Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 7 Founding Statement (1)
- Home
- Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~
- ตอนที่ 7 Founding Statement (1)
บริเวณนั้นเงียบลงในทันที ทุกคนไม่เข้าใจว่าราชาพูดเรื่องอะไร
ตัวราชาเอง ก็ไม่ได้คิดว่าคำพูดเขาจะทำให้ทุกคนตกตะลึง และทาคุโตะก็เริ่มเสียใจกับคำพูดของตัวเอง
ว่ากันว่าหลังจากที่พูดคุยกับคนอื่นแล้ว ผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสารมักจะเสียใจกับคำพูดของตัวเอง ดังนั้นทาคุโตะจึงเสียใจกับคำพูดขอเขาเอง
“เอะ เเเเเเอ๋!! ท่านทาคุโตะ?”
ทาคุโตะยังคงเงียบ
เขาต้องการอยู่คนเดียว แต่อาโทวก็ไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น
เขาต้องยืนยันเจตนารมณ์ในคำพูดของเขา และยังต้องกำหนดทิศทางของการเจรจาครั้งถัดไปอีกเช่นกัน
อาโทวซึ่งได้ยินคำพูดที่เกินความคาดหมายของเธอ ตกใจมาก เธอรีบกล่าวกับกลุ่มของผู้เฒ่ามอลทาร์
“ดะ เดี๋ยว! พวกเจ้าจงรอก่อน ข้าจะไปถามราชาว่าท่านต้องการสิ่งใด อย่างเพิ่งคิดอะไรไปไกลล่ะ”
ขณะที่เห็นอาโทวเข้ามาหาด้วยท่าทางหงุดหงิด
ทาคุโตะอยู่ในอารมณ์ที่อยากจะรีเซ็ตเกมเต็มแก่ เขาทำพลาดตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงอยากจะรีเซ็ตมัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงทำไปแล้วหลายครั้ง แต่โชคไม่ดีที่โลกนี้มันแตกต่างจากเกม
(ทะ-ทะ-ท่านหมายความว่ายังไงกันคะ?!)
(ไม่สิ ฉันสงสัยว่าควรจะทำให้พวกเขากลายเป็นพลเมืองดีหรือเปล่า อย่าตกใจเกินไปสิ เดี๋ยวพวกเขาจะสังเกตุเห็นเอา ขอโทษที่ขัดจังหวะเธอนะ)
(ไม่เป็นไรค่ะ …. แต่คุณสมบัติของพวกเขาเป็นกลางไม่ใช่หรอ?)
“หืมม…”
ทาคุโตะยกมือขึ้นมาแตะที่คาง
เขาเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว น่าแปลกที่พอเขาเห็นท่าทีประหลาดใจของอาโทว ทำให้จิตใจของเขาเริ่มสงบอีกครั้ง
เขาควรจะทำยังไง? ทฤษฎีมากมายผุดขึ้นมาในหัว เขามั่นใจว่าแผนที่คิดไว้จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
ในขณะที่มองไปยังภาพสะท้อนในดวงตาที่เป็นกังวลของอาโทว เขาเริ่มอธิบายเหมือนกับกำลังพูดคุยกับเด็ก
(ฉันกำลังคิดว่าจะรับพวกเขาในฐานะผู้อพยพน่ะ อิงจากระบบแล้วมันทำได้ใช่ไหม?)
(ใช่ค่ะ แต่ในกรณีนั้น มันอาจจะเกิดปัญหาระหว่างเหล่าดาร์คเอลฟ์และโฮมุนครุสที่เป็นเผ่าพันธุ์หลักของไมน็อกกราห์ได้นะคะ)
เผ่าพันธุ์มากมายที่ถูกกำหนดให้เป็นประชากรของ Eternal Nations มีทั้งมนุษย์ เอลฟ์ ดวาร์ฟ ปีศาจ ฯลฯ
แต่ละเผ่าก็มีความเชื่อและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
องค์ประกอบอย่างพวกคนต่างถิ่นและผู้อพยพทำให้เกมมีสีสันมากขึ้น เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกมพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ
ความซับซ้อนเองก็เป็นเสน่ห์ของเกมนี้เช่นกัน
แน่นอนว่าในไมน็อกกราห์ก็มีเผ่าที่ชิงดีชิงเด่นกันอยู่
เผ่าพันธุ์ลึกลับที่เรียกว่า ‘โฮมุนครุส’ ซึ่งลักษณะที่เลวร้ายยิ่งกว่าชื่อของพวกเขาเสียอีก
(อาโทว ลองนึกถึงโฮมุนครุสให้ดีๆสิ)
ทาคุโตะแนะนำอาโทวที่กำลังสับสนอย่างสงบ ดังนั้นเธอจึงใจเย็นลง
เป็นเพราะเธอเชื่อในคำพูดของทาคุโตะ อาโทวจึงเปิดผนึกความทรงจำเกี่ยวกับโฮมุนครุส และทันใดนั้นใบหน้าเธอก็ขาวซีด
=สารานุกรม============
[โฮมุนครุส] เผ่า
《ผลตอบแทนของเผ่า 》
การเติบโตของประชากร + 20%
การผลิตเวทย์มนตร์ -20%
การผลิตทรัพยากร + 20%
การผลิตอาหาร + 20%
การวิจัย -20%
―――――――――――――――――
(พวกมันไร้วิญญาณ แต่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีผลพิเศษเพิ่มผลผลิตและทรัพยากร กลับกันก็คือ การสร้างพลังเวทย์และ ค่าการวิจัยต่ำ)
หรือจะพูดให้เข้าใจก็คือ เผ่าพันธุ์นี้มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ถ้าวางแผนดีๆ มันจะได้เปรียบและทรงพลังมาก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาเคยเล่นมาแล้วในหลายๆ สถานการณ์ มันไม่ยากสำหรับพวกเขาที่จะวางแผนสำหรับมันในภายหลัง
แต่มันมีปัญหาอื่น
(อาโทว นึกสิ รูปร่างของพวกโฮมุนครุสน่ะ)
ทาคุโตะชี้ไปยังแมลงขายาวที่ซ่อนอยู่หลังเหล่าดาร์คเอลฟ์
แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา จ้องกลับมายังพวกเขา
อาโทวจำสิ่งที่มีรูปร่างที่ดูเปราะบาง เหมือนกับเศษซากของมนุษย์ และดวงตาดูมีพลัง เหมือนกับแมลงสอดแนมในช่วงเริ่มต้นของเกมได้
(อะ เอ่อ แน่นอนค่ะ ว่าโฮมุนครุสถูกกำหนดให้มีรูปร่างที่เลียนแบบมาจากมนุษย์ มันอาจจะทำให้คนอื่นๆไม่สบายใจเท่าไหร่….)
ตัวละครที่อยู่ในเกมถูกแสดงออกมาอย่างสมจริงในโลกใบนี้
แน่นอนอยู่แล้วเพราะนี่คือความจริง แต่ก็ยากที่จะคาดเดาว่ามันส่งผลยังไงต่อจิตใจของทั้งคู่
ทาคุโตะกังวลว่ามันคงจะไม่ดีต่อจิตใจของอาโทว ถ้าเธอต้องบริหารอาณาจักรที่มีแต่สิ่งมีชีวิตหน้าตาน่าเกลียด
(การมีดาร์คเอลฟ์เป็นพลเมืองมันก็มีประโยชน์อยู่นะ ปกติฉันจะกังวลเรื่องการสร้างเทคโนโลยี แต่พวกเขาช่วยแก้ปัญหาเรื่องความเร็วในการวิจัยได้)
คุณสมบัติของอาณาจักรไมน็อกกราห์ก็คือ โฮมุนครุสที่ให้ผลผลิตและความสามารถในการก่อสร้างสูง โทษสำหรับความสุขของประชากรและสุขอนามัยน้อย
ความสามารถพิเศษอีกอย่างก็คือ การผลิตเชิงรุกที่ไม่จำเป็นต้องสนเรื่องมลภาวะ
ในทางกลับกัน ค่าการวิจัยของพวกมันค่อนข้างต่ำ ข้อเสียที่ทำให้ไมน็อกกราห์ตามหลังเผ่าอื่นๆก็คือเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์จะเปลี่ยนไป ถ้าเราชวนดาร์คเอลฟ์มาเป็นพลเมืองของอาณาจักรได้สำเร็จ เราจะสามารถกำจัดจุดอ่อนเรื่องการวิจัยและพัฒนาออกไปได้
แน่นอนว่าถ้าพวกเขามีพลังเวทย์พอ พวกเขาสามารถใช้พลังของทาคุโตะในการสร้างโฮมุนครุสออกมา เพื่อเพิ่มผลผลิตและทรัพยากรตามความคิดเดิมของพวกเขาได้
ถ้าพูดถึงเรื่องการใช้คนให้ถูกกับงาน การชักชวนพวกดาร์คเอลฟ์ก็เป็นความคิดที่ดี
ตามปกติในเกม คุณสมบัติชั่วร้ายของไมน็อกกราห์เป็นปัญหา และเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับพวกต่างถิ่น และเผ่าอื่นๆ ถ้าคิดว่าพวกนี้เป็นเหตุการณ์พิเศษ มันน่าจะจัดอยู่ในประเภทกิจกรรมนำโชคแน่ๆ
(จริงค่ะ ที่พวกเขามีประโยชน์ต่อการจัดการอาณาจักร แต่ยิ่งกว่านั้น….)
(ไม่ใช่ว่าการที่มีเผ่าพันธุ์ซึ่งสามารถสนทนากันได้อย่างมีอารยะนั้นมีความสำคัญต่อไมน็อกกราห์หรอ? ฉันหมายถึง ตัวฉันเองอาจจะทำไม่ไ….)
(บังเอิญจังเลยค่ะ ฉันก็คิดเหมือนกัน)
ถึงความคิดมันจะดูประหลาดในตอนแรก แต่หลังจากพูดคุยกับอาโทวแล้ว กลายเป็นว่าความเห็นของพวกเขาตรงกัน
แผนของทาคุโตะนั้นไม่มีข้อผิดพลาดตั้งแต่แรกแล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการสื่อสารที่ไม่ดีของเขา ทำให้คนที่ได้ยินเป็นครั้งแรกต้องตกตะลึง
แม้ว่าในความเป็นจริง ยังไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
(แต่พวกเขาจะเป็นพลเมืองที่ดีได้หรือเปล่าคะ?)
(ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ อาจจะมีข้อผูกมัดเหมือนในเกม แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นอะไรหรอก ตราบเท่าที่พวกเขามีความสุขในระดับหนึ่งน่ะนะ)
(นี่เป็นโลกในเกมจริงๆหรอคะ? ฉันรู้สึกว่ามันต่างออกไปนิดหน่อย….)
อาโทวเชื่อในคำพูดของทาคุโตะอย่างไม่มีข้อแม้
ถ้าราชาตัดสินใจแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามนั้น
แต่พวกเขายังไม่รู้จักโลกใบนี้ ยังไม่รู้ว่ามันแตกต่างกันมากแค่ไหน อาโทวกังวลว่าความแตกต่างนี้จะก่อให้เกิดปัญหา
(ก็นะ บางทีมันคงจะไม่เป็นไรล่ะมั้ง? นอกจากนี้เรายังจะได้ข้อมูลมากมายจากพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เราต้องแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าไปก่อน ว่ามั้ยอาโทว?)
(มีตัวแปรที่ไม่แน่นอนมากมายเหลือเกิน ….ต้องขอโทษด้วยที่ฉันไม่สามารถตัดสินใจได้ค่ะ)
ทาคุโตะคิดว่าทัศนคติของอาโทวนั้นเหมือนกับในเกมไปชั่วขณะหนึ่ง
ถึงแม้ว่าเธอจะเข้าใจความคิดและการกระทำของทาคุโตะ แต่เธอก็ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างด็ดขาด
เธออาจจะไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ทาคุโตะรู้สึกว่ามีบางอย่างรบกวนการตัดสินใจและทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
แต่เขาไม่อยากพูดถึงมัน เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา
ตราบเท่าที่อาโทวยังอยู่ข้างเขา ทุกอย่างจะไม่เป็นไร ในทางกลับกัน สำหรับอาโทว ตราบที่ได้อยู่เคียงข้างเขาเธอก็พอใจแล้ว
(ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องขอโทษเลย ฉันคือราชา และเธออยู่ผู้ติดตามของฉัน ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง มาต้อนรับพลเมืองใหม่ของอาณาจักรเรากันเถอะ)
(ถ้าท่านพูดอย่างนั้นล่ะก็ ฉันคงจะหมดห่วงแล้วล่ะค่ะ เช่นนั้นคำสั่งของท่านจะถูกส่งต่อไปยังพวกเขา ให้ฉันเป็นคนบอกได้ไหมคะ?)
ดูจากท่าทีแล้ว คุณจะรู้สึกได้ถึงความละอายที่เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควร
ทาคุโตะไม่ได้อยากให้เธอมีท่าทีแบบนั้น แต่เขาพูดไม่เก่ง ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยิ้มออกมา
มันเป็นการแสดงออกถึงความรัก ที่ส่งให้เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
(แน่นอน ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครล่ะ? ขอบคุณนะ)
(วางใจได้เลยค่ะ ราชาของฉัน)
ในที่สุดการสนทนาก็ได้ข้อสรุป และอาโทวได้หันกลับไปยังดาร์คเอลฟ์
เมื่อไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยกันเรื่องอะไร ทำให้พวกเขาได้แต่รอคำอธิบายความต้องการของราชา จากอาโทวอย่างวิตกกังวล
“ราชาได้แจ้งพระประสงค์แก่ข้า”
“โอ้ ท่านอาโทว ได้โปรดบอกกล่าวแก่เรา โปรดสอนพวกเราผู้โง่เขลา ถึงพระประสงค์ของพระองค์ด้วยเถิด”
“องค์ราชาต้องการที่จะก่อตั้งอาณาจักร หากพวกเจ้ายินยอมเป็นพลเมือง พวกเจ้าทุกคนจะได้รับการคุ้มครอง ด้วยความเมตตาและอำนาจของท่าน”
ผู้เฒ่ามอลทาร์ที่ได้ยินคำพูดของอาโทวรู้สึกประหลาดใจกับข้อเสนอที่กระทันหันนี้
ในการเจรจากับราชาแห่งความพินาศ พวกเขาได้คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ แต่คำพูดของราชาก็ได้เหนือยิ่งไปกว่านั้น
“ดวงตาขององค์ราชาเห็นทุกสิ่ง ด้วยสถานการณ์ที่พวกเจ้าต้องเผชิญ ท่านแค่แสดงความเมตตาแก่พวกเจ้า ไม่มีอะไรมากน้อยไปกว่านั้น”
อาโทวกล่าวประโยคเหล่านี้อย่างเฉียบขาด ท่าทีของเธอสื่อความหมายชัดเจน มันคือคำเตือนว่าไม่ให้ตั้งคำถามใดๆ
ผู้เฒ่ามอลทาร์และเหล่าดาร์คเอลฟ์ สับสนและสงสัย ไม่รู้จะตอบรับยังไง
“ราชาผู้ยิ่งใหญ่ ความเมตตาของท่านทำให้ข้าตื้นตันใจยิ่งนัก….อ่า ขออภัยที่เสียมารยาท แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา เมื่อกลายเป็นพลเมืองของอาณาจักรท่าน”
“ข้าอยากจะบอกว่า สัญญาถึงความสุขอันเป็นนิรันดร์ …แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าอยากรู้ใช่ไหม? เช่นนั้น ให้อธิบายสั้นๆก็คือ เจ้าจะกลายเป็นปีศาจ”
พวกเขาถึงกับอ้าปากค้าง
ช่างตรงไปตรงมาเกินจะเอ่ย
ความหมายของมันเป็นที่เข้าใจกันดี เหล่าดาร์คเอลฟ์รู้ว่าอาโทวหมายถึงอะไร อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันกะทันหันเกินไป
“ใช่”
ผู้เฒ่ามอลทาร์มองไปยังราชาโดยสัญชาตญาณ และราชาก็มองกลับมาเช่นกัน
ท่าทางของเขาดูจริงจังพร้อมๆกับพยักหน้า
ในฐานะปราชญ์ที่ใช้ชีวิตมา 200 ปี
เมื่อมีคนบอกให้เขาเป็นปีศาจอย่างกะทันหันแบบนี้ แน่นอนว่าเขาจะไม่ตกลง
“แน่นอน ข้าอยากจะอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ แต่พวกเจ้าไม่มีเวลามากขนาดนั้น”
อาโทวกล้าที่ลดคำอธิบาย เพราะพวกเขายังไม่ได้เป็นพลเมืองและเธอก็อาจจะปฏิเสธพวกเขา
พูดมากไปก็ยิ่งกังวล การกระทำที่โง่เขลานั้นไร้ความหมาย
อย่างแรกเลย ทาคุโตะที่เป็นราชา ได้กล่าวชวนพวกเขามาเป็นพลเมือง ที่พวกเขาต้องทำคือตอบตกลง และกรีดร้องอย่างสั่นกลัว อาโทวจึงคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม
“จงตัดสินใจซะ ข้าจะไม่เอ่ยอะไรอีก ไม่ว่าพวกเจ้าจะเลือกอะไร นั่นคือชะตาของพวกเจ้า”
บางทีพวกดาร์คเอลฟ์คงจะลืมไปแล้วว่าโชคชะตาหมายความว่าอะไร เพราะความเป็นความตายของพวกเขาจะถูกตัดสินในช่วงเวลานี้
ถึงแม้ว่าการรับพวกเขาเข้ามาจะทำให้มีปัญหาในการจัดการอาณาจักร แต่ตราบเท่าที่ทาคุโตะอยู่กับเธอ ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ เธอเชื่ออย่างไม่มีข้อแม้
อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าราชาได้แสดงึงความสนใจบางอย่างเป็นสิ่งสำคัญต่อเธอ จะดีที่สุด ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนั้น
ดังนั้นเธอจึงยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา และแสดงความคิดเห็นเล็กน้อยพร้อมกับมองไปยังอนาคตข้างหน้า
“นี่เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของข้า—แต่ฝั่งนี้ก็สนุกไม่ใช่น้อยเลยล่ะ”
เธอยิ้มอย่างนุ่มนวลและลึกลับ