Jisui danshi to mesukōsei - ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
หนุ่มวิทยาลัยกับสาวมัธผมปลายไร้เดียงสา 2
“หนูขอโทษ…ไม่ได้ตั้งใจจะรบกวน..”
“เอ่อ..ไม่ต้องคิดมากหรอก ขอโทษทีนะพอดีห้องมันอาจจะรกไปหน่อย เธอเองก็ทำตัวตามสบายได้เลยนะ เดี๋ยวอีกสักครึ่งชั่วโมงทางบริษัทน่าจะมาจัดการให้”
“..ขอบคุณ..”
ผมบังเอิญเจอนักเรียนมัธยมปลายข้างห้องซึ่ง ประตูของเธอถูกล็อกเอาไว้โดยตัวเธอเอง..ผมเลยตัดสินใจพาเธอเข้าไปพักที่ห้องของผมก่อนขณะที่รอบริษัทจัดการนำมาสเตอร์คีย์มาให้..
อย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้บังคับให้เธอเข้ามาในห้องของผม..
เพราะเท่าที่ผมติดต่อบริษัทจัดการ ณ จุดนั้น ผมไม่สามารถบอกกับเธอไปได้ว่า”เธอนั่งรออยู่ตรงนั้นนะเดี๋ยวทางบริษัทเขาก็มา”โดยทิ้งเธอให้นั่งรอคนเดียวตามลำพังอยู่ที่นั่น
สำหรับคนทั่วไปแล้วอย่างน้อยๆเขาอาจพูดประมาณว่า”อยากเข้ามารอในห้องของชั้นมั้ย?” แต่ผมไม่เคยคาดหวังให้เธอตอบกลับมาว่า”รบกวนด้วยนะคะ”เลยส่วนหนึ่งแล้วอยากให้เป็นการตัดสินใจของเธอเองด้วย
ก็ไม่ใช่ว่าผมจะรังเกียจที่เธอเข้ามาในห้องของผมหรอก อีกอย่างมันไม่ได้รบกวนผมเลยสักนิด..
ผมสงสัยว่ามันจะเหมาะสมรึเปล่าที่สาวมัธยมเข้าห้องของผู้ชายที่เธอไม่เคยพบมาก่อน ถึงแม้ว่า เป็นเพื่อนบ้านกัน…หรือว่าเด็กม.ปลายสมัยนี้อยากไปไหนพร้อมกับใครก็ได้ตามที่เขาต้องการ
เมื่อสองปีที่แล้วผมก็เคยเป็นนักเรียนม.ปลายเหมือนกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างมากในการใช้ชีวิตของแต่ละฝ่าย นี่เหรอสิ่งที่เขาเรียกว่าช่องว่างระหว่างวัยรุ่น!
ขณะที่ผมมองเธอด้วยสายตาเหม่อลอยพลางคิดอะไรไปเรื่อย เด็กสาวม.ปลายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก็เอ่ยปากพูดขึ้น
“นี่ๆ..พี่ชายเป็นนักศึกษาเหรอ..”
“อึม..ใช่แล้ว…เธอเองก็คงเป็นนักเรียนม.ปลายใช่มั้ย”
“ใช่ๆ หนูมาจากโรงเรียนมัธยมอุตะเนะ”
“ดูจากภายนอกก็น่าจะพอเดาได้แหละ เพราะว่าระหว่างโรงเรียนกับวิทยาลัยก็อยู่ในเครือเดียวกัน”
“อ๊ะ..อย่างงั้นเอง”
“ใช่..”
โรงเรียนมัธยมอุตตะเนะเป็นโรงเรียนมัธยมเอกชนซึ่งอยู่ห่างออกจากที่นี่ไปโดยใช้เวลาเดินเพียง 10 นาที เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมปลายแบบบูรณาการ(รวมกัน) เนื่องจากเป็นเครือเดียวกับมหาวิทยาลัยของเรา เมื่อจบหลังสูตรของมัธยมแล้ว ก็จะสามารถศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยผ่านระบบโรงเรียนภายในได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผมเป็นคนนอกที่ย้ายเข้ามหาวิทยาลัยอุตะเนะ ผ่านการสอบเข้าทั่วไป ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยทราบสถานการณ์ที่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายมากนัก…
จากนั้น อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้คิดถึงมาก่อน ว่าชายแปลกหน้าที่อยู่ข้างห้องเธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเครือเดียวกัน เด็กสาวมัธยมปลายยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร ราวกับว่าความกังวลของเธอคลายขึ้นเล็กน้อย…
“วิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง มันต่างจากโรงเรียนมากมั้ย..?”
“อึม..ชั้นคิดว่าไม่ได้ต่างอะไรเท่าไหร่ ยกเว้นการสัมมนา โดยพื้นฐานแล้วไม่มีการแบ่งชั้นเรียน ดังนั้นมันก็..ค่อนข้างยากที่จะหาเพื่อน แต่ตารางเรียนมีน้อยกว่าของเด็กมัธยมเยอะ”
“เห๊…หนูได้ยินมาว่าพี่ชายของเพื่อนหนูก็เรียนอยู่ที่นั่นด้วยแล้วก็—…”
ทันใดนั้น เสียงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ดังขึ้น”บี๊บ บี๊บ บี๊บ”มาจากในครัว เด็กสาวมัธยมปลายหันมาด้วยท่าทางตกใจ
“เอ๊ะ..เสียงอะไรน่ะ”
“อ่า…โทษทีนะ เสียงหม้อหุงข้าวน่ะ ดูเหมือนจะหุงข้าวเสร็จแล้ว..”
“พี่ชายทำกับข้าวเองเหรอ”
“ใช่ พึ่งเริ่มหัดทำเองเมื่อหกเดือนก่อนนี่เอง ฮะฮะ”
ผมจำได้ว่าในช่วงก่อนหน้านั้นของผม ยังใช้ชีวิตด้วยการซื้ออาหารกลางวันที่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้น
ทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของเด็กสาวมัธยมเปล่งประกายและพึมพำว่า “ยอดไปเลย” แต่เมื่อผมเอียงศีรษะไปทางเธอ เพียงเธอก็ยิ้มอายๆตอบกลับมา
“หนูไม่มีหม้อหุงข้าวหรืออะไรแบบนั้น มันก็เลย..ไม่ได้กินข้าวหุงร้อนๆมาระยะหนึ่งแล้ว”
“ห๊ะ..จริงเหรอ..แล้วปกติกินอะไรล่ะ”
“ข้าวกล่องจากร้านสะดวกซื้อไม่ก็ซุปเปอร์มาเก็ต…”
“เอ๊ะ..?”
ในใจผมคิดว่า “นั่นมันไม่ค่อยมีคุณค่าทางโภชนาการเท่าไหร่เลย” และก็นึกภาพมองเห็นตัวเองย้อนไปเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน
แต่เด็กสาวมัธยมกินอะไรแบบนี้…?
“เธอสามารถกินอาหารที่นี่ได้เลยถ้าต้องการถึงมันจะไม่ค่อย…มีอะไรมากก็เถอะนะ”
“หึม..?”
ใบหน้าของเด็กสาวมัธยมเปลี่ยนเป็นประกายขึ้นครู่หนึ่ง แต่แล้วเธอก็ส่ายหัวด้วยความประหลาดใจ
“—ไม่ๆ มันไม่ได้ แค่นี้หนูก็รบกวนพี่ชายมามากพอแล้ว!”
*โครกกกก~~~…*(เสียงท้องร้อง)
“อ-เอ่อ…คือมันไม่ใช่นะ…มันคือ—…”
ในเวลาที่ดีแต่เหมือนจะไม่ดี เสียงท้องร้องของเธอเหมือนเสียงคร่ำครวญของลูกสุนัขน่ารักก้องอยู่ในห้องเล็กๆ ไม่กี่วินาทีต่อมา ใบหน้าของเด็กสาวมัธยมเปลี่ยนเป็นสีแดงสดทันที!
“..ฮ่ะฮะ..รับอะไรสักหน่อยมั้ย…”
เมื่อผมถามเด็กสาวมัธยมอีกครั้งที่กำลังนั่งก้มหน้าด้วยความเขินอาย เธอพยักหน้าเล็กน้อยตอบ”ตกลง”กลับมา…
จบ!!!!
##ดูทรงช่วงนี้น่าจะอัพลงเว็บได้อาทิตย์ละตอนนะ….ถ้าอยากอ่านก่อนอ่านในเพจได้เลย!!!