Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 4 Encampment
Episode 4: Encampment
ที่ชายแดนของดินแดนต้องสาป สถานที่ที่ดาร์คเอลฟ์ตั้งแคมป์อยู่ชั่วคราว ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบงัน
พวกเขาน่าจะมีกันอยู่ราวๆ 500 คนได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง มีผู้ชายอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือพวกเขาทั้งหมดอยู่ในสภาพเดียวกัน ทุกคนต่างก็ผอมซูบ และดวงตาของพวกเขาฉายแววแห่งความสิ้นหวัง
บางครั้งพวกเขาจะได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้ แต่จากนั้นก็ค่อยๆเงียบลงและหายไป
พวกเขาไม่มีกระทั่งแรงที่จะร้องออกมา แม้แต่เด็กๆก็ด้วย ทุกๆคนใกล้จะถึงขีดจำกัด สถานการณ์เข้าขั้นเลวร้าย
แต่โชคชะตาดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และในที่สุดสถานการณ์ก็ได้เปลี่ยนไป
หญิงสาวที่ดูแลคนป่วยอยู่กำลังรู้สึกวิตกกังวล ทันใดนั้นเธอก็ได้กลิ่นแปลกๆ
ไม่สิ มันเป็นกลิ่นของอาหาร– กลิ่นอันหอมหวานของอาหาร
ในขณะเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงที่แตกต่างกันจากต้นไม้ที่อยู่ไกลๆ
ทันใดนั้นกลุ่มคนได้มามุงรวมกัน นั่นใช่คนที่พวกเขารอคอยหรือไม่ หัวหน้านักรบผู้ที่พวกเขาฝากชีวิตไว้ จะสามารถทำภารกิจได้สำเร็จหรือ?
พวกเขาที่กำลังจะยอมแพ้ แต่ในที่สุดความเป็นจริงก็พลิกกลับ
“ข้ากลับมาแล้ว! ดูสิ! ข้าเจออาหารแล้ว!”
และปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้น
ใบหน้าของพวกเขาที่ก่อนหน้านี้ดูราวกับคนตายได้สดใสขึ้นอีกครั้ง และเริ่มทานอาหารในขณะที่จัดเตรียมส่วนของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ดิ้นรนเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จไว้ด้วยเช่นกัน
“เตรียมหม้อ! เตรียมทำอาหาร! เอาคนที่อาการแย่และป่วยมาก่อน! เอาผลไม้พวกนี้ให้พวกเขากินซะ!”
ทันใดนั้นทุกอย่างก็เริ่มเสียงดังขึ้นมา พวกเขาเริ่มทำงานในขณะที่รีดเค้นพลังงานที่เหลืออยู่จนหยดสุดท้าย
พวกเขาเตรียมหม้อ เตรียมน้ำ จุดไฟ และรีบนำผลไม้ไปให้ผู้ป่วย
ถุงป่านที่พวกเขานำมานั้นเต็มไปด้วยอาหาร
แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่มันไม่มีเวลาให้มางุนงงกัน พวกเขามีหลายอย่างที่ต้องทำตอนนี้
ในที่สุด ทั้งกลุ่มที่ก่อนหน้านี้อยู่ในสถานการณ์วิกฤตก็ปลอดภัยแล้ว
มีบางคนที่ตกอยู่ในอันตราย แต่ดูเหมือนว่าหัวหน้านักรบจะนำอาหารกลับมาได้ทัน
ทุกคนมีสีหน้ายินดีกับข่าวดีเป็นครั้งแรกในระยะเวลาอันยาวนาน
มีอาหารมากมายเหลือเฟือ มากเกินพอที่จะทำให้ทุกคนอิ่มท้อง
“เจ้าไปเอาอาหารมากมายมาจากไหนกัน? แม้ว่าเราจะหิวมากแค่ไหน แต่เราก็ควรจะเก็บไว้สักหน่อยและกินเท่าที่จำเป็นไม่ใช่หรือ?”
หญิงวัยกลางคนถามหัวหน้านักรบ แต่เขาตอบเธออย่างคลุมเครือ ในที่สุดคำถามนั้นก็ถูกกลบไปด้วยความปรารถนาที่จะเติมเต็มกระเพาะที่หิวโหยของเธอด้วยอาหารที่ดีที่สุด
◇ ◇ ◇
หลังจากนั้นสักพัก ในที่สุดความวุ่นวายก็สงบลง
อาหารส่วนเกินจะถูกคัดแยกและจัดเก็บอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่หลับสนิท หลับลึกราวกับตายและมีเพียงเสียงฟืนเสียงแตกหัก ภายใต้หม้อที่ว่างเปล่าในคืนที่อ้างว้าง
เหล่าผู้ที่อดอยากได้รับอาหารและพวกเขารอดชีวิตจากคืนที่ยาวนานและสิ้นหวัง
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถมุ่งหน้าสู่โลกแห่งความฝันได้โดยไม่ต้องอดหลับอดนอนและหิวโหย
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่ยังตื่นอยู่ในขณะที่คนอื่นๆหลับ
ห่างจากแคมป์ไปไม่มากนัก หัวหน้านักรบไกอานั่งอยู่ข้างกองไฟเล็กๆ และมองไปยังดวงดาวที่ส่องสว่างอยู่เหนือแมกไม้อย่างเงียบงัน
“วันนี้….ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักนะ”
“ผู้เฒ่ามอลทาร์รึ? เหล่าพี่น้องของพวกเราเป็นยังไงบ้าง?”
ชายผู้ที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาจากมุมมืดของต้นไม้ คือชายที่เป็นผู้นำของกลุ่ม ซึ่งเป็นนักปราชญ์และเป็นดาร์คเอล์ฟที่มีอายุยืนยาวที่สุด
ด้วยร่างกายที่เหมือนซากกิ่งไม้ผุๆ เขาเดินมาอย่างช้าๆด้วยไม้เท้า และนั่งลงตรงหน้าไกอาโดยมีกองไฟคั่นอยู่ตรงกลาง
“ทุกคนอิ่มท้องและนอนหลับกันหมดแล้ว ส่วนฝาแฝดที่ก่อนหน้านี้อาการแย่ก็ดีขึ้นแล้วเช่นกัน
ผลไม้ที่เจ้านำกลับมามันสุดยอดมาก ข้าก็อยู่มานานแล้ว แต่ไม่เคยเห็นผลไม้แบบนี้มาก่อนเลย”
เขาหลับตาลงเงียบๆ และนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในวันนี้
วันนี้ช่างเหมือนกับมรสุม
แสงได้ส่องมายังพวกเขาที่กำลังสิ้นหวัง ไกอาได้กลับมาพร้อมกับถ้อยคำแห่งความหวัง นำอาหารมาให้ทุกคนได้อิ่มท้อง
นอกจากนำอาหารที่ไม่เคยมีใครพบเห็นกลับมาแล้ว มันยังอร่อยจนน่ากลัวเลยทีเดียว
“ใช่แล้ว ข้าได้ชิมไปนิดหน่อย มันช่าง—ยอดเยี่ยมยิ่งนัก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้ารู้ว่ามีผลไม้ที่เลิศรสขนาดนี้อยู่บนโลกด้วย”
หลังจากยืนยันแล้วว่าอาหารได้ถูกแจกจ่ายให้ทุกคน ในที่สุดไกอาก็ลองชิมแอปเปิ้ลที่อยู่ในมือเขา
บางทีเขาอาจจะไม่มีวันลืมช่วงเวลานั้น
พร้อมๆกับเสียงกัด รสหวานได้เอ่อล้นขึ้นมาในปากของเขา
ของเหลวในผลไม้ได้ไหลออกมา
เขารู้สึกว่าร่างกายที่แห้งเหือดได้เต็มไปด้วยพลัง
จะกล่าวเป็นรสชาติของสวรรค์ก็ไม่ได้เกินไปนัก
มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อมาก
“…..เกิดอะไรขึ้นรึ?”
ไกอายังคงเงียบ
เขาไม่ได้อยากจะเงียบ แต่เขาไม่สามารถหาคำพูดใดมาอธิบายได้
มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น ความกลัวที่จะถูกหลอกโดยตัวตนนั้นได้ผุดขึ้นมาในใจเขา
บางทีผู้เฒ่ามอลทาร์อาจจะสังเกตได้ถึงความขัดแย้งภายในใจของเขา ดังนั้นจึงได้รออย่างอดทน
เมื่อเห็นใบหน้าตื่นตระหนกของไกอา ดูเหมือนเขาจะต้องผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดังนั้นผู้เฒ่าจึงตัดสินใจที่จะไม่บังคับให้ไกอาพูด
เขาไม่อาจเอ่ยออกมาตรงๆได้
บางทีนี่อาจเป็นปัญหาที่เขาแก้ไขด้วยความรู้และประสบการณ์ของเขา? ผู้เฒ่ามอลทาร์ตัดสินใจที่จะเงียบ
แต่ประโยคถัดไปของไกอา ทำให้ผู้เฒ่ามอลทาร์ประหลาดใจ มันเหนือจินตนาการของเขาไปอีก
“ข้างในป่าลึก ข้าได้พบกับตัวตนในตำนานนั่น”
คิ้วสีขาวของเขากระตุก
มันมีหลายอย่างในตำนาน บางสิ่งก็ดี และแน่นอน บางสิ่งก็เลวร้าย
บางอย่างเป็นมิตรกับมนุษย์และเอล์ฟ และเผ่าอื่นๆก็ไม่ต่างกันนัก
มันมีหลากหลายเผ่า แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันก็คือ พวกนั้นทรงพลังมาก
นี่คือแดนต้องสาป ป่าต้องสาปที่ไม่มีผู้ใดย่างกราย
ผู้เฒ่ามอลทาร์ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่าความกังวลของเขาจะไม่กลายเป็นจริง
“ตำนานแบบไหนกัน? ข้ารู้จักหรือไม่?”
“ข้าแน่ใจว่าลูกน้องของข้า ได้กล่าวว่านั่นคือตัวตนที่ถูกผนึกอยู่ในแดนต้องสาป”
“เจ้าได้พบกับราชาแห่งความพินาศอย่างนั้นรึ ?!”
เขาเริ่มเวียนหัว
ยักษ์เดินได้
ทะเลที่มีชีวิต
ผู้ส่งสารหลังความตาย
ทัณฑ์ทรมาน
สิ่งที่อันตรายและน่ากลัวที่สุดในบรรดาตำนานทั้งหมด
เผ่าของเขาได้ต่อสู้กับความยากลำบากที่อย่างไม่ย่อท้อ แต่เขายังสามารถรักษาความสงบอยู่ได้ ต้องขอบคุณประสบการณ์ทั้งหมดที่เขาได้รับ มาตลอดหลายปี
“ท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่ ผู้เฒ่ามอลทาร์?”
“มันเป็นเรื่องเล่าโบราณ เมื่อโลกเริ่มมาถึงจุดสูงสุด ราชาแห่งความพินาศจะปรากฏกายขึ้น เขาจะทำลายทุกสิ่ง และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ความจริงนั้นไม่มีใครรู้ แต่เราไม่สามารถคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหกได้ ….มันเรียกตัวเองว่าอย่างนั้นรึ?”
มันมีเรื่องราวเกี่ยวกับราชาแห่งความพินาศไม่มากนัก
เขาถูกผนึกอยู่ภายในแดนต้องสาป และไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากที่ใด เทพเจ้าได้สังหารเขาไปแล้ว และเรื่องราวที่แตกต่างกันอีกมากมาย
แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันในทุกๆเรื่องก็คือ เป้าหมายของเขาคือการทำลายโลก
“ข้าไม่ได้ยินชื่อของเขา เขาไม่ได้กล่าวมันออกมา แต่ข้าแน่ใจว่า…. เขาช่างน่าสะพรึงกลัวสมกับนามนั้น”
“เจ้าหมายถึงราชารึ?”
“ไม่ใช่ ราชา…นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถทำความเข้าใจได้ แต่เด็กสาวที่อยู่ข้างๆเขา ดูเหมือนนางจะเข้าใจคำพูดของราชานั่นได้ในระดับหนึ่ง”
ไกอานึกย้อนกลับไป
เด็กสาวนั่นเป็นใครกัน?
แต่เขาสามารถบอกได้เลยว่า ตัวตนนั่นไม่ได้พาเด็กสาวมาเพื่อเดินเล่นแน่ๆ
มันคือมารร้าย คือความชั่วร้ายที่แท้จริง
แค่นางเพียงลำพังก็ทำให้โลกนี้ตกอยู่ในอันตรายได้แล้ว
แม้ว่าไกอาพยายามจะจดจำรายละเอียด เธอนั้นถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดอยู่ตลอดเวลา
ผมสีขี้เถ้า เสื้อผ้าทรงโค้งเว้า ผิวที่ขาวซีดราวกับคนตาย
และแววตาที่บูชาความมืดมิด ซึ่งดูเหมือนจะเกลียดชังโลกใบนี้
เขาจำได้ว่า เมื่อเด็กสาวมองมา มันทำให้เขาสั่นกลัวเล็กน้อย
“ข้าไม่รู้ว่า ตัวตนที่เจ้าไปเผชิญหน้าด้วยนั้นเป็นราชาแห่งความพินาศหรือไม่ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ ในเมื่อตอนนี้ข้าอิ่มท้อง และมานาเองก็ฟื้นฟูขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ทำให้ข้ารู้สึกได้ว่าป่านี้ไม่ธรรมดาเลย บางทีข้าควรจะรู้สึกถึงมันได้ก่อนหน้านี้”
ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายของป่านี้ บางทีอาจจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ได้
พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเข้ามาในแดนต้องสาปนี่ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น
เนื่องจากไม่ได้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหา
ปัญหาที่เป็นดั่งหายนะ
“เจ้าเสนออะไรไปเพื่อแลกกับอาหารนี่”
“ข้าไม่ได้เสนออะไรเลย อาหารพวกนี้ถูกให้เป็นรางวัลแก่พวกเราฝ่ายเดียว”
“หืม…ตัวตนชั่วร้ายนั่น เป็นผู้ให้เพียงฝ่ายเดียวอย่างนั้นรึ?”
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน พวกเราแค่เอ่ยเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่…แค่นั้น”
“ถ้าอย่างนั้น ทำไม…ราชาแห่งความพินาศถึงทำเช่นนี้กัน?”
ความเงียบได้เข้าปกคลุม
ไกอาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน อย่างน้อยเขารู้ว่าตัวตนนั้นแตกต่างไปจากจินตนาการของพวกเขา
ตัวตนชั่วร้ายเกลียดสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
เป็นเพราะความเกลียดชังนั้น เขาจะไม่กระทำการใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิต
แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่ คือการทำสัญญาที่มีสิ่งตอบแทน และบางทีนั่นอาจจะเป็นกับดัก
อย่างไรก็ตาม ไกอากำลังคิดต่างออกไป เขาเชื่อในความเป็นไปได้อื่นๆ
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงอธิบายให้ผู้อาวุโสที่ดูเหมือนซากกิ่งไม้ ได้รับรู้ถึงความกลัว และความคิดที่อยู่ในหัวเขา
“มันคือความเมตตา”
“เมตตาอย่างนั้นรึ….?”
แววตาของมอลทาร์ส่องประกายออกมา คล้ายเป็นสัญญาณเตือน จนเกือบจะเป็นศัตรู
เขาคว้าไปยังไม้เท้าที่อยู่บนพื้น แต่ไกอาก็ไม่ได้ใส่ใจ
“ใช่แล้ว นั่นคือความเมตตา ท่านผู้นั้นเวทนาในสถานการณ์ของพวกเรา และให้อาหารกลับมา”
“บัดซบ! นี่เจ้าเพิ่งเรียกมันว่า ‘ท่าน’ อย่างนั้นรึ? นี่เจ้าถูกครอบงำไปแล้วรึยังไงกัน!? ”
“ไม่ ข้ามิได้ถูกครอบงำ”
“แล้วเหตุใด เจ้าจึงเรียกมันว่า ‘ท่านผู้นั้น’ ด้วยน้ำเสียงเคารพเช่นนี้! ”
ความโกรธของเขาได้ระเบิดออกมา ผู้เฒ่ามอลทาร์คว้าไม้เท้าที่อยู่บนพื้นฟาดเข้าใส่ไกอา
ถึงแม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่เขาก็คือนักเวทย์ผู้รอดชีวิตจากสงครามที่ผ่านมา ไกอาดีดตัวออกไป ถึงอย่างนั้นเขาก็ร่ายเวทย์ได้เร็วกว่า
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าไกอากำลังจะเผชิญหน้ากับความตาย เขาก็ตอบกลับไปยังนักเวทย์ผู้โกรธเกรี้ยวอย่างไม่เกรงกลัว
“ท่านผู้นั้น! มอบอาหารให้แก่พวกเรา! พวกเรา…..ที่กำลังหิวโหย! แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องได้รับการเคารพ!!”
“แต่เจ้าสิ่งนั้นมันเป็นปีศาจ! ตัวตนชั่วร้าย! นี่เจ้าไม่รู้สึกถึงหมอกควันแห่งการทำลายล้างที่ปกคลุมอยู่ในป่านี้อย่างนั้นรึ!?”
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับหมอกควันพวกนั้น! ท่านผู้นั้นได้กล่าวว่า ‘ช่างน่าสงสาร’ กับพวกเราที่กำลังหิวโหย เรื่องมันก็เท่านั้น!”
“ช่างน่าละอายนัก! มันแค่พยายามจะหลอกเจ้าด้วยคำหวานเท่านั้น!”
“แล้วข้าควรจะทำเช่นไรรึ!? ที่พวกเรามาเสียพลังงานพูดคุยกันได้แบบนี้ ก็เพราะอาหารที่ท่านผู้นั้นให้มานะ! ”
ด้วยประโยคนี้ ทำให้คำถามและคำตอบที่คล้ายว่าจะทะเลาะกันได้จบลง
ในที่สุด ผู้เฒ่ามอลทาร์ก็ได้ตระหนักว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากราชาแห่งความพินาศนั่นไม่ได้มอบอาหารให้แก่พวกเขา
อย่างไรก็ตาม ความกลัวและวิตกกังวลถึงอนาคตที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดทำให้เขาเดือดดาล
และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้ยอมรับว่า พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินหน้าต่อไป และเจรจากับตัวตนที่ดูเหมือนจะเป็นราชาแห่งความพินาศ
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับมัน
“ผู้เฒ่ามอลทาร์ พวกเราควรจะทำเช่นไรงั้นรึ…?”
“ข้าเองก็ไม่รู้…”
เขาตอบกลับเสียงเบา ราวกับว่าหมดแรง อีกฝ่ายเองก็เช่นกัน เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ใดพวกเขาก็หมดหนทาง
ไม่มีใครรู้ว่าควรจะทำอย่างไร
พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า
มันก็แค่นั้น
“ข้าต้องขออภัยด้วย ไกอา นักรบผู้กล้าของเรา เจ้าทำได้ดีมาก”
ไกอาผงกหัวเล็กน้อยและยอมรับคำขอโทษนั้น
สำหรับว่าที่หัวหน้าเผ่าแล้ว เขาเองก็เข้าใจดีว่าหัวหน้าเผ่ากดดันแค่ไหน
“ข้าจะไปเจรจากับราชานั้นในฐานะหัวหน้าเผ่า เพราะข้าไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ถึงข้าจะมีสภาพแบบนี้ก็เถอะ แต่ข้าก็อยู่มาถึง 200 ปี มาลองทำกันดูเถอะ”
“ได้โปรด พวกเราต้องพึ่งท่านแล้ว”
การสนทนาได้จบลง
❖ มีเพียงแค่เสียงของฟืนที่เผาไหม้ปกคลุมทั้งสองอย่างแผ่วเบา
“เมื่อไหร่กัน ที่ข้าจะนอนได้อย่างสบายใจ…”
ราชาได้เสกอาหารออกมาเป็นจำนวนมาก
เขานำกลับมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มันก็ยังไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ ข้ารับใช้หญิงได้บอกเขาว่าให้รีบนำกลับไปให้เร็วที่สุด
เขาจะต้องไปเจอพวกนั้นอีกในวันพรุ่งนี้
ไกอาได้บอกหัวหน้าและพูดคุยเรื่องแผนของพวกเขา
ราชาแห่งความพินาศที่ปรากฏอยู่ในตำนาน อย่างน้อยพวกเขาก็เชื่อเช่นนั้น
ผู้เฒ่ามอลทาร์มองดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน พยายามระงับความกลัวที่เขาเองก็ลืมมันไปนานแล้ว
………
……
…
ในขณะเดียวกัน….
ตัวตนที่ผู้เฒ่ามอลทาร์ และเหล่าดาร์คเอลฟ์เกรงกลัว ราชาแห่งความพินาศนั้น….
“ท่านทาคุโตะ คุกเข่าซะ! ทำไมท่านถึงใช้พลังเวทย์ไปกับเรื่องแบบนั้นกันคะ? ”
“ตะ, แต่ว่าฉันรู้สึกสงสารพวกเขานี่ ก็เลย…”
“ไม่มีแต่ค่ะ!”
“ฮี้!!!”
กำลังถูกลูกน้องตัวเองตำหนิเรื่องที่ตัวเองทำลงไป
=สารานุกรม============
[ดาร์คเอลฟ์] เผ่าพันธุ์
《โบนัสตอบแทนของเผ่า》
ผืนป่า +15%
วิสัยทัศน์กลางคืน +5%
ต้านทานความเย็น +10%
การสืบพันธุ์ -5%
การผลิตอาหาร -5%
―――――――――――――――――
~~ ยิ่งแสงสว่างแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็จะให้กำเนิดความมืดที่แข็งแกร่งมากเท่านั้น
ภูติแห่งแสงเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น~
ดาร์คเอลฟ์ เป็นเผ่าประเภทเป็นกลาง สืบเชื้อสายมาจากเอลฟ์โบราณ
ส่วนใหญ่เชี่ยวชาญในเรื่องเวทมนต์ และการลอบสังหาร ซึ่งจัดอยู่ในประเภทความมืด ป่า, ต้านทานความเย็น และวิสัยทัศน์กลางคืน เป็นโบนัสตอบแทนของเผ่า
อีกด้านหนึ่ง ความเหมาะสมกับเวทมนต์ และการยิงธนูของเอลฟ์ได้หายไป และจำเป็นจะต้องใช้รูปแบบการเล่นที่ต่างออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
―――――――――――――――――