Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 11 Domestic affairs (1)
- Home
- Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~
- ตอนที่ 11 Domestic affairs (1)
ทวีปไฮดราเกีย ถ้าให้อธิบายคร่าวๆ ก็คือ มันเป็นทวีปที่เชื่อมต่อดินแดนทรงกลมสองแห่งเข้าด้วยกันจากเหนือจรดใต้
ทางทิศใต้เป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะสำหรับการตั้งถิ่นฐาน อย่างเช่น ดินแดนต้องสาป และแดนเถื่อน
อาณาจักรที่ด้อยพัฒนาหลายๆแห่งนั้น มีอารยะธรรมที่ด้อยกว่าอาณาจักรที่พัฒนาแล้ว
ไกลออกไปทางใต้ มันเชื่อมต่อกันโดยดินแดนที่ยังไม่ได้รับการบุกเบิก
ในทางกลับกัน มีเพียงสองอาณาจักรที่ปกครองทางเหนือ ควอเลีย อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสง ที่ถูกปกครองโดยมนุษย์ และสหพันธ์เอลนาร์ ที่บริหารจัดการโดยเหล่าเอลฟ์
มันมีองค์ประกอบหลายอย่างที่จำเป็นในการก่อตั้งอาณาจักร
ทั้งสองอาณาจักรนี้เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก แม้จะมีความตึงเครียดกันอยู่ แต่พวกเขาก็เชื่อในสิ่งเดียวกัน
ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า ทั้งสองอาณาจักรนั้นปรองดองกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีการดำรงอยู่ของตัวตนนึงที่ทำให้เกิดสิ่งนี้
ตัวตนที่เป็นดั่งอาวุธตัดสินที่ถูกเรียกว่า นักบุญ
◇ ◇ ◇
อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลียปกครองอาณาเขตอันกว้างใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้ระบบของรัฐ
โดยมีเมืองหลวงของควอเลียเป็นจุดศูนย์กลาง พวกเขามีรัฐที่บริหารตนเองในภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก
ในเขตทางภาคเหนือซึ่งเป็นจุดเหนือสุดของอาณาจักร มีพื้นที่หนาวเย็นหลายแห่งและมีการพัฒนาน้อยที่สุดในสี่รัฐ
นอกจากนี้ ยังมีหมู่บ้านชาวประมงและหมู่บ้านเกษตรกรรมที่กระจัดกระจายจำนวนมากที่ไม่มีค่าอะไรเลย
มีหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดสีขาวที่ดูไม่คุ้นตา เธอกำลังมองดูพื้นหิมะ
“ท่านนักบุญ ได้เวลาแล้ว คนส่งสารแจ้งมาว่า พวกคนเถื่อนได้ปรากฎตัวออกมาตามแผน ด้วยประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดแสดงปาฏิหาริย์ด้วย”
“–เข้าใจแล้ว”
อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่สวมชุดเกราะหรูหราและผ้าคลุมสีขาวบริสุทธิ์
และในขณะที่ได้รับการปกป้องจากอัศวินเหล่านั้น เธอมองไปยังอีกฟากหนึ่งของแผ่นดิน ด้วยการแจ้งจากพระคาร์ดินัลแห่งรัฐที่ปกครองดินแดนนี้
หญิงสาวที่ถูกเรียกโดยอัศวินก้าวออกไปข้างหน้า
หลังจากนั้นไม่นานนัก ก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากที่ไกลๆ ในขณะเดียวกัน หิมะก็ฟุ้งโปรยปราย และกลุ่มของกึ่งมนุษย์ก็มุ่งหน้าเข้ามา
ร่างกายของพวกเขาสูงประมาณครึ่งหนึ่งของมนุษย์ ผิวหนังเป็นสีน้ำเงิน และนัยตาแหลมคม
เขี้ยวแหลมๆบนใบหน้า ดูแล้วไม่รู้สึกถึงความฉลาด พวกเขาถือตะบอง หนังสติ๊ก หรือไม่ก็ขวานที่ทำจากหิน
กลุ่มของก๊อบลินหิมะปรากฏขึ้นในดินแดนทางเหนือ
จำนวนของพวกมันมีนับพันได้
สำหรับควอเลีย อาณาจักรที่มีทหารนับหมื่นแล้ว กลุ่มก๊อบลินพวกนี้ก็เป็นได้แค่หนอนแมลงที่คอยชอนไชมนุษย์ไปทั่วเท่านั้น
แต่นั่นเป็นแค่มุมมองที่ต่างกันด้านจำนวนเท่านั้น ตัวตนของพวกมันได้ทำลายหมู่บ้านไปหลายแห่ง และมีผู้คนมากมากที่เสียชีวิตไป
และตอนนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกมัน
..ด้วยชุดคลุมที่ประดับไปด้วยทองคำ เด็กสาวบอบบางที่ดูอายุราวๆ 17 ปี และมีดอกไม้ประดับอยู่ทั่วร่าง
ชาวเมืองต่างก็เรียกขานเธอ
พระเจ้าผู้เมตตา
สตรีพฤกษา
สาวงาม
ผู้พิทักษ์โลก
1 ใน 7 นักบุญพระผู้ช่วยแห่งทวีปไฮดราเกีย
บุปผาฝังศพ สตรีศักดิ์สิทธิ์ โซรีน่า
ผู้ที่เป็นศูนย์รวมแห่งปาฏิหาริย์ที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลียภาคภูมิใจ
“บาปได้ครอบงำพวกเจ้า ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมมากมายที่ไม่อาจให้อภัยได้ พระองค์ทรงโศกเศร้ายิ่งนัก และเวลาไถ่บาปของพวกเจ้าได้หมดลงแล้ว”
โซรีน่ากล่าวอย่างมั่นคง
คำพูดของเธอจะสื่อไปถึงพวกก๊อบลินหิมะหรือไม่?
โซรีน่ากล่าวออกมาเรื่อยๆ
ราวกับว่าเธอกำลังขับร้องบทเพลงเพื่อปลอบประโลมผู้ที่ไม่สามารถช่วยไว้ได้กระมัง?
“ข้าได้ยินเสียงผู้บริสุทธิ์มากมายที่ทุกข์ทรมาน ข้าได้ยินเสียงที่ปรารถนาถึงความสงบของพระองค์”
โซรีน่ายกมือขึ้น และชี้ไปข้างหน้า
ก๊อบลินหิมะเคลื่อนที่เร็วมาก ภัยคุกคามของพวกเขากระชั้นชิดเข้ามา ในอีกไม่กี่วินาที พวกมันจะเข้าปะทะกับพวกเขา
คาร์ดินัลที่อยู่ด้านหลังเริ่มวิ่ง อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่หลังเธอชักดาบ และเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
แต่นักบุญโซรีน่าเอ่ยออกมาช้าๆ
“โทษฐานที่ต่อต้านเทพศักดิ์สิทธิ์อารอส ความผิดที่มารบกวนความสงบของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลีย ข้า――จักฝังมันให้สิ้น”
เพลิงที่เผาผลาญโลก
ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า เพลิงนรกเผาลาญทุกสิ่งที่ปรากฏในสายตาของโซรีน่า
ก๊อบลินหิมะที่ถูกเผาไปพร้อมกับพืชผักและพื้นดินส่งเสียงร้องออกมา และกลิ่นของเนื้อไหม้ได้โชยออกมาเต็มพื้นที่
เสียงกรีดร้องของก๊อบลินหิมะดังออกมา พวกมันถูกขังอยู่ในเปลวไฟ และจากนั้นก็หายไป
ผืนดินอันหนาวเหน็บก่อนหน้านี้ ตอนนี้ราวกับผ่านฤดูร้อนอันไร้ที่สิ้นสุดมา ถึงเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์จะทนได้ก็ตาม แต่คาร์ดินัลและเหล่าข้ารับใช้ถึงกับต้องถอดชุดคลุม และม้วนแขนเสื้อขึ้น
ก๊อบลินหิมะที่มีจำนวนนับพัน และทำลายหมู่บ้านมามากมาย จนกระทั่งเธอก้าวเข้าสู่สนามรบ
ตอนนี้ พวกมันทั้งหมดกลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่เหลือแม้แต่รูปร่างเดิมด้วยซ้ำ
ในที่สุดไฟก็ดับลง บรรยากาศกลายเป็นเงียบสงบ ไม่มีใครเอ่ยถึงปาฏิหาริย์นี้
ไม่นานนักก็มีบางอย่างเปลี่ยนแปลง ดอกไม้ได้ปรากฏ และผลิบานขึ้น ทีละดอก
จนในที่สุด พื้นที่ที่ถูกเผาทั้งหมดก็ปกคลุมไปด้วยดอกไม้
เหมือนกับพิธีฝังศพ…
กองทัพของพวกเขาเพียงลำพังก็มีความแข็งแกร่งมากกว่าศัตรูอย่างท่วมท้น
นี่คือเหตุผลที่นักบุญถูกเรียกว่าเป็นอาวุธตัดสิน
“….คาร์ดินัล”
สวนดอกไม้ได้ปรากฏขึ้นในดินแดนทางเหนือ
ขณะที่มองไปยังดอกไม้ซึ่งกำลังกระจัดกระจายโดยพายุหิมะ นักบุญโซรีน่ากล่าวโดยไม่หันกลับไป
“เป็นอย่างไรบ้าง ท่านนักบุญ?”
“เรื่องที่ข้าคุยกับท่านเมื่อวันก่อนไปถึงไหนแล้ว?”
“เมื่อวันก่อน? เรื่องใดงั้นรึ?”
“ดินแดนต้องสาปทางใต้ ที่นั่นมีสัญญาณของหายนะปรากฏขึ้น ข้าอยากให้ท่านส่งอัศวินศักดิ์สิทธิ์ไปตรวจสอบ”
“เขตทางใต้นั้นอยู่นอกเหนืออาณาเขตของอาณาจักรเรา หากต้องการส่งกำลังไป เราจะต้องปรึกษาขอความร่วมมือจากผู้ที่ปกครองดินแดนแถบนั้นเพื่อขอผ่านทาง เราต้องคำนวณเรื่องของงบประมาณค่าใช้จ่ายกองทัพเช่นกัน อย่างแรกเลย ท่านนักบุญน่าจะทราบอยู่แล้วว่ากองกำลังอัศวินไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ นั่นเป็นสัญญาณจริงงั้นหรือ?”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจออกมา เห็นได้ชัดว่าคาร์ดินัลไม่อยากทำอะไรที่มันยุ่งยาก
อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบๆ ได้ส่งสัญญาณโดยการพยักหน้า มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
“ใช่ ไม่ต้องสงสัยเลย…ข้าไม่จำเป็นต้องเคลื่อนกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ ข้าจะไปด้วยตนเอง…”
“ท่านนักบุญ โปรดคำนึงถึงสถานะของตนเองด้วย!”
นักบวชฝึกหัดที่ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของพระคาร์ดินัลข้างกายตัวสั่น
นัักบุญหันกลับมามองคาร์ดินัลอย่างเงียบงัน
ในดวงตาของเธอไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
ดั่งเช่นตุ๊กตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์ หลังจากที่ได้เห็นดวงตาคู่นั้น ในที่สุดคาร์ดินัลก็ได้ถอนหายใจออกมายาวเหยียด
“ชิส์ ทำไมท่านถึงคิดเช่นนั้นกัน? …ได้โปรดเข้าใจหน่อย ว่าท่านสำคัญเพียงใด มันต่างไปจากตอนที่ท่านเป็นชาวนาในหมู่บ้านนะ”
นักบุญโซรีน่าไม่ได้กล่าวอะไร เธอไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบกลับ ไม่ใช่เพราะเธอไม่กล้า แต่เป็นเพราะจิตใจเธอไม่อยากจะเถียงกลับก็เท่านั้น
ด้วยท่าทีแบบนี้ เหมือนกับการยอมแพ้
“ชิ …มันมีบางคนที่ฉันสามารถเคลื่อนไหวเป็นการส่วนตัวได้ สั่งการพวกนั้นเอาก็แล้วกัน”
คาร์ดินัลไม่มีเหตุผลที่จะตอบรับคำขอของเธอ เพราะสถานะของนักบุญนั้นแตกต่างจากเขา แต่ในท้ายที่สุด คาร์ดินัลได้เสนอทางอื่น ราวกับว่าเขายอมแพ้
หลังจากที่ได้ยินคำตอบ โซรีน่าพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเหมือนเด็กๆ
หนึ่งในเรื่องที่เธอกังวลได้หายไปแล้ว
ในตอนสุดท้าย คาร์ดินัลบ่นพึมพำเบา และมีคำ ‘ยัยเด็กบ้านนอก’ หลุดออกมา แต่โซรีน่าทำราวกับว่าเธอไม่ได้ยิน
….นักบุญเป็นตัวตนที่โดดเดี่ยว
ด้วยความสามารถทางกายภาพและพลังอันน่าอัศจรรย์จากพระเจ้า เด็กผู้หญิงเหล่านั้นต้องทุ่มเทและจงรักภักดีตามคำสั่ง
ถึงแม้ว่าคนอื่นๆจะอิจฉาตำแหน่งของพวกเขาก็ตาม
เพื่อช่วยเหลือทุกสิ่ง เพื่อปกป้องรอยยิ้มทั้งมวลไว้
เธอจะใช้ปาฏิหาริย์นี้เพื่อช่วยเหลือเหล่าผู้ที่ไม่อาจช่วยตนเองได้
“ขอบคุณ ขอให้พระเจ้าเอรอสคุ้มครอง…”
คคาร์ดินัลจากไปโดยไม่รอคำตอบจากเธอ
ในขณะจ้องไปยังแผ่นหลังของคาร์ดินัลอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ บุปผาฝังศพ นักบุญโซรีน่าพึมพำออกมา
“ข้าจะต้องช่วย….”
คำพูดของเธอละลายหายไปพร้อมกับหิมะ
กองทัพศักดิ์สิทธิ์จะต้องรับรู้ได้ถึงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้อย่างแน่นอน
…………
……
…
“สนุกมาก ช่วงเวลาแห่งการสร้างสนุกสุดๆไปเลย!”
เสียงมีชีวิตชีวาของอาโทวดังก้องไปทั่วดินแดนต้องสาป
เหล่าประชาชนเองก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน ถึงมันจะเป็นแค่โครงคร่าวๆ แต่ตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารของอาณาจักรก็ได้ถูกแต่งตั้งแล้ว
อาณาจักรเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
ในที่สุด เวลาสำหรับกิจการภายในที่ทาคุโตะและคนอื่นๆ รอคอยก็มาถึง
“อาณาจักรของท่านทาคุโตะเปรียบเสมือนเด็กแรกเกิด มันจะแผ่ขยายออกไปเหนือท้องทะเล และพลังที่เอื้อมไปสวรรค์ เราต้องหวังพึ่งพวกเจ้าในก้าวแรกนี้แล้ว”
แท่นหินกลายเป็นตำแหน่งตายตัวตั้งแต่ทาคุโตะมาถึงโลกนี้
ปัจจุบันสถานที่นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก
บัลลังก์ที่เหล่าดาร์คเอลฟ์ทุ่มเทจิตใจและเลือดเนื้อสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ
พรมที่ถักทอด้วยหญ้า และที่สำคัญที่สุด อาคารอย่างเรียบง่ายพร้อมด้วยหลังคาถูกสร้างเสร็จแล้ว
อาคารแห่งนี้เป็นแค่การรวมตัวกันของต้นไม้หลายๆต้น แต่ถึงอย่างนั้น ทาคุโตะก็รู้สึกดีใจ
การประชุมถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่โต๊ะหน้าบัลลังก์
ณ ที่แห่งนั้น มีแค่อาโทวและผู้เฒ่ามอลทาร์นั่งอยู่เท่านั้น แต่ทาคุโตะแน่ใจว่าจะต้องมีคนอีกจำนวนมากมานั่งที่นั่น
ขณะที่วาดฝันถึงเรื่องนั้น ทาคุโตะก็ตัวสั่นอย่างมีความสุข
ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี
ทาคุโตะหลับตาลงเงียบๆ และทบทวนข้อมูลของอาณาจักรทั้งหมด
พลังเวทย์ของอาณาจักรถูกเก็บสะสมเพิ่มขึ้นอย่างราบรื่น
พวกมันถูกรวบรวมด้วยลักษณะเฉพาะของสิ่งปลูกสร้างและผืนดิน โดยพื้นฐานมันก็เหมือนกับภาษีที่เรียกเก็บจากประชาชนเป็นเปอร์เซ็นต์อย่างคงที่ในแต่ละเดือน
และปัจจัยสำคัญก็คือ จำนวนที่ถูกเก็บได้นั้น ขึ้นอยู่กับความเป็นอยู่ของประชาชน
มันมีระบบที่เรียกว่าการบังคับเก็บอยู่เช่นกัน โดยการละเมิดสิทธิ์มนุษยชน และบังคับเก็บเกี่ยวพลังเวทย์ออกมา
แต่สุดท้ายแล้ว การทำให้ประชาชนมีความสุขเป็นวิธีเก็บเกี่ยวพลังเวทย์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
(ด้วยมือคู่นี้ มาทำให้ทุกคนมีความสุขที่สุดกันดีกว่า!)
――กล่าวอีกนัยนึงก็คือ ความสุขของประชาชนจะทำให้ไมน็อกกราห์พัฒนาเร็วยิ่งขึ้น
ทาคุโตะตัดสินใจจะไม่กลายเป็นผู้นำที่ชั่วร้าย เขาลูบบัลลังก์และเพลิดเพลินไปกับการทำงานของเหล่าผู้ใต้บัญชาอย่างพึงพอใจ
เนื่องจากความผิดปกติในการสื่อสารของเขา การประชุมจึงดำเนินต่อไปโดยที่ทาคุโตะไม่ข้องเกี่ยว เขากลายเป็นตัวตนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างสบายๆ
“ท่านอาโทว อาคารแบบใดที่เราควรจะสร้างก่อน?”
“หืม ไหนมาดูสิ”
อาโทวเท้าคางด้วยนิ้วและใช้ความคิด
ทาคุโตะเคยคุยกับอาโทวเรื่องบริเวณนี้ไปแล้ว ทาคุโตะมั่นใจว่าเขารับมือได้
ทาคุโตะกำลังทบทวนนโยบายต่างๆก่อนหน้านี้อยู่
อาโทวพยักหน้าทันทีเมื่อเห็นเขาพอใจ
ทาคุโตะบอกแผนเดิมให้แก่ดาร์คเอลฟ์
“เราจะสร้างสถานที่ผลิตอาหารก่อน พวกเราคงต่อสู้ไม่ได้ถ้าท้องหิว”
“เข้าใจแล้วขอรับ อาหารเป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่ใช่ว่าอาหารสามารถสร้างได้อย่างไร้ขีดจำกัดด้วยพลังเวทย์ขององค์ราชาอย่างนั้นรึขอรับ?”
“แน่นอน แต่ทำไมองค์ราชาถึงต้องทำอะไรอย่างนั้นล่ะ? แล้วอีกอย่าง เมื่อเขตแดนขยายมากขึ้นในอนาคต การขนส่งเองก็จะมีปัญหาแน่นอน”
“ข้าเห็นด้วยกับท่าน ได้โปรดอภัยในความคิดอันตื้นเขินของข้าด้วย”
“ไม่เป็นไร ทีนี้เรามาคุยกันเรื่องสถานที่ผลิตไอคอนอาหารกันเถอะ”
อาโทวโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเธอก็หยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าตรงหน้าอก
ผู้เฒ่ามอลทาร์งุนงงกับคำพูดแปลกๆของอาโทว แต่เขายังพอเข้าใจมัน และสิ่งที่อาโทวหยิบออกมาคือต้นอ่อน
“ปลูกต้นอ่อนนี้ จากนั้นให้สร้างสิ่งปลูกสร้างสำหรับจัดการ และพื้นที่จัดเก็บอาหาร รายละเอียดอื่นๆไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
“นี่คือต้นอะไรหรือขอรับ?”
มันใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อย
มันมีรากและกิ่งก้านที่คอดกิ่วแปลกๆ
น่าเสียดายที่ผู้เฒ่ามอลทาร์ไม่รู้จักมัน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามันจะเติบโตไปเป็นอะไร
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่เหมือนกับเมล็ดที่เอมัลแอบเอาไปเพาะพันธ์ุ เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างจากปกติ
“มันคือต้นเนื้อมนุษย์”
“เอ๋?”
“ต้นเนื้อมนุษย์”
มันผิดปกติเกินไป
อาโทวค่อนข้างประทับใจ ถึงเธอจะต้องพูดซ้ำก็เถอะ แต่เธอก็โชว์มันอย่างภูมิใจ
ผู้เฒ่ามอลทาร์ไม่รู้ว่าควรจะแสดงท่าทีอย่างไรดี อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่ามอลทาร์รู้ดีว่านี่ไม่ใช่พืชที่มาจากโลกใบนี้
ถ้าให้พูดตรงๆ เขาไม่อยากให้ต้นไม้ประหลาดนั่นมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้
“สิ่งนั้น หากท่านอาโทวไม่ว่าอะไร โปรดช่วยอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม….”
“มันคือหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างสำหรับผลิตอาหารจากอารยะธรรมของเรา ถ้าให้เจาะจงกว่านั้น มันคือต้นไม้ที่ออกผลเป็นเนื้อที่มีรสชาติเหมือนกับเนื้อมนุษย์”
“มันดูชั่วร้ายใช่มั้ยล่ะ”
ทันใดนั้นราชาที่มีปัญหาด้านการสื่อสารได้พูดแทรกเข้ามา
ดูเหมือนเขาจะเหนื่อยกับการลูบบัลลังก์ไปมาแล้ว ถึงทาคุโตะจะมีท่าทีแบบนั้น แต่ทั้งสองคนก็ดูเข้าใจได้
ผู้เฒ่ามอลทาร์บ่นเล็กน้อย อาหารเป็นสิ่งจำเป็นก็จริง ถ้าให้พูดชัดกว่านั้นคือ การกินเนื้อจะให้พลังงานมากกว่ากินพวกธัญพืชและผักต่างๆ
อย่างไรก็ตาม การกลายเป็นปีศาจไม่ได้หมายความว่าการรับรสของเขาจะเปลี่ยนไป
ผู้เฒ่ามอลทาร์ยังคงชอบเนื้อปลามากกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆ ไม่ใช่ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากงั้นรึ?…
เขาวิตกเกินไปหรือไม่?
ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อเนื้อมนุษย์….
“เข้าใจแล้วขอรับ อย่างไรก็ตาม มันคงใช้เวลาสักพักกว่าจะชินกับเนื้อมนุษย์ ข้าไม่แน่ใจว่าจะอธิบายอย่างไรดี แต่บางคนมีความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับเนื้อมนุษย์”
“ข้าไม่คิดว่าเจ้านี่มันจะครอบคลุมได้หมดอยู่แล้ว เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
“คงจะมีทั้งผู้ที่ชอบและไม่ชอบเป็นแน่”
ในที่สุดผู้เฒ่ามอลทาร์ก็รู้สึกโล่งใจ
ดูเหมือนปัญหาเรื่องอาหารจะถูกแก้ไขด้วยประการฉะนี้
เขาเข้าใจความทุกข์ทรมานจากการหิวโหยมากกว่าคนอื่น
เขาขอบคุณองค์ราชาอย่างจริงใจที่ไม่ทำให้เผ่าของพวกเขาทรมานและลำบากในการตัดสินใจมากไปกว่านี้
อย่างไรก็ตาม วิธีแก้ปัญหานั้นราวกับประชดกันก็คือ : ผลไม้ที่มีรสชาติเหมือนเนื้อมนุษย์
=ข้อความ=============
สิ่งปลูกสร้างได้ถูกเลือก
อยู่ระหว่างการก่อสร้าง! [ต้นเนื้อมนุษย์]
―――――――――――――――――
=สารานุกรม============
[ต้นเนื้อมนุษย์]สิ่งปลูกสร้าง
อาหาร +1 การผลิตอาหาร +10%
การฟื้นฟูของยูนิตปีศาจ +10%
《Human Meat Eater》ยูนิตจะได้รับการฟื้นฟู +50%
ต้นเนื้อมนุษย์คือสิ่งปลูกสร้างเฉพาะสำหรับไมน็อกกราห์ และเป็นทางเลือกแทนโรงเก็บอาหาร
ความสามารถทั่วไปของมันคือ เพิ่มผลการฟื้นฟูของยูนิตมอนสเตอร์
นอกจากนี้มันยังเพิ่มการฟื้นฟูของ 《Human Meat Eater》 ยูนิตขึ้นอย่างมาก