Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 31
31 – วิญญาณอาฆาตอีกครั้ง
จากชั้นหนึ่งถึงชั้นสามมีคนจำนวนมากวิ่งลงมาและโจวเจ๋อก็วิ่งสวนขึ้นไป
แม้ว่าศูนย์การค้าแห่งนี้จะ “ล้าสมัย” แต่ก็ตั้งอยู่ในเขตเมืองและรถดับเพลิงน่าจะมาถึงในไม่ช้า
แม้ว่าในตอนบ่ายจะมีผู้คนมาดูหนังไม่เต็มความจุของโรงแต่ว่าก็มีไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อโจวเจ๋อวิ่งไปตามบันไดจนถึงชั้นสี่เขาเห็นว่าควันภายในโรงหนังเริ่มตลบอบอวลและเปลวไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง แม้ว่าจะอยู่ด้านนอกก็มองสามารถเห็นได้ชัดเจน!
ท่ามกลางควันหนาทึบโจวเจ๋อเห็นเด็กหนุ่มส่งของที่มีใบหน้าดำคล้ำวิ่งออกมาพร้อมกับแบกหญิงชราคนหนึ่งไว้บนหลัง
อีกฝ่ายเหลือบมองไปที่โจวเจ๋อและยิ้มเผยให้เห็นฟันขาวของเขา
เขาส่งหญิงชราไว้ด้านนอกเพื่อให้เธอเดินออกไปนอกอาคารด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปในโรงหนังเพื่อช่วยเหลือคนอื่น
แม้ว่าไฟจะยังไม่ได้ลุกลามไปทั่วทุกบริเวณของโรงหนัง แต่ว่าความรุนแรงของมันก็ยากที่จะมีคนทนไหวแล้ว
โจวเจ๋อไม่ลังเลอีกต่อไป เนื่องจากเขามาที่นี่แล้วเขาต้องทำอะไรบางอย่าง
“ แค่ก…………แค่ก…………”
หากไม่ได้มีการป้องกันใดๆที่เหมาะสมการเข้าช่วยเหลือคนอื่นเช่นนี้จะเป็นเพียงการนำความตายมาสู่ตัวเอง
ดังนั้นโจวเจ๋อจึงรู้ว่าเขามีเวลาจำกัด ถ้าเขาเห็นใครที่สามารถช่วยได้เขาจะรีบออกไปทันที ตอนนี้เวลาของเขาเหลือไม่มากแล้วจะต้องรีบช่วยใครสักคน ส่วนคนที่เหลือต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักผจญเพลิง
“มีใครอยู่ตรงนี้บ้าง!”
โจวเจ๋อเพิ่งเปิดประตูห้องโถงโรงภาพยนตร์หมายเลข 2 เปลวไฟก็พวยพุ่งออกมาโดยตรง โจวเจ๋อทำได้เพียงถอยห่างออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกไฟลวก
ภายในโรงหนังมีเสียงเด็กร้องไห้งอแง
โจวเจ๋อกัดฟันและรีบตรงเข้าไปมีเปลวไฟอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งบนพื้น เพดาน บนผนังและทั้งหมดก็ตลบอบอวลไปด้วยเปลวไฟและกลุ่มควันสีดำ
เมื่อเกิดไฟไหม้คนส่วนใหญ่มักจะเสียชีวิตจากการถูกควันไฟรมมากกว่าถูกไฟเผา
โจวเจ๋อรีบเข้ามาและเห็นคนสองคนนอนอยู่ในที่พื้นใกล้ๆทางเดิน
คนที่เป็นผู้ใหญ่คือชายในชุดสูทสีดำนอนอยู่บนพื้นและมีอาการไออย่างรุนแรงเห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
ส่วนอีกคนเป็นเด็กชายที่อายุเพียงประมาณสิบขวบ เขาล้มลงกับพื้นไม่รู้สึกตัวไม่ทราบว่าอาการโคม่าหรือเสียชีวิตไปแล้ว
“ ช่วยผมด้วย…ช่วยผม…ช่วย…” ชายในชุดสูทเงยหน้าขึ้นและมองไปที่โจวเจ๋อที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาอ้อนวอน
โจวเจ๋อมองข้ามเขาและตรงไปอุ้มเอาเด็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งกลับหลัง
ตอนนี้เขารู้สึกเวียนหัว เห็นได้ชัดว่าหากไม่มีอุปกรณ์มืออาชีพเช่นหน้ากากป้องกันแก๊สพิษเขาจะไม่สามารถอยู่ได้นานกว่านี้อีกแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากอุ้มเด็กชายเตรียมที่จะวิ่งออกไป โจวเจ๋อรู้สึกว่าขาของเขาถูกใครบางคนดึงจนทำให้เขาล้มลงกับพื้น
“ ช่วยผมก่อน ช่วยผมด้วย ผมมีเงินคุณจะเอาเท่าไหร่ผมก็มีให้”
ชายในชุดสูทหมดแรงเฮือกสุดท้ายและพยายามคว้าข้อเท้าของโจวเจ๋อ ตอนนี้หน้าอกของเขาแสบร้อนไม่สามารถหายใจได้เขารู้ดีว่าหากไม่มีคนช่วยเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
โจวเจ๋อที่ล้มลงศีรษะกระแทกพื้นรู้สึกโกรธเล็กน้อยแต่เขาพยายามฝืนตัวเองยืนขึ้นมา
“ ตูม!”
“ ตูม!”
โจวเจ๋อเตะเข้าที่มือและศีรษะของอีกฝ่ายด้วยเท้าอีกข้าง หลังจากเตะสองสามครั้งติดต่อกันในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมปล่อย
โจวเจ๋อเดินโซเซพร้อมกับอุ้มเด็กชายไว้ข้างหลังก่อนจะเดินออกจากโรงภาพยนตร์
หลังจากออกมาถึงพื้นที่ปลอดภัยเข่าของโจวเจ๋อก็ทรุดลงกับพื้นไม่มีแรงเดินอีกต่อไป เด็กชายบนร่างของเขาก็ตกลงไปที่พื้นและนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึงแล้วและกำลังเริ่มทำการดับไฟ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงส่วนหนึ่งรีบเข้าไปข้างในพร้อมอุปกรณ์
“ ยังมีคนอยู่ใน Studio 2”
โจวเจ๋อคว้าเสื้อของพนักงานดับเพลิงที่วิ่งผ่านมา
“ โอเคเราจะรีบไปช่วยเขาทันที” อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วรีบเข้าไปในกองไฟ
“ หวีดหวิว…………”
โจวเจ๋อนอนอยู่บนพื้นอ้าปากหอบหายใจ ตรงข้ามกับเขาเด็กหนุ่มส่งของในชุดเหลืองที่ถูกรมควันจนกลายเป็นชุดสีดำก็อ้าปากหอบหายใจอยู่เช่นกัน ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรง
เจ้าหน้าพยาบาลมามาถึงที่เกิดเหตุในทันที กลุ่มเจ้าหน้าที่ชุดขาวรีบช่วยเหลือคนบาดเจ็บโดยไม่รอช้า โจวเจ๋อไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นเขาจึงไม่รู้ว่าหมอหลินมาด้วยหรือไม่
แต่ด้วยความพยายามเขากัดฟันลุกขึ้นอีกครั้ง โจวเจ๋อมองไปที่เด็กชายที่ได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์ ตอนนี้เขาหายใจได้แล้วน่าจะไม่มีปัญหาอะไร
ในเวลาเดียวกันโจวเจ๋อก็เห็นหลายคนที่ถูกนักดับเพลิงพาตัวออกมา บางคนได้รับการช่วยเหลือส่วนบางคนก็น่าจะเสียชีวิตไปแล้ว
ชายในชุดสูทสีดำนอนอยู่บนเปลโดยไม่มีความเคลื่อนไหวเขานอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น
โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกผิดเขาไม่มีเหตุผลที่จะรู้สึกผิด
เขาเป็นคนดีที่ต้องการช่วยชีวิตคนอื่น แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาสามารถช่วยใครได้ มันไม่มีทางที่เขาคนเดียวจะช่วยเหลือทุกคนให้ปลอดภัย
ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานั้นโจวเจ๋อไม่สามารถอุ้มเด็กพร้อมกับผู้ชายร่างโตออกมาได้พร้อมกัน หากเขาฝืนที่จะทำเช่นนั้นพวกเขาจะตายไปด้วยกันในกองไฟ
ซูเล่อที่เขายืมศพคืนวิญญาณมาเป็นเพียง “โอตาคุ” ที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะใช้ฆ่าไก่ ความสามารถของเขามีจำกัดเพราะว่าเขาไม่ใช่ อาโนล ชวาสเนกเกอร์
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ชายคนนี้ยังเกือบจะทำให้เขาเสียชีวิตไปด้วยกัน
หลังจากลุกขึ้นอย่างยากลำบากและปฏิเสธความช่วยเหลือของพยาบาลที่อยู่ข้างๆ โจวเจ๋อเดินไปที่ห้องน้ำอีกด้านของอาคารเพื่อหาน้ำเย็นๆมาล้างหน้า
หลังจากมุดศีรษะลงไปในอ่างล้างหน้าและเงยหน้าขึ้นมา โจวเจ๋อก็มองดูตัวเองในกระจก
แต่ทันใดนั้นเขาก็พบเห็นอะไรบางอย่าง ภายในกระจกส่องให้เห็นว่าด้านหลังของเขามีใครบางคนยืนอยู่
คือชายคนนั้นนั่นเอง คนที่สวมชุดสูทสีดำ
ในตอนนี้เขาจ้องมองมาที่โจวเจ๋อด้วยความไม่พอใจ เขากำลังตะโกนออกมาไม่หยุดอย่างบ้าคลั่งคล้ายกับกำลังถามว่าทำไมโจวเจ๋อถึงปล่อยให้เขาตาย
ชายคนนี้เพิ่งเสียชีวิตและวิญญาณของเขายังอยู่ในที่เกิดเหตุ หลังจากผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่งโจวเจ๋อเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ชายคนนั้นอาจจะยังไม่ใช่ผีเต็มตัว สถานะของเขาตอนนี้ควรจะเรียกว่าวิญญาณหลุดออกจากร่าง
อย่างไรก็ตามเนื่องจากลักษณะเฉพาะของโจวเจ๋อเขาจึงสามารถรับรู้การคงอยู่ของฝ่ายตรงข้ามได้
จากลักษณะท่าทางของเขามันแสดงให้เห็นว่าเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อโจวเจ๋อ เขาไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผีแม้ว่ามันจะทำให้เขาทุกข์ทรมานก็ตาม!
“ โอ้น่าสนใจ”
โจวเจ๋อยิ้มเขาไม่สนใจอีกฝ่ายและก้มหน้าเพื่อทำความสะอาดร่างกายต่อไป
“ มนุษย์หนอ..” โจวเจ๋อถอนหายใจเบาๆ