Jisui danshi to mesukōsei - ตอนที่ 6
หนุ่มวิทยาลัยกับสาวมัธยมปลายไร้เดียงสา 6
“นี่ๆ พี่ชายลองคิดดูนะ พี่ชายเป็นคนทำอาหารเองใช่มั้ย..”
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ เราประสานมือและพูดพร้อมกันว่า”อิทาดาคิมัส” แล้วเด็กสาวมัธยมปลายซึ่งนั่งตัวตรงอยู่บนเบาะผ้าฝ้ายทิศตรงข้ามเหมือนเมื่อก่อน ถามขึ้นมา
จากนั้นผมพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ขณะนั่งไขว่ห้างบนพื้น
“มันน่าทึ่งมากเลย หนูไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน”
“จะว่าไปมันไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอกนะ..จำวันก่อนได้มั้ย เบคอนกับไข่ นั่นคือสุดกำลังของชั้นแล้วจริงๆ”
ผมคิดว่ามีสูตรที่ดีกว่านั้น แต่มีสูตรเดียวเท่านั้นที่ผมสามารถทำได้ในระดับที่เรียกว่าความสมบูรณ์แบบแล้วสามารถให้บริการกับผู้อื่นได้ นั้นก็คือเบคอนกับไข่… อย่างไรก็ตาม “ความสมบูรณ์แบบ”ที่กล่าวมานั้นแทบไม่มีอยู่ในอาหารจานอย่างไข่ดาว
ซึ่งมันเพียงแค่ตอกไข่ลงในกระทะและรอให้มันสุก..
“เอ๋~~ แต่เบคอนกับไข่ตอนนั้นอร่อยจริงๆนะ..”
“ปกติเธอมักจะบอกว่าอาหารอร่อยใช่มั้ย แล้วมีอะไรที่ไม่ชอบบ้างรึเปล่าล่ะ”
“อาหารที่ไม่ชอบ..?…”
“เดี๋ยว..อย่าทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจภาษาที่ชั้นพูดแบบนั้นสิ..”
เด็กสาวมัธยมปลายที่เอียงศีรษะด้วยท่าทางสงสัยอย่างจริงจังพร้อมกับพึมพำว่า “อืมม…อืม…”ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่บีบคั้น
“แมลง…!”
“เข้าใจแล้ว…ไม่ชอบของพวกนี้สินะ”
“ไม่ใช่แบบนั้น!! หนูหมายถึงเป็นแมลงอย่าพวกจั๊กจั่นดิบๆแถวนี้แต่ถ้ามันเป็นอย่างที่กินได้ค่อยดูกันอีกที..”
“ห๊า!!..เธอคิดว่าชั้นจะให้เธอกินแมลงดิบๆรึไงกัน?”
“อ่ะ..แฮะๆ.. นั่นสินะ~~”
ความคิดในหัวของเธอไม่ตรงกับเจตนาของผมเลยสักนิด..
“แต่ก็นะ..อย่าที่เธอเคยพูด นิดสัยการกินของเธอ ค่อนค่างเลอะเทอะเลยใช่มั้ยนั่น”
“จริงๆเหรอ…”
นี่ยังไม่รู้ตัวอีก….
“อ่า..ใช่สิ่งที่เธอทำคือการกินข้าวกล่องทุกวัน เธอไม่คิดจะทำอาหารเองจริงๆเหรอ หรือว่าแค่อยากกิน?”
“ไม่ ไม่ใช่ว่าหนูไม่สนใจ..แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ยอมให้หนูทำอาหารเอง…”
“หมายความว่ายังไง..”
“อ้าาา~~”
“เอ๊ะ…”
“มีคนบอกหนูเสมอว่า..อย่าทำอาหารเองโดยพละการ”
“เป็นแบบนั้นหรอกเหรอ..แล้วทำแค่พวกอาหารง่ายๆอะไรพวกนี้ล่ะ”
“….หนูได้รับคำสั่งอย่างเคร่งครัดมาว่า ห้ามใช้ไฟช้อนส้อมหรือของมีคมเด็ดขาด นั่นคือเงื่อนไขของการออกมาอยู่คนเดียว..”
มันก็จริงอย่างที่เธอว่าไม่ควรใช้ไฟ..แต่ว่าการห้ามใช้ส้อมหรือของมีคม นี่มันไม่หนักหนาไปหน่อยเหรอ..เธอจะไม่สามารถใช้ที่ปลอกหรือกรรไกรได้เลย
ก็พอเข้าใจได้ในกรณีเด็กอยู่ในโรงเรียนประถม แต่การกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวกับนักเรียนมัธยมปลาย..
ไม่รู้ว่าเป็นความรักของพ่อแม่หรือเปล่า แต่มันไม่คุ้มในสถานการณ์ปัจจุบันของเธอ ที่ซึ่งแทนที่จะห้ามไม่ให้เธอทำอาหารเอง ควรเสริมโภชนาการของเธอให้มันสมดุล
มันจะไม่มีความหมาย หากสุขภาพของเธอตกอยู่ในอันตรายแทนที่จะกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ…
เดี๋ยวก่อนนะ…ถ้าเป็นแบบนี้การอยู่คนเดียวมันไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยเลยนิ แต่ทำไมเธอถึงได้อยู่คนเดียวล่ะ..?
ทำไมไม่มีผู้ดูแลคอยอยู่ข้างๆ ไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บหรือตกอยู่ในอันตราย
วิธีนี้ทำให้เด็กสาวคนนี้สามารถทานอาหารที่ปรุงสดใหม่ได้ ในขณะที่รักษาสุขภาพด้วย ใช่มั้ย? แน่นอนว่าถ้าเธอเต็มใจ
“ชั้นขอถามอะไรเธอหน่อยได้มั้ย..ถ้าไม่เต็มใจที่จะบอกก็ไม่ต้องนะ…”
“เอ๊ะ…?”
“อยากให้ชั้นสอนทำอะหารให้มั้ย…แม้ว่ามันจ—”
ก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค เด็กสาวมัธยมปลายซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามอย่างมีมารยาทก็ลุกขึ้นเอนตัวไปข้างหน้าพร้อมใช่สองมือของเธอทุบโต๊ะ..
“จริงๆเหรอคะ..จริงๆใช่มั้ย!!”
“อ่า..อึม”
เมื่อเห็นดวงตาของเธอที่เป็นประกาย ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยักหน้าด้วยความประหลาดใจกับปฏิกิริยาที่คาดไม่ถึงของเธอ…
จบบบ