Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 172
172 – จําหมู่บ้านที่สามได้หรือเปล่า
“ฉันได้ตรวจสอบเรื่องราวของหลี่ซื้ออีกครั้งและพบว่าเขาเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเมื่อปลายปี 2010 อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้หายตัวไปไหนเพราะเขาเสียชีวิตในขณะขับรถชนต้นไม้
สถานที่เขาขี่รถชนเป็นถนนในป่าเขตชานเมือง มันรกร้างมาก ในปี 2010 มันก็เป็นเขตรกร้าง ตอนนี้ก็ยังรกร้างอยู่
จุดหมายปลายทางของเขาน่าจะเป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มันมีลักษณะคล้ายกับบ้านพักคนชราแต่มีระดับสูงกว่า เป็นการร่วมทุนของเอกชนและภาครัฐ”
“แล้วคุณคิดว่าหลี่ซื่อต้องการไปที่โรงพยาบาลโดยการขับรถไปที่นั่นก่อนที่เขาจะตายหรือปล่าว”
“ใช่ ฉันคิดว่าน่าจะมีเบาะแสที่ซ่อนอยู่ในโรงพยาบาล และเขาก็พบมัน ฉันคิดว่าเขาน่าจะเข้าไปในหมู่บ้านที่สามเป็นครั้งที่สองจริงๆ แต่คิดว่าตอนนั้นสถานการณ์ของคนในหมู่บ้านน่าจะยังไม่รุนแรงเหมือนตอนนี้
จากนั้นเขาก็ได้รับข้อมูลบางอย่างในหมู่บ้าน ผู้ที่สามารถเข้าไปในหมู่บ้านที่สามได้ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ใกล้จะตายแล้วเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสทําเรื่องที่ชาวบ้านฝากฝังให้สําเร็จ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ซูชิงหลางมองดูเหล่าเต๋าที่นั่งเบาะหลังโดยไม่รู้ตัว
ตอนแรกเหล่าเต๋ารู้สึกท้อแท้มาก เพราะลิงน้อยและเจ้านายสามารถเข้าไปได้แต่เขาเป็นคนเดียวที่เข้าไปไม่ได้
จากนั้นเมื่อซูชิงหลางบอกว่ามีเพียงผู้ที่กําลังจะตายเท่านั้นที่มีโอกาสเข้าไปได้ เหล่าเต๋าก็หัวเราะอย่างมีความสุข” หลี่ซือไม่มีเวลาแก้ปัญหา เขาตายก่อนที่จะประสบผลสําเร็จเหล่าเต่มองดูซูชิงหลางขณะขับรถและถามว่า
“ตอนนี้เรากําลังจะไปที่สถานพยาบาลหรือไม่”
ซูชิงหลางพยักหน้า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
รถขับเข้าไปในโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นช่วงดึกสถานพยาบาลจึงปิดแล้ว
อย่างไรก็ตามโจวเจ๋อและซูชิงหลางได้กระโดดข้ามกําแพงโดยตรง พวกเขาเข้าไปในสํานักงานแล้วดึงข้อมูลของผู้ป่วยที่อยู่ที่นี่ทุกคน
เป็นเรื่องปกติที่จะใช้วิธีการพิเศษในช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดา ถ้าปัญหาในหมู่บ้านที่สามไม่ได้รับการแก้ไข และ พวกเขาสามารถหลุดรอดออกมายังโลกภายนอกได้มันจะเป็นปัญหาอย่างแท้จริง
โจวเจ๋อ เหล่าเต๋าและซูชิงหลางกําลังมองหาเข็มในมหาสมุทรเพราะไม่รู้ว่าหลี่ซื่อตามหาใครเมื่อเก้าปีที่แล้ว
เวลามันผ่านมานานไม่รู้ว่าคนที่เขาตามหาตายแล้วหรือยัง?
ท้ายที่สุด ผู้คนจํานวนมากที่อยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นคนแก่ทั้งนั้น เก้าปีมันเป็นเวลาที่นานเกินไป เกินกว่าที่คนแก่พวกนั้นจะมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อมูลการค้นหาเฉพาะเจาะจงด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของผู้ป่วยทําให้ดวงตาของโจวเจ๋อเบิกกว้างอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปหาซูชิงหลางและเหล่าเต๋าในบริเวณใกล้เคียง จากนั้นชี้ไปที่รูปภาพใบหนึ่ง
“เฉินกวงหนงเกิดในปี 1919″”เจ้านายคนคนนี้อายุ99 ปีแล้ว “เหล่าเต๋าอุทานด้วยความสงสัย
“พวกเรากําลังมองหาคนที่อายุมากที่สุดหรือเปล่า ตรงนี้มีคนอายุ 100 ปีด้วย”
ตงเฉิงเป็นเมืองที่ผู้คนมีอายุเฉลี่ยมากที่สุด มีบันทึกเคยกล่าวไว้ว่าเมืองนี้เคยมีผู้คนอายุมากกว่าร้อยปีอยู่หลายร้อยคนด้วยซ้ํา
โจวเจ๋อส่ายหัวและกล่าวว่า”มันต่างออกไป ดูเหมือนผมจะเคยได้ยินเกี่ยวกับชายคนนี้
โจวเจ๋อกดเข้าเว็บไซต์ Baidu เพื่อค้นหาชื่อของชายชราคนนี้
“ลุกฮือ?” ซูชิงหลางสังเกตเห็นความผิดปกติเล็กน้อย
ตามบันทึก ชายผู้นี้เป็นผู้บัญชาการกองพันต่อต้านญี่ปุ่นที่ถูกก่อตั้งในตงเฉิง เขานํากองทัพไปก่อการจลาจลและเข้าร่วมในสงครามต่อต้านอเมริกาและช่วยเหลือเกาหลีเหนือ
ต่อมาเขากลับบ้านเกิดที่เมืองตงเฉิงและทํางานเป็นข้าราชการในท้องถิ่นระยะหนึ่ง จากนั้นเขาก็เกษียณ
“คิดว่าน่าจะเป็นคนนี้แหละ” โจวเจ๋อกล่าว
บุคคลในตํานานต้องมีชีวิตในแบบฉบับของตํานาน และเรื่องราวของชายชราคนนี้ก็เป็นบุคคลในตํานานอย่างแท้จริง
โจวเจ๋อเดินเข้าไปที่ห้องพักของชายชรา แต่สิ่งที่ทําให้โจวเจ๋อ ซูชิงหลางและเหล่าเต๋ต้องตกตะลึงก็คือเฉินกวงหนงอยู่ในอาการโคม่าตั้งแต่เมื่อสองสามปีก่อน
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่ตายแต่เขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
“เกิดอะไรขึ้น” ใบหน้าของเหล่าเต๋าดูงนงง
โจวเจ๋อเปิดประตูของวอร์ดและเข้าไปข้างใน ซูชิงหลางชี้ไปที่เหล่าเต่ําและลิงเพื่อให้เฝ้าข้างนอกไว้ จากนั้นเขาก็เดินตามเข้าไป
ชายชราคนนี้ขอแค่มีชีวิตต่ออีก 1 ปีเขาก็จะอายุครบ 100 ชีวิตของเขาได้เข้าสู่ช่วงโรยราใกล้จะจบลงแล้ว
ในเวลานี้เขานอนหมดสติอยู่ตรงนั้น คุณสามารถบอกได้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็ไม่ต่างอะไรกับความตาย
โจวเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงและดูข้อมูลรวมทั้งเครื่องมือต่างๆรอบตัวชายชรา จากสถานการณ์ของชายชราพวกเขาไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้
“มีวิธีปลุกเขาไหม” ซูชิงหลางถาม
เขารู้ว่าโจวเจ๋อเคยเป็นหมอ
โจวเจ๋อส่ายหัว ถ้าชายในเฉิงตูไม่ได้ถูกถังซื้อเอาไป เขาคงมีวิธีที่จะสะกดจิตให้ชายชราคนนี้พูดเรื่องราวของตัวเองออกมาได้
“ตอนนี้ดูเหมือนจะมีทางเดียวเท่านั้น” โจวเจ๋อกล่าว
“ต้องทํายังไง”
“ฆ่าเขาเดี๋ยวนี้ แล้วค่อยถามเอากับวิญญาณของเขา”
“……….” ซูชิงหลาง
โจวเจ๋อส่ายหัวโดยบอกว่าเขาแค่ล้อเล่น มันไม่ง่ายเลยที่คนอื่นจะมีชีวิตอยู่ถึงเก้าสิบเก้าปี เขาไม่สามารถฆ่าคนอื่นได้ด้วยเหตุผลที่ไร้สาระ
นอกจากนี้ ชีวิตของผู้คนมีขึ้นมีลง พวกเขานอนอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว หลังจากที่เขาตายบางที่วิญญาณของเขาอาจจะลงนรกโดยตรงไม่อยู่คอยตอบคําถาม
“มีหนังสืออยู่ในลิ้นชัก”
ซูชิงหลางเปิดลิ้นชักและอุทานออกมา
“หนังสืออะไร?”
“อัตชีวประวัติของเขา มันควรจะถูกตีพิมพ์เพื่อใช้สําหรับเป็นที่ระลึกในงานศพของเขา “
ซูชิงหลางหยิบหนังสือออกมาแล้วเริ่มเปิดดู
“ดูชีวิตในวัยเด็ก” โจวเจ๋อเดือน
“ฉันรู้”
ในไม่ช้ซูชิงหลางพบบันทึกและกล่าวว่า “ก่อนสงครามต่อต้านญี่ปุ่น เขาทํางานเป็นหัวหน้าหน่วยกองกําลังรักษาความปลอดภัยตงเฉิง”
กองกําลังรักษาความปลอดภัย กล่าวคือกองกําลังท้องถิ่นมีประสิทธิภาพเท่ากับกองกําลังในละครต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น
“เมื่อพวกญี่ปุ่นเข้ามาในเมืองมีการสู้รบกันหรือเปล่า?” โจวเจ๋อถาม
“เขาสังกัดอยู่ในกองทัพฟานจงดูเหมือนจะเป็นหน่วยที่ 101 ฉันเคยอ่านเรื่องนี้มาแล้วในห้องสมุด ดูเหมือนว่าประสิทธิภาพของพวกเขาจะมีไม่เท่าไหร่ พวกเขาถูกบดขยอย่างรุนแรงในมณฑลเจียงซี
อย่างไรก็ตามตงเฉิงในเวลานั้นไม่มีกองทัพจีนประจําการ มีเพียงการต่อต้านจากกองทัพท้องถิ่น อย่างไรก็ตามกองกําลังของพวกเขามีประสิทธิภาพมากกว่ากองทัพท้องถิ่นมากดังนั้นจึงเป็นเหตุให้พวกเขาถูกบดขยี้อย่างรุนแรง “
“ดังนั้นเขาจึงเข้าร่วมในกองทัพต่อต้านญี่ปุ่น?”
“มันน่าจะเป็นแบบนั้น เขาไม่น่าจะถูกจับตัวหรือยอมจํานนต่อญี่ปุ่นไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้เป็นผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติในเวลาต่อมา”
โจวเจ๋อขมวดคิ้วชายชราที่อยู่ตรงหน้าเป็นวีรบุรุษสงครามแห่งยุค แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กันที่นี่แต่ชายชราก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่นแสดงให้เห็นว่าเขาหมดสติก็ยังสมบูรณ์
แต่พวกเขาไม่สามารถจากไปแบบนี้ได้ โจวเจ๋อจึงก้มหน้าลงและกระซิบที่หูของชายชราว่า”คุณปู่จําหมู่บ้านที่สามได้หรือเปล่า “ทันใดนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น จู่ๆนิ้วมือของชายชราก็สั่นเทา จากนั้นเปลือกตาก็เริ่มสั่นอย่างต่อเนื่อง
ดูเหมือนเขาจะได้ยินหรือถูกกระตุ้น ริมฝีปากของเขาก็เปิดขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
“เขาพูดว่าอะไร … ” ซูชิงหลางถาม
โจวเจ๋อสั่นศีรษะ เสียงของชายชราเบาเกินไป
ซูชิงหลางผลักโจวเจ๋อออกไป เขาวางหูไว้ที่ปากของชายชราและฟังอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้นไม่นานซูชิงหลางก็ยืนตัวตรงและดูจริงจัง
“เขาพูดว่าอะไร?” โจวเจ๋อถาม”เขาอยากออกไปจากที่นี่”