Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 110
110 – ได้รับการดูแลโดยลิง
โรงเก็บของเล็กๆ ที่ถูกทิ้งร้างแทบจะไม่สามารถบังแดดและฝนได้ สภาพแวดล้อมโดยรอบก็รกร้างเช่นกัน
แต่อย่างน้อยก็ไม่มีขยะที่เห็นได้ชัดเจน แต่มีของเล่นที่เป็นของเด็กๆวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
มีชายอีกคนนอนอยู่ที่นั่น
น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีนักข่าวเดินผ่านมา ไม่อย่างนั้นถ้ามีใครสามารถจับภาพสุนัขและแมวจรจัดหลายสิบตัวที่กำลังลากร่างชายไร้สติมานอนไว้ที่นี่ ก็อาจจะทำให้หลายคนต้องเสียน้ำตาอย่างแน่นอน
ลิงน้อยถือบางสิ่งที่มีลักษณะคล้ายโคลนไว้ในมือ จากนั้นมันก็ใช้สิ่งนั้นป้ายไปบนบาดแผลของชายที่นอนสลบไสลอยู่
ชายคนนั้นมีบาดแผลมากมาย แผลไหม้สองรอยที่หน้าอก ด้านหลังยังมีบาดแผลนับไม่ถ้วน ในเวลานี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยโคลนจากฝีมือของลิง
บางครั้งลิงก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เพราะมันรู้สึกไม่ชอบชายคนนี้ มันอยากจะบีบคอเขาทุกครั้งที่ได้มองหน้าของเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากการต่อสู้กับจิตใจของตัวเอง มันสามารถหาวิธีช่วยให้เขาอยู่รอดได้โดยจิตใต้สำนึก เพื่อไม่ให้เขาตายต่อหน้าต่อตา
อันที่จริงเขาควรจะตายไปแล้ว อาการบาดเจ็บร้ายแรงเช่นนี้ แม้ว่าในที่สุดเขาจะตกจากหลังคาลงมากระแทกกองขยะ แต่อาการบาดเจ็บเดิมของเขาก็เพียงพอแล้วที่คนธรรมดาจะเสียชีวิตได้หลายครั้ง
แต่เขาไม่ตาย บางครั้งลิงก็เอาหูแนบหน้าอกของเขาและได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง
จากมุมมองของการเต้นของหัวใจ ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะแข็งแรงมากและไม่อ่อนแอเลย เพราะว่าหัวใจของเขาเต้นแรงจนน่าอัศจรรย์
ราวกับว่าหัวใจของเขาและร่างกายของเขาไม่เกี่ยวข้องกัน แม้ว่าอวัยวะอื่นๆในร่างกายของเขาจะเสื่อมโทรมไปแล้ว แต่หัวใจของเขายังคงเต้นได้ตามปกติ
และเจ็ดวันก็ผ่านไปเช่นนี้ ในเจ็ดวันนี้ชายคนนั้นไม่เคยตื่นขึ้นและยังอยู่ในอาการโคม่า ลิงพยายามป้อนอาหารบดเข้าไปในปากของชายคนนั้นอย่างต่อเนื่อง
อาหารทั้งหมดถูกหามาโดยสุนัขและแมวจรจัดเพื่อแสดงความเคารพต่อลิงที่เป็นหัวหน้า พวกเขาบดมันและให้อาหารแก่ชายคนนี้ แต่ทุกครั้งที่ให้อาหารผู้ชายที่อยู่ในอาการโคม่าจะคายมันออกมาอย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้ทำให้ลิงโกรธจัด มันให้อาหารที่สะอาดและอร่อยที่สุดแก่เขา เขาถึงกับอาเจียนออกมา!
ลิงรู้สึกว่าชีวิตของมันไร้รสชาติเล็กน้อย ฟังนะ พวกมันมักจะรู้สึกดีกับอาหาร แต่ชายที่อยู่ตรงหน้ายังคงปฏิเสธที่จะกินโดยสัญชาตญาณแม้ว่าจะอยู่ในอาการโคม่าก็ตาม
นี่คือการดูถูกฉัน!
ลิงอารมณ์เสีย มันพบกระป๋อง “มะระบด” ที่มีเหลือครึ่งขวดในโรงเก็บของและป้อนให้เขาโดยตรงเพื่อเป็นการกลั่นแกล้ง ลิงน้อยเคยกินมาก่อนและทำให้มันรู้สึกแย่มาก
แต่เมื่อป้อนมะระบดให้กับชายคนนี้เขากลับสามารถกลืนกินมันได้อย่างง่ายดาย
ลิงตกใจมาก ในที่สุดมันจึงเอาอาหารมาผสมกับมะระบดและเริ่มป้อนชายคนนี้!
ในที่สุดวันที่แปดเปลือกตาของโจวเจ๋อก็สั่นเล็กน้อย เขาค่อยๆลืมตาขึ้น เขาสงสัยว่าเขาอยู่ที่ไหนนี่ไม่ใช่โรงพยาบาลหรือร้านหนังสือ
มันเหมือนบ้านที่เรียบง่ายสำหรับคนจรจัด พร้อมกันนั้นหางฟูๆก็แกว่งไปมาตรงหน้าโจวเจ๋อ
โอ้ ไม่นะ แอปเปิ้ลสีแดงกำลังห้อยอยู่ต่อหน้าเขา แต่แอปเปิ้ลสีแดงพวกนี้มันดูแปลกๆยังไงชอบกล
โจวเจ๋อพยายามมองให้ชัดเจน ที่แท้มันคือก้นลิงนั่นเอง
ลิงถือโคลนอยู่ในมือแล้วทาลงบนบาดแผล โจวเจ๋อได้กลิ่นโคลน เขากังวลและต้องการอ้าปากเพื่อเตือนลิงว่ามันอาจจะทำให้เกิดการอักเสบและเน่าเปื่อยในบาดแผลของเขา
แต่หลังจากเปิดปากของเขา โจวเจ๋อก็ทำได้เพียงส่งส่งเสียงอู้อี้ออกมาได้ไม่กี่พยางค์
ริมฝีปากของเขาแห้งเล็กน้อยและรู้สึกเจ็บคอเป็นอย่างมากไม่สามารถส่งเสียงได้
ลิงสะดุ้งและในที่สุดมันก็หันก้นออกจากใบหน้าของโจวเจ๋อ
ชายคนหนึ่งและลิงหนึ่งตัวเริ่มมองหน้ากัน
จู่ๆลิงก็เกาหูและเกาแก้ม คนคนนี้ตื่นขึ้นมาแล้วยิ่งทำให้มันรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก!
โจวเจ๋อคิดว่ามันไร้สาระ ในตอนนี้เขาได้รับการดูแลโดยลิงตัวหนึ่ง เขาลืมความทรงจำของวันนั้นบนดาดฟ้า เขาจำได้เพียงว่าเขาทำการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
ดูเหมือนจะจำได้ลางๆว่าเขาต่อสู้กับผีผู้หญิงคนหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นความทรงจำทุกอย่างของเขาเต็มไปด้วยความพร่ามัว
ในเวลานี้เขาเป็นเหมือนกับคนที่ดื่มเหล้าอย่างหนักแล้วตื่นขึ้นมาจำอะไรไม่ได้
แต่เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ ที่เขาสนใจตอนนี้คือเขามาอาศัยอยู่ที่บ้านของลิงได้ยังไง
โจวเจ๋อพยายามทบทวนความทรงจำของตัวเอง ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาในชีวิตที่ 2 โจวเจ๋อทำหน้าที่เป็นเจ้าของร้านหนังสือผู้ประสบกับความล้มเหลวในชีวิต
เขาเปลี่ยนตัวเองจากหมอโจวผู้ที่อุทิศชีวิตของตัวเองให้กับงานและดูแลเด็กๆจากบ้านเด็กกำพร้า มีเหตุการณ์มากมายผ่านเข้ามาในชีวิตนี้แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
โจวเจ๋อเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงทะนุถนอมชีวิตนี้เป็นพิเศษ
ลิงตัวน้อยมักจะทาโคลนบนบาดแผลของเขาทุกวัน และมันยังป้อนอาหารแห้งกับโจวเจ๋อ ซึ่งมันเป็นของที่สุนัขและแมวพวกนั้นเก็บรวบรวมมา
มันถูกผสมกับเครื่องปรุงที่มีรสเผ็ดบ้างรสขมบ้าง แต่ในบางครั้งก็มีซาลาเปาหวางไซ ขาไก่ และอาหารอื่นๆรวมอยู่ในนั้นด้วย
ทุกวันหลังหลังจากจัดการอาการบาดเจ็บและป้อนอาหารให้กับโจวเจ๋อ มันจะยืนอยู่ตรงหน้าเขา หยิบค้อนของเล่นพลาสติกแล้วแล้วตีหัวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสนุกสนาน
โจวเจ๋อคิดว่าลิงตัวนี้เสียสติไปเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ลิงตัวนี้ฉลาดจริงๆ ไม่เหมือนลิงทั่วไป
โจวเจ๋อสามารถอ่านสายตามันได้เขารู้สึกว่ามันไม่ชอบเขาเท่าไหร่ นอกจากช่วงเวลาที่ต้องทำแผลและป้อนอาหารตลอดทั้งวันมันจะไม่เข้าใกล้เขาเลย
นี่คือลิงวิเศษที่มีอยู่เพียงในเรื่องเล่าตำนานเท่านั้น
สองสามวันแรกหลังจากตื่นนอน โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร แต่หลังจากสี่หรือห้าวันโจวเจ๋อก็นึกถึงอะไรบางอย่าง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปรากฏ*ฉีเทียนขึ้นมาสักตัวในโลกนี้ มีลิงมากมายที่อาศัยอยู่ในเมืองของมนุษย์และพวกมันลอกเลียนพฤติกรรมของคน
อย่างไรก็ตามลิงตัวนี้ฉลาดเกินไปแทบจะทัดเทียมกับมนุษย์ด้วยซ้ำ
อีกอย่างไม่กี่วันก่อนโจวเจ๋อเพิ่งพบกับลิงตัวหนึ่ง แล้วลิงตัวนั้นก็ถูกเขาฆ่าตายไปด้วย
ต่อให้โจวเจ๋อโง่กว่านี้ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ว่าลิงตัวนี้คืออะไร มันทำให้เขาอดรู้สึกขนลุกไม่ได้
คืนหนึ่งลิงตัวนั้นก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตู ในมือของมันมีถุงกระดาษ เมื่อควักสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาโจวเจ๋อถึงได้รู้ว่านั่นเป็นก้อนไขมันหมูขนาดใหญ่
โจวเจ๋อไม่สามารถกลืนก้อนน้ำมันหมูลงท้องอย่างแน่นอน ในขณะที่เขาขยับตัวไม่ได้มีหรือว่าเขาจะสู้กับลิงตัวนั้นไหว ลิงฉีกก้อนน้ำมันหมูออกมาเป็นชิ้นและเอาไปคลุกกับเครื่องปรุงรสจัดก่อนจะยัดเข้าปากโจวเจ๋อ
หนึ่งคน หนึ่งลิง อาศัยอยู่ด้วยกันหลายวันด้วยความเข้าใจในตัวกันและกันโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากออกมา
เมื่อโจวเจ๋อกินก้อนไขมันลงไปแล้ว ร่างกายของลิงตัวนั้นก็แข็งค้างสายตาของมันจดจ้องไปยังหนังสือพิมพ์
โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดว่าลิงฉลาดมาก แต่ไม่คิดว่าลิงจะฉลาดมากจนสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ได้
เช่นเดียวกับสุนัขเลี้ยงที่บ้าน ถ้ามันฉี่ในที่ที่กำหนดและฟังคำสั่งของคุณคุณจะคิดว่ามันฉลาดมาก แต่ถ้าวันใดคุณเห็นสุนัขของคุณนั่งบนชักโครกแล้วสามารถกดชักโครกได้เอง
คุณจะไม่คิดว่ามันฉลาด แต่คุณจะรู้สึกว่ามันผิดปกติแล้วคุณจะหวาดกลัวมัน
ลิงตัวน้อยกำลังพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้
การผ่าตัดเด็กสามขาประสบความสำเร็จ
หลังจากที่อ่านพาดหัวเข่าในหนังสือพิมพ์จบท่าทางของลิงก็ตกตะลึงเล็กน้อย มันถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอกแล้วใช้มือเล็กๆของมันเช็ดน้ำตาของตัวเอง
*ฉีเทียน คำนี้มาจากคำว่าฉีเทียนต้าเซิ่น แปลว่า “ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้า” เป็นฉายาของซุนหงอคง