Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 146
146 – สุขสันต์วันเช็งเม้ง
โทรศัพท์มือถือดังขึ้นในเวลานี้ โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและพบว่าชื่อ ” หวังเค่อ” อยู่บนจอ
ตั้งแต่ “เนื้อตุ้น” ครั้งล่าสุดโจวเจ๋อไม่เคยติดต่อกับหวังเค่ออีกเลย และหวังเค่อก็สัญญาด้วยว่าเขาจะไม่ติดต่อกับโจวเจ๋ออีก
“สวัสดี” โจวเจ๋อยังคงรับโทรศัพท์
“ผมขอโทษที่ต้องผิดสัญญา แต่ผมคิดว่าคุณจะสนใจมัน” เสียงของหวังเค่อมาจากปลายอีกด้านของโทรศัพท์
“คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับการเสียชีวิตจํานวนมากในโรงพยาบาลเล็กๆนั้นไหม”
โจวเจ๋อมองย้อนกลับไปที่หนองน้ําข้างหลังเขาและพูดว่า
“เพิ่งได้ยินมา”
“ผมเป็นที่ปรึกษานอกเวลาของสถานีตํารวจ ปกติผมจะช่วยงานเขาด้านจิตวิทยา ครั้งนี้จริงจังมากผมได้รับเชิญให้ช่วย ผมไปที่สถานีตํารวจแล้วได้ภาพสเก็ตของคนร้ายมาคุณอยากดูไหม”
“อยาก”
” ติงตง…”
ข้อความจากวีแชท
โจวเจ้อรีบเปิดเปิดวีแชททันที
นี่เป็นภาพสเก็ตช์ที่รีบร้อนมาก แต่คนที่อยู่ในภาพทําให้ดวงตาของโจวเจ๋อหดตัว
“ฮ่าฮ่าผมรู้ดีว่าไม่ใช่คุณ แต่คนที่ถูกวาดออกมาตามที่พยานกล่าวมันดูเหมือนคุณจริงๆแต่นั่นไม่ใช่สาระสําคัญผมอยากถามคุณเรื่องหนึ่งว่าคุณสนใจเบื้องลึกของเหตุการณ์นี้ไหม?”
“สนใจอะไร”
“ที่นี่ ผมสามารถรับข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการสืบสวนของตํารวจได้” หวังเค่อที่ปลายอี กด้านของโทรศัพท์ถูคิ้วอย่างเหนื่อยหน่าย
“ยิ่งผมอ่านรายละเอียดมากเท่าไหร่ผมยิ่งรู้สึกว่าฆาตกรในครั้งนี้ต้องไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน”
“คุณอยู่ที่สถานีตํารวจใช่ไหม”
“ไม่ ผมอยู่ที่บ้าน คุณสามารถมาที่บ้านผมได้ไฟล์และข้อมูลล่าสุดจะถูกรวบรวมมาแล้ว”หวังเค่อกล่าวเสริมอีกว่า
“นอกจากนี้ ผมยังทําน้ําซุปสําหรับอาหารมื้อเย็น คุณสามารถมารับประทานด้วยกันได้” โจวเจ้อไม่ได้สนใจเรื่องอาหารเขาตอบกลับว่าจะไป
ด้วยเหตุนี้โจวเจ๋อจึงพร้อมที่จะวางสาย แต่เสียงของหวังเค่อดูมีความร้อนรนเล็กน้อย
“อย่ารีบวางสาย”
“มีอะไรอีกเหรอ?”
“ผมไม่เคยมีโอกาสพูดเรื่องนี้กับใครมาก่อน อย่างน้อยพวกเราก็เคยเป็นครอบครัวเดียวกันสุขสันต์เทศกาลเช็งเม้งอาเจ๋อ”
…….
เมื่อโจวเจ๋อและเหล่าเต่าออกจากโรงพยาบาลไปยิ่งก็ขึ้นแท็กซี่ มาหาพวกเขา เธอสวมกางเกงยีนส์สีน้ําเงินและสวมเสื้อยืดสีขาวทําให้เธอดูสดใสและน่ารักมาก
แม้จะหลับใหลมาสองร้อยปีแต่อายุจริงๆของเธอก็เพียง 18 ปีเท่านั้น
“เจ้านาย” ไปวิ่งทักทายโจวเจ๋อในขณะที่เดินข้ามถนน
“คดีนี้มันไม่ง่ายเลยที่จะปิดลง” เหล่าเถอนหายใจ: ”หรือเราต้องพึ่งพาความสามา รถของเธอ”
เห็นได้ชัดว่าฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังฉากนี้น่าจะเป็นราชาผีดิบตัวหนึ่ง ส่วนในร้านหนังสือของพวกเขาก็มีราชาผีดิบอีกคน นั่นคือไปยิ่ง
เหล่าเต่เห็นไปยิ่งดูแลร้านทําความสะอาดและต้อนรับแขก แม้กระทั่งในตอนกลางคืนก็ยังต้องนอนกับเจ้านาย
เธอถือได้ว่าเป็นพนักงานที่มีความทุ่มเทมากที่สุดในยุคใหม่นี้ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเป็นราชาผีดิบตัวหนึ่งจริงๆ
“มีเรื่องอะไรเหรอเจ้านาย” ไปยิ่งถาม
เธอรู้ว่าถ้าสิ่งต่างๆไม่ได้ยุ่งยากในระดับหนึ่งเจ้านายจะไม่เรียกหาเธอ
โจวเจ๋อมองไปที่เหล่าเต้และพูดว่า
“บอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้”
จากนั้นโจวเจ๋อก็เดินออกไปเรียกแท็กซี่แล้วทุกคนก็ขึ้นรถไปพร้อมกัน
รถขับไปที่บริเวณวิลล่า คนสามคนลงจากรถและตรงไปยังวิลล่าที่หวังเค่ออยู่ หลังจากกดกริ่งแล้วหวังเค่อก็เปิดประตูและชักชวนให้ทุกคน ” ดื่มน้ําซุปเพื่อสุขภาพ
“ผมเห็นด้วยกับคุณ”
เหล่าเต่าปลื้มใจ ในช่วงหัวค่ําเขายังทานอาหารได้ไม่ถึงครึ่งท้องด้วยซ้ําก่อนจะรีบวิ่งไปโรงพยาบาลพร้อมกับโจวเจ๋อ
พวกเขานั่งรอในห้องนั่งเล่น หวังเค่อมาพร้อมกับถาดและน้ําซุปสี่ชาม โจวเจ๋อ เหล่าเต่าและไปวิ่งทุกคนมีน้ําซุปเป็นของตัวเอง
น้ําซุปนั้นบริสุทธิ์มาก โรยด้วยต้นหอม และน้ํามันงาหนึ่งหรือสองหยด ยังมีเนื้อสองหรี อสามชิ้นในแต่ละชาม
เหล่าเต่มีความหิวโหยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขายกชามน้ําซุปขึ้นซดคําใหญ่ โจวเจ๋อก็นั่งมองอยู่ด้านข้างแล้วส่ายหัวเล็กน้อย
ในเวลานี้เขารู้สึกคลื่นไส้มาก เห็นได้ชัดว่าซุปที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่ได้รับการแตะต้องเลยแต่เพียงแค่มองเท่านั้นเขาก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว
ไปยิ่งก็ไม่กินน้ําซุปที่อยู่ข้างหน้าเช่นกัน จริงๆแล้วนอกจากน้ําเปล่าเธอไม่กินอะไรด้วยซ้ํา
“ฮ่าๆ อร่อยจริงๆ!”
เหล่าเต่ใช้หลังมือเช็ดปากและเห็นว่าโจวเจ๋อไม่สนใจในน้ําซุปเลยทั้งที่เจ้าของบ้านนี้ก็เป็นพี่น้องของเขา
ดังนั้นชายชราจึงรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย
“เจ้านายดื่มสักหน่อยเถอะครับจะได้ไม่เหนื่อย”
“ผมไม่หิวคุณกินเถอะ” โจวเจ๋อกล่าว
“จะได้ยังไงครับ” ชายชราไม่ยอมแพ้
“กินเถอะ อย่าเสียของเลย”
กล่าวจบโจวเจ๋อก็ยกน้ําซุปของเขารวมทั้งของไปยิ่งไปไว้ด้านหน้าของเหล่าเต่
“ฮ่าฮ่า ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ ฝีมือการทําอาหารของคุณหวังยอดเยี่ยมจริงๆ”
เหล่าเต่ไม่รอช้าเขาชัดทุกอย่างจนเกลี้ยง
โจวเจ๋อไม่ต้องการให้เสียเวลา ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงยืนขึ้นและมองไปที่หวังเค่อ
“มาคุยเรื่องคดีกัน”
หวังเค่อพยักหน้าวางช้อนลง
มีกองกระดาษมากมายวางอยู่บนโต๊ะทํางานของเขา
“เอาล่ะ นี่คือภาพที่เพิ่งส่งไป รวมทั้งผลชันสูตร ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากศพพวกนี้ถูกผ่าแล้ว
แต่มีอีกหลายศพที่ยังไม่ได้ผ่า เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง พวกเขาลุกขึ้นยืนเองได้จากนั้นก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจนเปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นน้ําหนอง”
หวังเค่อวางกองรูปถ่ายไว้ต่อหน้า โจวเจ๋อและในขณะที่เขาพลิกดูรูปถ่าย
“มีเบาะแสอะไรอีก?”
โจวเจ๋อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในภาพ เขาได้สัมผัสมันด้วยตัวเองแล้ว
“ตํารวจตรวจสอบตัวตนคนตายทั้งหมดแล้ว คนตายเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลนั้นดังนั้นตํารวจจึงคิดว่านี่เป็นการฆาตกรรมของใครบางคนที่มีความเกลียดชังต่อโรงพยาบาลนั้น
ตอนนี้ตํารวจได้สืบสวนจนทราบว่าโรงพยาบาลนั้นมีอะไรแปลกๆ
ถ้าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นพวกเราก็คงไม่รู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ในประเทศของเรา พวกเขาใช้ชีวิตของผู้ป่วยมาเป็นเครื่องเดิมพันให้นักพนันออนไลน์เล่น”
หวังเค่อเอื้อมมือไปขยับแว่นตาของตัวเองพร้อมกับเริ่มหมุนปากกาและใช้ความคิด
“แล้วอะไรอีกล่ะ” โจวเจ๋อพูดต่อ
“ถ้าต้องการจับตัวคนร้ายให้ได้พวกเขาต้องล้วงลึกอุตสาหกรรมนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะ เป็นนักพนันที่เคยเล่นการพนันกับเว็บไซต์นั้น
รวมไปถึงญาติของผู้ป่วยที่ส่งคนพวกนั้นไปเป็นเครื่องมือของการเล่นการพนัน ตอนนี้มีผู้ต้องสงสัยมากเกินไปซึ่งมันทําให้ผมรู้สึกปวดหัว”
โจวเจอรู้สึกว่าข้อมูลที่เขาได้รับมานี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลยดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและกําลังจะกลับ
“อย่าเพิ่งกลับ คุยกันอีกหน่อยไม่ได้เหรอ อย่างน้อยๆทานน้ําซุปสักถ้วยก็ยังดี”หวังเค่อกล่าวว่า
“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ” โจวเจ๋อกล่าว
“อันที่จริง มีอีกอย่างที่ตํารวจไม่รู้เกี่ยวกับผม แต่ผมกลัวว่าคุณจะเข้าใจผิด”