Jisui danshi to mesukōsei - ตอนที่ 4
หนุ่มวิทยาลัยกับสาวมัธยมปลายไร้เดียงสา 4
ตั้งแต่นั้นมา ผมพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างยากลำบาก
ผมล้างจานวันละครั้ง บางครั้งก็วันละสองครั้ง และไปซื้อของสำหรับทำอาหารสัปดาห์ละครั้ง
ส่วนการทำความสะอาดก็…ทำแค่เดือนละครั้ง
อาหารที่อยู่คู่กับผมมานานก็คงหนีไม่พ้น ราเม็ง
ราเม็งสำเร็จรูป คืออาหารที่ทั้งอร่อยและสะดวกในเวลาเดียวกัน แต่ก็ค่อนข้างจะมีราคา เมื่อเทียบกับการทำอาหารด้วยตัวเอง
ถ้าพิจารณาถึงความสะดวก ในการเทน้ำร้อนและรอสามนาทีเพื่อให้พร้อมสำหรับการรับประทาน ก็น่าจะถูกกว่ามาก
นอกจากนี้ยังไม่มีการล้างจานหรือเก็บกวาดที่เกี่ยวข้องกับมัน ผมมักใช้สิ่งนี้เป็นเหมือนอาหารจานด่วนเมื่อผมยุ่งกับการเรียนหรือทำงานนอกเวลา
แต่…การกินอาหารสำเร็จรูปตลอดเวลาไม่ได้ให้คุณค่าทางโภชนาการมากเท่าที่ควรใช่ไหม
ผมพึมพำขณะจ้องมองถ้วยราเม็งสำเร็จรูปในมือ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นพูดว่าร้ายถึงตัวเองนะ เพียงแค่เตือนสติของตัวเองพยายามไม่ให้กินของพวกนี้มากเกินไป
สิ่งที่ผมกังวลคือเด็กสาวมัธยมปลายคนหนึ่งซึ่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร มาที่บ้านผมเมื่อคืนนี้
ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าผู้หญิงอายุเท่าไหร่ที่เขากินเพียงข้าวกล่องร้านสะดวกซื้ออย่างเดียว
ผมรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องของผม แต่มันช่วยไม่ได้ จึงได้แค่คิดและกังวลอยู่อย่างนั้น
อ่า..ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับข้าวกล่องของร้านสะดวกซื้อนะ
ส่วนหนึ่งพราะผมมักจะทานมันเป็นอาหารกลางวันเอง แต่ด้วยวิธีที่เธอพูดถึงนั้น ผมเดาว่าทั้งสามมื้อน่าจะคล้ายกัน บางทีคิดว่านั่นอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เลย
หวังว่าเธอจะไม่ป่วยนะ…
ผมคิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ว่าผมจะทำงานพาร์ทไทม์ แต่ก็ยังคงใช้เงินของพ่อแม่ ผมไม่สามารถและไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น นั่นเป็นสิ่งที่คนอิสระปล่อยมือจากพ่อแม่เท่านั้นที่ทำได้…
แต่ยังไงก็ยังกังวลอยู่…
ผมพึมพำพูดขณะที่กำลังเปิดฝาถ้วยราเม็ง จากนั้นก็ค่อยเทน้ำลงในกาต้มน้ำไฟฟ้า
ที่จำเป็นต้องมาทำแบบนี้เพราะวันนี้การสัมมนา ค่อนข้างยุ่งยาก
ทันใดนั้น เสียงเครื่องอินเตอร์คอมซึ่งไม่ได้ดังมาเป็นระยะเวลานาน ก้องไปทั่วห้องของผม
อ่า…ใครอีกละเนี่ย
ผมมองผ่านช่องประตูโดยคิดว่าวันนี้ไม่น่าจะมีใครมาส่งของ จากนั้นค่อยๆก็ปลดล็อคประตู และตกใจเมื่อฉันเห็นภาพคนที่สะท้อนอยู่ตรงหน้า
“พี่ชาย….!!”
เมื่อผมเปิดประตู มีสาวมัธยมคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน เธอไม่ได้สวมชุดนักเรียนเหมือนเมื่อวาน แต่เหมือนจะสวมชุดลำลองมากกว่า
“อ่า…มีอะรึเปล่า..”
“ไม่ หนูมาขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อวาน..รับคุกกี้นี่ไปสิ…”
พูดตามตรง ผมมีแรงต้านอย่างมากที่จะรับของจากคนที่ไม่มีแม้แต่ไมโครเวฟในห้องของพวกเขาด้วยซ้ำ…ไม่ ผมไม่รู้ว่าครอบครัวของเธอยากจนจริงๆหรือว่าพวกเขาร่ำรวย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่ผมจะรับสิ่งที่เธอเต็มใจให้โดยต้องปฏิเสธ ดังนั้นผมจึงรับมันไว้พร้อมพูดว่า”ขอบคุณ”
“เรื่องอาหารเย็นล่ะ…เป็นยังไงบ้าง”
“อ้อ…หนูซื้อมันมาแล้ว จากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆนี่เอง”
เอาจริงผมก็รู้ว่ามันไม่เป็นไร
เด็กสาวมัธยมปลายมองมาที่ผมอย่างสงสัยขณะที่ผมกำลังหลับตาครุ่นคิด
“เอ่อ…ถ้าอยากกินข้าวอีก มาที่นี่ได้ทุกเมื่อ ถึงชั้นจะไม่ค่อยมีอะไรพิเศษให้ แต่—”
ขณะที่ผมกำลังจะพูดว่า “ต้องการกินราเม็งสักถ้วยไหม” แต่ถูกขัดไว้ก่อน ด้วยคำพูดของเด็กสาว
“หนูจะขอรบกวนพี่ชายได้มั้ย”
“เอ่อ…ไม่มีปัญหา..”
“ถ้าอย่างนั้น รบกวนด้วยนะคะ ราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้า”
“อ่า..อึม ราตรีสวัสดิ์ แล้วเจอกันใหม่…”
จากนั้นเด็กสาวตอบรับด้วยยิ้มสดใสและพูดว่า “ขอบคุณมาก!” ถึงจะมันดูแปลกตาสำหรับผมไปหน่อย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะไม่มีใครรอบๆตัวแสดงรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาแบบนี้มาก่อน
เห้อ..ยังไงก็ตามผมน่าจะบอกให้เธอมาอุ่นข้าวกล่องที่ห้องสักหน่อย
จากนั้นเสียงกาต้มน้ำไฟฟ้าก็ดังขึ้น เสียงน้ำร้อนเดือดก้องอยู่ในห้องราวกับหัวเราะเยาะผมที่สังเกตเห็นก่อนหน้านี้….
(จบ) ตอน