Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~ - ตอนที่ 40 At the End of Freedom
- Home
- Isekai Apocalypse MYNOGHRA ~The Conquest of the World Starts With the Civilization of Ruin~
- ตอนที่ 40 At the End of Freedom
“บ้าไปแล้ว! เอาจริงเรอะ! ทำไมถึงมีสัตว์ประหลาดแบบนี้อยู่ในโลกใบนี้ด้วยล่ะ? ทำไมของแบบนี้ถึงมีตัวตนอยู่บนโลกได้ ล้อกันเล่นเรอะ!?”
เฟรไมน์รู้สึกถึงความยินดีที่เอ่อล้นออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ
ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขาจนถึงตอนนี้ แทบจะไม่เคยพบกับช่วงเวลาของความตื่นเต้นและเปล่งประกายเลยล่ะมั้ง?
เขาต้องสู้กับศัตรูแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และโดนจัดการลงแบบเดิมอยู่ร่ำไป
เขาคิดว่าการต่อสู้พวกนั้นช่างไร้ความหมาย แต่ทันใดนั้นกลับมีศัตรูที่ไม่รู้จักปรากฏตัวขึ้น
สัญชาติญาณเตือนดังก้องอยู่ในหัว ความโกรธเกรี้ยวที่สั่งให้ทำลายศัตรูตรงหน้า ทุกอย่างได้มอบแสงสว่างในชีวิตให้เขา
“คำว่า ‘สัตว์ประหลาด’ นี่ไม่ใช่คำที่ควรจะใช้กับสุภาพสตรีเลยนะคะ”
“ไม่ล่ะ เจ้ามันสัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดตัวจริงเลย!”
ถ้อยคำของเฟรไมน์เป็นที่เข้าใจได้
ร่างกายของอิสลาใหญ่เกินขนาดปกติของแมลง และเรี่ยวแรงทางกายภาพเองก็ไม่ธรรมดา
เพิ่มเติมคือ โดยปกติแล้วเธอมักจะทำตัวเป็นกุลสตรี แต่เธอก็ยังเป็นฮีโร่ และไม่มีทางที่เธอจะไม่ชอบการต่อสู้
เธอคือสัตว์ประหลาดตัวจริง และเธอถูกผลักดันด้วยความยินดีที่ได้ต่อสู้เพื่ออาณาจักรและราชาของเธอ
อย่างไรก็ตาม เฟรไมน์เองควรถูกเรียกว่าเป็นสัตว์ประหลาดเช่นกัน
ร่างกายของเขาปลดปล่อยเปลวไฟออกมาตลอดเวลา เล่ห์เหลี่ยมของเขาราวกับเขี้ยวพิษที่คอยกัดกินศัตรู
ในโลกของ Brave Quest มีหลายอาณาจักรที่ถูกปีศาจตนนี้ทำลาย และผู้กล้าเองก็ถูกบังคับให้เสียสละครั้งใหญ่เพื่อเอาชนะสัตว์ประหลาดตนนี้
ที่จริง มีผู้เล่นหลายคนที่ไม่ชอบตัวละครตัวนี้
ตรงข้ามกับรูปร่างซูบผอมของเขา ความบ้าคลั่งและโหดเหี้ยมที่อยู่ภายในคือสัตว์ประหลาดดีๆนี่เอง
“เรียกสุภาพสตรีว่าสัตว์ประหลาดแบบนี้ มันไม่ดีเลยนะคะ –โอ้ จริงสิ เดี๋ยวฉันจะปิดปากที่น่ารังเกียจนั่นให้เอง ถ้าจัดการกับปากพวกนั้นแล้ว คงจะได้ยินเสียงที่ไพเราะขึ้นกว่าเดิมแน่เลยค่ะ ว่าไหม?”
พลังถูกระเบิดออกมา ส่งผลให้ต้นไม้ใหญ่ถูกทำลายลงราวกับเป็นเพียงกิ่งไม้เล็กๆ
เปลวเพลิงที่พวยพุ่งออกมาจากอีกฝั่ง ลอยขึ้นสูงราวกับมังกรขนาดยักษ์
“โอ้ เจ้านี่ช่างไร้ความอดทนยิ่งนัก! ถ้าอยากให้มันจบเร็วขนาดนั้น ข้าจะจัดการให้เอง โดยการเผาเจ้าให้เป็นเถ้าถ่านยังไงล่ะ!”
การต่อสู้ดำเนินต่อไป
ความเสียหายได้กระจายออกไปทั่วพื้นที่
ต้นไม้ลุกเป็นไฟ
แมลงเด็กจำนวนมากต่างฟักออกจากไข่ และพุ่งเข้าใส่เฟรไมน์ราวกับตั้งใจจะช่วยราชินีของพวกมัน
เฟรไมน์โบกมือเบาๆ เพื่อเผาผลาญทุกสิ่งด้วยเปลวเพลิงอันรุนแรง ใบหน้าของเขายิ้มออกมาด้วยความยินดี
“คุฮ่าฮ่าฮ่า! ใช้ลูกน้องอยู่ฝ่ายเดียวนี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ!”
—เฟรไมน์อัญเชิญปีศาจออกมา
สุนัขที่พ่นไฟออกมาจากปาก
หุ่นฟางลุกไหม้และเต้นท่าทางแปลกๆ
ออร์คผิวแดงฉานพร้อมด้วยหอกที่มีไฟลุกโชน
มอนสเตอร์หลากชนิดผุดออกมาจากความว่างเปล่า และตั้งขบวนเพื่อคุ้มกันเขา
แต่ทันใดนั้น พวกมันก็ขยับตัวออกห่างจากเฟรไมน์ราวกับโดนอะไรบางอย่างกระแทก
“ชิ! –ข้าจะจัดการมันเอง! พวกแกไปจัดการแมลงพวกนั้น! จะใช้เวทย์ไฟ หรืออะไรก็ได้ ข้าไม่สน แค่ทำลายทุกๆอย่างทิ้งซะ!”
“เด็กๆที่น่ารักของฉัน ไปจัดการกับปีศาจพวกนั้นได้เลยค่ะ เพิ่มจำนวนและจัดการกับพวกมันซะ”
เหล่ามอนสเตอร์ผู้ติดตามต่างก็เข้าห้ำหั่นกัน และดินแดนต้องสาปก็ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
เสียงของการทำลายล้างดังก้องไปทั่ว
พื้นที่บริเวณนั้นต่างกลายเป็นที่ราบใจกลางป่า ทำให้ไม่ค่อยน่าดูชมนัก
ต้นไม้ต่างถูกโค่น และเผาทำลาย ผืนดินกลายเป็นหลุมด้วยแรงระเบิดทั่วบริเวณ
บริเวณนี้ต่างเต็มไปด้วยกลิ่นของเลือด และแมลงเด็กที่ถูกเผา เสียงกรีดร้องก่อนตายของปีศาจได้ยินไปทั่ว แสงแวววับของเหรียญทองช่างสวยงาม
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การอัญเชิญแบบไม่เสียอะไรเลยนี่มันน่าอิจฉาจริงๆเลยนะ”
“ข้าไม่รู้หรอกนะ พวกที่ไร้ความสามารถนั่นแหละผิด พวกอ่อนแอและไร้ความสามารถควรตายไปซะ มีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะรอดและได้ครอบครองโลก ว่าไหม?”
อิสลาเห็นด้วยกับคำพูดนั้น
โลกใบนี้ช่างโหดร้าย
ไม่มีความเกรงใจหรือปราณีใดๆทั้งสิ้น มีแต่เพียงผู้แย่งชิง และผู้ที่ถูกแย่ง
โลกที่ถูกปกคลุมด้วยความรุนแรง ไร้ซึ่งกฏของผู้อ่อนแอ
ทั้งอิสลาและเฟรไมน์ต่างก็มาจากโลกแบบนั้น…
ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เหตุผลเดียวก็คือ “ผู้แพ้นั้นอ่อนแอกว่า”
อย่างไรก็ตาม มันยังทำให้เกิดเหตุการณ์มากมาย
มันไม่มีอะไรสะดวกสบายอย่างการอัญเชิญไร้ขีดจำกัดอะไรแบบนั้น…
“อุ๊ย แหม ดูเหมือนกฏของคุณเองก็ค่อนข้างยุ่งยากสินะคะ…”
“…คุ!”
มันมีสิ่งที่เสียเปรียบอยู่เสมอ
…ใน Brave Quest จำนวนของมอนสเตอร์ที่สามารถอัญเชิญได้ระหว่างการต่อสู้นั้นมีจำกัด
กล่าวอีกนัยนึงก็คือ มันไม่มีสถานการณ์ตะลุมบอนอะไรแบบนั้น คุณต้องตัดสินใจว่าจะให้ใครออกไปสู้
และข้อจำกัดนั้นจะไม่คลายออกจนกว่าจะจบการต่อสู้
นี่คือเหตุผลว่าทำไมมอนสเตอร์ที่ถูกอัญเชิญมาก่อนหน้านี้ถึงถอยออกไปจากเฟรไมน์
เพราะพวกมันมีจำนวนเกินกำหนด จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้กับอิสลา
ถึงพวกมันจะถูกอัญเชิญได้ไม่จำกัดจำนวน แต่มันก็เป็นจุดตายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพของไมน็อกกราห์
แน่นอน ตัวเฟรไมน์เองก็ไม่สามารถหลุดพ้นข้อจำกัดนี้ได้เช่นกัน
กล่าวเพิ่มเติมคือ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้หนี เนื่องจากมีสถานะเป็นบอสมอนสเตอร์
กล่าวอีกนัยนึงคือ การต่อสู้กับอิสลาจะต้องดำเนินต่อไปจนกว่าจะได้ผลสรุป
ในทางตรงกันข้าม อิสลาสามารถเลือกต่อสู้ได้อย่างอิสระ
ตัวละครของ Eternal Nations มักจะต่อสู้กันเป็นกองทัพเสมอ พวกเขาไม่มีข้อจำกัดแบบตัวละครของ Brave Quest ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคำอธิบายการต่อสู้ของพวกเขานั้นไม่ได้บ่งบอกไว้ชัดเจน
“นั่นคือเหตุผลที่คุณมาก่อกวนฉันแบบนี้สินะคะ”
“ชิ! บัดซบ!”
ตอนนี้ แมลงเด็กจำนวนมากได้พุ่งใส่เฟรไมน์ และบดบังทัศนวิสัยของเขา
อิสลาอาศัยจังหวะนั้น เข้าไปแทรกระหว่างการต่อสู้ของแมลงเด็กกับมอนสเตอร์ที่ถูกอัญเชิญมา เธอจับตัวมอนสเตอร์พวกนั้นด้วยแขนที่สอง และแทงมันด้วยเข็มพิษที่งอกออกมาจากก้น
มอนสเตอร์ตัวชักกระตุก ดวงตากลอกไปมาอย่างผิดปกติและกลายเป็นสีแดงเข้ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นมันอะไรน่ะ? นั่นคือวิธีที่เจ้าวางไข่ใส่คู่นอนอย่างนั้นรึ? ถึงจะไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็เถอะ แต่ถึงจะสัปดนขนาดไหนก็ควรมีขีดจำกัดซะบ้างสิ!”
เฟรไมน์ทำการเย้ยหยันศัตรูของเขา
เขาตระหนักได้ว่างอีกฝ่ายมีความสามารถในการผลิตกองทัพออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด
ถ้าเขาอัญเชิญลูกน้องออกมา คู้ต่อสู้ก็จะอาศัยช่องว่างเพื่อจับกุม และวางไข่ปรสิตลงไป เพื่อให้กำเนิดแมลงตัวอื่นๆ
มันเหมือนกับเขากำลังช่วยศัตรูของตัวเองอยู่
แม้ว่าเขาจะสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์จาก Brave Quest ออกมาได้ แต่มันก็มีขีดจำกัดอยู่
เวทย์ไฟที่เขาปล่อยอกมาก็ใช้มานาเช่นกัน
เขาเป็นบอสมอนสเตอร์ ปกติแล้วมานาของเขาจะไม่ค่อยลดลงมากนัก แต่ว่า…
ถ้าการต่อสู้ยืดออกไปนานกว่านี้ เงื่อนไขพวกนั้นอาจจะพังลงได้
อย่างไรก็ตาม มันเป็นการยากที่จะหยุดอัญเชิญมอนสเตอร์เช่นกัน
สมดุลของการต่อสู้ตอนนี้เอนเอียงไปทางอิสลา เพราะฝูงแมลงที่พุ่งใส่เขา มันสร้างปัญหาให้เขาเล็กน้อยถึงพวกมันจะเป็นแค่แมลงตัวเล็กๆก็ตาม
ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลือกอื่น และทำให้เขาเริ่มจะหมดความอดทน
พลังที่ราวกับพายุเข้าโจมตีใส่เฟรไมน์ และโค่นต้นไม้ที่อยู่รอบตัวเขาลง
อย่างไรก็ตาม จู่ๆพลังอันรุนแรงนั้นก็สลายไป
“ขอฉันถามอะไรคุณหน่อยนะคะ?”
“โอ้? จะมามีไมตรีอะไรกันตอนนี้ ยังไงข้ากับเจ้าต่างถูกกำหนดให้เข่นฆ่ากันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันอีก”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย ราชาของฉันต้องการถามอะไรบางอย่างกับคุณค่ะ”
เขารักษาระยะห่าง ขณะที่จุดไฟขึ้นมา และหยุดคำพูดเอาไว้
เฟรไมน์ลอบถอนหายใจและโล่งอก ตอนนี้เขาสามารถคิดหาแผนการได้แล้ว
ถึงเขาจะคอยยั่วยุศัตรู แต่สถานการณ์ปัจจุบันของเขาค่อนข้างแย่
เขารู้สึกขอบคุณที่สามารถพักหายใจได้สักที
อีกอย่างคือ เขาเองก็สนใจเจตนาของอีกฝ่ายเช่นกัน
เฟรไมน์กำลังคิด
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีต้นกำเนิดคล้ายๆกัน แล้วพวกเขามาจากโลกแบบไหน?
พวกเขาต่อสู้เพื่ออะไร และมาที่โลกใบนี้ด้วยเป้าหมายอะไรกันแน่?
สติปัญญาและความสงสัยของเขา ทำให้เขาต้องการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่าย
“ทำไมพวกคุณถึงโจมตีเราและเมืองมังกรงั้นหรือคะ? ไม่ว่ากองทัพจอมมารจะนำความมืดมิดมาสู้โลกใบนี้ขนาดไหน ฉันก็ไม่พบเหตุผลที่จะเข้าโจมตีเราอย่างกะทันหันแบบนี้เลยค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูด เฟรไมน์ก็แสดงอารมณ์อื่นที่นอกเหนือไปจากเล่ห์เหลี่ยม และโหดเหี้ยมเป็นครั้งแรก
อย่างและคือประหลาดใจ และอีกอย่างคือการดูถูกอย่างถึงที่สุด
“-อะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เข้าใจล่ะ เจ้ามันไม่รู้อะไรเลย! หรือไม่ก็…ราชาของเจ้าปิดบังเอาไว้สินะ? จริงๆเลย! ….หุ่นเชิดที่น่าสงสาร!”
ทันใดนั้น เฟรไมน์ก็ทราบว่าเขาได้เปรียบในแง่ของข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ความจริงพวกนั้นไม่ส่งผลอะไรกับการต่อสู้
“ขอบคุณที่เตือนนะคะ -แต่ว่า คำพูดพวกนั้นไม่อาจสั่นคลอนความจงรักภักดีของฉันได้หรอกค่ะ”
“ข้ารู้”
คำพูดของอิสลาเป็นจริง ความจงรักภักดีของเธอไม่มีทางสั่นคลอน และความเชื่อใจของเธอที่มีต่อราชาไม่ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอหยุดชะงัก
เธอไม่เคยสงสัยในตัวของทาคุโตะ และยินดีที่จะสละชีวิตให้หากเธอมีความคิดที่จะต่อต้านเขาจริงๆ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอกังวล
เธอรู้ว่าอีกฝ่ายมีข้อมูลสำคัญบางอย่างที่พวกเขาไม่ทราบ
(เขารู้เรื่องที่แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังไม่รู้…? พวกเรายังไม่รู้เหตุผลที่ถูกส่งมายังโลกใบนี้เลย ทำไมพวกเขาถึงรู้เรื่องนั้นได้นะ อีกฝ่ายเองก็ไม่ใช่พวกที่จะคายข้อมูลง่ายๆซะด้วยสิ ค่อนข้างน่าหงุดหงิดซะจริง)
อิสลาไม่สบอารมณ์
ไม่อาจขอคำแนะนำจากทาคุโตะระหว่างการต่อสู้ได้
ถึงเธอจะมีพลังเหนือกว่า แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เธอจะมองข้ามได้เช่นกัน
เสี้ยวขณะที่ลดการป้องกันลงอาจจะทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงได้
“พวกเจ้า…คิดว่าตัวเองเป็นยังไง?”
อิสลาเอียงหัวให้กับคำถามของอีกฝ่าย จากนั้นจึงตอบออกมา
“การใช้ชีวิตของฉันหรอคะ? –ฉันคืออิสลา ฮีโร่ของไมน็อกกราห์ ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของราชา ท่านอิระ ทาคุโตะ ไม่มีมากหรือน้อยไปกว่านั้น”
“ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้ามันก็แค่หุ่นเชิด ช่างจองหอง ความภาคภูมิใจและศรัทธาที่ไร้ค่าพวกนั้น หุ่นเชิดมันก็ตอบได้แค่อย่างเดียวนั่นแหละ”
อิสลาพยักหน้าให้กับคำพูดเหล่านั้น
มันคือข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ และมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ…
“ข้าไม่ชอบเอาซะเลย”
อย่างไรก็ตาม คำตอบพวกนั้นไม่ใช่สิ่งที่เฟรไมน์ต้องการ
“ข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าถึงน่ารำคาญนัก”
เขากล่าวออกมาอย่างสงบ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ
“ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าน่ะเป็นอิสระ เจ้ารับใช้ราชาด้วยความต้องการของตนเอง ยืนหยัดอยู่ในที่แห่งนั้นด้วยความต้องการของตนเอง เจ้าสามารถทรยศราชานั่นได้ แต่ก็ยังเลือกที่จะรับใช้มัน”
อิสลาสัมผัสได้ว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นความโกรธของเขา
อิสลาเคยฟังเนื้อเรื่องของเกม Brave Quest มาจากทาคุโตะแล้ว
และเธอพบจุดอ่อนร้ายแรงของเกม RPG
ไม่สิ –การเรียกว่าเป็นจุดอ่อนมันเกินไป
เพราะว่านั่นคือเป้าหมายของเกม RPG …มันคือเกมสวมบทบาท
“รู้สึกยังไงที่ได้เป็นหุ่นเชิด? คุณได้รับใช้ใครด้วยความต้องการของตัวเองรึเปล่าล่ะคะ?”
เป็นครั้งแรกที่อิสลาทำการยั่วยุ และเย้ยหยันใส่ศัตรู
“สำหรับฉันนี่ราวกับได้รับพรเลยนะคะ –แล้ว รู้สึกยังไงบ้างที่โดนบังคับให้เล่นบทบาทโดยไร้ซึ่งอิสระ คุณตุ๊กตาผู้น่ารัก?”
“บัดซบ!!”
และการต่อสู้ก็ดำเนินต่อไป
ฉากแบบเดิมราวกับเทปที่ถูกเล่นซ้ำ กัดกินผืนดินและอีกฝ่ายไปมา
รวมไปถึงการปะทะคารมกันด้วย
“แต่ถ้าข้ากำจัดเจ้าลงที่นี่! ข้าก็จะได้รับอิสรภาพ! ในที่สุด ข้าก็จะเป็นอิสระ!”
เมื่อเห็นดังนั้น อิสลาก็ดูถูกอีกฝ่ายด้วยท่าทีเย้ยหยันเป็นครั้งแรก
“เข้าใจแล้ว! นั่นคือเจตนาของคุณสินะคะ! โอ๊ะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ตอนนี้ทำตัวน่ารักจังเลยนะคะ!”
“ไอ้แมลงน่ารำคาญ! โดนเผาและหายไปซะเถอะ!”
สถานการณ์กำลังเป็นใจต่ออิสลา
ถ้าเป็นทหารทั่วๆไปคงจะรู้สึกเหนือกว่าและลดการป้องกันลงในสถานการณ์แบบนี้
อย่างไรก็ตาม ในฐานะฮีโร่ที่มีจิตใจแข็งแกร่ง อิสลาไม่ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดแบบนั้น
ในทางตรงกันข้าม เฟรไมน์สับสนและหงุดหงิดกับข้อจำกัดปริศนาที่ผูกมัดศัตรูของเขาไว้
(บัดซบ! ทำไมถึงไม่ไหม้…! ทำไมกัน? หรือเพราะความเข้ากันได้ที่ต่างกัน?)
เขายิงเวทย์ไฟใส่อิสลาหลายครั้งแล้ว
พลังของมันรุนแรงมาก จนแม้แต่ชุดเกราะที่ทนไฟยังละลายได้ในพริบตา
อีกอย่าง คู่ต่อสู้ของเขาเป็นแมลง ถึงแม้ว่ารูปร่างจะอยู่เหนือแมลงทั่วไป มันก็ยังเป็นเผ่าแมลง และปกติมอนสเตอร์ประเภทแมลงแบบนี้มักจะแพ้ไฟ
เพลิงของเฟรไมน์ไม่สามารถเจาะทะลุผิวหนังของอิสลาได้
ไม่สิ-เห็นได้ชัดเลยว่าผิวหนังของเธอได้รับการโจมตีเข้าเต็มๆ เพราะมันกลายเป็นรอยไหม้สีดำ
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่ทำได้น้อยกว่าที่เขาคิดไว้
(เป็นไปไม่ได้… เพราะค่าความสามารถต่างกันงั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้ก็แย่แล้ว!)
ตามการคาดเดาที่เกิดขึ้นในหัวของเฟรไมน์ เพียงแต่เขาไม่อยากจะเชื่อมันเท่านั้น
โชคไม่ดีที่การคาดคะเนนั้นถูกต้อง
โดยปกติแล้วในโลกของ Brave Quest ตัวละครแต่ละตัวจะมีจุดอ่อนเป็นของตนเอง
ยกตัวอย่างเช่น ‘อ่อนแอต่อธาตุไฟ’ และ ‘อ่อนแอต่อการโจมตีทางกายภาพ’
นั่นคือข้อจำกัดของระบบ และที่จริงแล้วเฟรไมน์เองก็มีจุดอ่อนอย่าง ‘อ่อนแอต่อธาตุน้ำ’ และ ‘อ่อนแอต่อน้ำแข็ง’
หากเป็นในโลก Eternal Nations จุดอ่อนจะมอบความเสียหายเพิ่มเติมให้แก่การโจมตี
อย่างเช่น
‘ยูนิตจะสร้างความเสียหายเพิ่มเติม 10% ให้แก่ยูนิตประเภทน้ำแข็ง’
‘เวทมนตร์นี้จะเพิ่มประสิทธิผลขึ้น 1.5 เท่า เมื่อใช้กับยูนิตที่มีคุณสมบัติชั่วร้าย’
และอื่นๆ
ดังนั้น ภายใน Eternal Nations จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับจุดอ่อนมากนัก เพราะสกิลของมันค่อนข้างซับซ้อน และมีจำนวนมหาศาล
มันไม่มีอะไรอย่าง….‘ไม่สำคัญว่าศัตรูจะแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้ารู้จุดอ่อนของมันก็สามารถเอาชนะได้’ อยู่ใน Eternal Nations
ยูนิตที่แข็งแกร่งก็คือแข็งแกร่ง
มันไม่มีอะไรที่สะดวกสบายอย่างจุดอ่อน หรือกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผล
ตัวตนที่ไร้คู่ต่อกรเพราะมีพลังเหนือกว่าอย่างท่วมท้น
ถ้าเขาอยากจะเอาชนะความแตกต่างนั้น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า หรือใช้กลยุทธ์เพื่อตัดกำลังของอีกฝ่ายลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งคู่ห่างชั้นกันไปไกลลิบ หากมองเพียงแวบแรกก็ดูเหมือนจะมีความเข้ากันได้แย่ที่สุด
และในกฏของพวกเขา ‘ผู้แข็งแกร่ง’ มีพลังอันชอบธรรมในการบีบบังคับ ‘ผู้ที่อ่อนแอ’
“ชิ! อัญเชิญเพิ่มเติม! ออกมานี่ซะ!”
–ปีศาจปรากฏตัวขึ้น
“ยังไม่พอ! พวกแกจงมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้ จัดแถว! โจมตีจนกว่าศัตรูจะถูกกำจัด!”
เหล่ามอนสเตอร์ที่ถูกเขาอัญเชิญออกมาต่างร่วมกันโจมตีอิสลาจากอีกฝั่ง
แต่แน่นอนว่าอิสลาทำการรับมือและจับพวกมันกินเหมือนเดิม
พวกมันรวมเป็นหนึ่งเดียวอยู่ภายในท้องของเธอ
ในขณะเดียวกัน แขนข้างที่โดนเวทย์ไฟเผาก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
มันคือความสามารถในการฟื้นฟูที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ตราบใดที่เธอยังมีสกิลนี้ ไม่สำคัญหรอกว่าเฟรไมน์จะปลดปล่อยเพลิงที่รุนแรงอีกกี่ครั้ง เขาก็ไม่สามารถสังหารเธอได้อยู่ดี
เขามีความหวังเล็กน้อยว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเมื่อคู่ต่อสู้ของเขากินจนเต็มท้อง อย่างไรก็ตาม มันไม่เกิดขึ้นเพราะความสามารถของอิสลาไม่มีขีดจำกัด…
ตอนนี้เฟรไมน์หมดไพ่ในมือแล้ว
ในการต่อสู้เฟรไมน์มักจะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยพลังที่เหนือกว่าของเขา
เขาไม่มีท่าพิเศษอย่างไอซ์ร็อค ราชาสวรรค์แห่งน้ำแข็งผู้นั้น
การวางแผนเพื่อทำให้ศัตรูเสียเปรียบคือความสามารถพิเศษของเขา และเป็นนวิธีที่เขาใช้ทำเรื่องต่างๆ
แน่นอน เขามีสถานะค่อนข้างสูงในสี่ราชาสวรรค์ และความสามารถของเขาก็เช่นเดียวกัน
เรื่องจะต่างออกไปถ้าคู่ต่อสู้ของเขาคืออาโทว
เธอไม่มีสกิลฟื้นฟู และเมื่อเป็นเรื่องของทาคุโตะ เธอค่อนข้างที่จะโดนยั่วยุได้ง่าย การต่อสู้อาจจะกินกันไม่ลงก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ต่อสู้กับอาโทวแห่งโคลนเลน แต่เป็นฮีโร่ที่ชื่ออิสลา ราชินีแห่งแมลงทั้งปวง
สุดท้าย คู่ต่อสู้นั้นเลวร้ายเกินไป
มันมีพลังเหนือกว่าอย่างท้วมท้น
“ รู้ไหมว่าทำไมฉัน อิสลาคนนี้ ถึงถูกเรียกว่าฮีโร่ผู้ปกป้อง ”
เฟรไมน์ยื่นฝ่ามือออกมาและปล่อยเวทย์ระเบิดใส่ใบหน้าที่พูดออกมาอย่างมีความสุขนั้น แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเขาได้ตระหนักว่ามานาของเขา….
ได้หมดลงอย่างสมบูรณ์
“พลังป้องกันได้รับการฟื้นฟูด้วย《นักล่า》และกองทัพก็เสริมด้วย《แมลงเด็ก》ถึงครั้งนี้ฉันจะทำไม่ทันก็เถอะ แต่ฉันยังสามารถสร้างกับดักเพื่อใช้ป้องกันได้ และยิ่งฉันจัดการศัตรูได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไปแต้มประสบการณ์ที่ทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ในสงครามปกติต้องใช้กำลังพลที่เหนือกว่าถึงสามเท่าเพื่อยึดเมือง แต่ถ้าจะจัดการกับฉันล่ะก็….”
“คุณต้องเอาทหารมาอย่างน้อยห้าเท่าเลยถึงจะพอ”
ชั่วขณะนั้น ความพ่ายแพ้ของเฟรไมน์ก็ได้รับการตัดสิน
“ฮ่ะ! ดูเจ้าจะมีความสุขเหลือเกินนะ! คิดว่าเจ้าชนะแล้วอย่างนั้นรึ?”
บางทีมานาที่ลดลงอาจจะส่งผลต่อกำลังใจของเฟรไมน์ด้วย เฟรไมน์องอาจมีท่าทีอ่อนแอและสับสน ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
อิสลายังคงเห็นประกายแสงในดวงตาคู่นั้น อิสลาจึงเอ่ยบางอย่างด้วยรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง ซึ่งทำให้คนที่เห็นจะต้องสงสัยว่าแมลงจะแสดงสีหน้าแบบนี้หรือเมื่อมันเยาะเย้ยอีกฝ่ายรึเปล่า?
“กษัตริย์แห่งไมน็อกกราห์สามารถมองเห็นเขตแดนทั้งหมดได้ นั่นหมายความว่า ตั้งแต่วินาทีที่คุณก้าวเข้ามาในดินแดนต้องสาปแห่งนี้ ทุกการเคลื่อนไหว ล้วนเต้นอยู่บนฝ่ามือของฝ่าบาทยังไงล่ะคะ”
ดวงตาของเฟรไมน์เบิกกว้างอย่างตกตะลึง
อิสลาที่เห็นท่าทีนั้นทำการพยักหน้าอย่างมีความสุข
“ใช่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลอบโจมตี สร้างความเสียหาย หรือสอดแนมต่าง ทั้งหมดนั้นไร้ความหมายเมื่ออยู่ในไมน็อกกราห์แห่งนี้ แม้แต่กิจกรรมยามราตรีต่างๆฝ่าบาทก็รับรู้ได้ทั้งหมด -ดูจากการเคลื่อนไหวแล้ว เหมือนคุณกำลังวางแผนที่จะลักพาตัวคนสำคัญของอาณาจักรแห่งนี้สินะคะ”
“แม่ง! ไอ้แมลงสวะนี่!”
“ขอบคุณในความเหนื่อยยากนะคะ พวกมันช่างอร่อยและทำให้ลูกๆของฉันอิ่มท้องกันเชียวล่ะ”
จากประโยคเหล่านั้น เฟรไมน์รู้ทันทีว่าแผนที่เขาวางเอาไว้ถูกรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว
เธอเปิดเผยเรื่องพวกนี้ออกมาเพื่อที่จะเยาะเย้ยเขา
เฟรไมน์กัดฟันแน่น
ด้วยความสามารถในการอัญเชิญของเขา เขาได้อัญเชิญมอนสเตอร์ระดับสูงออกมา เพื่อโจมตีและแทรกซึมเข้าไปในเมือง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกจับได้ตั้งแต่แรกแบบนี้
ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นฮีโร่ – ไม่สิ เพราะอีกฝ่ายเป็นฮีโร่ การป้องกันเมืองจึงสำคัญมาก
เขามั่นใจว่าเมื่อข่าวข่าวเรื่องเมืองถูกโจมตีแพร่ออกไป มันจะดึงดูดความสนใจ และทำให้เธอเสียสมาธิจนก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างการต่อสู้
แน่นอน ต่อให้อีกฝ่ายจะปกป้องเมืองอย่างแข็งขัน เหล่าลูกน้องของเขาก็ยังสามารถสร้างความเสียหายให้กับเมืองและผู้อยู่อาศัยได้
จากการสนทนากันระหว่างการต่อสู้ เฟรไมน์พบว่าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งตนนี้มาจากอาณาจักรที่ชื่อไมน็อกกราห์ เขาจึงวางแผนที่จะลดทอนพลังของเธอทางอ้อม
แต่….แผนทั้งหมดนั้นช่างสูญเปล่า
เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้นำของศัตรูก็คืออาณาจักร
ผู้นำของศัตรูมีความสามารถในการมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอาณาจักร และสามารถออกคำสั่งให้ลูกน้องได้โดยตรง
จากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ อิสลาบอกว่าความสามารถในการอัญเชิญของเฟรไมน์นั้นค่อนข้างน่าอิจฉา แต่ไม่ใช่ว่าความสามารถของผู้นำไมน็อกกราห์โกงยิ่งกว่าอีกไง?
นี่คือความแตกต่างระหว่างเกม RPG และเกมจำลองสถานการณ์ เกมจำลองสถานการณ์สามารถสั่งการยูนิตได้ทุกตัว ขณะที่เกม RPG จะดำเนินไปตามเรื่องราวที่กำหนดไว้
เฟรไมน์หายใจเสียงดัง มานาของเขาหมด และตัวเขาเองก็บาดเจ็บ
เขาปลดปล่อยเวทมนตร์อันทรงพลัง และต่อสู้อย่างยากลำบาก
เฟรไมน์พยายามหลบหนี แต่พลังที่มองไม่เห็นทำให้เขาล้มลง
ใน Brave Quest คุณไม่สามารถหลบหนีจากบอสได้
และตัวบอสเองก็ไม่สามารถหลบหนีได้เช่นกัน
การต่อสู้มาถึงบทสรุป
ผู้แพ้คือหนึ่งในสี่ราชาสวรรค์แห่ง Brave Quest ปีศาจเพลิง เฟรไมน์
ผู้ชนะคือฮีโร่แห่งไมน็อกกราห์ อิสลา ราชินีแห่งแมลงทั้งปวง
แต่ผู้ชนะจะได้ทุกสิ่ง ผู้แพ้จะสูญเสียทุกอย่าง
“นี่คือข้อความจากราชาของฉัน ท่านอิระ ทาคุโตะ”
ราวกับสุภาพสตรีที่ย่อตัวและจับจีบกระโปรงขึ้น เธอยกแขนเคียวขนาดใหญ่ทั้งสองข้างอย่างสง่างาม
“ท่านกล่าวว่า ‘แผนไม่เลวเลย แต่มันอ่อนแอไปหน่อย’ ”
“คุ! ฮ่าฮ่าฮ่า! แบบนี้นี่เอง!”
…เขาต้องการอิสระ
เฟรไมน์รู้ตัวดีว่าเขาตกอยู่ในวังวนขนาดใหญ่
ก่อนที่จะมายังโลกใบนี้ เมื่อเขาได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับความจริงของโลกในพื้นที่ลึกลับนั้น เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบเหตุผลสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต
และชะตากรรมที่ถูกจัดวางไว้อย่างไม่อาจหลุดพ้น…
เขาเชื่อว่า ถ้าเขาสามารถครอบครองโลกที่อยู่ตรงหน้าได้ มันจะกลายเป็นจริง
ถ้าเขาทำลายอาณาจักรไมน็อกกราห์ที่ไม่รู้จักนี่ได้
หากเขาสามารถทำลายโลกใบหนึ่งได้….มันสัญญาว่าสิ่งนั้นจะกลายเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม ความปรารถนานั้นไม่มีทางเป็นจริง
เขาได้สูญเสียโอกาสนั้นไปตลอดกาล
(อ่า เข้าใจแล้ว ข้า–)
เขายิ้มออกมา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกสดชื่นขึ้น
เมื่อเขายอมรับชะตากรรมที่ว่าตนเองเป็นเพียงหุ่นเชิด เขาก็รู้สึกโง่เขลาที่ก่อนหน้านี้ทำตัวดื้อรั้น และมองหาอิสระภาพ
ไม่สำคัญว่าเขาจะไปที่ไหน เขาคือสี่ราชาสวรรค์ผู้เป็นปรปักษ์ต่อฮีโร่ เขาคือเฟรไมน์ ผู้เจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่านั้น
ถ้างั้นแล้ว ก็มาทำหน้าที่นั้นกัน
มาเล่นกันให้ถึงที่สุด
นั่นคือเหตุผลที่–
“เช่นนั้น ช่วยส่งต่อข้อความของข้าให้ท่านอิระ ทาคุโตะอะไรนั่นหน่อย”
“คืออะไรรึ?”
เคียวขนาดยักษ์อยู่เหนือหัว
เขามีบาดแผลเต็มตัว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบการโจมตีที่แทบจะมองไม่เห็นนั้น
อย่างไรก็ตาม เฟรไมน์ที่เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย
เขาตะโกนออกมาเสียงดัง ราวกับเป็นการประกาศกร้าวต่อโลกใบนี้
“ไปตายซะ!”
เคียวนั้นสับลงมาจากซ้ายและขวา…
ร่างของเฟรไมน์ถูกแบ่งออกเป็นบนและล่าง
—ปีศาจเพลิง เฟรไมน์ ถูกกำจัด
“ฟู่…”
ไม่มีใครตอบรับเสียงของอิสลา
พื้นที่บริเวณนั้นเงียบสงบราวกับการต่อสู้ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น ผืนดินรอบๆแตกกระจาย และกองซากศพที่กระจัดกระจายไปทั่วเป็นหลักฐานว่าการต่อสู้นั้นรุนแรงแค่ไหน
เมื่อตรวจสอบรอบๆ อิสลาทำการยืนยันว่าทุกอย่างจบลงแล้ว จากนั้นเธอก็ตกอยู่ในความเงียบ
“หืม–การป้องกันเสร็จสิ้น ช่างน่าเจ็บปวดที่เสียแมลงเด็กไป แต่ด้วยสิ่งนี้ เลเวลของฉันจะเพิ่มขึ้นอีก ฉันคิดว่าในอนาคตน่าจะสามารถใช้สกิลได้มากกว่านี้ ราบรื่นจังเลยนะ แต่ก็…ทำเรื่องเลวร้ายกับเด็กๆลงไปแล้วสินะคะ…ตัวฉัน”
มันเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อคิดถึงความเสียหายและแมลงที่ตายไป แต่ผลลัพธ์ของการรับมือกับการโจมตีออกมาสมบูรณ์แบบ
พื้นดินที่เสียหายสามารถซ่อมแซมได้ แมลงที่ตายไปก็สามารถให้กำเนิดใหม่ได้เท่าที่ต้องการ และอิสลาเองก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นจากการต่อสู้นี้
ประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจากการต่อสู้นี้เป็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
อิสลาคิดถึงความสามารถใหม่ที่ได้จากการเลเวลอัพ
ไม่เหมือนกับอาโทวที่สามารถชิงสกิลของคู่ต่อสู้ได้ ฮีโร่ตนอื่นๆอย่างอิสลาจะได้รับสกิลใหม่จากการเพิ่มเลเวล
เธอสามารถเรียนรู้สกิลอย่าง “ระยะฟักตัว” “วางกับดัก” และ “สืบทอดบัลลังก์” เพื่อช่วยในการเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
เมื่อคิดแบบนั้นแล้ว อิสลาจึงตั้งสมาธิเพื่อติดต่อกับทาคุโตะทันที
ไม่ว่ายังไง จะเป็นการดีที่สุดหากปรึกษากับนายท่านของเธอก่อน
การต่อสู้จบลงแล้ว ไม่จำเป็นต้องระวังเป็นพิเศษ
ไม่มีสัญญาณของศัตรูอยู่รอบๆ ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาถ้าเธอจะผ่อนคลายสักหน่อย
เธอเพิ่งรับส่งต่อข้อความจากทาคุโตะให้เฟรไมน์ก่อนหน้านี้ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการติดต่อกลับทันที
นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
แต่ว่า…
เธอลืมไป
ไม่เพียงอิสลา ทาคุโตะเองก็ลืมเกี่ยวกับการคำอธิบายของเฟรไมน์ กฏของเกม RPG
(ฝ่าบาท ได้ยินไหมคะ? ทุกอย่างจบลงแล้ว ฉันอยากจะปรึกษาอะไรบางอย่างด้วยค่ะ เลเวลของฉันเพิ่มขึ้นจากการต่อสู้ ฉันจึงอยากถามว่าสกิลไหนที่ฉันควรจะเลือกดี…)
อิสลาติดต่อกับทาคุโตะด้วยเทเลพาธี
ด้วยความยินดีที่นำชัยชนะมาให้แก่เจ้านายของเธอ และคาดหวังว่าจะได้รับคำชม…
(ฝ่าบาท ได้ยินไหมคะ? ฝ่าบาท? เกิดอะไร—)
=ข้อความ=================
! การสื่อสารขัดข้อง
อีเว้นท์ปัจจุบันยังดำเนินอยู่
ไม่สามารถใช้งานคำสั่งเพื่อสนทนา
คุณไม่สามารถใช้กระดานสนทนาได้
——————————————————————–
“—-?
ปีศาจเพลิง เฟรไมน์
ศัตรูซึ่งเป็นที่รู้จักดีในหมู่ผู้เล่นของ Brave Quest ชื่อของมันมักจะผุดขึ้นมาเมื่อพูดถึงเกมนี้
ที่จริง จากการสำรวจของผู้พัฒนาพบว่า มันได้รับการจัดอันดับเป็นศัตรูที่ถูกเกลียดชังมากที่สุด
–ง่ายๆเลย ก็เพราะ
ด้วยฝีมือของมัน…
ที่ทำให้สหายคนสำคัญของผู้กล้าเสียชีวิต
ความผิดพลาดร้ายแรง
ถึงเวลาที่ต้องชดใช้ให้กับความเย่อหยิ่งและมองโลกในแง่ดีนั้น
ราคาของความเชื่ออันมืดบอดต่อกฎเกณฑ์ที่พวกเขารู้จักจะได้รับการชำระ ณ ที่แห่งนี้
โชคชะตาเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว
ความสิ้นหวังซึ่งไม่อาจต้านทานกำลังคืบคลานเข้ามาเบื้องหลัง
=สารานุกรม============
เฟรไมน์
พลังชีวิต : 4200
มานา : 16,000
พลังโจมตี : 22
พลังป้องกัน : 30
พลังเวทย์ : 55
ความเร็ว : 24
ปีศาจผู้เล่ห์เหลี่ยมและโหดเหี้ยม
เขาทำลายเมืองไปมากมาย
จงพึงระวัง และอย่าลดการป้องกันลง!
= ข้อความ =============
<! > ข้อผิดพลาดหมายเลข 008 (ข้อมูลไม่ปกติ)
<! > ข้อมูลโปรไฟล์นอกเหนือรูปแบบ
―――――――――――――――――
อีก 5 ตอน ทันอิงแล้ว เย้