Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 112
112 – อยากได้การ์ดจอใหม่หรือเปล่า
ร้านหนังสือยังไม่ย้ายไปไหน โจวเจ๋อหายหน้าไปครึ่งเดือนแล้ว จึงไม่มีใครมีอารมณ์อยากย้ายร้าน ดังนั้นซูชิงหลางจึงยังขับรถมาที่ร้านเก่าของพวกเขา
เมื่อรถจอดไป๋อิ่งเดินเข้าไปในร้านหนังสือโดยมีโจวเจ๋ออยู่ในอ้อมแขน โจวเจ๋อรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เขามีเพื่อนเป็นซูชิงหลางและไป๋อิ่ง
แทนที่จะวิ่งหนี ลิงตัวน้อยกลับเดินตามเข้าไปในร้านหนังสืออย่างว่าง่าย
“กลับมาแล้วเหรอ?”
นักพรตชรากำลังทำความสะอาดร้านหนังสือ เมื่อเห็นโจวเจ๋อกลับมา เขาก็รีบมาประจบสอพลอเขาทันทีโดยตะโกนออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า
“คนเป็นมงคลมีโชคชะตาของตัวเอง”
จากนั้นนักพรตชราก็เห็นลิงอยู่ด้านหลัง เขายิ้มออกมาแล้วถามว่า
“นี่คือสัตว์เลี้ยงของคุณเหรอ”
โจวเจ๋อไม่ได้คาดหวังว่าลิงน้อยจให้ความร่วมมือจริงๆ มันทำท่าทางเกาหัวเกาหางคล้ายกับจะพยายามบอกอะไร
” ลิงตัวนี้ฉลาดเหมือนฉันเลย”
หลังจากนั้นนักพรตชราก็รู้สึกราวกับว่าเขาพูดอะไรผิดไป
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงบันไดมา หลังจากมีคนเข้ามาในร้าน
ที่เปิดเผยครั้งแรกคือถุงน่องสีเนื้อขายาว เธอสวมใส่เสื้อผ้าของสาวมปลายและยังมีที่คลุมผมอีกด้วย
ถังซือเดินลงมายืนต่อหน้าโจวเจ๋อ
ผู้หญิงรักความงาม สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บก็คือเสริมสร้างรูปลักษณ์ของตัวเอง
ณ จุดนี้โจวเจ๋อคิดว่าไป๋อิ่งสบายตาสำหรับเขามากกว่า ยัยเด็กโง่คนนี้นอกจากจะเล่นเกมแล้ว ยังไม่ค่อยใส่ใจกับการแต่งตัวอีกด้วย
“ถ้าคุณไม่กลับมา พวกเราทุกคนต้องไปแล้ว” ถังซือพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อสุนัขไม่อยู่ที่นี่กลิ่นของสุนัขก็จางลงด้วย และเราจะซ่อนตัวไม่ได้”
“ผมเพิ่งกลับมา คุณพูดอะไรดีๆหน่อยได้ไหม” โจวเจ๋อรู้สึกหมดทางกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ
“พูดดีๆก็ได้ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวข้างบ้านบอกฉันเกี่ยวกับเหตุการณ์วันนั้นแล้ว คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณไปยั่วใครเข้า”
“ดูเหมือนว่าเธอจะถูกเรียกว่าหญิงสาวชุดฟ้า” โจวเจ๋อตอบกลับ
“เธอเป็นเทพอสูรของเมืองนี้ เทพอสูรที่วิหารของตัวเองกำลังจะถูกทำลายโดยสมบูรณ์ดังนั้นเธอจึงอารมณ์ไม่ดีมาก คุณรู้หรือเปล่าในสภาวะเช่นนั้นเมื่อคุณไปยั่วยุเธอมันจึงทำให้เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้”
โจวเจ๋อมองไปที่ลิงที่ยังคงต่อสู้กับนักพรตชราเขาส่ายหัวและพูดว่า
“ผมไม่สนใจที่จะรู้”
ถังซือเดินมาหาโจวเจ๋อแล้วพูดว่า
“เหม็นมาก”
“กลิ่นนี้แหละที่จะใช้กลบกลิ่นของพวกคุณ”
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นดอกไม้หรือไง?” ถังซือไม่ได้โกรธ
“การที่คุณสามารถนอนข้างบนเหมือนมัมมี่ได้ก็ไม่ใช่เพราะกลิ่นหอมพวกนี้หรอกหรือ” โจวเจ๋อชี้ไปที่ห้องน้ำและพูดกับไป๋อิ่งว่า
“ช่วยผมอาบน้ำหน่อย”
ไป๋อิ่งตกตะลึงครู่หนึ่งแต่เด็กสาวก็พูดขึ้นทันที
“โอเค”
ในสภาพปัจจุบันของโจวเจ๋อมันเป็นไปไม่ได้ที่จะอาบน้ำเพราะมันจะเป็นอันตรายต่อบาดแผล แต่เขาถูกปกคลุมด้วยชั้นโคลนหลายชั้นเขาจะรู้สึกไม่สบายหากไม่ได้อาบน้ำ
เขารู้สึกทนไม่ได้จริงๆ แต่หากจะใช้นักพรตชรามาช่วยอาบน้ำ?
มันไม่สนุกเลยที่จะนึกถึงนักพรตชรากำลังถูหลังของเขาขณะที่ร้องเพลง “ซินเทียนโหย่ว”
ส่วนถังซือลืมมันไปซะการให้เธอมาช่วยเขาอาบน้ำเธอคงใช้ปากกาของเธอแทงเขาตายก่อน
เหลือเพียงไป๋อิ่งที่เรียบง่ายและใจดีเท่านั้น
หลังจากเข้าห้องน้ำ โจวเจ๋อก็นั่งบนม้านั่ง และไป๋อิ่งช่วยเขาถอดเสื้อผ้า เธอไม่ได้ถอดเสื้อผ้าด้วยดังนั้นภาพการอาบน้ำจึงไม่ได้สวยงามเหมือนจินตนาการ
ไป๋อิ่งจับหัวสเปรย์ฉีดโคลนบนร่างของโจวเจ๋อและมองดูรอยแผลเป็นทั่วร่างกายของเขา ไป๋อิ่งตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
“เจ้านาย อาการบาดเจ็บของคุณแย่มาก ผู้หญิงในชุดฟ้านั่นลงมือรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ ฉันได้ยินมาว่าวิหารของเธอถูกทำลาย แต่ก็ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องทำถึงขนาดนี้”
“เธอไม่ได้ทำ” โจวเจ๋อกล่าวว่า “อันที่จริงอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นฝีมือของผมเอง”
เป็นเรื่องยากสำหรับโจวเจ๋อที่จะเข้าใจสถานะนั้น หรือแม้แต่รู้ว่าเขาจะสามารถเข้าสู่สถานะนั้นได้อีกหรือไม่
ร่างกายของโจวเจ๋ออ่อนแอเกินไป มันไม่สามารถทนต่อสภาพการเปลี่ยนร่างเป็นผีดิบได้
ไป๋อิ่งเริ่มช่วยโจวเจ๋ออาบน้ำด้วยเจลอาบน้ำและชโลมร่างกายของเขาด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ เธอเกิดความมึนเมาขึ้นโดยไม่รู้ตัวพร้อมๆกับพูดว่า
“เจ้านาย ฉันไม่รู้ว่าทำไมแต่เมื่อฉันสัมผัสร่างกายของคุณมันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ”
ในฐานะซอมบี้ ไป๋อิ่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแบบพวกเดียวกันจากโจวเจ๋อ แม้ว่าความรู้สึกเหมือนพวกเดียวกันนี้จะดูอ่อนแอมาก แต่การปราบปรามและความเหลื่อมล้ำของระดับชั้นนั้นทำให้เธอยอมแพ้ตามสัญชาตญาณ
“อาบน้ำไปเถอะ แล้วอย่าพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังด้วย”
โจวเจ๋อเตือน
“แค่กแค่ก”
ทันใดนั้นซูชิงหลางก็ไออยู่นอกห้องน้ำ
ไป๋อิ่งตะลึงและเขินอาย แต่แล้วเธอก็กรีดร้องออกมา
“มีอะไร?”
“เจ้านาย นอนหลับไปแล้ว…”
…………………….
หลังจากอาบน้ำเสร็จ โจวเจ๋อก็สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงทรงหลวมและถูกไป๋อิ่งอุ้มขึ้นไปบนชั้นสอง เมื่อไป๋อิ่งลงมาซูชิงหลางก็วิ่งมาหาเธอโดยตรงแล้วถามว่า
“สถานการณ์เป็นอย่างไร”
การต้องปิดบังอะไรบางอย่างจากเพื่อนสนิททำให้ไป๋อิ่งทำอะไรไม่ถูกเธอกินได้แต่หน้าแดงอยู่ตรงนั้น
ซูชิงหลางขมวดคิ้วเธอเป็นซอมบี้ แล้วเธอจะหน้าแดงไปเพื่ออะไร
“เกิดอะไรขึ้น?” ซูชิงหลางถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เอ่อ…” ไป๋อิ่ง
“มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่” ซูชิงหลางกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“นี่…” ไป๋อิ่ง
“นี่ อย่าพึ่งคิดมาก อยากเปลี่ยนการ์ดจอตัวล่าสุดไหม?”
“เจ้านายบอกว่าหลังจากย้ายร้าน เขาจะจ้างคนอื่นมาช่วยงานฉัน” ไป๋อิ่งดิ้นไปมา
“เธอเป็นอะไร?” ใบหน้าของซูชิงหลางมีความสงสัย
“ไม่มีอะไร” ไป๋อิ่งพยายามทำให้ใสซื่อที่สุด
“เขาจะจ้างคนอื่นมาทำงานได้ยังไง แม้กระทั่งเงินย้ายร้านหมื่นเดียวเขาก็ยังยืมฉัน”
“เจ้านายมีเงินอยู่จริงๆเขาเพิ่งยืมเงินฉันไป 500,000 เขาบอกว่าจะจ่ายเงินให้ฉันคืน 750000 ในอีกครึ่งปีข้างหน้า”
“แล้วเธอก็ให้เงินเขาไป?” ซูชิงหลางมองใบหน้าของไป๋อิ่งเหมือนกับเขาเพิ่งมองเห็นคนโง่ที่สุดในโลก “ยัยโง่เอ้ย! นั่นเป็นทรัพย์สินทั้งหมดของเธอแล้วเธอจะได้คืนมายังไง “
“เจ้านายบอกว่าเขาจะจ่ายเงินคืนให้ฉัน” ไป๋อิ่งบ่นเบาๆ
“แล้วเธอก็เชื่อคำพูดของเขา เธอคิดว่าเขาเป็นบรรพบุรุษซอมบี้ของเธอหรือไง”
“มีหนังสือสัญญาด้วยนะ” ไป๋อิ่งกระซิบ
เป็นเพราะว่าเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นซอมบี้อยู่ในร่างกายโจวเจ๋อ ดังนั้นเมื่อเขายืมเงินเธอเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธ
“เธอมันสิ้นหวังแล้ว ยัยเด็กโง่” ซูชิงหลางใช้มือกุมหน้าผากของตัวเองแล้วส่ายหน้า “ว่าแต่ ถามอะไรหน่อยเธอมีน้องสาวไหม”
“ทำไม?”
” ฉันยังต้องการหาซอมบี้หญิงมาเป็นสาวใช้ นี่เป็นธุรกิจที่ร่ำรวยได้ง่ายจริงๆ”
“โอ้”
ไป๋อิ่งยืนตัวตรง ลมหายใจเย็นยะเยือกพุ่งออกมาทันที
ฉับพลันหญิงสาวโง่ๆก็กลายเป็นภูติน้ำแข็งที่น่ากลัวและเย็นชาที่สุด
ซูชิงหลางที่ยังคงบ่นไปเรื่อย แต่ทันใดเขาก็ตัวสั่นจากความรู้สึกที่คุ้นเคย
“คุณอยากได้น้องสาวของฉันมาทำอะไรนะ” ไป๋อิ่งถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เข้าใจผิดแล้ว ฉันบอกว่าฉันจะซื้อการ์ดจอใหม่ให้เธอในตอนบ่าย มันจะให้ความรู้สึกสุดยอดที่สุดเมื่อตอนที่เธอกินไก่”