Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 18 Witch
คณะสำรวจถูกส่งมาโดยอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลีย เพื่อสืบสวนเรื่องภัยพิบัติ
หลังจากการเจรจาล้มเหลว และจบลงด้วยการสังหารหมู่ อาโทวรีบเก็บกวาดศพ และรายงานกลับไปยังราชาของเธอ
“แม่มด… นั่นเป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยได้ยินใน ‘Eternal Nations’ มาก่อนเลย”
“ใช่ค่ะ ท่านทาคุโตะ”
“หลังจากการเผชิญหน้าครั้งนี้แล้ว ฉันมั่นใจเลยว่าโลกนี้ไม่ใช่ Eternal Nations ถึงมันจะมีระบบบางส่วนของเกมอยู่ แต่เราต้องคิดถึงบางอย่างที่ต่างออกไป”
ตอนที่พวกเขามายังโลกใบนี้ ทาคุโตะและคนอื่นๆได้เก็บรวบรวมข้อมูลมามากมาย
หนึ่งในข้อสรุปที่พวกเขาได้คือ โลกใบนี้แตกต่างจากเกม Eternal Nations
เหตุผลหลักก็คือเรื่องของอารยธรรม
ทั้งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลีย และสหพันธ์แห่งจิตวิญญาณเอลนาร์ ไม่มีตัวตนอยู่ในเกม Eternal Nations
เพิ่มอีกอย่างคือ ทั้งสองอาณาจักรมีตัวตนที่เรียกว่า ‘นักบุญ’ ซึ่งทำให้ทั้งสองฝ่ายทรงพลังมาก
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่บ่งชี้ถึงกฎอันเป็นเอกลักษณ์ของโลกใบนี้
บางอย่างที่เรียกว่า ‘เคลื่อนย้ายสู่ต่างโลก’….
ทาคุโตะนึกถึงเรื่องราวแฟนตาซีที่ได้รับความนิยมในช่วงนึงของชีวิตเขา
“นั่นคือผลลัพธ์ของการวิเคราะห์อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์จากความทรงจำที่อาโทวขโมยมาใช่ไหม?”
“ใช่แล้วค่ะ ฉันเห็นเพียงแค่ภาพบางส่วนของความทรงจำที่มีความรู้สึกแรงกล้าก่อนตายเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็เข้าใจได้ถึงเศษเสี้ยวบางอย่างที่พวกเขาได้ผ่านมาค่ะ
พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก่อนที่จะเป็นแบบในปัจจุบัน และไม่เคยมีประสบการณ์ในการขัดแย้งทางการทหารในช่วงสองถึงสามทศวรรษที่ผ่านมา
ยังไม่มีการยืนยันถึงผู้นำที่แข็งแกร่ง ถ้าจะให้ตัดสินในฐานะผู้เล่นล่ะก็ น่าจะอยู่ในระดับมือใหม่ค่ะ”
“รวมถึงความวุ่นวายในเขตทางเหนือด้วยรึเปล่า?”
อาโทวมีสกิลในการรับเอาความสามารถของยูนิตที่ถูกเธอทำลาย
ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ แต่พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงมันตั้งแต่มายังโลกใบนี้แล้ว
ความสามารถนี้ยังช่วยให้เธอสามารถอ่านความคิดที่แรงกล้าของฝ่ายตรงข้ามในตอนที่พวกเขาตาย
ระบบนี้ที่ไม่มีในเกม ทั้งสะดวกสบายและทำให้น่ากังวลในเวลาเดียวกัน
มันเป็นหลักฐานว่าสามัญสำนึกตามปกติและกฎเกณฑ์ต่างๆไม่อาจนำมาใช้กับเรื่องนี้ได้ และยังเป็นการเตือนด้วยว่าถ้าพวกเขาทำตามระบบของเกม และสร้างอาณาจักรตามระบบ มันจะเกิดปัญหาขึ้นในบางจุด
ทาคุโตะรู้สึกว่าเขากำลังถูกบอกอยู่ว่านี่มันไม่ใช่เกม มันคือความจริง แต่เขาโยนความคิดนั้นทิ้งไปและหันเหความสนใจไปที่อื่นแทน
สรุปแล้วก็คือ แม่มดถูกเชื่อว่าเป็นสาเหตุของความวุ่นวายในเขตทางตอนเหนือของควอเลีย
นี่คือหัวข้อการพูดคุยที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
เหตุการณ์ที่ไร้ซึ่งความแน่นอนนี้จะส่งผลกระทบต่ออาณาจักรของพวกเขายังไงบ้าง?
หากควอเลียล่มสลายแล้วพวกเขาจะเป็นรายต่อไปหรือเปล่า?
ก่อนอื่น มันมีความเป็นไปได้ไหมที่หลังจากคณะสำรวจซึ่งถูกสังหารหมู่ จะทำให้ควอเลียหันมาจับตามองพวกเขา
ความคิดมากมายตีกันอยู่ในหัวของทาคุโตะ
“พวกเราโชคดีที่ควอเลียยังไม่มีกำลังทหารมากพอ เนื่องจากปัญหาทางตอนเหนือ ทำให้โอกาสที่ควอเลียจะส่งทหารจำนวนมากมาที่นี่ลดลงไป”
“เพราะฉะนั้น เหตุผลที่พวกเขาส่งอัศวินศักดิ์สิทธิ์สองคนมาทำการสืบสวนเป็นแค่เรื่องที่พวกเขาต้องการปกปิดสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นสินะ”
ถึงมันจะเล็กน้อย แต่ข้อมูลที่ได้จากอัศวินศักดิ์สิทธิ์เวอร์เดลค่อนข้างมีประโยชน์
เพราะอาณาจักรของพวกเขามีระบบรัฐ ทำให้ความขัดแย้งในแต่ละรัฐค่อนข้างตึงเครียด และทาคุโตะพบว่ามันทำให้พวกเขาฉุดกันและกันลง
ยิ่งไปกว่านั้น ความซับซ้อนทางการเมืองขององค์กรขนาดใหญ่ ทำให้เกิดผลลัพธ์คือมีกระบวนการตัดสินใจค่อนข้างล่าช้า
นักบุญได้ทำนายว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้นในดินแดนต้องสาป แต่พวกเขาก็ยังไม่อยากยืนยันและจัดการกับมันเพราะว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในอาณาจักร
ดังนั้น พวกเขาจึงทำการตรวจสอบเพื่อจะปกปิด นั่นตัดสินได้ว่าเป็นการกระทำที่โง่เขลา
ทาคุโตะรู้สึกเบื่อหน่ายกับความบกพร่องในระบบองค์กรของควอเลีย แต่เขาสั่นศรีษะ และคิดว่ามันคงเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในการบริหารอาณาจักรที่ใหญ่โตขนาดนี้
“พวกเราทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งด้วยความจงรักภักดีต่อท่านทาคุโตะ แล้วเหตุใดพวกเราจึงจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นกันเล่า?”
“ขอบคุณนะ”
อย่างที่กล่าวไป ตัวตนของแม่มด และปัญหาที่ควอเลียต้องเผชิญส่งผลให้สถานการณ์ของไมน็อกกราห์ดีขึ้น
ความจริงที่ว่าควอเลียทุ่มเทกำลังในการจัดการกับความวุ่นวายทางตอนเหนือทำให้อะไรอะไรมันง่ายสำหรับไมน็อกกราห์ พวกเขารู้สึกขอบคุณกับเรื่องนั้น
อีกด้านหนึ่ง เป็นเรื่องแปลกที่อารยธรรมฝ่ายดีอย่างสหพันธ์แห่งจิตวิญญาณเอลนาร์ยังคงเงียบอยู่ ข้อเท็จจริงที่ไม่มีการเคลื่อนไหวจากพวกเขานั้นเป็นประโยชน์ต่อทาคุโตะและคนอื่นๆ
ในความคิดของทาคุโตะ การฆ่าทิ้งทั้งหมดยังดีกว่าที่จะปล่อยพวกเขากลับบ้านไป และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขภายใต้ฉากหน้านั้น
ยิ่งเก็บเป็นความลับได้นานเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งได้เปรียบเท่านั้น
ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตนจนกว่าจะสร้างผู้กล้าตัวใหม่ได้สำเร็จ
….ไม่มีที่ให้กับความสงสารสำหรับผู้ที่ตายแม้แต่นิดเดียว
“เอ่อ ท่านทาคุโตะ–”
“เธอพบอะไรเกี่ยวกับแม่มดบ้างหรือยัง?”
อาโทวกำลังจะถามอะไรบางอย่าง แต่ทาคุโตะขัดขึ้นมาซะก่อน
เขาจมอยู่ในความคิดดังนั้นจึงพลาดคำพูดของอาโทว
แน่นอนว่าสำหรับเธอแล้วทาคุโตะสำคัญที่สุด
หากราชามีคำถาม เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบมัน
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเธอเปิดปากถามแล้ว มันอาจจะไม่มีเวลาให้หยุดคิดเลยด้วยซ้ำ
“โชคไม่ดีที่ข้อมูลเกี่ยวกับแม่มดมีไม่มากนัก… แต่ที่ฉันรู้คือมันเป็นสาเหตุของความเสียหายต่อเมืองและกองทัพของควอเลียค่ะ ฉันได้ทราบถึงชื่อของหนึ่งในแม่มดทั้งสอง”
“อะไรนะ?”
อ้างอิงจากความทรงจำของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันมีแม่มดที่ได้รับการยืนยันอยู่สองตน ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ควอเลีย
ทาคุโตะช่วยไม่ได้ที่จะตกใจกับเรื่องที่ว่าพวกเขาได้สร้างความเสียหายจำนวนมาก แต่เขาก็ยังกังวลเรื่องตัวตนของพวกเขามากกว่า
แม่มดที่อาโทวพูดถึงเป็นคนแบบไหนกัน?
เมื่อนึกถึงความทรงจำของอัศวินศักดิ์สิทธิ์เวอร์เดล อาโทวได้เอ่ยชื่อที่ทำให้ราชารู้สึกไม่สบายใจออกมา
“แม่มดแห่งเสียงคร่ำครวญ เอราคิโนะ”
ชื่อนั้นหมายความว่ายังไงกัน?
มันอาจจะบ่งบอกถึงความสามารถของแม่มด แต่ถึงอย่างนั้น เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เรื่องดี
แน่นอน ทาคุโตะรู้ว่าบางทีพวกเขาเองก็อาจจะอยู่ฝ่ายชั่วร้าย…
“บางทีอาจจะมีคนที่เหมือนพวกเรา…”
ความวุ่นวายทางตอนเหนือเหมือนจะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้
ที่จริงแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีข้อมูลของสิ่งนั้นก่อนหน้าที่พวกดาร์คเอลฟ์จะถูกขับไล่ออกจากดินแดนบ้านเกิดเลย
ดังนั้นมันจึงมีช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกันอยู่
อีกนัยนึงคือ ทาคุโตะและอาโทวตกอยู่ในเรื่องบังเอิญที่แปลกประหลาด ตอนที่ไมน็อกกราห์มายังโลกใบนี้
กองกำลังอื่นๆที่มายังโลกใบนี้นอกจากพวกเขา……..
การแสดงออกของอาโทวเต็มไปด้วยความกังวล
เพราะมันเป็นที่แน่ชัดเลยว่า หากความกลัวของเธอกลายเป็นเรื่องจริง มันจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ? ถ้าหากพวกเขาเป็นฝ่ายชั่วร้าย ฉันคิดว่าน่าจะมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรต่อกันอยู่….”
“หืม…ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่พวกเราไม่สามารถเข้าใจกันได้ไม่ใช่หรอ?”
“นะ..นั่นสินะคะ….”
ทาคุโตะตัดสินใจอย่างเยือกเย็นขณะที่ยกมือขึ้นแตะคาง
อาโทวผงกหัวเล็กน้อย ดูเหมือนไม่มีทางเลือกนอกจากเห็นด้วยกับเขา
สิ่งนึงที่พวกเขารู้เกี่ยวกับตัวตนอันชั่วร้ายก็คือพวกนั้นอยู่ห่างไกลจากแนวคิดของการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน…
“ฝ่ายชั่วร้ายมันก็แค่พวกคนที่สมองไม่ปกตินั่นล่ะ…และพวกนั้นต้องการทำลายโลกใช่ไหม? แล้วพวกเขาจะได้อะไรจากการทำลายโลกกัน? หยุดพฤติกรรมที่ไม่คิดถึงอนาคตแบบนั้นสักทีเถอะ!”
“ดะ…โดยทั่วไปแล้ว เป้าหมายของพวกเขาคือทำลายโลก แล้วจากนั้นก็ทำลายตัวเองค่ะ”
“ตัวร้ายพวกนี้มันก็ทำเหมือนๆกันหมดนั่นล่ะ”
“ค่ะ…”
โดยปกติแล้ว พวกปีศาจมักจะไปด้วยกันได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ พวกเขาขาดในเรื่องความสามัคคีและมิตรภาพ ทั้งลูกน้อง ประชาชน และอื่นๆ ต่างก็เป็นแค่หมากเพื่อให้พวกเขาทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ และอาณาจักรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ก็เป็นศัตรูทั้งหมด
แน่นอนว่ามันอาจมีข้อยกเว้น แต่จะดีที่สุดถ้าไม่คาดหวังมากเกินไป
สุดท้ายแล้ว มันก็เป็นที่แน่ชัด ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังไหน ความสัมพันธ์ของพวกเขากับไมน็อกกราห์ก็เหมือนน้ำกับน้ำมัน ไมน็อกกราห์หวังในการร่วมมือกันอย่างสันติ
“ปัญหาก็คือพวกแม่มดทางตอนเหนือ พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมที่ปรากฏใน Eternal Nations รึเปล่า?”
“เหล่าผู้กล้าของอารยธรรมใน Eternal Nations เป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างมาก ตัวตนของพวกเขาจะทำให้โลกนี้ตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ มันก็เกือบจะแน่ชัดแล้วว่าแม่มดพวกนั้นครอบครองพลังต่อสู้เทียบเท่ากับยูนิตผู้กล้า….นั่นจะยุ่งยากอยู่บ้าง”
“ถึงจะมีตัวแปรมากมาย แต่เรามีกำลังพอที่จะหยุดกองทัพที่ทรงพลังแบบนั้นหรอ? แค่คิดก็รู้สึกปั่นป่วนไปหมดแล้ว ฉันอยากให้มียูนิตผู้กล้าในอาณาจักรเรามากกว่านี้จัง”
เวลาที่พวกเราได้เผชิญหน้ากันจะต้องมาถึง
ทาคุโตะคิดอย่างมืดมน เป้าหมายของพวกเขาคือทำให้ไมน็อกกราห์เจริญรุ่งเรืองในทุกๆทาง
ถึงแม้ว่าพวกเราไม่ได้อยากจะโจมตีใคร แต่มีอยู่หลายครั้งที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย มันยังเป็นเรื่องปกติอีกด้วย ถ้าหากกองกำลังนั้นไม่เห็นด้วยกับแนวทางของทาคุโตะ แล้วหันกลับมาแว้งกัดเอา
บางทีอาจจะไม่มีเวลาเหลือมากนัก ทาคุโตะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ให้กับสถานการณ์ของโลกที่ไม่น่าอภิรมย์นี้
“บางทีเราควรจะเอายูนิตผู้กล้าตัวอื่นแทนอิสลา น่าจะดีกว่าถ้าสร้างยูนิตที่มีพลังต่อสู้สูงกว่า”
“ใช่แล้ว มันจะใช้เวลาสักพักก่อนที่เราจะรวบรวมพลังเวทย์ที่จำเป็นมากพอจะสร้างผู้กล้า แต่ทั้งพลังเวทย์และเลเวลของสกิลที่ต้องการจะเพิ่มสูงขึ้นทุกๆครั้งที่เราสร้างผู้กล้าออกมา ฉันคิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบใหม่ค่ะ”
การที่จะสร้างผู้กล้า ทรัพยากรจำนวนมาก พลังเวทย์ และเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็น
ถึงแม้ทาคุโตะจะสามารถเตรียมทรัพยากรเพื่อสร้างผู้กล้าเพิ่มในสถานการณ์ปัจจุบันได้ก็ตาม มันก็ยังต้องใช้เวลา
กล่าวอีกนัยนึงคือ เขาจะต้องเลือกผู้กล้าตัวต่อไปอย่างระมัดระวัง
สมมติว่าเขาอัญเชิญอิสลามา เธอมีประโยชน์มาก แต่ความสามารถในการต่อสู้ไม่ค่อยดี ในกรณีนั้น เขาอาจจะโดนรุกฆาตในพริบตา
ทาคุโตะหวนนึกถึงความทรงจำของแมลงตัวเล็กๆจำนวนมากที่สร้างโดยอิสลาในเกมก่อนที่เขาจะตาย ยูนิตที่ถูกกวาดจนเกลี้ยงในหนึ่งเทิร์นจากเวทมนตร์ที่ถูกใช้โดยผู้กล้าฝั่งศัตรู
แม่มดและนักบุญ เขาควรจะเลือกกำลังรบอย่างระมัดระวัง
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้มาตรการเบื้องต้นเพื่อจัดการกับสิ่งต่าง ๆ และตัดสินใจทำการเปลี่ยนแปลงแนวทาง
“กลยุทธ์ควรมีความยืดหยุ่น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์–และฉันอยากจะเปลี่ยนแผนไปจากเดิมสักหน่อย”
“ทราบแล้วค่ะ จะเปลี่ยนไปในแนวทางไหนหรอคะ?”
“พันธมิตร ฉันอยากจะมีอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรเผื่อเอาไว้”
“อะไรนะคะ!? พันธมิตร? ….มันเป็นไปได้อย่างนั้นหรอคะ?”
ปฏิกิริยาของอาโทวเป็นเรื่องปกติ
มันเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับการยอมรับในการปกครองอาณาจักร แต่มันก็ยังเป็นเรื่องท้าทายสำหรับทาคุโตะ ผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร
นอกจากนี้ มันยังเป็นกลยุทธ์ที่ค่อนข้างยุ่งยากสำหรับไมน็อกกราห์ ที่เป็นฝ่ายชั่วร้าย
ให้พูดตรงๆคือ เธอไม่คิดว่ามันจะสำเร็จ
“แน่นอน…นั่นจะเป็นเฉพาะในกรณีที่อีกฝ่ายได้ประโยชน์ด้วย แต่มันจะถูกจำกัดไว้แค่พวกอาณาจักรที่อยู่ฝ่ายเป็นกลาง”
“หืม? ไม่ใช่ว่ามีอาณาจักรอยู่ใกล้ๆกับป่านี่หรอคะ? แน่นอนว่าหากมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นบนโลก สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องยอมลดท่าทีลง”
“แต่มันจะไม่เกิดขึ้นถ้าเราไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนล่ะนะ”
มันมีเมืองของมนุษย์อยู่ใกล้ๆดินแดนต้องสาป เราต้องทำการตรวจสอบให้มากกว่านี้ก่อน แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ มันสามารถทำได้
พวกเขาอาจจะไม่ประทับใจในการเผชิญหน้ากันครั้งแรกสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้น ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช่ชนชาติที่มีเป้าหมายในการพิชิต มันก็ยังมีช่องให้เจรจาอยู่
ยิ่งกว่านั้น พวกเขาน่าจะครอบครองทรัพยากรมากมาย อย่างพวกสินค้า และบริการที่จะได้รับผ่านการแลกเปลี่ยน
มันมีบางอย่างที่ไมน็อกกราห์สามารถมอบให้พวกเขาได้เช่นกัน
ในกรณีฉุกเฉินพวกเขาสามารถร่วมมือกันจัดการกับศัตรูได้
ทาคุโตะสังเกตุภาพที่ปรากฏขึ้นในหัวอย่างระมัดระวัง และตัดสินใจถึงแนวทางในอนาคต
มันเป็นการเสี่ยงโชคเล็กน้อย เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อีกฝั่งจะกลายเป็นศัตรูอยู่ ถึงอย่างนั้น หากพวกเขาทำสำเร็จ พวกเขาจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานของพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง
มันอาจจะดีกว่าที่จะเริ่มจากสิ่งนี้
นั่นคือสิ่งที่ทาคุโตะตัดสินใจได้ในท้ายที่สุด
“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกพวกดาร์คเอลฟ์มาพูดคุยเรื่องรายละเอียดของแนวทางของพวกเราให้เร็วที่สุดกันเถอะค่ะ”
อาโทวตอบรับราชาของเธอในทันที
ต้องตีเหล็กในขณะที่มันยังร้อน เธอออกไปยังหมู่บ้านของดาร์คเอลฟ์ในนามของทาคุโตะ
ทาคุโตะที่พูดให้กำลังใจเรียบร้อยแล้ว จ้องมองไปยังความว่างเปล่าขณะที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ภายในพระราชวังตามลำพัง
นั่งอยู่อย่างเงียบงัน แสดงออกราวกับว่าตัวเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
= สารานุกรม ============
[แม่มด] ประเภทยูนิต
แม่มดเป็นยูนิตพิเศษ
พวกเขามีเพียงแค่ 7 ตน ในโลกจำลอง พวกเขาทั้งหมดมีความสามารถ และสกิลการต่อสู้อันทรงพลังตั้งแต่เริ่ม
นอกจากนั้น ยูนิตแม่มดยังสามารถร่ายดีบัฟใส่ยูนิตศัตรูได้อีกด้วย เมื่ออยู่ในกองทัพขนาดใหญ่ การจัดการกับแม่มดหรือนักบุญเป็นสิ่งที่ควรทำมากที่สุด
เมื่อถูกจัดการลงแล้ว มันไม่สามารถถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ดังนั้นควรสั่งการด้วยความระมัดระวัง ตัวมันเองยังเป็นยูนิตที่ส่งผลต่อการเล่นอีกด้วย
แม่มดที่เป็นที่รู้จักในปัจจุบัน
7 แม่มดผู้ชั่วร้ายที่เป็นที่รู้จักในฐานะมหันตภัยแห่งทวีปไฮดราเกีย
>อาโทว แม่มดแห่งโคลนเลน
>เอราคิโนะ แม่มดแห่งเสียงคร่ำครวญ