Jisui danshi to mesukōsei - ตอนที่ 13
หนุ่มวิทยาลัยกับสาวมัธยมปลายไร้เดียงสา – 13
อาซาฮี มาฮิรุ เด็กสาวมัธยมปลายที่อาศัยอยู่ข้างห้อง
เนื่องจากผมเป็นพ่อครัวครัวสมัครเล่น ผมมีปัญหาหนึ่งที่ต้องรับมือเมื่อสอนเธอทำอาหาร
ทักษะการทำอาหารของผมไม่ได้ดีอะไรขนาดนั่น—พูดตรงๆ คือยังด้อยประสบการณ์มาก
ถึงผมทำอาหารทานเอง แต่ตัวเลือกเมนูของผมก็มีจำกัดเช่นกัน อย่างมากที่สุด อาหารพื้นฐานที่ผมทำได้ก็จะมีอยู่ประมาณ 10 หรือ 20 รายการ…แต่บางจาน เช่น “ไข่ดาว” ไม่ถือว่าเป็นการทำอาหารด้วยซ้ำ
“พี่ชาย! วันนี้ก็ขอรบกวนอีกครั้งนะ..”
….ในชั้นเรียนทำอาหารครั้งที่สอง ผมรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ เมื่อเด็กสาวมัธยมปลายมองมาที่ผมด้วยสายตาคาดหวังอะไรบางอย่าง
“เรียนรู้วิธีทำอาหารเพิ่มเติมอีกสักหน่อย” ผมให้คำมั่นว่าจะอ่านหนังสือสูตรอาหารที่ซื้อมาแบบแอบๆ แล้วโบกมือให้มาฮิรุเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ
“นี่..มาฮิรุ ฉันบอกเธอหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าฝีมือการทำอาหารของฉันไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรขนาดนั้น อย่าทำสายตาคาดหวังแบบนั้นสิ
“อึ่มม…ไม่เป็นไร! ว่าแต่ วันนี้เราจะทำอาหารอิตาเลียนหรือฝรั่งเศสกันล่ะ?”
“ฉันทำไม่ได้สักอย่างเลย นี่ไม่เข้าใจเลยใช่ไหม”
ประสบการณ์ครั้งเดียวของผมกับอาหารอิตาเลียนที่บ้านคือพิซซ่าเปปเปอโรนีแช่แข็งแบบง่ายๆ ผมไม่รู้ว่าอาหารฝรั่งเศสคืออะไร แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นอาหารประเภทพวกเบเกอรี่อะไรพวกนี้ ใช่ไหม?
“ฟังนะ ฉันพึ่งเริ่มทำอาหารได้แค่หกเดือนเอง ถ้าจะให้เปรียบล่ะก็…คงเหมือนพึ่งออกรถป้ายแดงล่ะมั้ง”
สิ่งแรกที่คิดในใจตอนที่กำลังจะพูดคือภาพเด็กสาวมัธยมกำลังคลานอยู่บนพื้นเพื่อเตรียมทำแกงกะหรี่อีกครั้ง
“นั่นเป็นแค่อาหารระดับลิง พูดง่ายๆคือคนอื่นที่นอกจากมาฮิรุจะทำได้สบายเลย”
“พี่ชาย! บอกว่าหนูต่ำกว่าลิง!? หนูคล่องแคล่วกว่าลิง รู้ไว้ด้วย?”
“…..”
“ความเงียบนี้มันคืออะไร?”
“ไม่เป็นไร มนุษย์ก็คือเหมือนเติบโตมาจากลิง แต่ฉันเชื่อนะว่าสักวันหนึ่งมาฮิรุจะสามารถไล่ตามลิงได้”
“..อย่าให้กำลังใจหนูด้วยสายตาที่ใจดีแบบนี้!! ต่อให้ทันหนูไล่ตามทันมันก็ไม่มีความสุขเลย!!”
อีกอย่างการเรียกชื่อต้น ของผมสำหรับเธอถูกกำหนดเป็น “มาฮิรุ” เมื่อเช้าเธอหลอกให้ผมเรียกเธอว่า “ฮิมะจัง” ซึ่งเป็นชื่อเล่นจริงๆของเธอ จนกระทั่งสุดท้ายจึงลงเลยด้วยการต้องเรียกชื่อจริงๆของเธอแบบนี้
มันเจ็บปวดเกินกว่าที่เด็กชายในวิทยาลัยจะเรียกเธอว่าสาวมัธยมปลายด้วยชื่อเล่นของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอจะดูเหมือนไม่มีความสุขถ้าผมเรียกเธอว่า “อาซาฮี” เหมือนเมื่อก่อน
ผมเคยพูดกับผู้หญิงด้วยชื่อต้นของพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็น่าอาย ผมสงสัยว่าตัวเองจะสามารถพูดคุยกับเธอได้แบบนี้ไหม ถ้าเราบังเอิญไปเจอข้างนอก
ขณะที่ผมกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จู่ๆ มาฮิรุก็ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรในขณะที่พูดว่า “นิฮิฮิ~”
“ทำไมจู่ๆเธอยิ้มเหมือน ฆาตรกรโรคจิตแบบนั้นล่ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย—!!”
“แล้วอะไรล่ะนั่น…”
“หนูแค่ดีใจที่พี่ชายเรียกชื่อ”
“อาซาฮีก็เป็นชื่อเหมือนกันไม่ใช่เหรอ…”
“นั่นมันนามสกุลตางหากล่ะ หนูไม่ชอบเพราะเรียกแล้วมันรู้สึกห่างไกล”
“ถ้าพูดแบบนี้คำว่า ‘พี่ชาย’ ก็เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ”
“เอ๊ะ ..ไม่ชอบหรอกเหรอ ถ-ถ้าอย่างงั้นเอาเป็น ยูคุง ไม่ๆ ยูซัง อึม…หรือ—”
“ขอโทษนะ ได้โปรดเรียกฉันว่า’พี่ชาย’เหมือนเดิมด้วย”
“โห..ตัดสินใจอะไรเร็วขนาดนั้น ไม่รอให้หนูใช้เวลาคิดเพิ่มอีกสักหน่อยเหรอ…”
หลังจากยิ้มให้เด็กสาวมัธยมที่กำลังบ่นๆอยู่ ผมก็ปรบมือเบาๆ
“งั้นเอาล่ะ มาเริ่มกันดีกว่า เมนูอาหารวันนี้คือข้าวผัด”
” อึ้ม~ รบกวนอีกครั้งด้วยค่ะ!”
ข้าวผัดที่มาฮิรุ—ผู้ตอบอย่างร่าเริง—ทำในครั้งนี้ ดูเหมือนจะทำออกมาได้—ดีเป็นครั้งแรก…
จบ….