Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 169
169 – หมู่บ้านที่หิวโหย
เมื่อคนแก่และเด็กเดินเข้ามาใกล้ คุณปู่คนนั้นก็มองมาที่โจวเจ๋อและถามด้วยความสงสัยว่า
“หนุ่มน้อยมาจากไหนเหรอ?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” โจวเจ๋อยักไหล่
ให้ตายเถอะครั้งนี้ฉันไม่รู้จริงๆ
“หลงทาง?” ปู่เป็นคนใจดี
“ครับ” โจวเจ๋อถอนหายใจ
“นี่คือหมู่บ้านที่สามซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง คุณสามารถไปทางใต้ตามถนนสายนี้แล้วเข้าเมืองไปได้เลย” คุณปู่ชี้ไปที่เส้นทางที่ค่อนข้างทุรกันดาร
เด็กหญิงตัวเล็กๆกําลังเล่นอยู่กับอมยิ้มของเธอ เธอผอมไปนิด แต่ก็ยังไร้เดียงสาและน่ารัก
ภาพของปู่หลานใจดีนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมากกับภาพของปีศาจกินคนเมื่อสักครู่
“ขอบคุณครับ” โจวเจ๋อพยักหน้า
พวกเขาเข้าไปในหมู่บ้านด้วยเสียงพูดคุยและหัวเราะ
โจวเจ๋อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า กําลังใช้ความคิดว่าจะเอายังไงดี
9 ปีที่แล้ว เมื่อเจ้าของโพสต์มาที่นี่ครั้งแรก ภาพแรกที่เขาประสบควรเหมือนกับประสบการณ์ครั้งที่สองของโจวเจ๋อ มิฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะออกจากหมู่บ้านนี้
แต่เขากล่าวในโพสต์ของเขาว่าเมื่อเขาเดินเข้าไปในหมู่บ้านตอนกลางคืน ทุกครอบครัวต่างบอกว่าหิวและ อยากกินอะไรสักอย่าง
ซึ่งหมายความว่าเมื่อ 9 ปีที่แล้ว “ความหิว” ของหมู่บ้านเริ่มมีปัญหา ตอนนี้เมื่อเวลาผ่านมาถึง 9 ปีปัญหาที่เกิดขึ้นคงย่ําแย่ลงไปอีก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถ้ามี “มนุษย์” คนใดหลงเข้ามาที่นี่อย่างไม่ระวัง บางทีคนเหล่านั้นอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณกินคนในหมู่บ้านแห่งนี้ไปแล้ว
ที่นี่ได้ค่อยๆกลายเป็นสถานที่ดุร้าย
โจวเจ๋อก้าวเข้าสู่หมู่บ้าน เขาต้องการสํารวจหมู่บ้านแห่งนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านหลังถูกปีศาจญี่ปุ่นสังหาร
ในเวลานั้นเมื่อประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต วิญญาณของคนที่ตายไปแล้วก็ควรจะเข้าสู่นรก ทําไมหมู่บ้านนี้ถึงมีสิ่งที่แปลกประหลาดเช่นนี้?
ซึ่งเขาเดาว่ามันจะต้องเกิดขึ้นจากพลังของปีศาจอะไรสักอย่าง
บ้านในหมู่บ้านล้วนสร้างด้วยโคลนและหญ้าฟาง บ้านของคนที่มีฐานะหน่อยก็จะปูกระเบื้องบนหลังคา ซึ่งเป็นระดับบ้านทั่วไปในชนบทเมื่อ 80 ปีที่แล้ว
โจวเจ๋อจําได้ว่าตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาเคยเห็นบ้านที่คล้ายกันในชนบทของตงเฉิง บ้านพวกนั้นเป็นบ้านบรรพบุรุษของคนอื่นซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับโจวเจ๋อ
ทุกครอบครัวมีลานบ้านของตัวเองซึ่งที่ลานบ้านทุกแห่งล้วนแห้งแล้งไม่มีความชุ่มชื้น ตามปกติแล้วลาน บ้านของคนทั่วไปในสมัยก่อนมักจะปลูกต้นหอมหรือไม่ก็สมุนไพรรวมทั้งเครื่องปรุงไว้ใช้เอง
แต่บ้านทุกหลังที่นี่ไม่มีของพวกนั้น แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าในหมู่บ้านก็ไม่มีเลย
หญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งเล็กๆที่ประตู เธอทํารองเท้าผ้าด้วยเข็มและด้าย สีหน้าเธอจริงจังและทุ่มเทในการทํารองเท้านั้นมาก
เมื่อโจวเจ๋อและลิงน้อยเดินผ่านมา เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเลยด้วยซ้ํา แต่โจวเจ๋อไม่กล้าปฏิบัติต่อเธอในฐานะวิญญาณปกติ เพราะโจวเจ๋อรู้ดีว่าทุกคนในหมู่บ้านนี้กลายเป็นผีหิวโหยไปแล้ว
มีบ่อน้ําอยู่ข้างหน้าโจวเจ๋อ ผู้หญิงอายุประมาณ 30 ปีกําลังตักน้ํา เธอมีรูปร่างที่ดี แม้ว่าเธอจะดูเรียบง่ายแต่สําหรับการเป็นคนชนบทนั้นถือว่าเธอมีความโดดเด่นไม่น้อย
หน้าอกและก้นของเธอมีขนาดใหญ่ ทําให้ชายหนุ่มน้อยใหญ่ต่างก็อดจินตนาการถึงเธอไม่ได้
แต่เมื่อผู้หญิงคนนั้นหันหลังพร้อมกับถังที่อยู่ในมือ โจวเจ๋อก็เห็นปากของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่มีสีดําและเธอเคี้ยวมันอย่างแรง
นั่นคือผมของเธอ
ขณะที่เธอตกน้ํา เธอก็กัดและกลืนผมของตัวเองไปด้วย เธอหิวมาก หิวจนสามารถกินทุกอย่างได้
หญิงชราที่ทํารองเท้าผ้าเงยหน้าขึ้นมองหญิงที่ตักน้ําแล้วตะโกนว่า
“แม่ม่าย สามีของเธอตายไปแล้ว เธอมาตักน้ําที่นี่ทุกวันหรือว่าเธอกระหายน้ําอย่างอื่นกันแน่”
ผู้หญิงคนนั้นซึ่งถูกเรียกว่าแม่ม่ายไม่ได้แสดงความอ่อนแอ เธอสวนออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“หุบปากไปซะแม่เฒ่าฉุย ที่เธอชอบพ่นอะไรไร้สาระออกมาจากปากบนก็เพราะว่าปากล่างของเธอใช้งานไม่ได้หรือเปล่า?”
“บ๊ะ บ๊ะ สามีของเธอเพิ่งตายไปแค่ 3-4 วันเธอก็ออกมายั่วยวนผู้ชายคนอื่นแล้ว!”
“ฉันมายั่วผู้ชายอื่นแล้วเป็นยังไง ฉันอยากให้ผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านมานอนที่เตียงของฉันในคืนนี้ และฉันก็กินพวกเขาที่ละคน ทอด นึ่ง ตุ่น ฉันคิดถึงรสชาตินั่นจริงๆ ฉันอยากได้ผู้ชาย”
หญิงม่ายพูดจบก็จับผมของตัวเองมาเคี้ยวแรงๆ
และหญิงชราก็ดูเหมือนจะถูกเธอชักจูงไปด้วย และน้ําลายของหญิงชราก็ไหลออกมาด้วยท่าทางโหยหา
โจวเจ๋อเดินเข้ามากั้นระหว่างพวกเขา เขาไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่ว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะมองไม่เห็นเขาเลย แต่เมื่อลิงน้อยกระโดดเข้ามาใกลโจวเจ๋อสถานการณ์ก็แตกต่างไปในทันที
หญิงชราและหญิงม่ายก็เงยหน้าขึ้นช้าๆก่อนจะมองมาในทิศทางของโจวเจ๋อ ดวงตาของพวกเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
โจวเจ๋อเห็นดังนั้นเขาจึงไม่รอช้ารีบเตะลิงน้อยออกไปด้านข้างทันที ในขณะเดียวกันดวงตาของหญิงม่าย และหญิงชราก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเมื่อโจวเจ๋อหรือลิงน้อยยืนอยู่คนเดียวจะไม่มีใครมองเห็นพวกเขา แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน มันจะทําให้ตัวตนของพวกเขาปรากฏขึ้นในทันที
โจวเจ๋อเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆจนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่มีเสียงพูดคุยกันอยู่ด้านใน บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐและกระเบื้องซึ่งแสดงให้เห็นถึงฐานะของเจ้าของบ้าน
โจวเจ๋อเดินเข้าไปในลานบ้าน ไม่มีใครอยู่ในลานบ้าน แต่กลิ่นหอมของเนื้อมาจากห้องครัว โจวเจ๋อเดินไปเปิดหน้าต่างและยื่นศีรษะชะโงกเข้าไป
มีเตาชนบทอยู่ในนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งกําลังใส่ฟื้นในเตา ด้านบนของเรามีหม้อขนาดใหญ่ใบหนึ่ง แต่ไม่มีอะไรอยู่ในหม้อ มีแต่น้ําที่กําลังร้อนแรงได้ที่” ที่รักน้ํากําลังเดือดได้ที่ออกมาได้แล้ว!“ชายคนนั้นตะโกนเข้าไป ข้างในห้องคล้ายกับว่ารอไม่ได้แล้ว ดูเหมือนว่าชายคนนี้กําลังต้มน้ําเพื่อให้ภรรยาของเขาอาบ”นี่ ดูหน้าตาของคุณสิ! ทําไมถึงต้องร้อนรนขนาดนั้นฉันจัดการเองได้ ผู้ชายคนนั้นวิ่งออกจากครัวและกอดภรรยาของตัวเอง พร้อมกับตะโกนว่า”มาเถอะ เดี๋ยวผมช่วย”ไม่เอาน่า เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมช่วย”
จากนั้นฝ่ายชายก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของภรรยาของเขาออกอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นถอดเสื้อผ้าออก แผ่นหลังที่ขาวเนียนของเธอก็ปรากฏขึ้น เพียงแต่ว่าแขนขวาของเธอมีสีแดงเต็มไปด้วยเลือด มันเหมือนกับเนื้อหมูที่ถูกขายอยู่ในตลาด
ผู้หญิงที่เปลือยเปล่าคนนั้นปีนขึ้นไปบนเตาโดยตรงแล้วนั่งในหม้อน้ําร้อนเดือด ในขณะเดียวกันเธอก็ตักน้ําร้อนขึ้นมาเทใส่ร่างกายของตัวเองไม่หยุดก่อนจะดุด่าสามีว่า
“รีบใส่ฟันเข้าไปในเตาเดี่ยวก็รสชาติไม่ดีหรอก! คุณนี่มันของที่ใช้การไม่ได้จริงๆ รีบออกแรงอย่าให้เสียเปล่า!”
“ก็ได้”
สามีรีบไปด้านหลังก่อนจะหอบฟื้นมากองใหญ่กลับเข้ามา ส่วนผู้หญิงที่นั่งอยู่ในหม้อต้มก็เริ่มกัดกินแขนขวาที่เธอปรุงไว้ก่อนหน้านี้ สายตาของเธออ่อนโยนคล้ายกับกําลังสัมผัสถึงรสชาติที่รอคอย
“อร่อยจริงๆ”
จังหวะชีวิตที่อ่อนโยนบรรยากาศอันเงียบสงบของยุคสาธารณรัฐ
นี่คือฉากหลังของมัน ฉากหลังของหมู่บ้านที่สาม เมื่อคุณเดินเข้ามาไม่กี่ก้าวคุณก็จะพบเจอกับประสบการณ์ แบบนี้ในบ้านแทบทุกหลัง
ทุกรายละเอียดของหมู่บ้านนี้เป็นเหมือนบาดแผลแห่งสงครามของคนจีนในยุคนั้น เลือดทุกหยดของพวกเขาทําให้คนที่รับรู้เรื่องราวต่างก็หายใจไม่ออก
หมู่เมฆแห่งความหวาดกลัวได้แขวนอยู่เหนือหมู่บ้านราวกับละครเวที ตัวละครทุกตัวดูเหมือนจะสวมหน้ากากที่มีความหมายแตกต่างกัน
ในเวลานี้บางคนกําลังหลับใหล บางคนกําลังทําอาหาร บางคนกําลังดื่มน้ํา บางคนกําลังตะโกน บางคน กําลังหัวเราะ และบางคนกําลังร้องไห้จากความเศร้าโศกของชะตากรรมของตัวเอง