Jun Jiu Ling หวนชะตารัก - ภาคที่ 4 ตอนที่ 118 กระวนกระวายซ้ำๆ
วิชาธนูของฟางเฉิงอวี่ได้รับคำชื่นชมจากเฉิงกั๋วกง จนกระทั่งบนโต๊ะอาหารก็ยังชมไม่ขาดปาก
ช้าไปนานปีปานนั้น หากฝึกตั้งแต่เล็กคงดีกว่านี้อีก เขาเอ่ย คิดนิดหนึ่งก็เปรียบเทียบ เทียบฮั่นชิงได้เลย
เพราะหยางจิ่งพาคนของกองทหารชิงซานส่วนหนึ่งไปอารักขาน้าเซียว ทิ้งจ้าวฮั่นชิงอยู่ในกองทหารช่วยเซี่ยหย่ง เวลานี้จึงยังไม่เคยพบฟางเฉิงอวี่
แต่ชื่อนี้ไม่แปลกหูฟางเฉิงอวี่ และเขาก็ไม่ได้ไม่พอใจเพราะถูกเปรียบกับสตรีคนหนึ่ง
ข้าใช้ได้หรือ? เขาเอ่ยอย่างดีอกดีใจ ถ้าเช่นนั้นหลังจากนี้ข้าจะขยันฝึกขึ้นอีก
พูดพลางก็มองไปทางคุณหนูจวินอีกหน
จิ่วหลิง ท่านกั๋วกงบอกว่าข้าร้ายกาจเหมือนฮั่นชิงได้
เหมือนเด็กที่อวดเมื่อได้รับคำชมคนหนึ่ง
คุณหนูจวินยิ้มพลางพยักหน้า
ได้แน่นอน นางเอ่ย พวกเจ้าล้วนร้ายกาจกว่าข้า
บนโต๊ะอาหารรื่นเริงคุยเล่นสุขสันต์ มีเพียงจูจั้นที่ประหนึ่งกันตนเองไว้ข้างนอก ก้มศีรษะกินไม่หยุด
จั้นเอ๋อร์
ริมหูเสียงเรียกดังขึ้นติดกันหลายที จูจั้นจึงรู้สึกตัวเงยหน้าขึ้น
อะไรหรือ? เขามองเฉิงกั๋วกงอย่างงุนงงอยู่บ้าง เห็นชัดว่าไม่ได้ยินคำที่พูด
หลังกินข้าวพ่อเจ้าให้เจ้าพาเฉิงอวี่ไปหาอาจารย์ยิงธนูสักคน นายหญิงอวี้เอ่ยแล้วขมวดคิ้ว เจ้าทำอะไร? คืนวานไม่ได้ให้เจ้ากินข้าวรึ?
จูจั้นขานอืมทีหนึ่ง มองฟางเฉิงอวี่ทีหนึ่งแล้วเค้นรอยยิ้มบาง
ได้ ข้าพาเจ้าไป เขาเอ่ยบอก
เขาตอบตรงๆ เช่นนี้ นายหญิงอวี้กลับคิดไม่ถึงอยู่บ้าง
เมื่อวานยังไม่สนใจไยดีฟางเฉิงอวี่อยู่เลย คิดว่าเขาคงจะหาข้ออ้างปฏิเสธเสียอีก มองจูจั้นตอบเสร็จพลันก้มศีรษะพุ้ยข้าวต่อทันที ไม่พูดจาไม่มองคนบนโต๊ะเพิ่มสักหน ว่าง่ายจนนางยังจำไม่ได้แล้วว่านี่คือบุตรชายของตนเอง
เมื่อคืนวานเกิดเรื่องอะไรขึ้น? แม้ไม่ยุ่งเรื่องของบุตรชาย แต่นายหญิงอวี้ก็รู้ว่าด้านนั้นทะเลาะกันเพราะสาวใช้คนหนึ่ง
หากเป็นบุตรชายสองคนหรือบุตรสาวกับบุตรชาย นางหิ้วมาสั่งสอนสักหน่อยตีสักยกก็ได้แล้ว แต่เรื่องของบุตรชายกับลูกสะใภ้ นางเองก็ไม่สะดวกยุ่ง
บุตรชายลูกสะใภ้สี่คำแล่นผ่าน นายหญิงอวี้ก็กระแอมอีกหน
เรื่องของคุณหนูจวินท่านคิดจะพูดเวลาใด? นางมองไปหาเฉิงกั๋วกงแล้วเอ่ยถาม
ไม่กี่วันนี้ เฉิงกั๋วกงเอ่ยตอบ พยายามให้พร้อมกับเฉิงอวี่เข้าเฝ้ารับรางวัล
พูดพลางมองคุณหนูจวินแล้วยิ้มทีหนึ่ง
ท่านกั๋วกงท่านลองพิจารณาดูอีกครั้ง ผ่านไปสักช่วงหนึ่งค่อยพูดก็ได้ คุณหนูจวินเอ่ยขึ้น
เพิ่งเกิดเรื่องของไหวอ๋อง ฮ่องเต้กำลังพิโรธ หากหาจังหวะได้ต้องเฮือกเดียวจัดการเฉิงกั๋วกงแน่ ไม่สู้รอเรื่องซาลงหน่อยจะดีกว่า
เฉิงกั๋วกงเข้าใจความหมายของนาง
เรื่องราวต่างมีข้อดีข้อเสีย เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงหน้าพะวงหลังแล้ว ไม่กี่วันนี้ข้าก็จะเขียนฎีการ้องเรียนถวายแล้ว
คุณหนูจวินถอนหายใจในใจ รู้นิสัยของเฉิงกั๋วกงจึงไม่กล่อมอีกต่อไป
ถ้าเช่นนั้นน้อมรับบัญชา นางอมยิ้มเอ่ย
ต่อให้ขอบคุณผู้อื่น นางก็มีความหยิ่งยโสอยู่ จุดนี้จูจั้นย่อมค้นพบนานแล้ว ตอนนั้นนางรับการคำนับของมารดาอย่างนิ่งสงบก็เคยรู้สึกว่าประหลาด ตอนนี้ล้วนเข้าใจแล้ว
ที่แท้เป็นนิสัยที่บ่มเพาะมาตั้งแต่เล็ก
อย่างไรก็เป็นองค์หญิงนี่นะ
จูจั้นกัดตะเกียบแทบจะฝังศีรษะเข้าไปในชามแล้ว ข้างหูเสียงของนายหญิงอวี้ดังขึ้น
หลังจากนี้เจ้าก็ไม่ใช่ลูกสะใภ้ข้าแล้ว
ลูกสะใภ้…ฟันของจูจั้นหยุดกึก
ข้ารับท่านเป็นแม่บุญธรรมได้นะเจ้าคะ คุณหนูจวินอมยิ้มเอ่ย
นายหญิงอวี้เพิ่งกำลังจะพูด เสียงแก็กทีหนึ่งพลันดังขึ้น ตะเกียบของจูจั้นร่วงลงบนโต๊ะ
สายตาทุกคนล้วนมองมา จูจั้นหน้าแดงผุดลุกขึ้น
ข้าคิดขึ้นมาได้ เขาเอ่ย จางเป่าถังมีอาจารย์ยิงธนูที่ร้ายกาจยิ่งคนหนึ่ง เหมาะกับนายน้อยฟางศิษย์เช่นนี้ยิ่งนัก
พูดจบไม่รอทุกคนตอบสนองก็หมุนตัวก้าวยาววิ่งออกไปแล้ว
ข้าจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้
ฟางเฉิงอวี่เห็นจูจั้นวิ่งออกไปก็ยิ้ม
พี่ชายดีกับข้าจริงๆ เขาเอ่ย
……………………………………….
……………………………………….
คุณหนูจวินกับฟางเฉิงอวี่ออกจากจวนเฉิงกั๋วกง เพราะไม่เห็นจูจั้น เฉิงกั๋วกงจึงจัดผู้คุ้มกันอารักขาพวกเขาด้วยตนเอง เขามองคุณหนูจวินจากไปแล้วก็เดินไปยังห้องหนังสือ เตรียมเรียกผู้ช่วยมาปรึกษาเขียนฎีกา
พ่อ พ่อ
ยังไม่ทันเดินถึงห้องหนังสือก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาเรียกข้างทาง
เฉิงกั๋วกงประหลาดใจอยู่บ้างมองไป เห็นจูจั้นยืนอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งกวักมือมาหาเขา
เจ้าอยู่บ้านรึ? เฉิงกั๋วกงเอ่ยทักจากนั้นก็ยิ้ม เจ้าก่อเรื่องอะไรถึงมาหลบอยู่ตรงนี้?
จูจั้นโบกมือ แล้วมองซ้ายขวานิดหนึ่ง
คุณหนูจวินพวกเขาไปแล้วไหม? เขากดเสียงเบาเอ่ยถาม
ไปแล้ว เฉิงกั๋วกงไม่เรียกเขาออกมาแต่เดินไปเอง เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน เป็นอะไร?
จูจั้นแกะเปลือกไม้
พ่อ ข้าคิดว่าที่นางพูดก็มีเหตุผล เขาเอ่ย ตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะถวายฎีกาเรื่องการแต่งงานหลอกนัก
เฉิงกั๋วกงขานอืม
สำหรับพวกเราไม่ค่อยเหมาะนัก เขาเอ่ยตอบ แต่จั้นเอ๋อร์ คนไม่อาจคิดถึงแต่ตนเองได้
จูจั้นรีบพยักหน้า
ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เขาเอ่ยขึ้น ข้ารู้สึกว่าไม่ดีกับนางเหมือนกัน
เฉิงกั๋วกงสีหน้าอ่อนโยนมองเขา รอคำอธิบาย
จูจั้นแกะเปลือกไม้
ข้าคิดว่านี่จะผลักนางไปอยู่กลางคลื่นลม แบกชื่อเสียงมากเช่นนี้ จะกลายเป็นเป้าศรของผู้คนได้ง่าย เขาเอ่ยขึ้น
เฉิงกั๋วกงยิ้มแล้ว
ข้าเชื่อว่าคุณหนูจวินไม่กลัวการล่องลมแหวกคลื่น เขาเอ่ยตอบ
ข้ารู้นางย่อมไม่กลัว จูจั้นแกะเปลือกไม้พลางเอ่ย ข้าแค่รู้สึกว่าปล่อยภัยได้ก็ปลอดภัยหน่อย
เฉิงกั๋วกงมองเปลือกไม้ที่ร่วงกระจายอยู่บนพื้นทีหนึ่ง
แม้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดบุตรชายที่ห้าวหาญมาเสมอถึงเปลี่ยนมาประหนึ่งกระต่ายตระหนก แต่ในฐานะบิดาคนหนึ่ง เขาไม่เรียกร้องให้บุตรชายห้าวหาญไร้ความกลัวตลอดเวลา
ขอเพียงเป็นคนล้วนหวาดกลัวได้เหมือนกัน เขาไม่มีทางเหี้ยมโหด แล้วก็ไม่มีทางขอให้ฮึกเหิมขึ้นมาทันที
ไม่ต้องกลัว เขาอมยิ้มตบหัวไหล่จูจั้น ข้าจะทำรอบคอบหน่อย
จูจั้นขานอืมพยักหน้า มองเฉิงกั๋วกงเดินจากไป เขายืนใต้ต้นไม้อีกครู่หนึ่ง คิดอะไรได้ก็หันหน้าวิ่งไปด้านนอกอีกหน
พี่รอง พี่รอง
ที่ปากตรอกเสียงของจางเป่าถังทำให้จูจั้นหยุดเท้า
คนที่ท่านให้ข้าพามา ข้าพามาแล้ว เขาเอ่ยอย่างดีอกดีใจ ชี้องครักษ์วัยกลางคนผู้หนึ่งด้านหลังร่าง
องครักษ์คำนับจูจั้น
ผู้ใด? จูจั้นงุนงงนิดหนึ่งเอ่ยถาม
จางเป่าถังเบิกตา
ท่านไม่ใช่ให้คนมาบอกว่าจะหาอาจารย์ยิงธนูคนนั้นของข้ารึ? เขาเอ่ยขึ้น
จูจั้นเช็ดปลายจมูก พึมพำอะไรประโยคหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้ม
ใช่แล้ว ใช่แล้ว เขาเอ่ย ไม่ใช่ข้าจะใช้ ข้าเลยจำไม่ได้
คุณหนูจวินต้องการหรือ? จางเป่าถังเอ่ยถาม
จูจั้นขานอืม
ไปโรงหมอจิ่งหลิงส่งให้นาง เขาเอ่ย กำลังจะก้าวเท้าก็ถูกจางเป่าถังรั้งไว้อีกหน
คุณหนูจวินไม่อยู่ที่โรงหมอจิ่งหลิง จางเป่าถังเอ่ยขึ้น เมื่อครู่ข้าพบแล้ว คุณหนูจวินไปโรงน้ำชาของเหล่าเผิงกับขุนนางน้อยหนิง
หา? จูจั้นตะลึงไปชั่วครู่
……………………………………….
ท่านดู
จางเป่าถังยืนอยู่นอกโรงน้ำชาของตาเฒ่าเผิง ชี้ที่นั่งหนึ่งด้านในแล้วเอ่ยขึ้น
จูจั้นยื่นศีรษะจากมุมกำแพงมองไป เห็นสตรีคนนั้นกับหนิงอวิ๋นเจานั่งอยู่ตรงข้ามกันข้างในจริงๆ ไม่รู้พูดอะไร กำลังยกมือปิดปากหัวเราะ
นี่ยังไม่ได้บอกว่าแต่งงานหลอกๆ เลยก็วิ่งออกมากับบุรุษคนอื่น… เขาอดไม่ไหวพึมพำคำหนึ่ง
พี่รองท่านพูดอะไร? จางเป่าถังฟังไม่ชัดรีบเอ่ยถาม
จูจั้นโบกมือ
ไม่มีอะไร เขาเอ่ยตอบ
ขุนนางน้อยหนิงทำไมนัดพบแค่คุณหนูจวิน? ตามหลักแล้วควรให้ท่านมาด้วยกันสิ จางเป่าถังก็มองด้านในขมวดคิ้วเอ่ยด้วย เมื่อครู่ข้ายังคิดว่าท่านก็มาด้วยเลย รอพักหนึ่งไม่เห็น กำลังแปลกใจอยู่เชียว
จูจั้นถลึงตามองเขาทีหนึ่ง
มีอันใดแปลก? นางเป็นหมอ ออกมาพบคนรักษาโรคปกติยิ่ง เขาว่า เจ้าไม่เห็นสีหน้าป่วยไข้ของเจ้าหนูนั่นรึ?
จางเป่าถังมองไปในโรงน้ำชา บุรุษหนุ่มดวงหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยนยกมือยกเท้าสง่างามเป็นธรรมชาติ
มองไม่ออก เขาเอ่ยตอบซื่อๆ
…………………