Journey Towards Greatness เกิดใหม่ในโลกโปเกมอนกับการเดินทางสู่ความยิ่งใหญ่ - ตอนที่ 56
เมื่อพายุแรงขึ้นเรื่อยๆ จูเลียนก็กำลังเข้าใกล้เมืองท่าคันโตมากขึ้น เกียราดอสกำลังพุ่งผ่านคลื่นขนาดใหญ่ขณะที่จูเลียนกอดเขาไว้แน่น ส่วนมิวก็สนุกกับการนั่งบนตัวจูเลียน เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าพายุน่าจะมีพลังมากกว่าที่เคยแสดงในอนิเมะ คลื่นมันใหญ่กว่าที่เขาคาดไว้
จูเลียน ‘ดูเหมือนว่ามิวทูจะมีความสามารถมากขึ้นในการควบคุมพลังของมันเพื่อสร้างพายุขนาดใหญ่’
จูเลียนเปียกโชกจากสายฝนและคลื่นทะเล พวกเขาเข้าใกล้จุดหมายมากขึ้นจูเลียนมองเห็นท่าเรือที่ว่างเปล่ามีร่างคนประปรายยืนอยู่ตรงนั้น
จูเลียน ‘จากสิ่งที่ฉันรู้ พวกเขาต้องเป็นเจ้าหน้าที่จุนซาและเจ้าหน้าที่หญิงท่าเรือที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์ ดูเหมือนว่าฉันจะมาสายนะฉันไม่เห็นซาโตชิเลย’
จูเลียนนึกถึงสถานการณ์นี้และขมวดคิ้ว
จูเลียน ‘ฉันควรจะปกปิดหน้าเพราะยังไม่อยากมีข่าวอีก คราวนี้มีคนทั่วโลกอินเทอร์เน็ตตามอยู่ ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่จะดีกว่าถ้าจะเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ’
เขามองลงไปและเห็นเกียราดอสของเขา
จูเลียน ‘ปัญหาอีกอย่างคือเกียราดอส เนื่องจากมันค่อนข้างแตกต่างจากตัวอื่นๆ และคนที่เคยเห็นก็จะสามารถจำมันได้ง่ายๆ และรู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันควรทำอย่างไรดี?’
จูเลียนเริ่มคิดแผน
จูเลียน ‘ฉันควรจะทำให้มัน Mega Evolution ไหมนะ มีเพียงศาสตราจารย์โอคิโดะเท่านั้นที่เคยเห็น เมก้าเกียราดอส และไม่มีใครไม่รู้จักมันแน่นอน’
จูเลียนครุ่นคิดเรื่องนี้เป็นครั้งที่สอง
จูเลียน ‘ฉันควรจะทำแบบนั้นจริงๆ หรือ? แม้ว่าการโชว์เมก้าอีโวลูชั่นของเขาต่อหน้าผู้คนอาจมีความเสี่ยง เพราะหากมันปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ร่างนี้คงทำให้พวกเขาคิดว่าเกียราดอสเป็นโปเกมอนหายาก แต่นี่เป็นสถานการณ์เดียวที่จะหลีกหนีจากสื่อ’
จูเลียน [เกียราดอสช้าลงหน่อย ฉันต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและถึงเวลาที่นายจะ Mega Evolve แล้ว]
จูเลียนหยิบเสื้อคลุมยาวสีดำที่มีฮูดติดอยู่และสวมมัน (เหมือนใน Assassin’s Creed Syndicate) จากนั้นเขาก็สวมหน้ากากสีดำที่ปิดครึ่งหน้า
จูเลียน “เกียราดอส MEGA EVOLVE”
มิวที่ห้อยหัวลงขณะที่หางของมันพันอยู่ที่คอของจูเลียนก็เริ่มรู้สึกสงสัยหลังจากเห็นจูเลียนหยิบล็อกเก็ตคีย์สโตนออกมาจากเสื้อยืดของเขา จากนั้นมันก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคีย์สโตนเรืองแสงขณะที่เมก้าสโตนบนหัวเกียราดอสก็เริ่มเปล่งประกาย ในไม่ช้าเกียราดอสก็เมก้าอีโวลูชั่นและสูงขึ้นถึง 12 เมตร เขาของมันใหญ่ขึ้นและเขี้ยวของมันก็ยาวขึ้นด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่มิวได้เห็นการเมก้าอีโวลูชั่น แม้ว่ามิวจะติดตามจูเลียนไปรอบๆ แต่มันก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างจูเลียนเสมอไป ดังนั้นจึงไม่เคยเห็นเมก้าเกียราดอสมาก่อน ตอนที่เมก้าเกียราดอสปรากฏตัวมันก็ตื่นเต้นมากและไปอยู่หน้าเกียราดอสเพื่อตรวจสอบมัน
จูเลียน “ชอบสิ่งที่นายเห็นไหม”
มิวผงกหัวอย่างมีความสุข
จูเลียน “มิว นายช่วยฉันได้ไหม”
มิวมองไปที่จูเลียนและพยักหน้าบอกว่าจะช่วยจูเลียน
จูเลียน “เยี่ยมมาก ฉันอยากให้นายทำให้ Pokedex ของเทรนเนอร์เหล่านั้นทำงานผิดปกติเมื่อพวกเขาพยายามตรวจสอบเกียราดอส นายทำได้ไหม”
มิวพยักหน้ารับฟังจูเลียนเพราะนี่เป็นงานที่ง่ายมากสำหรับมัน
เมื่อจูเลียนมาถึงใกล้ท่าเรือ ผู้คนบนท่าเรือก็มองเห็นเขาเพราะตอนนี้มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะสังเกตเห็นเขา เนื่องจากตอนนี้ได้มีโปเกมอนตัวใหญ่สีแดงดำและชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านบนนั้น มันเป็นภาพที่สะดุดตามาก
เทรนเนอร์บางคนเห็นเขาและเริ่มพูดถึงเขาและบางคนก็เริ่มถ่ายรูปเขา
เทรนเนอร์ 1 “เฮ้ดูสิ นั่นโปเกมอนตัวนั้นเป็นสายพันธุ์ไหนน่ะ?”
เทรนเนอร์ 2 “โปเกมอนตัวใหญ่ห่าอะไรขนาดนั้นฟะ”
เทรนเนอร์ 3 “เฮ้ดูสิ มีคนยืนอยู่ด้านบนด้วย”
เทรนเนอร์ 4 “เฮ้ย ทำไม Pokedex ของฉันไม่ทำงานล่ะ”
เทรนเนอร์ 5 “ของฉันด้วย เกิดอะไรขึ้น?”
ในไม่ช้าทุกคนก็เริ่มพูดถึงเขากับเกียราดอสของเขามิวก็ล่องหนไปและไม่มีใครเห็นมัน เจ้าหน้าที่จุนซารู้สึกเกร็งเมื่อเห็นคนๆ นี้เข้ามา เธอเป็นคนระมัดระวังตัวเธอจึงตื่นตัวเต็มที่
จุนซา “คุณเป็นใคร มีจุดประสงค์อะไร”
จูเลียน “เทรนเนอร์ทุกคนที่มาถึงอยู่ที่นี่หมดเลยหรือเปล่า”
จูเลียนต้องการยืนยันว่าซาโตชิมาที่นี่หรือยัง เขาจึงต้องถามคำถามนี้
จุนซา “มีเทรนเนอร์ไม่กี่คนที่ไม่รับคำเตือนของฉันและออกไปพร้อมกับโปเกมอนของพวกเขาแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจูเลียนก็รู้ว่าเขามาสาย
จูเลียน ‘ดูเหมือนฉันจะมาสาย แต่ฉันไม่สามารถตำหนิตัวเองได้เพราะฉันมาจากเมืองมาซาระ’
จูเลียน “ฟังฉันนะอย่ายอมให้ใครไปที่เกาะนั่น มันอันตรายมากฉันจะไปที่นั่นเพื่อเอาคนที่ไปกลับมา”
จุนซา “นายเป็นใคร”
จูเลียนไม่ตอบขณะที่สั่งให้เกียราดอสไปที่เกาะ เมื่อเห็นจูเลียนไม่อยากตอบจุนซาก็เริ่มทำหน้าที่ของเธอและเริ่มจำกัดไม่ให้ผู้ฝึกสอนไปที่นั่น แม้ว่าเธอจะสงสัยผู้ชายคนนี้ที่บอกเธอว่าเกาะนั้นเป็นอันตรายก็ตาม แต่เธอก็ไม่ต้องการเสี่ยงและทำตามที่เขาพูด
จูเลียนถอนหายใจขณะที่เขาเดินทางออกไปจากท่าเรือ
จูเลียน ‘ตามที่คาดไว้ผู้คนจะสนใจแน่นอนเมื่อเห็นอะไรแบบนี้ แม้ว่าการใช้เมก้าอีโวลูชั่นจะสร้างความโกลาหลมากขึ้น แต่เกียราดอสสีแดงขนาดใหญ่ก็คงให้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน แถมตัวตนของฉันก็จะยังคงเป็นความลับเนื่องจากมีเพียงศาสตราจารย์โอคิโดะเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้’
เมื่อจูเลียนเข้ามาใกล้นิวไอซ์แลนด์ เขาก็เริ่มได้ยินเสียงระเบิดตูมใหญ่และเสียงร้องของโปเกมอน มิวปรากฏตัวบนไหล่ของเขาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากเกาะ
เมื่อจูเลียนเข้ามาใกล้เกาะเขาก็เห็นสนามรบขนาดใหญ่และโปเกมอนจำนวนมากกำลังต่อสู้กัน เขายังเห็นซาโตชิและเพื่อนของเขากับแก๊งร็อคเก็ตทั้งสามคนรวมทั้งคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างมองดูการต่อสู้ที่โหดร้ายนี้ เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นมิวกำลังต่อสู้กับมิวทู เนื่องจากทั้งสองคนมีความเท่าเทียมกันและไม่มีใครได้เปรียบใคร
มิวที่อยู่บนไหล่ของจูเลียนกำลังเฝ้าดูมิวและมิวทูที่กำลังต่อสู้กันอยู่ แต่ทันใดนั้นจูเลียนก็หยุดมันด้วยการส่ายหัว
จูเลียน “ฉันรู้ว่านายรู้สึกยังไง นายคิดว่ามิวทูไม่ควรมีอยู่จริง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแล้วและมันมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ ดังนั้นนายไม่ควรฆ่ามันไปทันที ปล่อยให้มันต่อสู้และตระหนักถึงความผิดพลาดหากมีอะไรเกิดขึ้น หากเกิดเรื่องร้ายแรงฉันจะเข้าไปยุ่งเอง”
มิวมองไปที่จูเลียนแล้วเดินกลับไปบนไหล่ของจูเลียนและดูการต่อสู้ต่อไป
การต่อสู้ของมิวและมิวทูเริ่มที่จะทำลายล้างมากขึ้น เมื่อพวกเขาโจมตีพื้นที่รอบๆ ก็เริ่มพลังทลาย
จูเลียนมองลงไปและเห็นโปเกมอนตัวเดิมกำลังต่อสู้กับร่างโคลนของพวกมันในตอนนี้พวกมันเริ่มล้มลงทีละตัวอย่างช้าๆ หลังจากเหนื่อยล้า ทั้งมิวและมิวทูก็กลับไปที่พื้นและต่อสู้ต่อไป
ซาโตชิที่เห็นการต่อสู้ที่โหดร้ายที่ไม่มีทั้งเหตุจูงใจและมีเพียงความทุกข์ทรมาน มันก็กลายเป็นอารมณ์อึดอัดและตะโกนเพื่อหยุดยั้งมิวกับมิวทู
ซาโตชิ “หยุดนะ”
มิว/มิวทู “ASHHHH”
ซาโตชิ “หยุดนะ หยุดทีเถอะ!”
ซาโตชิเข้าไปขวางระหว่างการโจมตีของพลังจิตของทั้งสองและทันใดนั้นพวกมันก็หยุดลงทันทีในขณะที่ซาโตชิล้มลงบนพื้นและกลายเป็นหิน พิคาชูวิ่งไปหาเขาและพยายามปลุกเขาขึ้นมา แต่มันก็ไม่ได้ผลมันจึงเริ่มทุบซาโตชิ แต่ก็ยังคงไร้ประโยชน์ เมื่อเห็นวิธีการของมันไม่ได้ผลมันก็เริ่มร้องไห้และพยายามปลุกซาโตชิที่กลายเป็นรูปปั้นโดยสมบูรณ์ เมื่อเห็นแบบนั้นโปเกมอนทั้งหมดในสนามก็เริ่มร้องไห้
จูเลียนที่เห็นแบบนี้ก็ชวนให้รู้สึกไม่ดีเขารู้ว่าสิ่งนี้เหมือนในอนิเมะ แต่การได้เห็นมันในชีวิตจริงก็เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกันมาก เขาสามารถหยุดสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่โจมตีมิวทู แต่เขาไม่ได้ทำเพราะการเสียสละครั้งนี้ของซาโตชิคือประเด็นสำคัญที่ทำให้มิวทูตระหนักว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นกันไม่ใช่แค่การทดลองของมนุษย์
ในขณะที่โปเกมอนเริ่มร้องไห้ น้ำตาของพวกเขาก็เริ่มไหลเข้าหาซาโตขิ การสะสมของน้ำตาที่เปล่งประกายเหล่านี้ก็ทำให้ซาโตชิฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
จูเลียนรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นสิ่งนี้เขารู้ผลลัพธ์ดีเพราะเคยดูมาแล้ว แต่การฟื้นฟูนี้ก็เป็นปรากฏการณ์ที่ลึกลับเช่นกัน
จูเลียน “การฟื้นฟูแบบนี้ใครจะคิดว่าความเศร้าโศกของโปเกมอนและน้ำตาของพวกเขาจะสามารถทำให้คนๆ หนึ่งฟื้นขึ้นมาได้”
มิวที่นั่งอยู่บนไหล่ของเขาก็พยักหน้าขณะมองไปที่ซาโตชิที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาด้วยสายตาตื่นเต้น
ท้องฟ้าสว่างขึ้น เมฆดำเริ่มหายไป
มิวทูและมิวที่ต่อสู้กันมาตลอดก็หยุดลงหลังจากเห็นเหตุการณ์นี้ มิวทูก็ตระหนักได้เมื่อทั้งสองมองตากัน ในที่สุดพวกมันก็สังเกตเห็นการปรากฏตัวของตัวตนอื่น พวกมันยุ่งแต่กในการต่อสู้ของตนจนพวกมันไม่ทันสังเกตก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนมากขึ้นแล้ว
เมื่อทั้งคู่หันกลับมาก็เห็นโปเกมอนตัวใหญ่สีแดงและบนหลังมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านบนที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าและมิวที่นั่งอยู่บนไหล่ของเขาที่กำลังยิ้มเมื่อมองมาที่พวกมัน ทั้งมิวและมิวทูต่างก็ประหลาดใจเพราะพวกมันไม่คิดว่าจะมีมิวอีกตัวปรากฏขึ้น
มิวที่ต่อสู้กับมิวทูเดินเข้ามาหามิวที่นั่งอยู่บนไหล่ของจูเลียน พวกมันเริ่มทักทายกัน
มิวทูยังอยากรู้อยากเห็นมากเกี่ยวกับมิวตัวนี้ ทันใดนั้นมันก็ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง การปรากฏตัวของมิวตัวนี้ดูคุ้นเคยกับมัน และมันก็จำเรื่องที่ยิมโทคิวะในตอนที่มันฟื้นคืนสติได้ มันถูกโจมตีโดยแรงกดดันอย่างมากและนั่นก็มาจากมิวตัวนี้เอง
มิวทูเริ่มระมัดระวังตัวเมื่อตระหนักว่ามิวตัวนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเอาชนะได้ จากนั้นมันก็มองไปที่จูเลียนและจำบุคคลนี้ได้เช่นกัน
มิวทู [ฉันจำนายได้ นายคือเจ้าของโปเกมอนที่ฉันเคยต่อสู้ด้วย]
จูเลียน “ดูนายสิ นายควบคุมพลังได้ดีขึ้นมากเลยนะ”
เมื่อเห็นมิวทูกำลังคุยกับใครบางคน ทุกคนที่อยู่ในสนามรบก็หันไปรอบๆ เพื่อดูชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนโปเกมอนตัวใหญ่
ทาเคชิ “นั่นใครน่ะ?”
คาซุมิ “ไม่รู้สิ”
ทุกคนเริ่มสงสัยเมื่อเห็นชายคนนี้ที่ซ่อนอยู่หลังเครื่องแต่งกายของเขา
แก๊งร็อคเก็ตทั้งสามก็ไม่มีข้อยกเว้น
มุซาชิ “เฮ้ดูโปเกมอนตัวนั้นสิ นั่นมันอะไร?”
โคจิโร่ “ไม่รู้สิ แต่ดูมีพลังมาก”
มุซาชิ “เราควรนำมันกลับไปให้บอสนะ แล้วเราจะร่ำรวยเลยล่ะ”
เนี๊ยส “เธอเอาความคิดงี่เง่านี่ออกไปเลยนะ เธอคิดไหมว่าแม้ว่าเราจะอยู่ในหุ่นยนต์สัตว์ประหลาดของเรา เรายังตัวเล็กกว่ามันอีก ไม่มีทางที่เราจะจับมันได้แน่ ดังนั้นเงียบไปเลย”
โคจิโร่ “ตอนนี้ที่ฉันคิดว่าเนี๊ยสพูดถูกแล้ว ฉันไม่ต้องการโดนเจ้านั่นเล่นงานนะ”
มิวทูมองไปที่จูเลียนด้วยความระมัดระวัง เพราะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร
มิวทู [นายต้องการอะไร?]
จูเลียน “ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากจะดูว่านายจะสร้างปัญหาหรือไม่ ตอนนี้ฉันเห็นแล้วว่านายรู้แล้วว่านายทำอะไรอยู่ ตอนนี้ฉันก็จะไปแล้ว”
มิวทู [เดี๋ยวก่อน ทำไมวันนั้นนายถึงปล่อยฉันให้เป็นอิสระ]
จูเลียน “นายเป็นเพียงหุ่นเชิดตอนเมื่อฉันเห็นนาย นายเป็นอาวุธที่สามารถทำลายโลกได้และนายอยู่ในมือของผู้ชายที่จะนำโลกไปสู่หายนะอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงปลดปล่อยนาย ฉันไม่มีจุดประสงค์ใดๆ สำหรับฉัน นายเป็นเพียงโปเกมอน แม้ว่าคุณจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่น แต่นายก็ยังสามารถถูกเอาชนะได้ ผู้ชายคนนั้นก็แค่ตาบอดและไม่เข้าใจว่านายคืออะไร เหตุผลที่สองคือฉันรู้สึกสงสารนายที่เกิดมาเพื่อเป็นเพียงอาวุธสำหรับผู้ชายคนนั้น ฉันจึงปลดปล่อยนาย นั่นคือทั้งหมด”
มิวทู [ฉันทำลายสถานที่ที่ฉันสร้างขึ้นพร้อมกับพวกเขาที่อยู่ข้างใน ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้าง]
จูเลียน “พวกเขาจะตายหรือพิการก็ไม่มีอะไรให้ฉันกังวล ตอนนี้นายมีอิสระเพียงแค่ใช้ชีวิตตามปกติและไม่สร้างปัญหา ไม่งั้นนายคงทำให้ฉันผิดหวัง”
ทันใดนั้นมิวทูก็ส่งลำแสงพลังจิตไปทางจูเลียน แต่จูเลียนจ้องไปที่มันโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จู่ๆ เกียราดอสก็อ้าปากและส่งไฮเปอร์บีมเพื่อเบี่ยงเบนลำแสงพลังจิตออกไปและผลักมันกลับไปอย่างรวดเร็ว มิวทูก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วไฮเปอร์บีมทะลุผ่านเกาะและตกลงบนผืนน้ำทำให้น้ำทะเลแยกออกเป็นสองฝั่นและรวมเข้ากันอีกครั้ง
จูเลียน “นายยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับฉัน แม้ว่าพลังจิตของนายจะแข็งแกร่งแต่ก็ไร้ประโยชน์เมื่อนายต้องต่อสู้กับฉัน”
เมื่อพูดแบบนั้นจูเลียนก็เดินจากไปโดยทิ้งมิวทูไว้ข้างหลัง เมื่อมันหันกลับไปก็เห็นการทำลายล้างที่เกิดจากไฮเปอร์บีมนั้น เกาะครึ่งหนึ่งถูกตัดจากตรงกลาง
มิวทูและคนอื่นๆ ที่เฝ้าดูจูเลียนจากไปแล้วตามไปด้วยมิวขณะที่มันโบกมือบอกลาเพื่อนใหม่ของมัน
ซาโตชิกับคนอื่นๆ ต่างตกตะลึงเมื่อเห็นการโจมตีที่ทรงพลังนี้
ซาโตชิ “สักวันฉันจะแข็งแกร่งเหมือนเขา”
คาซุมิ “ฝันรึไง”
ซาโตชิ “เธอพูดว่าอะไรนะ”
ทาเคชิ “ใจเย็นหน่อยทั้งสองคนนี่ไม่ใช่เวลาทะเลาะกันนะ”
ทั้งสามคนจากแก๊งร็อคเก็ตยังตกใจจนขากรรไกรของพวกเขาห้อยค้าง
เนี๊ยส “ดูนั่นสิ ฮ่าๆ…ยังดีนะที่ฉันบอกว่าเราไม่ควรยุ่งกับมัน ไม่งั้นเราจะโดน ปิ้ว หายไปบนฟ้า”
โคจิโร่ / มุซาชิ “นายพูดถูก”
มิวทูมองมิวแล้วคุยกับมัน
มิวทู [เป็นเรื่องจริงที่นายเป็นโปเกมอนที่มีตัวตนเหมือนกับฉันฃและเหมือนกันกับพวกเขา]
มิวพยักหน้าขณะที่ทั้งคู่มองลงไปที่โปเกมอนตัวอื่นๆ
มิวทู [อาจจะดีที่สุดถ้าไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ อาจเป็นการดีที่สุดที่ทุกคนจะลืมมันไป]
ทันใดนั้นโปเกมอนที่ถูกโคลนขึ้นก็เริ่มลอยขึ้นและพวกมันก็บินหายไปบนท้องฟ้าตามมิวและมิวทู
ซาโตชิ “พวกเขาไปไหนกันหมด”
มิวทู [เราเกิดมา เรายังมีชีวิตอยู่ เราจะใช้ชีวิตต่อไปในโลกนี้…ในที่ไหนสักแห่ง]
ในขณะที่มิวกับมิวทูและโปเกมอนโคลนกำลังหายไปบนท้องฟ้า ซาโตชิกับคนอื่นๆ บนเกาะก็ถูกแสงสีขาวกลืนหายไป พวกเขาลืมทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและถูกส่งกลับไปยังเมืองท่าคันโต
จูเลียนที่เห็นทุกอย่างก็ดูด้วยรอยยิ้มอยู่ห่างไกล หลังจากเห็นสิ่งนี้เขาก็กลับไปที่ Harbor แต่คราวนี้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและส่งเกียราดอสกลับไปที่โปเกบอล เขาซ่อนตัวห่างจากฝูงชนและเฝ้าดูพวกเขา
จูเลียน ‘ดูเหมือนว่าทุกคนจะลืมไปเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ไปแล้วรวมถึงเหตุผลที่มาที่นี่ด้วย แต่พวกเขายังไม่ลืมเรื่องของฉันและยังคงคุยกันอยู่’
จูเลียนถอนหายใจขณะที่เขาหนีออกมาจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่ต้องการให้เจ้าเปี๊ยกซาโตชิเห็นเขา