Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 5 Negotiation(1)
Episode 5: Negotiation (1)
ตามปกติแล้ว ผู้ชายมักจะอ่อนแอกว่าเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่กำลังโมโห
แม้แต่ราชาแห่งความพินาศก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
อิระ ทาคุโตะ ผู้นำของไมน็อกกราห์ในโลกใหม่ กำลังพยายามขอโทษหญิงสาวใต้บัญชาที่กำลังโมโหเพราะการกระทำโดยไม่ยั้งคิดของเขา
“เฮ้… อย่าโกรธไปเลยนะ”
“หึ ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อยค่ะ”
ถึงเธอจะพูดอย่างนั้น แต่คุณก็ยังรู้สึกได้ถึงออร่าแห่งความไม่พอใจที่อยู่รอบๆตัว
เธอไม่พอใจเพราะว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ตัดสินใจจะใช้พลังเวทย์ที่มีอยู่อย่างระมัดระวัง แต่เขาดันเสียมันไปกับพวกดาร์คเอลฟ์
ทาคุโตะไม่คิดว่าเธอจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ ทำให้ตอนนี้เขาทำได้แค่ขอโทษ และภาวนาให้เธออารมณ์ดีขึ้น
ที่จริงแล้ว ถ้าทาคุโตะรู้ว่าเมื่อเทียบกับเรื่องที่เขาใช้พลังเวทย์ไปอย่างเสียเปล่า หญิงสาวนั้นรู้สึกโมโหเรื่องที่เขาไม่ได้ฟังความคิดเห็นของเธอมากกว่า หากเขาถามเธอก่อน เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้
แต่หลังจากที่เห็นทาคุโตะขอโทษอย่างหมดท่าแล้ว ในที่สุด อาโทวก็รับรู้ได้ถึงความสำนึกผิดของเขา
“โอเค ถ้าอย่างนั้น ฉันจะฟังเธอตลอดไปเลย อาโทว!”
“นั้นมันไม่เกินไปหน่อยหรอ? ฉันไม่คิดว่าท่านจะพูดอะไรแบบนั้น….”
อาโทวมองลงไปยังทาคุโตะ ทำให้เขาพูดยากขึ้นไปอีก
เธอเริ่มจะกังวลว่า ถ้าพวกเขาไม่คืนดีกันเร็วๆนี้ล่ะก็ นายท่านอาจจะทิ้งเธอไป
ถ้ามีโอกาส เธอก็อยากจะยกโทษให้เขา
“ถ้าหากไม่มีอาโทวล่ะก็ ฉันคงทำอะไรไม่ได้”
“ทะ ท่านทาคุโตะ….”
ถ้าว่ากันตามตรง อาโทวถูกจัดการได้ง่ายมาก
อาจกล่าวได้ไม่มากก็น้อยว่า หลักการของหญิงสาวคนนี้ก็คือ ‘ราชาของฉันคือสิ่งสำคัญที่สุด’
ดังนั้น หากทาคุโตะพูดคำหวานกับเธอสักหน่อย เธอก็คงจะยอมอ่อนข้อให้อย่างแน่นอน
อย่างแรกเลยก็คือ สำหรับเธอแล้ว ทาคุโตะคือโลกทั้งใบ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหตุการณ์ในเกม ชีวิตที่ผ่านมาของเธอก็คือวันเวลาที่ใช้ร่วมกับทาคุโตะ ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้…
“ฉันเองก็ต้องขอโทษที่พูดจาโหดร้ายด้วยค่ะ! ฉันมันไร้ความสามารถในฐานะผู้ใต้บัญชา ที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของราชา”
“ไม่ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ ฉันมาที่โลกนี้พร้อมกับอาโทว ดังนั้นฉันควรจะถามความเห็นเธอก่อน เธอจะยกโทษให้ฉันได้มั้ย?”
พวกเขาพยักหน้าให้กัน และยอมรับว่าไม่เคยเกิดปัญหานี้ขึ้น
ยังไงทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไหร่อยู่แล้ว
พูดสั้นๆคือ พวกเขาแค่แสดงออกเกินเหตุ แต่ความเชื่อใจระหว่างทั้งสองคนไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
แต่ปัญหาถัดไปมันต่างออกไปเล็กน้อย
“ขอบคุณพระเจ้า เอาล่ะ ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยด้วย เรามาช่วยกันคิดดีไหม?”
“แน่นอนค่ะ ราชาของฉัน! — แล้วมีปัญหาอะไรหรอคะ? ถึงแม้ว่าการสร้างอาหารจะสิ้นเปลืองไปบ้าง ฉันคิดว่าด้วยปริมาณพลังเวทย์ที่เหลืออยู่เท่านี้ไม่น่ามีปัญหา…”
“ไม่ ไม่ใช่เรื่องนั้น เป็นอีกเรื่องนึงน่ะ”
ทาคุโตะพูดด้วยแววตาลึกลับ
อาโทวงุนงงกับท่าทางที่ยากจะบอก
กล่าวได้ว่า เธอยกให้ปัญหาของเจ้านายอยู่เหนือเรื่องของตัวเธอเอง
“ปัญหา? เรื่องอะไรที่ท่านทาคุโตะกังวลอยู่หรือคะ?”
“ก็นะ ก่อนหน้านี้ฉันได้คุยกับพวกดาร์คเอลฟ์”
“ค่ะ…”
พวกเขาได้เผชิญหน้ากับเหล่าดาร์คเอลฟ์ และมีการพูดคุยกันเล็กน้อย
ในหัวของอาโทวนึกภาพย้อนกลับไป เท่าที่เธอคิด การตอบโต้นั้นออกมาค่อนข้างดี
เธอคิดว่าพวกเขาแสดงท่าทางและบทบาทของผู้ที่แข็งแกร่งออกมาได้ดีทีเดียว
เพราะฉะนั้นมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ทว่า…
สิ่งที่ทาคุโตะกังวลเป็นคนละเรื่องกัน
“ที่จริงแล้ว ฉันพูดไม่ค่อยเก่งน่ะ…”
“เอ๋?”
“อาโทวไม่ได้สังเกตุหรอ? ว่ามันผิดปกติน่ะ ฉันคุยกับอาโทวได้ แต่ต่อหน้าคนอื่นแล้วพูดไม่ค่อยออก“
คำพูดของทาคุโตะฉายซ้ำอยู่หลายครั้งในความทรงจำของอาตู
เธอคิดว่าคำพูดของเขาแปลกนิดหน่อย แต่เธอคิดว่าเขาทำแบบนั้นเพราะไม่อยากจะหลุดข้อมูลอะไรออกไป
ยิ่งไปกว่านั้น เขาถูกมองว่าเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะมาจัดการกับอะไรเล็กๆน้อยๆ และปล่อยเรื่องแบบนั้นให้ลูกน้องจัดการ
เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเธอ
ลางสังหรณ์ที่ไม่พึงประสงค์กำลังจะกลายเป็นความจริง
“ยังไงก็เถอะ ฉันเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าได้คุยกับหมอและพยาบาลในโรงพยาบาลรึเปล่า ฉันไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการพูดคุยกับใครสักเท่าไหร่ ทางเดียวที่เป็นไปได้คือ ฉันคิดว่า….”
“โอ๊ะ, ไม่ ไม่ ไม่…..”
อาโทวตัวสั่น
เธอจำได้แล้ว–ตัวตนเดิมของทาคุโตะ ผู้ที่เป็นเจ้านายของเธอ
และปัญหาเล็กๆน้อยๆของเขา…
“ดูเหมือนว่าฉันจะมีปัญหาด้านการสื่อสาร….”
ทาคุโตะน้ำตาคลอเบ้า
ใช่แล้ว เพราะอาการเจ็บป่วยที่ทำให้เขาไม่สามารถพูดคุยแบบปกติกับคนอื่นได้
“ราชาของฉัน–! อย่าร้องไห้ไปเลยค่ะ!”
อาโทวพุ่งเข้าไปกอดเขาด้วยความเร็วที่ผิดปกติ
นี่คือทั้งหมดที่เธอทำได้ในตอนนี้
ทาคุโตะร้องไห้เพราะสมเพชที่ตัวเองไม่สามารถสื่อสารได้ดีนัก
อาโทวเองก็ลืมความจริงที่ว่าเจ้านายของเธอพูดไม่ค่อยเก่งไปเช่นกัน
เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับเธอ ที่เป็นผู้กล้าแห่งการทำลายล้าง ผู้ซึ่งเคยมีพลังไร้ขีดจำกัด และทำลายโลกได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นความโศกเศร้าของทาคุโตะที่เป็นราชาแห่งความพินาศก็ได้ระเบิดออกมา
“หยุดเถอะ อาโทว ฉันเป็นราชาประสาอะไรกัน! ราชาแห่งความพินาศที่สื่อสารไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันอายจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ! ราชาของฉัน! ไม่เป็นอะไรเลย ถ้าท่านพูดคุยกับคนอื่นไม่ได้ล่ะก็ แค่พูดกับฉัน อาโทวผู้นี้! ฉันจะเป็นเสียงให้ท่านทาคุโตะเอง จะอยู่เคียงข้างท่านไปจนกว่าจะหาไม่! .. เพราะฉะนั้น—!!”
“แต่ราชาที่ไม่มีความสามารถด้านการพูดคุย จะเจรจาต่อรองกับอาณาจักรอื่นๆได้ยังไงกัน?… เธอต้องการราชาแบบนั้นงั้นหรอ?”
อาโทวเงียบ
เงียบเพราะเธอเผลอแนะนำให้เขาไม่ต้องพูดอะไร ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีเขียวคล้ำ
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของทาคุโตะอีกครั้ง
“มารีเซ็ตมันกันเถอะ เริ่มชีวิตใหม่กันอีกครั้ง”
“นั่นดีแล้วค่ะ! ไม่เป็นไรหรอกค่ะ! ราชาไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านการเจรจาสักหน่อย!”
“ใช่แล้ว!…ช่างมันไปเลย!…เป็นราชาผู้หมางเมิน! ..ราชาที่พูดคุยแต่กับผู้ติดตามเท่านั้น!!”
อาโทวเคยส่งเสียงดังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
อาโทวยังคงตะโกนออกมาเสียงดัง โดยแผดเสียงที่ดุร้ายราวกับจะล้างความเศร้าโศกของนายท่านเธอออกไป
ในตอนแรก คำพูดนั้นไม่น่าเชื่อถือและมีแรงกระตุ้นเพียงเท่านั้น แต่โชคดีที่ อิระ ทาคุโตะ มีความรู้สึกที่ดีต่ออาโทว
เมื่อหญิงสาวตะโกนถ้อยคำที่น่าเศร้าออกมา ในที่สุดทาคุโตะก็สงบลง
“อุก..อาโทว ถ้าเธอให้กำลังใจฉันขนาดนั้น…”
“ค่ะ ราชาของฉัน มาค่อยๆก้าวไปเถอะค่ะ ท่านจะต้องคุยกับผู้คนมากมายได้แน่นอน ท่านมีฉัน อาโทวผู้นี้!…เพราะฉะนั้นอย่าเอ่ยอะไรอย่างเริ่มชีวิตใหม่เลยค่ะ”
“ขอโทษที ฉันค่อนข้างขี้ขลาดนิดหน่อยน่ะ ใช่แล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องพูดเก่งสักหน่อย ตราบเท่าที่อาโทวอยู่ข้างๆฉัน ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี”
“ใช่แล้วค่ะ ท่านไม่จำเป็นต้องเจรจาเก่ง ท่านสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ด้วยพลังอำนาจเบ็ดเสร็จ ที่ท่านได้เรียนรู้มาจาก ‘Eternal Nations’ ยังไงล่ะคะ!”
“อุ ขอบคุณ ‘Eternal Nations’ และขอบคุณเธอด้วยนะอาโทว ฉันมีลูกน้องที่ดีจริงๆ…”
ไม่มีปัญหาใดที่ได้รับการแก้ไข แต่ตอนนี้ทั้งคู่รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
มันอาจจะเข้าใจได้ยากสำหรับคนอื่น แต่ดูเหมือนว่าปฏิสัมพันธ์ในครั้งนี้ส่งผลให้ทั้งคู่มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งสองคนจ้องมองกันและกัน ความสุขได้เติมเต็มพวกเขาทั้งคู่เหมือนดั่งกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
“อาโทวววว !!!!”
“ท่านทาคุโตะ !!!!”
พวกเขากอดกันอย่างแนบแน่น ราวกับแยกจากกันไปนาน
“กิกิเกี๊ยะะะ!!!!”
ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงแปลกๆโหยหวนออกมา ราวกับจงใจขัดจังหวะพวกเขา
“………………”
ทั้คู่ที่กำลังกอดกันหันไปตามเสียง ดูเหมือน [แมลงขายาว] จะตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อถูกพวกเขาจ้อง ดวงตาของมันดูเหมือนอยากจะสื่ออะไรบางอย่าง
พวกเขาไม่เข้าใจว่าดวงตาแบบนั้นสื่อความหมายอะไร แต่มันเพียงพอที่จะทำลายบรรยากาศระหว่างทั้งสองคน
“ฉันเป็นคนเรียกมันกลับมาที่ฐานน่ะ”
“แมลงบ้านี่ อ่านบรรยากาศไม่เป็นรึยังไง ท่านอยากจะลบยูนิตนี้ทิ้งไหมคะ?”
“แน่นอนว่าไม่ นั่นมันน่าเสียดายออกนะ”
เมื่อมีบุคคลที่สาม ทำให้บรรยากาศเย็นลงทันที
ไม่สิ คงจะพูดได้ว่าพวกเขารู้สึกตัวแล้วล่ะมั้ง
ทาคุโตะผละตัวจากอ้อมกอดของอาโทว และนั่งลงบนบัลลังก์หินตามปกติ
เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่สายตาที่มองมาของแมลงขายาวมันช่างเจ็บปวด
น่าเสียดายที่อาโทวอารมณ์ไม่ดีอยู่
“เจ้าแมลง มีอะไร? ท่านทาคุโตะกับฉันกำลังสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นอยู่นะ”
“หืมมม เข้าใจล่ะ พวกดาร์คเอลฟ์กำลังมาสินะ ดูเหมือนพวกเขาจะมาเก็บอาหารส่วนที่เหลือ”
“โอ้ เข้าใจล่ะ”
ทาคุโตะที่เป็นผู้เล่นสามารถเข้าใจท่าทางของแมลงขายาวได้
[สอดแนม] เป็นความสามารถของยูนิตที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการมองเห็น
ถึงจะเป็นในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ก็ยังใช้งานได้ดี และทาคุโตะก็สามารถมองเห็นกลุ่มของดาร์คเอลฟ์ผ่านสายตาของแมลงขายาว
ในขณะเดียวกัน ความวิตกกังวลทำให้เขารู้สึกแน่นหน้าอก
เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะเจรจารอบสองได้สำเร็จเลย
อย่างไรก็ตาม ยังมีอยู่หนึ่งคนที่สามารถช่วยเขาในเรื่องนี้ได้ แน่นอนว่าคนนั้นก็คืออาโทว
เธอสัมผัสได้ถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของทาคุโตะ และเสนอมาตรการรับมือทันที
“ฉันมีความคิดดีๆค่ะ ฉันจะเป็นจัดการเรื่องการเจรจากับพวกดาร์คเอลฟ์ จากนี้ไปท่านทาคุโตะแค่คอยดูอยู่ข้างๆก็พอค่ะ!”
“เอ๋? นั่นจะไม่เป็นอะไรหรอ?”
“ใช่แล้วค่ะ ได้โปรดให้ฉันจัดการเรื่องนี้เอง แต่หากท่านรู้สึกไม่พอใจตรงไหนได้โปรดบอกให้ฉันรู้ด้วยนะคะ”
“หืมม อืม…”
เขารู้สึกยินดีกับข้อเสนอของเธอ
แน่นอนว่าเขาอยากจะปล่อยให้เธอเป็นคนเจรจา
แต่นั่นมันโอเคงั้นหรอ? …เขาเป็นราชา และเธอก็เป็นผู้ใต้บัญชาของเขา
เขาไม่กังวลเลยว่าเธอจะทำเกินหน้าที่
ที่จริง เขากังวลมากกว่าหน้าที่นี้มันจะเป็นภาระสำหรับอาโทว
เธอวางมือไว้บนอกแสดงความมั่นใจ และขอให้เขามอบหน้าที่นี้ให้กับเธอ
ทาคุโตะรู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นท่าทีแบบนั้น และในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกละอายที่ประเมินเธอต่ำไป
เธอผู้ซึ่งมีพลังและความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุด ได้ขอให้เขามอบหมายหน้าที่นี้ให้
ความสุขและตื่นเต้นได้พุ่งขึ้นมาในใจของทาคุโตะ
ด้วยความเชื่อใจและภักดีอย่างถึงที่สุด แน่นอนว่าราชาก็มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น
“ไม่ ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก ถ้าอย่างนั้นฉันขอฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอได้ไหม? อาโทว”
“ฟุฟุฟุ ตามที่ท่านปรารถนา ราชาของข้า…”
ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจ้องตรงกลับมาที่เขา
ท่าทางของเธอ ช่างดูมีเสน่ห์ เต็มไปด้วยความเป็นตัวของตัวเอง สมกับเป็นผู้กล้า ผู้นำความพินาศมาสู่โลกใบนี้
◇◇◇
“ขอบพระคุณท่านมาก ที่ให้เกียรติข้าได้เข้าพบ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราเป็นกลุ่มดาร์คเอลฟ์ที่ได้รับความเมตตาจากท่าน ชื่อของข้าคือ มอลทาร์-คอร์ดาร์-มาซาราม”
กลุ่มของดาร์คเอลฟ์ได้มาถึง หลังจากที่ทาคุโตะรับทราบข้อมูลจากการสอดแนม
ผู้นำของพวกเขาเป็นชายแก่ที่ดูเหมือนซากกิ่งไม้แห้งๆ
ถึงแม้ดูเหมือนจะขาดสารอาหารอยู่บ้าง แต่ผมและเคราสีเงินของเขาก็ยังคงดูดี เขาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของทาคุโตะขณะที่ถือไม้เท้าไว้ในมือ
ถัดจากเขาเป็นไกอา หัวหน้านักรบของดาร์คเอลฟ์ที่พวกเขาพบเมื่อวันก่อน และคนอื่นๆที่ดูคุ้นหน้าอยู่เช่นกัน ดูเหมือนว่าคนที่ถูกเลือกให้มาเข้าพบจะเป็นคนกลุ่มเดิม
อาโทวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับคำทักทายอย่างมีมารยาท
“หืมม จากลักษณะของดาร์คเอลฟ์แล้ว เจ้าค่อนข้างสุภาพเลยนะ มีอะไรล่ะ? ถ้ามีเรื่องอะไรก็รีบเอ่ยออกมาซะ”
“ข้าได้ยินมาว่า คนของเราได้ทำตัวหยาบคายต่อพวกท่าน ในฐานะหัวหน้าแล้ว ข้าต้องขออภัยแทนพวกเขา และขอบคุณที่มอบอาหารให้แก่พวกเรา”
“…ต่อหน้าตัวตนที่ยิ่งใหญ่แล้ว เป็นธรรมดาที่พวกดาร์คเอลฟ์ตัวน้อยอย่างพวกเจ้าจะรู้สึกเกรงกลัว ราชาของข้าไม่ใจแคบจนไปถือสาอะไรกับเรื่องเล็กน้อยแบบนั้นหรอก”
มันไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะโกรธหรือไม่ ตั้งแต่แรกแล้ว เธอไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากทาคุโตะ
เธอชำเลืองไปยังทาคุโตะ และดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจ ก่อนอื่นเลย ทาคุโตะนั้นเป็นคนทั่วไปในยุคสมัยใหม่ เขาจึงไม่สนเรื่องความสุภาพสักเท่าไหร่
ดูเหมือนว่าทาคุโตะจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจมัน
ณ จุดๆนี้กล่าวได้ว่า อาโทวนั้นเป็นหมากที่จงรักภักดีต่อทาคุโตะ
“ข้ารู้สึกละอายที่ท่านได้มอบความเมตตาให้แก่เผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจเช่นพวกเรา ได้โปรดบอกนามของท่าน เพื่อที่พวกเราจะได้สรรเสริญและแสดงความขอบคุณส่งต่อให้แก่ชนรุ่นหลัง”
อาโทวหันกลับไปยังทาคุโตะ
เธอขออนุญาตในการบอกชื่อของเขา
ในการพูดคุยครั้งล่าสุด พวกเขาไม่เคยเอ่ยชื่อตั้งแต่เริ่มจนจบ จากการประเมินของทาคุโตะ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขายังไม่รู้ ดังนั้นพวกเขาไม่ควรสร้างปัญหาโดยการปล่อยข้อมูลออกไปให้คนภายนอก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ความคิดนั้นก็ได้เปลี่ยนไปเช่นกัน แทนที่จะอยู่อย่างหวาดกลัว มันเป็นการดีกว่าที่จะยอมรับความเสี่ยงและใช้ชีวิตตามที่พวกเขาต้องการ
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงได้รับคำตอบจากคำถามก่อนหน้า หลังจากได้รับการอนุญาตแล้ว อาโทวจึงเหลือเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำ
“ท่าน อิระ ทาคุโตะ ราชาแห่งจุดจบ ผู้ปกครองความพินาศ นั่นคือนามที่ยิ่งใหญ่ของท่าน เมื่อพวกเจ้าขนานนามท่าน จงเรียกท่านว่า ท่านอิระ หรือ ท่านอิระ ทาคุโตะ”
เธอกล่าวออกมาอย่างภูมิใจ
ดังนั้นชื่อของทาคุโตะจึงเป็นที่รู้จักเป็นครั้งแรกในโลกใบนี้