมูล และสถานะการปฏิบัติการอีกครั้ง
อาโทวและผู้เฒ๋ามอลทาร์จัดการกับกองทัพศัตรูเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขากำลังทำการกวาดล้างมันอยู่
หน่วยของไกอาคอยประจำการณ์อยู่ในไมน็อกกราห์ คอยอพยพประชาชน และรับมือกับยูนิตศัตรูที่บุกเข้ามาได้
อิสลาและเหล่ายูนิตแมลงของเธอกำลังรับมือกับยูนิตศัตรูที่บุกเข้ามา ต่อให้เขาประเมินสถานการณ์ซ้ำอีกครั้ง ความเป็นไปได้ที่จะแพ้ให้กับราชาสวววรค์ก็ยังเป็นศูนย์อยู่ดี
เขาไม่คิดว่าตัวเองพลาดอะไรง่ายๆ
แต่ไม่ว่าเขาจะคิดอีกกี่ครั้ง ก็หาสาเหตุของความกังวลนั้นไม่เจอ
“หรือเป็นแค่ข้อผิดพลาดของระบบ? พวกเธอมีอะไรรึเปล่า?”
เขาจมอยู่กับความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ได้หันหน้ากลับมาถามฝาแฝดทั้งสองที่อยู่ข้างกาย
ซีเรีย และมีเรีย ทั้งคู่มองหน้ากัน จากนั้นจึงส่ายหัวไปมาพร้อมกัน
= สารานุกรม ============
《การล่า》
-ฟื้นฟูพลังชีวิตของยูนิต 10% ในแต่ละครั้งที่สามารถกำจัดศัตรูได้
《ไข่ปรสิต》
-ทุกครั้งที่โจมตีใส่ยูนิตที่มีชีวิต มีโอกาสเล็กน้อยที่ยูนิตนั้นได้รับผลของสกิล ‘ปรสิต’
ยูนิตที่ได้รับผลของสกิลนี้จะไม่สามารถควบคุมได้ และหลังจากผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง มันจะผลิดแมลงเด็กออกมา และหายไป
* สกิลเฉพาะตัวของ “อิสลา ราชินีแห่งแมลงทั้งปวง”