Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 14
14 – ลูกค้าคนแรก
โจวเจ๋อกลับไปที่ร้านของเขาและตู้แช่แข็งก็ถูกติดตั้งเป็นที่เรียบร้อย ในความเป็นจริงร้านขายหนังสือที่ซูเล่อทิ้งไว้จะต้องได้รับการแก้ไขใหม่ไม่เช่นนั้นมันจะไม่สามารถทำเงินได้เลย
………………….
ที่หน้าร้านมีป้ายแขวนไว้ว่า“ บ้านหนังสือซูเล่อ” ซึ่งเป็นการออกแบบที่ห่วยบรมทั้งรสนิยมตั้งชื่อก็แย่พอๆกัน
โจวเจ๋อนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และพยายามล็อกอินเข้าสู่ QQ ดั้งเดิมของเขาหลายครั้ง แต่เพราะว่าเขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์เดิมมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถยืนยันตัวตน
ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้น
ต่อจากนั้นโจวเจ๋อทำได้เพียงนั่งแท็กซี่ออกไปข้างนอก เขาวางแผนที่จะเปลี่ยนป้ายหน้าร้านใหม่รวมทั้งชื่อร้านด้วย
เขารู้จักร้านขายแผ่นโลหะที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ เจ้าของเป็นชายชรา ชายชราคนนั้นมักจะบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้า
เมื่อโจวเจ๋ออาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชายชราได้บริจาคเงินบ่อยครั้ง หลังจากที่โจวเจ๋อทำงานชายชราและโจวเจ๋อก็บริจาคเงินด้วยกัน
ร้านทำป้ายอยู่ค่อนข้างไกลจากร้านหนังสือของเขา มันอยู่เกือบสุดทางออกของเมืองในทิศตะวันตก
เมื่อโจวเจ๋อเดินเข้าไปในร้านเขาก็พบว่าร้านกำลังปิดทำความสะอาดครั้งใหญ่ ชายวัยกลางคนกำลังสั่งให้คนงานทำงานของตน
“ มีธุระอะไรเหรอครับ?” เมื่อเห็นโจวเจ๋อเข้ามาชายวัยกลางคนก็ถามทันที
“ ไม่ทราบว่าคุณจ้าวอยู่ไหมครับ” โจวเจ๋อกล่าวด้วยความเคารพ
“ คุณพ่อของผมเพิ่งจากไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง” ชายวัยกลางคนตอบ
“ท่านเสียแล้วเหรอครับ?” โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจและเศร้าเล็กน้อย
จริงๆแล้วเขากับชายชราแซ่จ้าวไม่ได้คุ้นเคยกันเท่าไหร่ พวกเขาเพียงรู้จักชื่อของกันและกันเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่ได้รับแจ้งเรื่องงานศพของอีกฝ่าย
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าตระกูลจ้าวบริจาคเงินให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาก็ไม่ได้มีความสนิทสนมกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ไปที่นั่น
“ คุณมาที่นี่เพื่อทำป้ายหน้าร้านหรือเปล่าครับ?” ชายวัยกลางคนถาม
“ใช่ครับ.” โจวเจ๋อพยักหน้า
“ ขอโทษจริงๆครับบ้านเราเลิกทำกิจการนี้ไปแล้ว” ชายวัยกลางคนขอโทษด้วยความสุภาพ
“ มันน่าเสียดายจริงๆ” โจวเจ๋อรู้สึกเสียใจ เขาขี่แท็กซี่มาเกือบชั่วโมงต้องมาพบกับความผิดหวังแบบนี้
“ แต่ยังมีป้ายยู่สองสามชิ้นที่พ่อของผมเคยขายและมันขายไม่ได้อาจเป็นเพราะว่าลูกค้าไม่ชอบสำนวนซึ่งถูกแกะสลักไว้บนป้ายก็ได้ ถ้าคุณชอบผมจะขายให้ถูกๆ” ชายวัยกลางคนตั้งใจที่จะขายของทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ออกไปให้หมด
“ โอเคขอผมดูหน่อย” โจวเจ๋อเห็นด้วย
เขาเดินตามชายวัยกลางคนไปที่หลังบ้าน ชายวัยกลางคนเปิดห้องเก็บของและเปิดไฟ
มีเศษชิ้นส่วนแผ่นป้ายที่ยังทำไม่เสร็จรวมทั้งเครื่องใช้ของคุณจ้าวที่กองพะเนินอยู่ในห้อง ซึ่งหมายความว่าคนรุ่นหลังไม่ได้ตั้งใจที่จะสืบทอดงานฝีมือนี้อีกต่อไป
“ เฮ่อ!” ชายวัยกลางคนถอนหายใจมองแผ่นป้ายที่พื้นและพูดว่า“ เลือกดูสิครับแผ่นละสองร้อยหยวน”
เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะขายแผ่นป้ายทั้งสองนี้ได้
โจวเจ๋อเดินไปดูแผ่นแรกซึ่งสลักข้อความไว้ว่า
“ ชีวิตคือชีวิตและความตายคือความมั่งคั่ง”
โจวเจ๋อส่ายหัว ชายวัยกลางคนถอนหายใจเมื่อรู้ว่าเงิน 200 แรกได้หลุดลอยไปแล้ว
แผ่นต่อไปเขียนว่า:“ คนทั่วไปคิดว่าผีนั้นน่ากลัวแต่ความจริงแล้วผีไม่มีพิษภัย”
โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเป็นเพราะว่าเขาค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องนี้
ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ใครจะแขวนสิ่งนี้ไว้ที่ประตูหน้าร้าน?
“ ผมเอาอันนี้แหละ”
โจวเจ๋อยิ้ม ชายวัยกลางคนมองไปที่โจวเจ๋อและยิ้มด้วยความประหลาดใจแต่ในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมา
……………
ในช่วงบ่ายโจวเจ๋อจัดอุปกรณ์การเรียนการสอนและหนังสือแนะแนวส่วนใหญ่ในร้านหนังสือ และนำหนังสือเก่าที่คิดว่าขายไม่ได้แน่ๆไปชั่งกิโลขาย
จากนั้นโจวเจ๋อก็ไปซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อเก้าอี้พลาสติกสิบตัว หนังสือชนิดเดียวที่เหลืออยู่บนชั้นวางในร้านคือหนังสือที่
โจวเจ๋อเห็นว่าน่าสนใจ
ปัจจุบันร้านหนังสือไม่ได้เป็นศูนย์วัฒนธรรมและสันทนาการสำหรับผู้สูงอายุอีกแล้ว อีกทั้งโจวเจ๋อก็ไม่ค่อยถนัดในเรื่องการประกอบธุรกิจ ปัจจุบันเขาแค่ดิ้นรนหาเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำวันเท่านั้น
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันโจวเจ๋อก็เดินขึ้นไปที่ชั้นสองพร้อมกับเปิดไฟของตู้แช่แข็งตั้งอุณหภูมิ ในขณะที่กำลังรอให้อุณหภูมิของตู้แช่ได้ที่โจวเจ๋อก็สูบบุหรี่ไปพลางๆ
เมื่ออุณหภูมิได้ที่โจวเจ๋อก็นอนลงไปในตู้แช่แข็งที่ซื้อมากว่า 10,000 หยวน ดวงตาของเขาค่อยๆปิดลง
ในขณะเดียวกันรถสปอร์ตสีแดงก็มาจอดริมถนนใกล้ร้านหนังสือ ถนนว่างเปล่าเล็กน้อย ร้านก๋วยเตี๋ยวและร้านหนังสือเป็นเพียง 2 ร้านที่ยังคงเปิดไฟอยู่
ในรถมีหญิงสาวแต่งตัวดีเสื้อคลุมสีดำเส้นผมยาวสลวยปกคลุมไหล่ดูน่ารักและบอบบาง
“เสี่ยวไป๋ฉันเตรียมตัวมา 3 วันแล้วแต่นายบอกว่ามาไม่ได้เพราะติดธุระข้างนอกอย่างนั้นเหรอไปตายซะ!”
หญิงสาววางสายและนั่งลงในที่นั่งคนขับด้วยอาการบึ้งตึง
ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็หันไปมองที่ด้านข้างของที่นั่งคนขับและมีสุนัขที่ท่าทางอวดดีอยู่ตรงนั้น
“ ดีใจที่มีเธออยู่กับฉัน”
หญิงสาวจุดบุหรี่และยื่นมือออกไปนอกรถเพื่อเขี่ยขี้บุหรี่ เธอมองออกไปด้านนอกและเห็นร้านหนังสือยังคงเปิดไฟอยู่
เธอสามารถมองเห็นการตกแต่งที่แปลกตาผ่านหน้าต่างกระจก ไม่มีชั้นหนังสือมากเกินไป แต่มีม้านั่งพลาสติกวางอยู่แทน
หลังจากลงจากรถหญิงสาวก็เข้าไปที่ร้านหนังสือพร้อมกับสุนัขคอร์กี้ในอ้อมแขน เธอไม่อยากขับรถไปมาอย่างไร้จุดหมายในคืนวันวาเลนไทน์เพียงลำพัง
เธอต้องการหาที่นั่งเงียบๆ ประตูร้านหนังสือไม่ได้ปิด เมื่อเดินเข้าไปเธอรู้สึกได้ถึงเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความร้อนที่ยังคงทำงานอยู่
หญิงสาวอุ้มสุนัขของเธอและหยิบนิตยสารบนชั้นวางก่อนแล้วนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติก
คอร์กี้ถูกปล่อยออกมาและมันเริ่มวิ่งไปทั่วเพื่อ “สำรวจ” ร้าน
หลังจากอ่านนิตยสารแล้วหญิงสาวก็ยืดตัวขึ้นและรู้สึกคอแห้งเล็กน้อย เธอตะโกน
“เถ้าแก่คุณมีชานมหรือกาแฟไหม”
หญิงสาวลุกขึ้นยืนและหยิบนิตยสารเล่มใหม่ติดมือกลับมา เมื่อเธอนั่งลงอีกครั้งเธอก็อดตะโกนขึ้นไม่ได้
“ เถ้าแก่ถ้าคุณตายไปแล้วคุณจะเปิดร้านกลางดึกแบบนี้ได้อย่างไร?”
ที่ประตูกระจกของร้านหนังสือมีป้ายเล็กๆว่า “ยินดีต้อนรับ” ประตูร้านถูกเปิดไว้ในเครื่องทำความร้อนยังคงทำงานอยู่ นั่นแสดงให้เห็นว่าร้านแห่งนี้ยังไม่ได้ปิด
หากหญิงสาวเป็นคนละลาบละล้วงและสอดรู้สอดเห็นเธออาจจะเดินขึ้นไปบนชั้น 2 เธอจะพบว่า “คำพูด” ของเธอเป็นความจริง
บนพื้นของชั้นสองมีตู้แช่แข็งขนาดใหญ่ที่เจ้าของร้านกำลังนอนอยู่คล้ายกับคนตายจริงๆ
ไม่ใช่ว่าคล้าย! แต่เขาคือคนที่ตายไปแล้วจริงๆ
หากเป็นคนปกติเข้าไปในร้านกลางดึกและพบว่าเจ้าของร้านกำลังนอนตายอยู่ในตู้แช่แข็งพวกเขาจะไม่ตกใจหรือ?
หญิงสาวจุดบุหรี่อีกครั้งอย่างหมดความอดทน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือและเริ่มเล่นเกม
ในเวลานี้เสียงฝีเท้าดังมาจากขั้นบันได โจวเจ๋อไม่ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงตะโกน เขาตื่นขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ
เพียงลงบันไดโจวเจ๋อก็เห็นร่างเล็กสีเหลืองวิ่งมาที่ขาของเขาและทำท่าออดอ้อน
โจวเจ๋อก้มลงด้วยรอยยิ้มและกอดเคอร์กี้ไว้ในอ้อมแขน เจ้าตัวเล็กนี้ดูท่าแล้วจะคุ้นเคยกับทุกคนโดยไม่สนใจว่าจะเคยพบกันมาก่อนหรือไม่
จากนั้นโจวเจ๋อก็พบว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ในร้านเป็นแขกคนแรกนับตั้งแต่ที่เขามีชีวิตที่ 2
แต่โจวเจ๋อไม่รู้สึกตื่นเต้น วันนี้โจวเจ๋อเพิ่งเปลี่ยนชื่อร้านหนังสือและ”ทำความสะอาด”ครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้คิดหาวิธีสร้างรายได้
“ คุณมีกาแฟอะไรไหมเถ้าแก่?”
ถามหญิงสาว
โจวเจ๋อชี้นิ้วไปที่ตู้กดน้ำที่อยู่ข้างกำแพง มีถ้วยกระดาษแบบใช้แล้วทิ้งในตู้กดน้ำ
หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก แต่เธอก็ลุกขึ้นรินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้วแล้วนั่งลงบนม้านั่งพลาสติก
เจ้าของร้านหนึ่งคนและแขกหนึ่งคน
ไม่มีคำพูดใดๆ
หลังจากเงียบไปประมาณครึ่งชั่วโมงหญิงสาวก็เปิดโทรศัพท์ของเธออีกครั้งเพื่อดูบล็อกและการสตรีมสดซึ่งกำลังพูดถึงเรื่องเหนือธรรมชาติ เธอไม่ได้นำหูฟังมาด้วยและเสียงจากโทรศัพท์ของเธอก็ดังมาก
“คุณไม่ควรพลาด นี่คือกระดาษเงินกระดาษทองของเหล่าเต๋า!
คุณสามารถพกติดตัวไว้เมื่อคุณลงไปที่นรก!คุณยังสามารถเผาเพื่อมอบให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้วได้อีกด้วย สะดวกรวดเร็วทั้งคนแก่และเด็ก มันจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ตายไปแล้ว! “
หญิงสาวหัวเราะหลังจากเห็นวิดีโอนี้ ผู้คนเคยชินกับการแชร์เรื่องตลกๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่เจ้าของร้านและกล่าวว่า:
“เถ้าแก่คุณเคยเห็นวิดีโอนี้ไหมเหล่าเต๋าคนนี้มีชื่อเสียงมาก”
“โอ้จริงเหรอ!” โจวเจ๋อรู้สึกงงงวย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรศัพท์มือถือของซูเล่อมีแอพพลิเคชั่นสตรีมสดจำนวนมาก ดูเหมือนว่าเขาจะใช้เวลาว่างในวันที่น่าเบื่อไปกับสิ่งนี้
“คุณลองค้นหา ID ของเขามันตลกดีดูเหมือนว่าเขาจะเปิดร้านขายของให้คนตายในหรงเฉิง แต่มันไม่ได้ออกอากาศมานานแล้ว”
โจวเจ๋อเปิดโปรแกรมและเริ่มค้นหา ID ของชายชราตามคำพูดของหญิงสาว ในที่สุดเขาก็พบมันแต่ไม่ได้มีการสตรีมในเวลานี้
แต่ก็โชคดีอยู่บ้างที่วีดีโอพวกนั้นสามารถเล่นซ้ำได้
ในวิดีโอเหล่าเต๋ากำลังไลฟ์ขายของเหมือนเช่นปกติ
โจวเจ๋อเลื่อนดูวีดีโอไปเรื่อยๆอย่างฉุนเฉียวจนกระทั่งเขาเห็นชายคนหนึ่งปรากฏตัวในไลฟ์ เขานั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์พร้อมช้อนในมือราวกับว่าเขากำลังดื่มโจ๊ก
เหลาเต๋าพูดคุยอย่างเรื่อยเปื่อยในหน้าจอหลักเขากำลังบรรยายสรรพคุณสินค้าของเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ดวงตาของโจวเจ๋อกำลังมองไปที่ชายคนนั้นที่มุมของวิดีโอ
แม้ว่าจะมีโจ๊กเต็มปากแต่เขากลับทำท่าทางเหมือนกับการกินอาหารเป็นความทุกข์ทรมานอย่างหนึ่ง
โจวเจ๋อเฝ้าดูและสูดลมหายใจเข้าลึกๆคล้ายกับว่าเขามีอารมณ์ร่วมไปกับชายที่กำลังกินโจ๊ก การกินอาหารเป็นเรื่องที่ยากลำบากจริงๆ?
เขาไม่รู้จักตัวตนของชายคนนั้นในวิดีโอ แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่าชายคนนั้นมีปัญหาบางอย่าง หรือว่าชายคนนั้นกำลังประสบปัญหากับโรคเบื่ออาหาร?
หลังจากวิดีโอเล่นจบโจวเจ๋อก็เปิดเพจและส่งข้อความส่วนตัวถึงเล่าเต๋าโดยตรงด้วยบัญชีของซูเล่อ
“ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังและกำลังกินโจ๊กอยู่ในวีดีโอคือใคร”
“เถ้าแก่ฉันจะกลับแล้วค่าบริการเท่าไหร่” เด็กสาวลุกขึ้นยืน
“วันนี้ฉันนัดเพื่อนไว้แต่เขาไม่มาฉันเลยต้องนั่งโง่ๆอยู่ในคืนวันวาเลนไทน์คนเดียว”
“ ดูสิ” โจวเจ๋อกล่าว
อีกฝ่ายอ่านตัวหนังสือที่เขายื่นให้สักพักและรินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว
หญิงสาวเหลือบมองไปที่โจวเจ๋อ “ เถ้าแก่คุณคิดจะทำตัวเหมือนพวกโจรหัวโล้นที่นั่งอยู่ในวัดพร้อมกับพูดจาเพ้อเจ้อเพื่อให้ได้เงิน 100 หยวนอย่างนั้นหรือ?”
โจวเจ๋อยิ้มเพื่อเป็นการยืนยัน
หญิงสาวหยิบธนบัตรใบละหนึ่งร้อยออกมาวางบนเก้าอี้ที่เธอนั่งจากนั้นก็อุ้มสุนัขคอร์กี้พร้อมกับผลักประตูเดินออกไป
โจวเจ๋อรีบเก็บเงิน 100 ขึ้นมาพร้อมกับโบกมันจนมีเสียงดังเบาๆอย่างอารมณ์ดี
เสียงที่คมชัดนี่คือหนึ่งในเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลก
เมื่อเขาเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์โจวเจ๋อพบว่าหน้าจอของโทรศัพท์มือถือเปิดอยู่ เมื่อเขาเปิดโทรศัพท์เขาก็พบว่ามีข้อความจากเหล่าเต๋าตอบกลับมา
“ ผมไลฟ์ขายของคนเดียวตลอด ผมไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูดถึง!”