Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 6 Negotiation(2)
“ท่าน อิระ ทาคุโตะ ราชาแห่งจุดจบ ผู้ปกครองความพินาศ นั่นคือนามที่ยิ่งใหญ่ของท่าน เมื่อพวกเจ้าขนานนามท่าน จงเรียกท่านว่า นายท่านอิระ หรือ นายท่านอิระ ทาคุโตะ”
เหล่าดาร์คเอลฟ์ก้มตัวลงมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของอาโทว
นี่เป็นครั้งแรกที่ชื่อของทาคุโตะได้ถูกเปิดเผยสู่โลกใบนี้ และความกลัวได้สลักลงในจิตใจของพวกเขา อาโทวพยักหน้าอย่างพึงพอใจกับปฏิกิริยานั้น
อิระ ทาคุโตะ ราชาแห่งจุดจบ เป็นชื่อที่อาโทวตัดสินใจเอาเองโดยที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากทาคุโตะ เธอเข้าใจถึงความพิเศษที่สามารถเรียกเขาด้วยชื่อต้น ดังนั้นเธอจึงวางแผนกระชับความสัมพันธ์ของทั้งคู่เข้าไปอีก
อาโทวไม่ได้สังเกตุเพราะในหัวกำลังคิดแผนต่างๆอยู่ ทาคุโตะเป็นคนเดียวที่สังเกตุเห็นว่าผู้เฒ่าที่กำลังก้มหัวอยู่มีอาการสั่นกลัวทันทีที่อาโทวพูดชื่อของเขา
“โอ๊ะ ชื่อของข้าคือ อาโทว ไม่ต้องเรียกข้าด้วยคำเช่นเดียวกับท่านทาคุโตะ ท่านทาคุโตะนั้นเป็นราชาผู้ได้รับการเคารพบูชาอยู่สูงสุดเสมอ สถานะของข้าแตกต่างจากท่าน เจ้าไม่จำเป็นต้องจำชื่อข้าก็ได้”
“นายท่านอิระ ทาคุโตะ ท่านอาโทว… ข้าได้จดจำและสลักนามนั้นลงไปในกระดูกผุๆนี้แล้ว และข้าขอสัญญาว่าจะฝังลึกมันลงไปในจิตวิญญาณของเผ่าเรา”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบเก็บอาหารไปซะ บางอย่างมันอยู่ได้ไม่นาน ราชาของข้าเพียงแค่โบกมือก็สร้างได้ไม่จำกัดก็จริง แต่ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้มันเน่า”
ดูจากท่าทีแล้วเหมือนเธอกำลังเบื่อหน่าย ที่จริงแล้วเธอหมดความสนใจในตัวพวกเขาเรียบร้อย
ความสนใจทั้งหมดของเธออยู่ที่ราชาคนเดียว เขาเองก็เข้าใจและยอมรับมันอย่างดี
ถ้าไม่ใช่เพราะทาคุโตะ เธอคงจะไม่เสียเวลาพูดคุยกับคนอื่นๆ ดังนั้นเธอจึงอยากรีบจบบทสนทนานี้และรับคำชมจากเจ้านายของเธออีก
“โอ้ ได้โปรดรอสักครู่ พวกเราอยากจะคุยเรื่องที่พวกเราจะตอบแทนความเมตตานี้อย่างไร องค์ราชาต้องการเครื่องบรรณาการหรือไม่?”
คำพูดของผู้นำดาร์คเอลฟ์ได้ทำลายจินตนาการที่จะให้ทาคุโตะลูบหัวของเธอ
เห็นได้ชัดว่าการเจรจายังไม่สิ้นสุด ถึงแม้ว่าเธอจะไม่พอใจเล็กน้อย แต่อาโทวก็ไม่ได้โมโห เธอจึงแสดงท่าทีตามปกติ
“บรรณาการ? หืมม เจ้ามีสิ่งใดที่ทำให้ราชาของเราพึงพอใจได้อย่างนั้นรึ?”
“ขอประทานอภัย! ช่างน่าละอายยิ่ง พวกเราไม่ทราบและไม่อาจจินตนาการได้ว่านายท่านอิระ ทาคุโตะ โปรดปรานสิ่งใด ดังนั้นพวกเราจึงอยากจะขอทราบว่าสิ่งใดที่ราชาปรารถนา?”
“เช่นนั้นก็ไม่จำเป็น อย่างไรพวกเจ้าไม่สามารถมอบให้ได้อยู่แล้ว”
อาโทวส่ายหน้าไปมาพร้อมกับโบกมือ และถอนหายใจ
ถึงจะเป็นเครื่องบรรณาการ แต่เธอไม่คิดว่าผู้อพยพที่หิวโหยแบบพวกเขาจะสามารถให้อะไรได้
แน่นอน ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะครอบครองอาร์ติแฟ็คบางอย่าง อย่างไรก็ตาม อาโทวอยากจะผลักเรื่องพวกนี้ออกไปให้ห่างจากราชาของเธอ
ในช่วงเริ่มต้นของเกม ตอนที่การก่อตั้งอาณาจักรยังไม่มั่นคง แค่ความผิดพลาดเล็กน้อยก็กลายเป็นหายนะได้
ยกตัวอย่างเช่น มันอาจจะมีศัตรูที่ไล่ล่าพวกเขามาจากบ้านเกิด
“ไม่ แต่…..ถ้าเช่นนั้น”
“…? ข้าบอกว่าพวกเราไม่ต้องการมัน”
“แต่ นั่น…”
“ท่าทีแบบนั้นคืออะไร…? ราชาของข้ากำลังยุ่ง หรือพวกเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่งั้นรึ?”
“ไม่ ไม่ พวกเราไม่มีทางทำอะไรเช่นนั้น!”
อาโทวแสดงท่าทีฉุนเฉียวออกมา พร้อมกับหมดความอดทน
อาโทวไม่ได้พยายามซ่อนจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย และเริ่มคำรามในลำคอ
ความสามารถที่อาโทวครอบครองอยู่คือ ‘ผู้กล้า’,’ชั่วร้าย’ และ ‘คลั่ง’ ความสามารถแต่ละอย่างของเธอมีผลในการเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้พื้นฐานของยูนิต
ความสามารถพิเศษของเธอก็คือดูดกลืนความสามารถของยูนิตที่ถูกทำลาย ยิ่งเธอต่อสู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ในทางกลับกัน เหล่าดาร์คเอลฟ์อยู่ในสภาพหอวโหย และพวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้ อาโทวสามารถจัดการกับสถานการณ์ระดับนี้ได้ไม่ยาก
ดังนั้น สำหรับยูนิตต่อสู้ระยะประชิดแล้ว การจะฆ่ายูนิตนักเวทย์เป็นเรื่องกล้วยๆ แม้แต่การสังหารกลุ่มดาร์คเอลฟ์ทั้งหมดโดยใช้คาตานะสลับคมก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ถ้าเธอไม่สนเรื่องจริยธรรม การสังหารพวกเขาทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อเธอและทาคุโตะ
(อ่า บรรยากาศแย่มาก)
ทาคุโตะหวังว่าการเจรจานี้จะจบลงโดยเร็ว โดยเฉพาะอาโทวเข้าใจพวกเขาผิดตั้งแต่แรก
เดิมทีแล้วเธอก็ไม่ชอบการสนทนาเท่าไหร่ แต่เธอทำหน้าที่เป็นคนกลางเพื่อเจ้านายของเธอ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธออยากจะแก้ปัญหาทั้งหมดโดยการจนบทสนทนาอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน มันต่างออกไปสำหรับพวกดาร์คเอลฟ์ สำหรับกลุ่มที่น่าสงสารพวกนี้ การเจรจาของพวกเขาเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้าย หมายความว่านี่เป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลต่อชะตาชีวิตของพวกเขา
ถึงพวกเขาจะรอดไปจากสถานการณ์นี้ได้ แต่หลังจากนั้นก็จะไม่มีอาหาร และไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกดาร์คเอลฟ์จากหาสถานที่เพื่ออยู่อาศัยได้
ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะดูน่าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะพยายามเจรจากับราชาแห่งความพินาศ
ทาคุโตะสามารถวิเคราะห์ได้ทุกอย่างจากมุมมองที่สูงกว่า ส่วนอาโทวนั้นสนใจแต่ทาคุโตะ ทำให้เธอไม่เข้าใจเหล่าดาร์คเอลฟ์
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันทาคุโตะไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยให้เกิดความขัดแย้งดังกล่าว
ทาคุโตะตัดสินใจว่าเขาควรจะช่วยเหลือ เขากระแอมเล็กน้อยและส่งเสียงออกไป
“อาโทว”
“ค่ะ นายท่าน”
อาโทวหันกลับมาหาทาคุโตะอย่างรวดเร็ว
เพื่อที่จะไม่ให้ดาร์คเอลฟ์เห็น เธอหันกลับไปยังทาคุโตะ และทำแก้มป่อง งอแงเหมือนกับเด็ก
ดูเหมือนเธอจะหงุดหงิดกับการเจรจาที่ไม่คืบหน้าไปไหนเลย
เธอเข้าไปใกล้มากขึ้นเพื่อที่ทาคุโตะจะได้ยินเสียงเธอคนเดียว และเริ่มบ่นออกมา
(ท่านทาคุโตะ! พวกเขาเจรจาได้แย่มาก! เหมือนพวกเขาจะวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ค่ะ พวกเขาเป็นพวกผู้ร้าย! ฉันว่าเราจัดการพวกเขาเลยดีกว่าค่ะ!)
(ใจเย็นๆก่อน)
‘เธอเองก็เจรจาได้แย่เหมือนกัน’ ทาคุโตะคิดอย่างนั้น แต่เขาก็เก็บมันไว้ในใจ
ช่วงแรกมันก็ดีอยู่หรอก แต่ครึ่งหลังนั้นค่อนข้างแย่
อย่างไรก็ตาม ทาคุโตะเองก็รู้สึกละอายที่เขาไม่สามารถเจรจาได้ด้วยตัวเอง และปล่อยทุกอย่างให้เธอจัดการ
เป็นความจริงที่ว่าการเจรจาระหว่างอาโทวและพวกดาร์คเอลฟ์ไม่คืบหน้าเลย
ดูเหมือนอาโทวอยากจะจบการเจรจาให้เร็วที่สุด แต่ในทางกลับกัน ผู้เฒ่ามอลทาร์ที่เป็นผู้นำเหล่าดาร์คเอลฟ์ก็ไม่ยอมแพ้ในการเจรจานี้
มันเป็นเรื่องปกติที่เธอจะบอกว่าไม่ต้องการพูดคุยกับพวกเขาอีก แต่ท่าทีของเธอที่ต้องการจบการเจรจาอย่างจริงจังทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง
เธอไม่ต้องการให้ทาคุโตะรู้สึกไม่สบายใจ แต่นั่นทำให้ความเข้าใจผิดระหว่างอาโทวและผู้เฒ่ามอลทาร์เพิ่มขึ้นไปอีก
(ถ้าเราปล่อยพวกเขาไป มันจะเป็นอันตรายต่อท่านทาคุโตะนะคะ เราควรจะฆ่าพวกเขาให้หมด! ตอนนี้แหละค่ะ ตอนที่พวกเขาเปิดช่องว่างอยู่ ท่านทาคุโตะ!!!)
(เรื่องบรรณาการนั่นน่ะ เธอจำได้รึเปล่าว่าพวกเรามีคุณสมบัติชั่วร้ายน่ะ? … นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงกังวลว่าเราจะวางแผนตลบหลังอยู่รึเปล่า มันเป้นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ?)
(โอ้!? เข้าใจแล้วค่ะ! เอ๊ะ ถ้าอย่างนั้น….)
(มาเรียกสิ่งตอบแทนในแบบที่พวกเขาพอใจกันเถอะ น่าจะลดความตึงเครียด และทำให้พูดคุยรายละเอียดได้มากขึ้น อย่างไงก็ตาม ผู้เฒ่าคนนั้นน่าสนใจดีนะ)
ทาคุโตะอยากเพลิดเพลินไปกับการเจรจากับพวกเขา เขาไม่เคยมีโอกาศพูดคุยกับคนอื่นๆมาก่อน และตอนนี้เขากำลังแสดงความสนใจออกมา
(ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ! อย่างที่คาดไว้ราชาของฉัน! ท่านมองไปไกลถึงขนาดนั้น! …เข้าใจแล้วค่ะ ปล่อยให้ฉันจัดการที่เหลือได้เลย!)
(อ๊ะ เดี๋ยว!)
อาโทวหันกลับไปอย่างรวดเร็วและเริ่มการเจรจาต่อ
เธอไม่เข้าใจแน่ๆ
ทาคุโตะรู้สึกอย่างนั้น แต่เขามีปัญหาเรื่องการสื่อสารทำให้ไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้เธอจัดการ
“หุ เข้าใจล่ะ แบบนั้นนี่เอง…”
อาโทวกระซิบด้วยเสียงผ่อนคลายและน่าเย้ายวน
“พวกเจ้าช่างเป็นปัญหาซะจริง”
อาจเป็นเพราะพวกเขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งในน้ำเสียงของเธอ? ทำให้เหล่าดาร์คเอลฟ์ก้มหัวลงมากยิ่งขึ้น
“หากราชามิได้เอ่ย ข้าก็คงไม่ได้สังเกตุ ชิ พวกเจ้าเห็นท่านทาคุโตะเป็นวิญญาณชั่วร้ายแบบเดียวกับพวกที่สิงอยู่ในภูเขาสินะ”
“โอ้ ไม่ ไม่เลย! ไม่ใช่แบบนั้น! ท่านผู้ยิ่งใหญ่!”
“เงียบซะ คำพูดของราชาข้าถือเป็นที่สุด จงยินดีซะ ราชาของข้าไม่คิดว่าเหล่าดาร์คเอลฟ์ของเจ้าจะคิดอะไรตื้นๆ ดังนั้น ท่านอนุญาตที่จะให้ทานแก่พวกเจ้าโดยไม่มีสัญญาใดๆ พูดอีกอย่างคือ พวกเราจะรับบรรณาการบางอย่างเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน เข้าใจหรือไม่? …พวกเจ้าควรรู้เกี่ยวกับกฏแห่งการแลกเปลี่ยน ตอนนี้พวกเจ้าโล่งใจหรือยัง?”
“อ่า ใช่ ใช่แล้ว! ขอบพระคุณมากสำหรับความกรุณานี้”
ผู้เฒ่ามอลทาร์ไม่ได้หักล้างการคาดเดาของอาโทว เขาเพียงแค่แสดงความขอบคุณ
การปฏิเสธถือเป็นการกระทำที่แย่ เพราะจะกลายเป็นการไม่เคารพต่อราชา ขณะที่พูดคุยกับอาโทว เขารู้สึกได้ว่าเธอไม่เห็นหัวพวกเขาเลย
“ถ้าอย่างนั้น สิ่งตอบแทนก็จำเป็น หืมม สิ่งตอบแทน สิ่งตอบแทน….”
อาโทวชำเลืองไปยังทาคุโตะ ด้วยดวงตาเศร้าๆของหญิงสาว ถึงเธอจะไม่ได้พูดมันออกมา เขาก็เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร
มันหมายความว่า “ช่วยฉันด้วย ท่านทาคุโตะ”
(ポンコツぅ……)///แปลว่าอะไรหว่า ใครรู้บอกทีนะครับ
ถึงเธอจะคุยโวก่อนหน้านี้ แต่ถ้าทาคุโตะแทรกเข้าไปตอนนี้ จะทำให้บรรยากาศของอาโทวลดลง อาโทวนั้นเป็นที่ชื่นชอบของทาคุโตะ ดังนั้นความผิดพลาดของเธอจึงถูกลบออกไป
ท้านที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าอาโทวจะช่วยเขาในการเจรจา แต่สุดท้ายแล้วทาคุโตะก็ต้องเป็นคนตัดสินใจอยู่ดี
“โลกภายนอก”
“ราชาของข้าสนใจเรื่องราวของโลกภายนอก พวกเจ้าเดินทางมาไกลถูกต้องหรือไม่? จงบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกภายนอกทั้งหมดที่พวกเจ้ารู้มาซะ ใช้สิ่งนั้นเป็นค่าตอบแทนของอาหาร พวกเจ้าพอใจกับข้อตกลงนี้หรือไม่?”
“โอ้! ถ้าอย่างนั้น มอลทาร์ผู้นี้ ทุกสิ่งอย่างที่ชายแก่คนนี้ได้ยินและได้เห็น จะถูกถ่ายทอดให้แก่ท่าน!”
ไม่ใช่ปัญหาที่ซับซ้อน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิดของพวกเขา
(ถึงอาโทวจะรู้ใจฉันดี แต่พอปล่อยทุกอย่างให้เธอจัดการ มันกลายเป็นความวุ่นวายสินะ)
ทาคุโตะคิดว่าทำไมอาโทวถึงรู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็คิดไม่ออก
ในที่สุดเขาตัดสินใจที่จะบอกตัวเองว่า นั่นเป็นธรรมชาติของเธอ
ด้วยสิ่งนี้ การเจรจาก็ใกล้จะสิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม มันมีเหตุการณ์ที่สะกิดใจเขา
“ถ้าเช่นนั้น เมื่อสัญญาบรรลุผลแล้วก็จงออกไปจากป่าซะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
(หืม เขาตัวสั่นนี่)
อาโทวก็ยังไม่รู้สึกตัวเช่นเคย แต่ทาคุโตะสังเกตุเห็นความสับสนของผู้เฒ่ามอลทาร์
ในขณะเดียวกัน สมองของเขาเรียบเรียงข้อมูลอย่างรวดเร็ว จากท่าทีของพวกเขา สิ่งที่ทาคุโตะคิดไว้ก็เกือบจะถูก
ไม่ยากที่จะหาคำตอบโดยดูจากท่าทีของพวกเขา
“พวกเราอนุญาตให้เจ้าอยู่ได้สักพัก เจ้าต้องการเวลาสำหรับพักผ่อน แต่จำไว้ว่าอย่าได้อยู่นานเกินไป”
(แน่นอนเลยว่าใช้วิตพร้อมๆกับหนีไปด้วยต้องยากมากแน่ๆ ถ้าอาหารหมดล่ะก็ คงสิ้นหวังกันเลยล่ะ)
ในการพบกันครั้งล่าสุด ดาร์คเอลฟ์ได้บอกว่า ถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิด
จากรายงานของแมลงขายาว กลุ่มของดาร์คเอลฟ์มีประมาณ 500 คน อย่างไรก็ตาม การเดินทางระหกระเหินด้วยจำนวนขนาดนี้เป็นเรื่องยากมาก เครื่องบรรณาการที่พวกเขาเสนอจะต้องทำให้ราชาพอใจ บางทีการเจรจานี้อาจจะหมายถึงการขออนุญาตอาศัยอยู่ที่นี่ และจัดเตรียมอาหาร
(ยังไงก็ตาม ฉันไม่อยากให้พวกอยู่ที่นี่นานเกินไป ผู้อพยพที่มีความสัมพันธ์ต่างกันมีแต่จะขวางทางการก่อตั้งอาณาจักร และอาจเพิ่มปัญหามากขึ้นไปอีก)
เผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันทำให้เกิดปัญหาต่างๆใน Eternal Nations
แน่นอนว่าในโลกจริงก็เป็นแบบเดียวกัน –เหล่าผู้คนที่แตกต่างกันทั้งวัฒนธรรมและความคิด ดีหรือร้ายจะต่อสู้กันเอง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรโง่ๆอย่างขัดแย้งกันเองก็ตาม
“หากท่านราชาอนุญาตให้พวกเราอยู่ในป่าแห่งนี้ คงจะไม่มีสิ่งใดสุขยิ่งไปกว่า… ”
“ไม่อนุญาต ดินแดนแห่งนี้เป็นของราชาของข้า ท่านอิระ ทาคุโตะ และราชาของข้าต้องการความสงบ หากพวกเจ้าไม่ต้องการทิ้งชีวิตที่เพิ่งรอดมาล่ะก็ หุบปากและไปจากที่นี่ซะ”
(กลายเป็นว่าพวกเขาอยากขออนุญาตอยู่ที่นี่หรอ? แต่อย่างแรกเลย อาณาเขตของเผ่าไมน็อกกราห์เป็นดินแดนต้องสาป ซึ่งเป็นคุณสมบัติของเกม มันจะส่งผลลบต่อยูนิตที่เป็นกลาง ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่ามันจะส่งผลยังไงบ้างก็เถอะ)
ดินแดนต้องสาปเป็นที่โปรดปรานของเผ่าปีศาจ มันเป็นประโยชน์มากมายสำหรับเผ่าปีศาจ และส่งผลเสียต่อคุณลักษณะที่เป็นกลาง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่หยุดอาโทวที่กำลังไล่พวกดาร์คเอลฟ์ออกไปจากป่า
แน่นอน เขาไม่รู้ว่าระบบมันจะเหมือนกับในเกมหรือเปล่า บางทีอาจจะไม่มีปัญหาอะไรเลย สิ่งสำคัญคือต้องการการยืนยัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทาคุโตะเชื่อว่ากฎมันเหมือนกับในเกม นั่นคือเหตุผล โชคไม่ดีที่พวกเขาต้องออกจากป่านี้
(ยังไงก็ตาม ละทิ้งพวกเขาหลังจากที่มอบอาหารให้ทำให้รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ บางทีพวกเขาคงจะสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม)
ถึงทาคุโตะจะให้อาหารที่ถูกสร้างจากพลังเวทย์ของเขาซึ่งปัจจุบันไม่สามารถเติมได้แก่พวกดาร์คเอลฟ์ก็ตาม แม้ว่าชีวิตของพวกเขาจะถูกยืดออกไป พวกเขายังจะต้องเดินทางอย่างไร้จุดหมายต่อไปและพบกับจุดจบอย่างนั้นหรือ? ทาคุโตะไม่พอใจกับเรื่องนั้น แทนที่จะเห็นใจ ทาคุโตะรู้สึกหงุดหงิดที่การกระทำของเขามันสูญเปล่า
“ถ้าเช่นนั้น ราชาผู้ยิ่งใหญ่ ท่านอิระ ทาคุโตะ ขอบคุณที่ให้พวกเราได้เข้าพบ”
“—เช่นนั้นแล้ว พวกเจ้าทุกคน จงคำนับราชา จากนั้นก็ขนอาหารไปเงียบๆซะ”
มีทางไหนที่จะแก้ได้บ้าง?
การพบปะใกล้จะจบแล้ว
ดูเหมือนผู้เฒ่ามอลทาร์กบัพวกดาร์คเอลฟ์จะไม่กล้าขออะไรมากไปกว่านี้ เพราะพวกเขากังวลว่าจะทำให้อาโทวโกรธ
สีหน้าพวกเขาดูสิ้นหวัง
กษัตริย์แห่งไมน็อกกราห์ควรจะมีอำนาจไม่สิ้นสุด ทาคุโตะถูกเรียกว่าผู้เล่นในตำนาน ภายใน Eternal Nations ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรกับชื่อนั้นเลย
“พวกเจ้าทั้งหมด…”
คำพูดของเขาออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ด้วยพลังของเขาและพลังของอารยธรรมไมน็อกกราห์ ปัญหาประเภทนี้สามารถแก้ไขได้หากเขาต้องการ
“มาเป็นพลเมืองของเราซะ”
เขาคิดวิธีที่ยอดเยี่ยมในการแก้ปัญหาทุกอย่าง
ในทางตรงกันข้าม เขาสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่ทำมันจนกระทั่งตอนนี้
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มและคำพูดที่มั่นใจของทาคุโตะ ถูกทุกคนตอบกลับด้วยปากและดวงตาที่เบิกกว้างราวกับจะถามว่า “นี่ท่านพูดว่าเรื่องอะไรนะ?”
ไม่ใช่แค่เหล่าดาร์คเอลฟ์ แต่แม้กระทั่งอาโทวก็จ้องมาที่เขา
ทันใดนั้น ทาคุโตะเข้าใจว่าเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในการสื่อสาร เขาตระหนักถึงปัญหาในการสื่อสารตัวเอง และพยายามกลั้นนำตาที่กำลังจะทะลักออกมา
=สารานุกรม============
[นักเวทย์(ผู้เฒ่ามอลทาร์)] ยูนิตเวทมนต์
พลังต่อสู้ : 3
ความคล่องตัว : 1
《ปราชญ์》《เวทย์แห่งความมืด Lv1》《หิวโหย》
―――――――――――――――――
~~อัศวินที่เก่งกาจเทียบเท่ากับนักรบหนึ่งร้อยคน
อย่างไรก็ตาม นักเวทย์ที่เก่งกาจสามารถทำงานของอัศวินทั้งร้อยคนได้ด้วยตัวคนเดียว~~
นักเวทย์เป็นยูนิตเวทมนต์ที่อยู่สูงกว่ายูนิตอย่าง [ผู้ใช้เวทย์]
ด้วยแหล่งมานาที่เหมาะสมคุณจะสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ทางยุทธวิธีได้ถึง Lv2 และดำเนินการต่อสู้ได้ตามความต้องการ ในทางกลับกันความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของพวกเขาไม่สูงนัก
ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้วจำเป็นต้องมีผู้คุ้มกัน นอกจากนี้ยูนิตเวทย์มนต์บางตัวอาจมีความสามารถของปราชญ์