Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 47
47 – ผมไม่ใช่คนแต่เป็นผี
ในที่สุดศพหหญิงสาวก็ถูกบังคับให้กลับไปที่บันไดแต่ในวินาทีต่อมาใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธก่อนที่จะกระโดดเข้าใส่โจวเจ๋ออีกครั้ง
โจวเจ๋อเอื้อมมือออกไปและคว้าไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว
“โว้ว…”
หญิงสาวถูกกระแทกเข้ากับผนังอย่างแรงจนผนังยุบลงไปอย่างเห็นได้ชัด
เสื้อตรงบริเวณหน้าอกของเธอถูกฉีกขาดเผยให้เห็นร่องอกอันขาวนวลผ่องใส
“โอ้ รุนแรงจัง!” ซูชิงหลางตกตะลึง
ในเวลาเดียวกันเมื่อเขาคิดถึงตอนที่วางแผนจะบังคับโจวเจ๋อให้บอกความลับในเรื่องที่เขาสามารถฟื้นชีวิตขึ้นมามันทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายด้วยความกลัว
ในตอนนี้ซูชิงหลางไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านของเขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไร
เรื่องนี้โจวเจ๋อก็ไม่สามารถให้คำตอบได้
โจวเจ๋อเติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสะอาดมาก และความสัมพันธ์ระหว่างเด็กๆก็ดีมากเช่นกัน
เมื่อเขาเติบโตขึ้นเขาก็เป็นหมอมันเป็นงานของการช่วยชีวิตผู้คน ดังนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องฝึกฝนการต่อสู้
นั่นเป็นผลให้โจวเจ๋อมักจะทำอะไรไม่ได้เมื่อต้องเกิดการต่อสู้ขึ้น
เนื่องจากผีหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ากระโดดเข้าหาเขาเมื่อสักครู่ เขาจึงปัดป่ายมือออกไปอย่างไม่เจตนา ผลลัพธ์จึงเป็นอย่างที่เห็น
แต่เมื่อสถานการณ์เข้าทางถึงขนาดนี้โจวเจ๋อจึงไม่ลังเลเขารีบใช้เล็บสีดำของตัวเองแทงเข้าใส่ร่างของหญิงสาวแล้วตึงไว้อย่างนั้น
“อา!”
อีกครั้งที่หญิงสาวกรีดร้องออกมา ทุกครั้งที่เล็บของโจวเจ๋อสัมผัสกับร่างกายของเธอมันจะก่อให้เกิดบาดแผลร้ายแรง
“สวรรค์และปฐพีนั้นมีอำนาจไร้ขอบเขต ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอยู่ใต้บัญชาของสวรรค์!
ซูชิงหลางบ่นพึมพำเบาๆก่อนจะรีบติดยันต์สีเหลืองใส่หน้าผากของหญิงสาวทันที
ทุกครั้งที่หญิงสาวต้องการที่จะลุกขึ้นแผ่นยันต์นั้นก็เหมือนกับแผ่นเหล็กร้อนๆที่แนบอยู่บนหน้าผากของเธอ มันกดดันทำให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นได้
ดวงตาของเธออ่อนลงมีความวิงวอนขอร้องเธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับโจวเจ๋ออีกต่อไป แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของเขาเธอก็คลานไปข้างๆและพยายามทุบประตูร้านให้เปิด
อย่างไรก็ตามต่อให้ไม่เคยกินหมูก็ต้องเคยเห็นหมูมาบ้าง โจวเจ๋อเคยดูหนังมาไม่น้อย
โดยเฉพาะหนังฮ่องกงสมัยเด็กๆที่มักจะมีเรื่องการต่อสู้อยู่ตลอด และคนที่ประมาทศัตรูมักจะได้รับความทุกข์ทรมานในตอนท้าย
ดังนั้นเมื่อเห็นหญิงสาวพยายามจะทุบประตูออกไป โจวเจ๋อก็เดินมาลากเธอกลับเข้าไปในร้านแล้วเตรียมจะปิดฉากการต่อสู้
หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน เธอพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิตแต่ไม่เป็นผล
โจวเจ๋อก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกันก็พยายามบังคับลมหายใจของตัวเองให้สงบลง
หลังจากนั้นโจวเจ๋อก็ยื่นนิ้วชี้เข้าไปต้องการจะแทงกะโหลกศีรษะของหญิงสาวให้ทะลุ
“สู่สุคติเถิดนะ!”
ซูชิงหลางหยิบกระดาษอีกแผ่นหนึ่งออกมา
อย่างไรก็ตามหญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่งคุกเข่าพร้อมกับพนมมือขึ้นมาและร้องไห้ขอความเมตตาจากโจวเจ๋อ
“คุณจะตีฉันให้ตายจริงๆเหรอ คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า”
มุมปากของโจวเจ๋อกระตุกโดยไม่รู้ตัว และศพผู้หญิงที่เพิ่งสร้างแรงกดดันและความกลัวอย่างมากกลับมีพฤติกรรมเช่นนี้ มันทำให้เขาอดใจอ่อนไม่ได้จริงๆ
แต่โจวเจ๋อพูดอย่างจริงจังว่า
“ความจริงผมไม่ใช่คนแต่เป็นผีต่างหาก”
“ฉันแค่พยายามแกล้งเขาเท่านั้นไม่ได้มีอะไรเลย พวกคุณลองนึกเหตุการณ์ให้ดีฉันยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำมีแต่พวกคุณที่รุมทุบตีฉันอยู่ถ่ายเดียว ” หญิงสาวหลั่งน้ำตาพร้อมกับร้องไห้อย่างเศร้าโศก
มักมีคำกล่าวกันว่าหากมีใครอยู่จนถึงอายุเจ็ดสิบแปดสิบปีพวกเขาก็จะมีความเจ้าเล่ห์เหมือนกับปีศาจจิ้งจอก แต่หญิงสาวคนนี้เป็นปีศาจที่มีชีวิตอยู่มาถึงสองร้อยปีเล่ห์เหลี่ยมมารยาของเธอจะมีมากขนาดไหน
แต่ถึงกระนั้นโจวเจ๋อก็ดูมีท่าทีใจอ่อนลง เขาไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่หันไปมองซูชิงหลาง
“ฆ่าเธอได้ไหม” โจวเจ๋อถาม
“…………” หญิงสาว
ซูชิงหลางส่ายหัวและพยักหน้าอีกครั้ง
“หมายความว่าไง?” โจวเจ๋อถาม
“วิญญาณชั่วร้ายในร่างกายของเธอเป็นปัญหา หากเราฆ่าเธอพลังหยินที่อยู่ในร่างกายของเธอจะหลุดออกมาและส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ใกล้เคียงอย่างแน่นอน” ซูชิงหลางอธิบาย
“อืม”
หญิงสาวนั่งลงกับพื้นอย่างอ่อนล้าเธอรอดแล้ว ตอนนี้เธอเห็นแล้วว่าโจวเจ๋อคือผู้ชายที่ใจดำที่สุด เขาไม่ลังเลที่จะสังหารเธอแม้ว่าเธอจะทำตัวให้น่าสงสารที่สุดก็ตาม
“ เมื่อคืนนี้เธอบอกว่าจะไปลงนรกด้วยตัวเองแต่สุดท้ายเธอก็โกหกเห็นได้ชัดว่าเธอไว้ใจไม่ได้ และตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะกลัวเล็บของคุณอีกด้วย มันน่าจะสามารถฆ่าเธอได้โดยไม่ส่งผลกระทบมากนัก อย่างน้อยที่สุดพวกเราควรลองดู”
ซูชิงหลางสูดควันบุหรี่เข้าไปในปอดหนักๆ ก่อนหน้านี้เขารู้สึกหวาดกลัวแทบตาย แต่ตอนนี้โจวเจ๋อเพื่อนบ้านของเขาสามารถระงับสถานการณ์ไว้ได้หมดแล้วเขาจึงผ่อนคลายลงในที่สุด
“อย่าฆ่าฉัน อย่าฆ่าฉัน เธอคือเธอ ฉันคือฉัน ฉันกับเธอเป็นสองคน” เมื่อได้ยินคำพูดของเขาหญิงสาวก็ตะโกนอย่างเร่งรีบ
เห็นได้ชัดว่าชายทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าเธอต้องการจะตัดปัญหาออกไปอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าพวกเขาอยากจะไว้ชีวิตเธอแต่พวกเขาก็ไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้ดังนั้นการฆ่าเธอจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หลังจากผ่านไปสองร้อยปีวิญญาณของหญิงสาวแซ่ไป๋ได้แยกออกจากร่างกายอย่างสมบูรณ์ เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆศพของเธอที่สะสมพลังหยินมาอย่างยาวนานจึงสร้างวิญญาณดวงใหม่ขึ้นมา
“ไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้เลยเหรอ?” โจวเจ๋อหันไปมองซูชิงหลาง
“เอาเลือดวิญญาณแก่นแท้ของเธอออกมาแล้วคุณจะสามารถควบคุมเธอได้ เพียงแต่ว่าเธอจะยอมมอบให้คุณหรือเปล่า” ซูชิงหลางแนะนำ
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน และแววตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เธอจ้องไปที่ซูชิงหลางราวกับว่าในเวลานี้ซูชิงหลางเป็นศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของเธอ
“จะตายหรือมอบมันออกมาเลือกเอา” ซูชิงหลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราไม่มีเวลากับคุณทั้งวันหรอกนะ” โจวเจ๋อก็หันมามองเธอด้วย
เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นด้วยกับคำแนะนำของซูชิงหลาง โจวเจ๋อมีนิสัยรักความสะอาดดังนั้นเขาจึงไม่อยากเห็นศพโบราณอายุสองร้อยปีมาคอยจิบน้ำในแก้วของเขาก่อนได้รับอนุญาต
“ตกลง ฉันจะให้คุณ” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆพยายามอดกลั้นตัวเองไว้ จากนั้นเธอก็หลับตา และดึงเส้นด้ายสีแดงออกมาจากหว่างคิ้วของตัวเอง
โจวเจ๋อเอื้อมมือไปจับด้ายสีแดงนั้นมาวางในมือก่อนที่มันจะหายเข้าไปในร่างกายของเขา
หลังจากที่หญิงสาวส่งเลือดวิญญาณแก่นแท้ออกมาแล้วร่างกายของเธอก็อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของเธอซีดขาว ตอนนี้เธอนอนอยู่กับพื้นเหมือนคนไม่มีแรง
“ไปอาบน้ำแล้วเข้านอน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหากไม่ได้รับอนุญาตจากผมคุณไม่สามารถออกจากร้านหนังสือได้” โจวเจ๋อเตือน
“ตกลง”
หญิงสาวก้มศีรษะด้วยท่าทางคับแค้นใจ เลือดวิญญาณแก่นแท้ของเธอถูกฝ่ายตรงข้ามควบคุมไว้เธอทำได้เพียงต้องยอมรับชะตากรรมเท่านั้น