Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 30 Incident
เมื่อทาคุโตะโดนอิสลาบังคับให้ทำตัวดีขึ้น ในเมืองมังกร อาโทวและทหารคนอื่นๆเองก็ทำหน้าที่ของพวกเขาอย่างสุดความสามารถเช่นกัน
แต่การต่อสู้ที่เมืองมังกรมันไม่ใช่การป้องกันอีกต่อไป มันกลายมาเป็นการล่าแทน
“อ๊ะ ท่านอาโทว! พวกก็อบลิน ประมาณ 5 ตัว! จากทางทิศใต้!”
“จ้า จ้า รู้แล้ว”
นอกเมืองมังกร ที่ตั้งค่ายพักชั่วคราว
อาโทวรับรายงานจากหน่วยสอดแนมของฟอว์นคาเวน
นี่พวกเขารายงานเรื่องเดิมๆซ้ำมากี่รอบแล้วล่ะเนี่ย?
เธอรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ตอนที่เธอกำลังจะดื่มชาหายากที่พบในเมืองมังกรพอดี
เธอก้าวออกมาจากที่พัก และมองไปยังเส้นขอบฟ้า
จากนั้นสักพัก
รยางค์ขนาดใหญ่ปรากฏออกมาจากหลังของเธอ และแทงลงบนพื้น
เสียงที่น่าสยดสยองดังมาจากใต้พื้นดิน และจากนั้นก็มีเสียงของเนื้อหนัง และกระดูกที่แตกหัก พร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังมาจากที่ไกลๆ
“เป็นการล่าที่ดี–เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว”
“ขะ ขะ ขอบคุณครับ!”
หน่วยสอดแนมทำท่าวันทยาหัตถ์ และรีบพาตัวเองออกไป
ถึงเขาจะดูหวาดกลัวนิดหน่อย แต่อาโทวก็รู้สึกโล่งอกที่เขาไม่ได้ร้องไห้ออกมา
มันยากที่เผ่าอื่นๆจะยอมรับพวกปีศาจ
โดยปกติแล้ว มันควรจะเกิดการโต้แย้งขึ้นในเมืองมังกร ก่อนที่พวกเขาจะยอมรับกองทัพของไมน็อกกราห์…
แต่พวกเขาพบวิธีที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนั้น
ที่จริงแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะหวาดกลัวอาโทว แต่ก็ไม่ได้เกลียดชังเธอ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาคืออาโทวรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ถึงจะเป็นไปตามมาตรฐานของพวกก๊อบลินก็เถอะ แต่พวกมันไร้ประโยชน์ขนาดนี้เชียว?”
“เจ้าเองหรือ ผู้เฒ่ามอลทาร์…”
ก่อนที่เธอทันจะรู้ตัว ผู้เฒ่ามอลทาร์ก็มายืนเคียงข้างเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่เรียบร้อยแล้ว
อาโทวตอบโดยไม่หันกลับไปมองเขา และหันหน้าไปเส้นของฟ้าอีกฝั่งพร้อมๆกับจิบชาไปด้วย
“ตอนนี้เจ้าพวกคนจากเมืองมังกรต่างก็เรียกข้าว่ามนุษย์ปลาหมึกกันหมดแล้ว…”
“โฮ่ โฮ่ โฮ่! ช่างน่าเกรงขามยิ่งนักขอรับ!”
ขณะที่หัวเราะให้กับรยางค์ที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านหน้าเขา ผู้เฒ่ามอลทาร์ก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่อาจทราบได้
ก็เหมือนอย่างเคย เหล่าผู้คนรอบๆตัวพวกเขาต่างก็ก็กำลังยุ่งอยู่กับการซ่อมแซมแนวป้องกันของฟอว์คาเวน
ทหารบางนายที่อาโทวนำมาด้วยดูเหมือนจะทำงานร่วมกับกองทัพที่คอยปกป้องเมืองมังกรได้ดี
อาโทวคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีต่อการฝึกต่อสู้ ผู้เฒ่ามอลทาร์ถามเธอยังสงบพร้อมกับคทาที่ถืออยู่ในมือ
“เช่นนั้นแล้ว ท่านอาโทว ตอนนี้ท่านดูดซับความสามารถมาได้มากแค่ไหนแล้วงั้นหรือขอรับ?”
“[กิจกรรมกลางแจ้ง] ของก๊อบลิน [เสริมพลัง] ของออร์ค และ [พละกำลังเหนือมนุษย์] ของยักษ์ภูเขา แถมยังมี [ฟื้นฟู] ด้วย วันก่อนข้าเห็นโกเล็มหินอยู่ เพราะงั้นข้าเลยอยากได้ [หนังศิลา] ของมันเพิ่ม”
การร่วมมือครั้งนี้ทำให้พวกเขาเก็บเกี่ยวได้มากมาย
พวกคนเถื่อนมีพลังต่อสู้ที่ต่ำ ดังนั้นยูนิตที่มีพลังต่อสู้สูงพอก็สามารถรับมือกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย
ถึงพวกมันจะมีความแข็งแกร่งเท่ากับทหารทั่วไป แต่พวกมันก็มีความสามารถที่เป็นประโยชน์
ความสามารถพวกนั้นไม่สมดุลกับความแข็งแกร่งของมัน อาโทวแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าที่คาดเอาไว้ จากการปราบกับพวกมัน
แค่ได้ยินชื่อของความสามารถเหล่านั้น ผู้เฒ่ามอลทาร์ก็พอจะเดาผลของมันได้แล้ว
ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกยินดี เพราะอาโทวความแข็งแกร่งขึ้น และได้รับความสามารถดีๆมากมาย
“ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะได้ประโยชน์มากขนาดนี้ ข้าคิดว่าฝ่าบาทจะต้องยินดีมากแน่ๆเลยขอรับ”
“ใช่แล้ว! ท่านทาคุโตะจะต้องชมฉันแน่ๆ! เมื่อกลับไปแล้วฉันจะต้องได้รับคำชมมากกว่านี้อีก”
“นั่นจะต้องเป็นเรื่องที่ดีมากแน่ๆเลยขอรับ ….โอ๊ะ?”
ผู้เฒ่ามอลทาร์ลูบเคราของเขา และใช้สายตาอันเฉียบคมมองไปยังภูเขาที่อยู่ด้านหน้า
อาโทวเองก็หันไปยังทิศทางเดียวกัน และพบเงาเล็กๆปรากฏขึ้นบริเวณสันเขา
“นั่นมันยักษ์ภูเขาไม่ใช่หรอ? หืมม วันนี้บุกถี่จังนะ”
ถึงแม้ว่าจะมีการบุกโจมตีจากคนเถื่อนอยู่หลายครั้ง แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ต้นตอของมัน จู่ๆพวกมันก็ปรากฏตัวขึ้นซะดื้อๆ
สถานการณ์ผิดปกติแบบนี้ทำให้พวกเขาตกอยู่ในความสับสน
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าอาจจะมีการใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้าย แต่จากการตรวจสอบของผู้เฒ่ามอลทาร์แล้ว มันไม่มีสัญญาณของการใช้เวทมนตร์เลยแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เพียงแค่การใช้เวทมนตร์ แต่เขาไม่รู้สึกถึงพลังเวทย์เลยด้วยซ้ำ
ผู้เฒ่ามอลทาร์มีความภาคภูมิใจในความรู้ด้านเวทมนตร์ของตัวเองเป็นอย่างมาก เขาสัมผัสได้ว่าพลังเวทย์บริเวณนั้นเบาบางมาก
พวกคนเถื่อนปรากฏตัวออกมาอย่างไร้สาเหตุ พวกมันทำลายทุกทฤษฎีทั้งหมดทิ้งโดยสิ้นเชิง ปรากฏการณ์นี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
จนถึงตอนนี้ การป้องกันเมืองมังกรและเสริมความแข็งแกร่งให้กับอาโทวยังดำเนินไปด้วยดี แต่การตรวจสอบสาเหตุการปรากฏตัวของพวกคนเถื่อนยังเป็นไปอย่างล่าช้า
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป นั่นหมายความว่าจะยังไม่สามารถกลับไปหาทาคุโตะได้ นั่นเป็นความเจ็บปวดที่อาโทวไม่อาจทนไหว
“ช่างเป็นปัญหาซะจริง ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับไปหาท่านทาคุโตะสักทีน่ะสิ…”
“ทะ ท่านอาโทว! ขออภัยด้วยครับ! ยักษ์ภูเขา! พวกเราจะเตรียมพลธนูเดี๋ยวนี้!”
หน่วยสอดแนมของเมืองมังกรปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง รอบนี้ใบหน้าของเขาดูจริงจังมาก
แน่นอนว่าเขารู้สึกกังวล เพราะความสามารถของยักษ์ภูเขาที่เขาเพิ่งเห็นนั้นอยู่ในระดับ 4
แถมพวกมันยังเป็นยูนิตที่ทรงพลัง ซึ่งมีความสามารถในการเสริมความแข็งแกร่งอย่าง [พละกำลังเหนือมนุษย์] และ [เพิ่มพลังกายภาพ]
ถ้าให้ทหารธรรมดาเข้าไปสู้กับมัน คงจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก และคงหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียไม่ได้แน่นอน
ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ ถ้าพวกเขาไม่ระวัง คงจะถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย
อีกฝ่ายมันแข็งแกร่งเกินกว่าที่ทหารคุ้มกันเมืองจะรับมือได้
“ข้ารู้แล้ว พลธนูมีแต่จะเกะกะ บอกให้พวกนั้นถอยไปซะ เดี่ยวข้าจัดการเอง”
“แต่ว่า! อ๊ะ ได้โปรดรอก่อนครับ!”
เธอก้าวออกมา และพุ่งตัวออกไปเร็วเกินกว่าที่หน่วยสอดแนมมนุษย์สัตว์คนนั้นจะหยุดไว้ทัน
เธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับม้าที่ห้อตะบึง และไปถึงตำแหน่งที่สามารถมองเห็นใบหน้าของยักษ์ภูเขาได้อย่างชัดเจน
–และการล่าก็ได้เริ่มต้นขึ้น
“โอวววว!?”
“สวัสดี และตายซะ”
ในฐานะที่เข้าเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นคนแรก อาโทวกระโดดขึ้นไปบริเวณดวงตาของยักษ์ภูเขาด้วยพละกำลังเหนือมนุษญื และฟันเข้าที่ใบหน้าของมันด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือเธอ
ยักษ์ภูเขาทำแขนไขว้เพื่อปกป้องจุดสำคัญ แต่ดาบที่อยู่ในมือเล็กๆของเธอกลับฟันผ่านร่างกายของยักษ์ภูเขาได้อย่างง่ายดาย
“โกววววว?”
เมื่อถูกฟันลึกเข้าไปถึงกระดูก ยักษ์ภูเขาก็เหวี่ยงกระบองของมันไปมาด้วยความโกรธ
ทุกครั้งที่กระบองของมันกระทบพื้น พื้นดินบริเวณนั้นถูกทำลายพร้อมกับส่งเสียงดังออกมา อาโทวกระโดดหลบการโจมตีของยักษ์ภูเขาไปมาราวกับนักยิมนาสติก และโจมตีกลับด้วยทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์
จำนวนของยักษ์ภูเขาที่อาโทวเคยจัดการมา เยอะซะจนสองมือของเธอก็นับไม่หมด
และเธอยังสังหารพวกคนเถื่อนขนาดกลาง-เล็ก อย่างออร์คและก๊อบลินไปอีกนับไม่ถ้วน
ในเมื่อไม่ได้ประโยชน์อะไร ก็ไม่จำเป็นต้องฝึกสู้ต่อแล้ว
อาโทวพยายามจะสู้กับมันด้วย “ทักษะดาบศักดิ์สิทธิ์” ที่เธอขโมยมาจากอัศวินศักดิ์สิทธิ์ของควอเลีย แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็น
(หรือว่าจะรีบจบด้วยรยางค์ไปเลยนะ?)
อาโทวคอยโจมตียักษ์ภูเขาไปเรื่อยๆ ขณะที่เธอกำลังกระโดดเบาๆ เธอก็คิดหาวิธีจัดการมันไปด้วย
ทันใดนั้น มานาแห่งการทำลายล้างได้ปรากฏขึ้นบริเวณรอบๆตัวเธอ
“โอ๊ะ?”
“กะกิ้? โกววววว……”
อากาศได้หยุดนิ่ง และกลิ่นไอชั่วร้ายบริเวณรอบๆได้เพิ่มขึ้น
ผืนดินได้เปลี่ยนสี
พืชบางชนิดในบริเวณนี้ต่างก็เปลี่ยนสีและเหี่ยวเฉา
การเคลื่อนไหวของยักษ์ภูเขาช้าลงอย่างเห็นได้ชัด และความสิ้นหวังก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของมัน
ในขณะที่อีกฝั่ง อาโทวที่เป็นปีศาจ รู้สึกได้ว่าเธอมีพลังเพิ่มขึ้น
“ผู้เฒ่ามอลทาร์ ฝีมือเจ้าสินะ? ฉลาดดีนี่”
เมื่อเธอมองกลับไป เธอก็เห็นผู้เฒ่ามอลทาร์กำลังใช้เวทมนตร์อยู่ไกลๆ
เขาน่าจะเรียกใช้เวทมนตร์ยุทธวิธีอย่าง [ดินแดนแห่งความเสื่อมโทรม]
เวทมนตร์นี้จะเปลี่ยนพื้นที่ที่เล็งไว้ ให้กลายเป็นดินแดนต้องสาป มันเป็นเวทมนตร์ที่ค่อนข้างสะดวกสำหรับเผ่าปีศาจ
หากใช้มันระหว่างการต่อสู้กับอาณาจักรอื่นๆนอกเขตแดนปีศาจ มันสามารถเพิ่มพลังให้กับกองทัพปีศาจ และทำให้กองทัพศัตรูอ่อนแอลงในช่วงเวลาเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสามารถนำมาใช้เพื่อขยายดินแดน โดยการเรียกใช้มันใกล้ๆกับเขตแดนของอาณาจักรได้อีกด้วย
แถมยังใช้พลังเวทย์น้อย ทำให้มันเป็นเวทมนตร์ที่สะดวกสุดๆ
เวทมนตร์นี้ต้องใช้มานาแห่งการทำลายล้างที่ถูกสร้างโดยราชวังไมน็อกกราห์ เขายังไม่เคยใช้มันในการต่อสู้จริงจนถึงตอนนี้
บางทีผู้เฒ่ามอลทาร์อาจจะต้องการทดสอบเวทมนตร์ของเขา
อาโทวหันความสนใจกลับมา และเธอก็ทำการตรวจสอบค่าสถานะของเธอทันที
“กุ กว้ากกกก!”
อาโทวที่หลบการโจมตีไปมาราวกับเต้นระบำ ทันใดนั้นก็หยุดเคลื่อนไหว
ยักษ์ภูเขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหยุดอยู่เฉยๆ แต่มันก็เห็นโอกาสนั้น จึงเหวี่ยงกระบอกออกไป
เกิดเสียงดังขึ้น ดวงตาของมันแสดงถึงความยินดี แต่ว่า…
“ฟุฟุฟุ เบาจังเลยนะ”
“กี้!!?”
อาโทวสามารถกันการโจมตีของยักษ์ภูเขาได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
เนื่องจากได้รับการเสริมพลังโดย [ดินแดนแห่งความเสื่อมโทรม] ทำให้ความสามารถของทั้งคู่ไม่ห่างกันมากแบบก่อนหน้านี้
ยักษ์ภูเขาแสดงสีหน้าสับสนและสิ้นหวัง
เธอแค่เล่นกับมันตั้งแต่แรกแล้ว มันไม่มีหวังที่จะรอดไปได้ได้เลย
“สีหน้าดูดีนี่ งั้นก็ ลาก่อน”
ยักษ์ภูเขาตกตะลึงที่การโจมตีสุดแรงของมันถูกสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆรับไว้ได้
อาโทวปลดปล่อยการโจมตีด้วยดาบที่ดีที่สุดลงบนใบหน้าของมัน
เธอฟันศรีษะของยักษ์ภูเขายาวลงไปจนถึงหน้าอก มันค่อยๆล้มลงบนพื้นจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น
อาโทวมองไปยังศพของยักษ์ภูเขาพร้อมกับถอนหายใจออกมา
ไม่อีกไม่กี่วัน พวกสัตว์ป่าก็จะมากินมัน แต่แน่นอนว่าภาพนั้นคงไม่น่าดูนัก
ในเมื่อที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับตัวเมือง คงจะดีกว่าถ้ารีบฝังศพมันให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
พวกเขาต้องทำอะไรแบบนี้ทุกครั้ง หลังจากที่สังหารพวกคนเถื่อนสำเร็จ บางครั้งงานพวกนี้มันก็ทำให้เหนื่อยยิ่งกว่าฆ่าพวกมันซะอีก
เมื่ออาโทวคิดถึงเรื่องนั้น จู่ๆศพมันก็หายไป อาโทวประหลาดใจมาก ดวงตาของเธอเบิกกว้าง และก้าวถอยหลังโดยไม่ทันตั้งตัว
“….เอ๋? หายไปหรอ?”
เหตุการณ์แปลกประหลาดยังไม่จบ
ศพของยักษ์ภูเขาได้หายไปจากบริเวณนี้ ราวกับใช้เวทมนตร์
เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อาโทวรีบตั้งท่าเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
เธอปลดปล่อยรยางค์ออกมา และมองไปรอบๆ
….ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
ไม่สิ แถวๆบริเวณที่ศพของยักษ์ภูเขาหายไป เธอมองเห็นหินก้อนเล็กๆที่สะท้อนแสงส่องประกายอยู่
อาโทวใช้รยางค์เส้นหนึ่งของเธอหยิบวัตถุนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“….เหรียญทอง?”
มันคือเงินที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน และมันทำมาจากทองคำ
……… …
……
…
“ดูเหมือนท่านอาโทวจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากข้าเลยสินะขอรับ –ไม่สิ ข้าไม่ใช่คู่มือของท่านตั้งแต่แรกอยู่แล้วขอรับ”
ผู้เฒ่ามอลทาร์ต้อนรับอาโทวที่กลับมาจากการต่อสู้อย่างมีความสุข
เขามีความสุขที่ได้รู้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของอาโทวได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น หรือไม่เขาก็พึงพอใจที่เวทมนตร์ของเขาใช้ในการต่อสู้จริงได้
“เจ้าคงเรียกตัวเองเป็นฮีโร่ไม่ได้หรอก ถ้ายังเอาชนะเจ้าพวกนี้ไม่ได้น่ะ ก็นะ นี่คือข้อพิสูจน์ว่าการลงมือตามแผนครั้งนี้เป็นไปด้วยดีเลยทีเดียว
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผู้เฒ่ามอลทาร์ เรื่องหลุมนั่นว่ายังไง?”
อาโทวนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมกับโบกมือตอบกลับคำชมของผู้เฒ่าทอลทาร์
จากนั้นเธอจึงถามถึงความคืบหน้าของงานเขา
คำสั่งที่ผู้เฒ่ามอลทาร์ได้รับมาก็คือ การวิจัยหลุมชีพจรมังกร
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากท่าทีของเขาแล้วเหมือนจะไม่มีปัญหา
“โชคดีที่เรื่องนี้ก็เป็นไปอย่างราบรื่นเช่นกัน มันทำให้ข้าประหลาดใจมากเลยขอรับ ดินแดนที่มหัศจรรย์เช่นนี้มีอยู่จริงๆด้วย”
ตามชื่อของมันเลย หลุมชีพจรมังกร ก็คือหลุมขนาดใหญ่บนแผ่นดิน
พลังเวทย์ที่ทะลักออกมาจากหลุมปีแล้วปีเล่าได้เกาะควบรวมกันจนกลายเป็นผลึก
แน่นอนว่าส่วนที่เหลือของหลุมชีพจรมังกรในเมืองมังกรเองก็ตกอยู่ในสถานะแบบเดียวกัน ผลึกเวทย์บางชิ้นเองก็ถูกตัดออกเพื่อนำมาวิจัยเช่นกัน
เมื่ออาโทวได้เห็นของจริง เธอก็รู้สึกประทับใจกับภาพที่น่าอัศจรรย์นี้ไปชั่วขณะ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมผู้เฒ่ามอลทาร์ถึงได้ดูตื่นเต้นขนาดนี้ แน่นอนเลยว่าคุณค่าที่แท้จริงของมันไม่ได้อยู่ที่รูปร่างอันงดงามแบบนี้
“ฟุฟุฟุ โชคดีจริงๆนั่นแหละ ถ้าเราสามารถใช้มานาบริสุทธิ์ของหลุมชีพจรมังกรได้ เราก็สามารถปรับปรุงพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ มันมีเวทมนตร์ที่สามารถเปลี่ยนจากทะเลทรายให้กลายเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ได้อยู่ ไมน็อกกราห์จะต้องวิจัยและพัฒนามันอย่างต่อเนื่อง”
“เวทมนตร์ทุกชนิดที่อยู่ใน ‘เวทมนตร์ยุทธวิธี’ นี่ช่างน่าสะพรึงกลัวนัก ข้าเองก็หวังยิ่งนักว่ามันจะมีเวทมนตร์ที่สามารถเปลี่ยนภูมิประเทศได้เหมือนกันขอรับ”
บทสนทนาที่เบ่งบาน และพวกเขาก็คิดเกี่ยวกับเรื่องในอนาคต
ไม่เกินจริงเลยที่จะบอกว่า ครั้งนี้ไมน็อกกราห์ได้ไพ่อันทรงพลังมาไว้ในมือแล้ว
ถึงจะยังอยู่ในขั้นตอนวิจัยและพัฒนา แต่ในอนาคต ไมน็อกกราห์จะได้ประโยชน์จากมันมากมาย และพวกเขาก็รอคอยมันอย่างคาดหวัง
“ข้ามั่นใจเลยว่าเจ้าจะต้องตกตะลึง แต่ตอนนี้คิดถึงมันไปก็เท่านั้น ว่าก็ว่าเถอะ ผู้เฒ่ามอลทาร์ ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าสักหน่อย”
“โอ้? เรื่องอะไรรึขอรับ?”
ในช่วงกลางบทสนทนา เมื่ออาโทวรู้สึกว่าทหารของฟอว์นคาเวนจากไปแล้ว เธอจึงตัดสินใจขอความรู้จากผู้เฒ่ามอลทาร์
มันเป็นสถานการณ์แปลกๆที่ยากจะมองออก แต่ไม่มีเหตุผลจะไม่สนใจมัน อีกอย่าง มันไม่ใช่ความคิดที่ดี ที่จะพูดมันออกมาอย่างเปิดเผย
“เจ้าเคยเห็นของสิ่งนี้หรือไม่?”
มันคือเหรียญทองที่เธอได้จากยักษ์ภูเขาก่อนหน้านี้
“หืม? ดูเหมือนว่ามันคือ—เงินหรือขอรับ? แถมยังเป็นเหรียญทองอีกด้วย…ท่านพบสิ่งนี้ที่ไหนหรือขอรับ?”
“มันดรอปจากยักษ์ภูเขาน่ะ”
“ดรอปหรือขอรับ?…หืม? ยักษ์ภูเขาดรอปสิ่งนี้ออกมาหรือขอรับ?”
“ใช่ มันเป็นของอาณาจักรที่เจ้ารู้จักหรือเปล่า?”
ในโลกใบนี้ ปกติแล้วจะไม่มีไอเทมดรอปจากศัตรู
หากมันมีตั้งแต่แรก พวกเขาจะต้องได้รับมันเมื่อศัตรูแพ้อย่างแน่นอน
แถมยังมีเหตุการณ์แปลกๆ เช่นการที่ศพหายไปอย่างปริศนาอีก
ใน Eternal Nations เองก็มีการดรอปไอเทมแบบนี้ แต่มันจะดรอปเฉพาะพวกเกราะในตำนาน หรือไอเทมอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อเกมอย่างรุนแรงเท่านั้น
เหรียญทองพวกนี้ดูไม่เหมือนไอเทมพวกนั้นเลย
ผู้เฒ่ามอลทาร์จ้องเขม็งไปยังเหรียญทองนั้น
เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่รู้จักมันเช่นกัน
“หืม? หืม ไม่เลยขอรับ ข้าไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนเลย ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำเหรียญนี้ขึ้นมา…น่าจะมีอยู่จริง แต่อาจจะไม่ใช่ในทวีปแห่งนี้ หากท่านไม่ว่าอะไร ข้าอยากจะขอนำไปให้เหล่านักวิจัยของเมืองมังกรตรวจสอบมันดู แต่ข้าคิดว่าน่าจะได้คำตอบแบบเดียวกันนะขอรับ”
“งั้นหรือ? ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็คงมาจากที่ไหนสักแห่ง… แต่ยังมีเรื่องอื่นที่น่ากังวลอยู่ ยักษ์ภูเขาที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ อยู่ศพของมันก็หายไป มันไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก่อนเลย”
“เงินจากทวีปอื่นที่ดรอปจากพวกคนเถื่อน และศพที่หายไป –นี่มันช่างน่าขนลุกไม่น้อยเลยขอรับ”
สีหน้าของอาโทวมืดมน
ตอนแรกเธอคิดว่ามันเป็นเหรียญที่ยักษ์ภูเขาได้มาจากเหยื่อที่น่าสงสาร แต่เห็นได้ชัดเลยว่าเธอคิดผิด
ถ้าเป็นแบบนี้ สถานการณ์จะยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก
มันมีเส้นใยที่มองไม่เห็นอยู่
ถ้ามีตัวตนลับที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างสูงที่สุด
พื้นที่บริเวณนั้นไม่มีอะไรเลย แต่ยักษ์ภูเขาก็หายตัวไปซะดื้อๆ
และยังหายไปทันทีที่เธอจัดการมันอีกด้วย
สิ่งที่เหลือไว้มีแค่เหรียญทองนี้
ทันใดนั้นเธอก็นึกออก เรื่องสถานการณ์แบบนี้ ที่เธอเคยได้ยินมาก่อน
“ใช่แล้ว นี่มันเหมือนกับเกมอาร์พี–”
ทันใดนั้น อาโทวก็ตกตะลึง
“ท่านอาโทวขอรับ?”
“บ้าน่า นี่มันเป็นไ…”
อาโทวลุกขึ้นจากเก้าอี้ และรีบใช้สองมือปิดตา
ผู้เฒ่ามอลทาร์จำได้ว่านั่นคือท่าที่เธอมักจะใช้เมื่อทำการติดต่อกับเจ้านายของเธอ ทาคุโตะ
ทันใดนั้น ทหารคุ้มกันก็พุ่งเข้ามาในเต็นท์
“สถานการณ์ฉุกเฉิน! กองทัพคนเถื่อนปรากฏตัวขึ้นแล้วครับ! พระเจ้าช่วย! พวกมันมาพร้อมกับจำนวนมหาศาล!”
ผู้เฒ่ามอลทาร์กระโดดออกจากเต็นท์ด้วยความว่องไว ที่ไม่สมกับอายุของเขา จากนั้นจึงมองไปยังเส้นขอบฟ้า
“นะ…นี่มัน!”
มันมีกองทัพคนเถื่อนที่แม้แต่ผู้เฒ่ามอลทาร์ซึ่งมีสายตาที่แย่ลงเพราะอายุ มองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล จำนวนของมันมหาศาลจนนับไม่ถ้วน ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังมุ่งหน้ามายังดินแดนแห่งนี้
=ข้อความ =============
อาโทวแห่งโคลนเลน ได้รับความสามารถจากการทำลายยูนิตดังต่อไปนี้
[กิจกรรมกลางแจ้ง]
・ จะไม่ได้รับบทลงโทษเมื่ออยู่ในสนาม
[เพิ่มพลังกายภาพ]
・ พลังการเคลื่อนที่ของยูนิตเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า
[พละกำลังเหนือมนุษย์]
・ พลังต่อสู้ของยูนิตเพิ่มขึ้น 1.1 เท่า
[การฟื้นฟู]
・ ทุกเทิร์นยูนิตจะได้รับการฟื้นพลังชีวิต 5%
・ ได้รับการฟื้นฟูพลังชีวิต 10% เมื่อทำการพักผ่อน
―――――――――――――――――
อีก 13 ตอน จะทันอิงแล้ว จะแปลทันก่อนสิ้นปีไหมหว่า