Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 138
138 – ชีวิตสําคัญกว่าเงิน
“เขาเป็นพ่อของผมเอง”
นี่เป็นประโยคที่น่าตกใจจริงๆ
ชายวัยกลางคนหยิบบุหรี่จากกระเป๋าแล้วยื่นให้โจวเจ๋อและเหล่าเต๋า
เหล่าเต๋ายังคงไม่หายจากอาการตกตะลึง แต่โจวเจ๋อรับบุหรี่มาสูบอย่างสงบ
“อืม เข้าใจแล้วหรือยัง” ชายวัยกลางคนยังคงแนะนํา “อย่ากังวล ผมจะให้ดูเวลาเดิมพันของผม นั่นคือข่าววงในที่ผมจะบอก”
“คุณเป็นลูกที่ดีจริงๆ”
โจวเจ๋อพูดพร้อมกับพ่นควันออกมา
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเย้ยหยัน
“ยังไงพ่อของผมก็ต้องตายอยู่แล้ว มันไม่ดีกว่าเหรอที่เขาจะทําเงินก้อนใหญ่ให้กับผม”
เขาไม่ได้โง่ แน่นอนแน่นอนว่าเขารู้ว่าโจวเจ๋อกําลังประชดประชันเขาอยู่
“เท่าไหร่” โจวเจ๋อกล่าว
“ ห้าพันมันไม่ถือว่าแพงหรอกนะ พวกคุณสามารถทําเงินได้แสนนึง กับการได้รับข่าวที่แน่นอนในราคาห้าพัน ไม่ว่าจะมองยังไงก็คุ้มค่า”
เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน ชายวัยกลางคนเริ่มตื่นเต้นโดยไม่สนใจความโกรธแค้นที่โจวเจ๋อเหน็บแนม เขาเมื่อสักครู่
“แล้วถ้าพ่อของคุณไม่ตายล่ะ” โจวเจ๋อถาม
“มันจะเป็นไปได้ยังไง พ่อของผมรู้ตัวว่าจะตายอยู่แล้ว เขารักผมมากยังไงเขาก็ต้องให้ผมได้เดิมพันก้อนนี้ รอให้ถึงเวลานั้นต่อให้เขาไม่ตายผมก็จะทําให้เขาตายเอง”
คําพูดของเขาสร้างความขยะแขยงให้กับโจวเจ๋อและเหล่าเต๋าจริงๆ
“คุณควบคุมไม่ได้หรอก คุณรู้ได้ยังไงว่าพ่อของคุณจะทําเพื่อคุณ บางทีเขาอาจตั้งใจตายก่อนเวลาเดิมพันของคุณก็ได้ คุณไม่เข้าใจความคับแค้นของคนที่กําลังจะตายจากการถูกทรยศหรอกนะ หรือบางทียมทูตอาจมาเอาวิญญาณเขาก่อน” โจวเตือน
“ฮ่าฮ่า ยมทูตอะไรไร้สาระ ถ้ามีพวกมันจริงๆผมจะจัดการเองคุณไม่ต้องห่วง”
ชายวัยกลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“ขอแค่คุณโอนเงินมาให้ผม ผมจะแสดงรายการเดิมพันของผมให้คุณดูทันที”
” ขอโทษด้วยพวกเราไม่สนใจ!”
เหล่าเต๋ากระแทกหมัดของเขาใส่ใบหน้าของชายวัยกลางคนจนเขาล้มลงกับพื้นทันที
“ปัง!”
ชายวัยกลางคนตกตะลึง เขาพยายามจะยืนขึ้นมาอีกครั้งแต่เมื่อมองเห็นดวงตาของเหล่าเต๋าเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งเขาก็รีบเอามือกุมศีรษะด้วยความหวาดกลัว
เขาไม่คิดว่าคนพวกนี้จะทุบตีเขา เขาแค่แนะนําช่องทางทําเงินด้วยความมีน้ําใจ แต่คนพวกนี้กลับไม่สํานึกบุญคุณแม้แต่น้อย
“ฉันจะแจ้งตํารวจแน่!” เมื่อชายวัยกลางคนตั้งสติได้เขาจึงเริ่มข่มขู่ออกมา
“แจ้งหนังสือพิมพ์ด้วยก็ได้” โจวเจ๋อกล่าว
เปลือกตาของชายคนนั้นกระตุก เขาไม่กล้าแจ้งตํารวจ เขาไม่กล้าจริงๆ จากนั้นเขารีบเดินเข้าไปดูพ่อของเขาแล้วไม่หันกลับมามองทั้งสองคนอีก
เหล่าเต๋าหันกลับมามองโจวเจ๋อแล้วพูดว่า
“เจ้านาย ผมขอโทษด้วยที่พาคุณมาสถานที่แบบนี้”
“ไม่มีอะไรต้องขอโทษ” โจวเจ๋อไม่สนใจแล้วถามออกไปว่า “ต่อยเขาทําไม?”
“สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดตลอดชีวิตก็คือตอนที่พ่อตายผมไม่ได้อยู่ด้วย แต่ดูไอ้ชั่วนี้ทํากับพ่อของตัวเองสิ ผมไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีคนชั่วถึงขนาดนี้อยู่”
โจวเจ๋อเขี่ยบุหรี่แล้วไม่พูดอะไร
“เจ้านายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?”
“ผมเป็นเด็กกําพร้า “
เหล่าเต๋าไม่รู้จะพูดอะไร โจวเจ๋อจึงยิ้มแล้วพูดว่า
“อันที่จริงผมเคยเห็นสิ่งที่คล้ายแบบนี้มากมายในโรงพยาบาล ตอนแรกผมไม่เข้าใจพวกเขามากนัก แม้กระทั่งรู้สึกโกรธเคืองเล็กน้อย แน่นอนว่าในโลกนี้มีคนส่วนน้อยที่เป็นเหมือนเขา
มีผู้คนมากมายที่รู้ว่าพ่อแม่กําลังจะตายพวกเขาจึงรีบทําประกันชีวิตไว้เพื่อให้ได้รับเงินก้อนโต
มันก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รักครอบครัว เพียงแต่ว่าเมื่อรู้ตัวว่าพ่อแม่กําลังจะตายจากโรคที่รักษาไม่หาย บางครั้งการทําเงินในช่วงเวลานี้ก็พอจะรักษาแผลใจของพวกเขาได้บ้าง “
โจวเจ๋อพูดจบก็โยนบุหรี่ที่เหลือครึ่งมวนทิ้ง
“ผมไม่เชื่อว่าเงินสําคัญกว่าชีวิต” เหล่าเต๋ายังคงยึดมั่นในมุมมองของตัวเอง
“คุณเข้าใจถูกต้องแล้วชีวิตมีค่ากว่าเงินแน่นอน แต่มุมมองของคนต่อชีวิตนั้นแตกต่างกันออกไป
ตัวอย่างเช่น เพื่อรักษาโรคของคนแก่ในครอบครัวที่รู้ว่ายังไงก็ต้องตาย มีลูกหลานหลายคนในครอบครัวยากจนที่ยืมเงินคนอื่นมารักษาพ่อแม่ สุดท้ายพ่อแม่ของเขาก็ตายเหมือนเดิม
แล้วชีวิตของคนที่เหลืออยู่จะเป็นยังไง? ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นชายชราคนหนึ่งหนีออกจากโรงพยาบาล ลูกชายของเขาคุกเข่าอ้อนวอนให้พ่อกลับไปรักษาตัว
แต่เขาไม่ต้องการทําร้ายลูกชายของตัวเอง เขาบอกว่าถ้าลูกชายของเขาบังคับเขา เขาจะกระโดดตึกตาย หลังจากนั้นไม่กี่วันชายชราก็กลับไปที่บ้านแล้วเสียชีวิต”
เหล่าเต๋าไม่รู้จะพูดอะไร
“นี่คือความสิ้นหวังของชีวิต ความสิ้นหวังนี้จะดําเนินไปตลอดกาล ไม่ว่าประเทศจีนหรือประเทศไหน ผู้คนต้องเผชิญกับทางเลือกบางอย่างเสมอ บางครั้งทางเลือกเหล่านี้ก็โหดร้ายจริงๆ”
เหล่าเต๋ามีสีหน้าบิดเบี้ยวจากนั้นเขาพูดว่า
“ตอนนี้เราจะทํายังไง”
“เรียกตํารวจ แม้ว่าบางครั้งชีวิตจะไม่มีทางเลือก แต่ชีวิตก็ควรเที่ยวแห้งไปตามธรรมชาติไม่ควรถูกทําลายไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น
หลังจากกลับไปที่ร้านผมจะให้เงินกระดาษกับคุณจํานวนหนึ่ง คุณก็เผาแล้วคืนทุนให้กับตัวเองซะ ๆ
เหล่าเต๋าลูบมืออย่างไม่รู้ตัวแล้วพูดว่า
“มันก็แค่เงินแสนเดียวเองครับเจ้านาย สําหรับการช่วยเหลือเจ้านายมันไม่เป็นปัญหาอะไรเลย”
จากนั้นราวกับว่าเขากลัวโจวเจ๋อจะเปลี่ยนใจ เหล่าเต๋จึงรีบพูดต่อทันที
“แต่ถ้าเจ้านายยินดีจะให้ผมก็ขอบคุณจริงๆ”
“คุณคิดไปถึงไหนแล้ว จุดประสงค์ที่ผมมอบกระดาษเงินให้คุณก็เพื่อให้คุณรอดพ้นจากภัยพิบัติ คุณต้องเข้าใจว่าคุณมีส่วนร่วมในการเล่นการพนันครั้งนี้ยังไงคุณก็ต้องไปเป็นพยาน เงินพวกนั้นจะช่วยให้คุณไม่ต้องติดคุก”
“….” เหล่าเต๋า
โจวเจ๋อเดินไปข้างหน้าช้าๆ เหล่าเต๋าเดินตามเขามาอย่างสิ้นหวัง
ในเวลานี้โจวเจ๋อก็หยุดกะทันหัน
“เจ้านายเหนื่อยแล้วครับ” เหล่าเด็ถาม
หลักการการรับใช้ผีของเหล่าเต้นั้นชัดเจนมาก ก็คือทําทุกอย่างเพื่อที่ตัวเองจะต้องไม่เป็นผีไปด้วย
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว” โจวเจ๋อถาม
“บ่ายสี่โมงครึ่ง” เหล่าเต๋ามองดูโทรศัพท์มือถือของเขา
“ทําไมฟ้าครึมจัง” โจวเจ๋อชี้ไปที่ก้อนเมฆด้านบน
“ฝนกําลังจะตก.” ชายชราคาดเดา
“แต่รายงานสภาพอากาศบอกว่าวันนี้ฝนไม่ตก” โจวเจ๋อกล่าว
“ พยากรณ์อากาศคาดการณ์ว่าฝนจะตก 80% ในวันพรุ่งนี้”
“แล้วนั่นอะไร” โจวเจ๋อชี้ไปที่ท้องฟ้าอันไกลโพ้น
เหล่าเฝ้ามองดูและตกตะลึง
มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ที่นี่ไม่ใช่ยูนนาน(พื้นที่ราบสูง) นี่คือพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ําแยงซี ภาพพระอาทิตย์ตกดินที่ปรากฏขึ้นพร้อมกันกับช่วงฝนตกเป็นภาพที่หาดูได้ยาก