Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 97
97 – เนื้อตุ๋นหม้อนั้น
เมื่อโจวเจ๋อไปถึงประตูบ้านพักของหวังเค่อก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว โจวเจ๋อกดกริ่งประตู
ประตูถูกเปิดออกหวังเค่อสวมชุดนอนปรากฏตัวที่ประตู เมื่อเห็นโจวเจ๋ออยู่ด้านหน้าประตูเขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วกวักมือเรียกโจวเจ๋อให้เข้าไปในบ้านด้วยความยินดี
มีกลิ่นของเนื้ออยู่ในบ้าน ห้องครัวควรน่าจะกำลังตุ๋นเนื้ออยู่
“คุณมาได้เวลาพอดีเลย” หวังเค่อเสนอว่า “ผมซื้อซี่โครงมาตุ๋นหม้อใหญ่ จำได้ว่าตอนที่เราเป็นเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มันไม่ง่ายเลยที่จะกินเนื้อเป็นอาหาร”
โจวเจ๋อส่ายหัว “ผมกินอาหารเหมือนคนปกติไม่ได้”
“ไม่เป็นไร งั้นไปทานซุปแล้วกัน ต้องการให้ผมช่วยอะไร”
“ผมถูกสะกดจิต นักสะกดจิตบอกผมว่าผมไม่มีมโนธรรม ตอนนี้ ผมต้องการมโนธรรมของตัวเองกลับคืนมา” โจวเจ๋อตรงประเด็น
หวังเค่อขมวดคิ้ว อึดอัดเล็กน้อย และพูดว่า
“ครั้งสุดท้ายที่ผมพยายามสะกดจิตคุณ แต่มันทำไม่สำเร็จ คุณบอกว่าคุณนอนไม่หลับตามปกติ ดังนั้นวิธีที่ตรงและมีประสิทธิภาพที่สุดไม่สามารถใช้ได้ดังนั้นต้องใช้วิธีใหม่”
“ลองดูก็ได้”
พวกเขามาที่ห้องทำงานของหวังเค่อ หวังเค่อเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เป็นทางการและนั่งลงที่หลังโต๊ะ แล้วส่งนาฬิกาพกให้โจวเจ๋อ
“คุณใช้สิ่งนี้เพื่อเขย่าต่อหน้าผมเพื่อพยายามสะกดจิต จากนั้นเราจะสามารถเชื่อมโยงทางจิตวิทยาย้อนกลับได้”
โจวเจ๋อไม่ได้พูดอะไร แต่หวังเค่อดูจริงจังมาก เขาปิดตาของเขาลง
ในเวลาเดียวกันโจวเจ๋อก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ราวกับว่า “การนอน” ของหวังเค่อในเวลานี้ ไม่มากก็น้อยมันส่งผลกระทบต่อตัวเขาเช่นกัน
“คุณหลับอยู่หรือเปล่า” โจวเจ๋อถาม
หวังเค่อไม่ตอบ
“คุณชื่ออะไร?”
“หวังเค่อ”
“คุณ…”
ทันใดนั้น โจวเจ๋อรู้สึกว่าการมองเห็นของเขาพร่ามัว ดูเหมือนเขาจะได้ยินชายคนหนึ่งถามตัวเองอย่างคลุมเครือว่า
“คุณคิดว่าคุณต้องมีมโนธรรมไหม”
โจวเจ๋อสับสนเล็กน้อย แต่เขายังคงพูดว่า “ถ้าคุณทำความดีมันจะทำให้คุณเจ็บปวด”
ถัดมาเป็นบทสนทนายาว โจวเจ๋อเองก็สับสนเล็กน้อย ราวกับว่าบทสนทนาและการถามตอบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
ข้างหน้าเขามีหม้อซึ่งกำลังเดือดและกระดูกชิ้นใหญ่ลอยอยู่ในน้ำซุปที่มีความเข้มข้น
“ป๊าววว!”
นาฬิกาพกหล่นลงพื้นจากมือของโจวเจ๋อ โจวเจ๋อค่อยๆลืมตาขึ้น และหวังเค่อที่อยู่เบื้องหลังโต๊ะก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน ดวงตาของเขาแดงก่ำและเหนื่อยล้า
“สำเร็จมั้ย?” โจวเจ๋อถาม
หวังเค่อพยักหน้าและส่ายหัวขอโทษ:
“ปัญหาของคุณค่อนข้างซับซ้อน อันที่จริง คุณมีปัญหากับมโนธรรมจริงๆหรือเปล่า อาจเป็นเพราะประสบการณ์ล่าสุดบางอย่างได้คลายความเชื่อเดิมของคุณ ด้วยแรงกระตุ้นจากภายนอกมันเลยกลายเป็นปมในหัวใจของคุณ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้โจวเจ๋อพยักหน้าและคิดตาม
“ว่าแต่ คุณถามคำถามอะไรกับผมหรือเปล่า” หวังเค่อถามขึ้นทันที
การสะกดจิตแบบนี้คือการสะกดจิตหมู่ ในความเป็นจริงหวังเค่อ ได้ทำการสะกดจิตผิวเผินกับโจวเจ๋อ ในขณะที่หวังเค่อเปิดเผยหัวใจของเขาต่อโจวเจ๋ออย่างสมบูรณ์
“ไม่ได้ถามเพราะเห็นแต่น้ำซุป คุณหิวเหรอ”
“ใช่” หวังเค่อพยักหน้า
จากนั้นหวังเค่อก็พาโจวเจ๋อไปที่ห้องครัว เปิดหม้ออัดแรงดันที่ตุ๋นซี่โครงจำนวนมาก
“มาเถอะ มากินด้วยกัน…
โจวเจ๋อรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยสมจริงนัก
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาที่ไม่ค่อยสมหวังในครอบครัวได้ตุ๋นกระดูกซี่โครงภายในบ้านอย่างมีความสุข ภาพนี้ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
โจวเจ๋อคลื่นไส้อย่างรุนแรงสีหน้าของเขาบิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก
“ผมกินไม่ได้”
โจวเจ๋อถอยห่างออกไปสองสามก้าวและออกจากครัวโดยไม่รู้ตัว
หวังเค่อทุ่มเทให้กับการเตรียมวน้ำจิ้มอยู่ในครัวแล้วกล่าวว่า
“พวกเราเป็นพี่น้องกันมานานจะไม่กินฝีมือของผมหน่อยเหรอ”
“คุณกินเถอะผมกินอาหารของคนปกติไม่ได้” โจวเจ๋อปฏิเสธ สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวเมื่อมองไปที่หม้อแรงดัน
“นี่มันเป็นเนื้อที่คัดสรรมาอย่างดี มันต้องอร่อยแน่ๆ” หวังเค่อยังคงเชิญต่อไป
“แล้วพี่สะใภ้ไปไหน” โจวเจ๋อถาม
จู่ๆมือของหวังเค่อก็สั่นเล็กน้อยและสีหน้าของเขาก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ
“โอ้”
โจวเจ๋อไม่กดดันต่อจากนั้นสายตาของเขาก็มองไปที่หม้อความดันอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าอาการคลื่นไส้ของเขาจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ที่รัก คุณกำลังทำน้ำซุปอีกแล้ว” ในเวลานี้เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังมาจากระเบียง
โจวเจ๋อมองย้อนกลับไปและเห็นเธอ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าหินก้อนใหญ่ตกลงมาที่พื้น
ฉันคิดมากเกินไป
“ใช่ นั่นเป็นงานอดิเรกของผม” หวังเค่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้หญิงคนนั้นเดินไปนั่งที่ฝั่งของโจวเจ๋อแล้วพูดว่า
“ฉันไม่เข้าใจคุณจริงๆ คุณมักจะหาเวลาออกมาทำซุปแบบนี้เสมอแต่คุณก็ไม่ค่อยกินมันด้วยซ้ำ”
“ดื่มน้ำซุปสักถ้วยก็ได้” โจวเจ๋อกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ “ตั้งแต่ที่ผมกลับมาดูเหมือนว่าผมจะเป็นโรคเบื่ออาหารอย่างรุนแรง”
“ไม่เป็นไรนะ มาดื่มกันเถอะ”
หวังเค่อโรยกระเทียมเจียว ต้นหอม น้ำมันงาสองหยดและใส่พริกไทยขาวลงในน้ำซุปก่อนจะยื่นให้โจวเจ๋อ
เมื่อโจวเจ๋อลังเลว่าจะบังคับตัวเองให้ดื่มซุปหรือไม่ ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าภรรยาของหวังเค่อกระโดดเขย่งเท้าไปที่หม้อน้ำซุปด้วยความสนใจ
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว
เธอเปิดหม้อแรงดันและช่วยหวังเค่อตักซุป ในเวลาเดียวกันเธอก็พูดว่า
“กินเยอะๆเลยค่ะยังมีอีกเยอะ”
ดูเหมือนว่าน้ำซุปนี่จะกินไม่ได้แล้ว?
โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้ววางชามลงก่อนจะมองไปที่หวังเค่อและภรรยาของเขาสลับไปมา
ภรรยาของหวังเค่อกลับมานั่งที่เก้าอี้แล้วบ่นว่า
“ที่รักส้นเท้าของฉันเจ็บอีกแล้ว”
“ใครบอกเธอให้ประมาท โชคดีที่กระดูกไม่เป็นไร”
หวังเค่อก้มลงดูส้นเท้าของภรรยาของเขาอย่างระมัดระวังก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า
“คุณกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว หรือคุณจะกระโดดเขย่งเท้าอย่างนี้ทั้งวัน รองเท้าส้นสูงถ้าใส่ไม่ได้ก็เลิกใส่”
“ไม่เอาน่า ฉันทำให้ตัวเองดีขึ้นมันทำให้คุณไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้นหันตาขาวใส่สามีของเธอแล้วยิ้มให้โจวเจ๋อแล้วพูดว่า
“ไปนอนก่อนนะคะ”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินขึ้นไปบนห้อง หวังเค่อก็ชี้ไปที่ชามที่โจวเจ๋อและเตือนว่า
“ซุปจะเย็นก่อนนะ”