Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 32
32 – คนดัง
ตามที่ Jianghai Evening News (หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นตงเฉิง) ลงข่าว มีผู้เสียชีวิต 7 คนจากเหตุไฟไหม้โรงภาพยนตร์และมากกว่า 30 คนได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปโรงภาพยนตร์ได้ปิดตัวลงและเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดอีกครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นไปได้ว่าผู้ประกอบการจะไม่ฟื้นฟูมันกลับขึ้นมาอีกครั้งเนื่องจากคงไม่มีใครต้องการไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ซึ่งมีคนเสียชีวิตอยู่
เมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นย่านธุรกิจเดิมแห่งนี้จึงต้องตายไปอย่างสมบูรณ์
ในช่วงเวลานี้โจวเจ๋อไม่ได้ติดต่อไปหาหมอหลินอีกเลย ทั้งสองฝ่ายรักษาความเข้าใจโดยปริยายว่าพวกเขาจะไม่ก้าวก่ายกัน ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง
พ่อตาและแม่ยายของเขาได้โทรศัพท์ติดต่อมาหลายครั้งและถามว่าทำไมโจวเจ๋อไม่กลับบ้าน
ต่อมาโจวเจ๋อรู้สึกรำคาญจึงได้บล็อกเบอร์ของพวกเขาไปหมด
สิ่งที่น่าปวดหัวตอนนี้ก็คือเงินที่จะเปิดร้านหนังสือนี้มาจากเงินทุนของพ่อตา โจวเจ๋อไม่รู้ว่าเขาจะไปหาเงินมาจากไหนเพื่อทำธุรกิจอื่น
พูดได้เพียงว่าสิ่งที่ซูเล่อเหลือไว้นั้นไม่มีอะไรเลย เขาเป็นคนไร้ความสามารถอย่างแท้จริง ทรัพย์สินส่วนตัวของเขามีไม่กี่ร้อยหยวนเท่านั้น
ในขณะเดียวกันช่วงเวลานี้สื่อหลายเจ้าได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์โจวเจ๋อถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของเขา พวกเขากล่าวว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่มีคุณธรรมมากขึ้น แต่สุดท้ายโจวเจ๋อก็ปฏิเสธไป
เขาไม่สนใจที่จะสร้างชื่อ เขาปฏิเสธการเป็นคนดังเพราะมันอาจจะทำให้อันตรายไล่ตามเขาได้เร็วขึ้น
สัปดาห์นี้กิจการของเขาอยู่ในระดับปานกลางยอดขายต่อวันน้อยกว่าหนึ่งร้อยหยวนและมันแทบจะไม่เพียงพอต่อค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภค แต่โจวเจ๋อไม่สนใจมันมากนัก
สิ่งที่เขาสนใจคือซูชิงหลางที่อยู่ในร้านถัดไปไม่ได้เปิดประตูมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
โจวเจ๋อใช้วิธีการปลดล็อคที่ไร้ยางอายเพื่อเข้าไปในร้านของฝ่ายตรงข้ามแต่สุดท้ายเขาก็ไม่พบน้ำบ๊วยเปรี้ยว ห้องครัวในห้องด้านหลังสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย
โจวเจ๋อหมดหนทาง
ชายหนุ่มรูปงามที่มีคอนโดมากกว่า 20 ห้องไปอยู่ไหนแล้วตอนนี้
ดังนั้นโจวเจ๋อจึงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากตลอดทั้งสัปดาห์
เขาพยายามลองกินหลายๆอย่างเพื่อกลบรสชาติอาหาร ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกเผา น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว หรือแม้แต่เต้าเจี้ยวเขาก็ลองมาแล้ว
ดูเหมือนว่าน้ำส้มสายชูจะทำได้ดีกว่าของอย่างอื่น แม้ว่ามันจะทำให้เขาท้องเสียอยู่บ้างเพราะเขาต้องกินในปริมาณที่มากพอสมควร แต่ในเมื่อไม่มีน้ำบ๊วยเปรี้ยวของซูชิงหลางเขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก
ในตอนกลางคืนโจวเจ๋อนั่งยองๆคนเดียวที่ประตูร้านหนังสือพร้อมกับจุดบุหรี่และมองไปยังประตูร้านที่อยู่ข้างๆกันด้วยสายตาเหม่อลอย
ริมถนนหน้าร้านค้าทุกแห่งที่อยู่ในถนนเส้นนี้ต่างจุดธูปสี่ห้าดอกซึ่งมีขนาดใหญ่มากปักไว้ นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาทำเพื่ออุทิศให้กับดวงวิญญาณที่จากไปในห้างสรรพสินค้า
ในช่วงหลายวันนี้บางครั้งโจวเจ๋อจะมองไปข้างหลังรวมทั้งในเวลาที่เขาส่องกระจกเขาจะมองเห็นใครบางคนยืนอยู่ด้วยสีหน้าโกรธแค้น
ชายในชุดสูทสีดำร่างกายของเขามีสีสันมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้น่าจะเป็นคืนแรกที่เขากลายเป็นวิญญาณอาฆาตอย่างสมบูรณ์
โจวเจ๋อเชื่อว่าหากชายในชุดสูทสีดำมีความแข็งแกร่งขึ้นอีกเล็กน้อยเขาอาจจะสามารถทำให้ใครสะดุดล้ม หรือไม่ก็สำลักอาหาร กัดลิ้นหรือแม้แต่อาการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ
แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะออกอาละวาดและสังหารคนไปทั่วเหมือนกับในหนัง ไม่เช่นนั้นโลกใบนี้ก็คงวุ่นวายไปนานแล้ว
แม้แต่โจวเจ๋อที่เป็นผีซึ่งสามารถหลบหนีออกมาจากนรกได้ อีกทั้งยังยืมศพคืนวิญญาณมีร่างกายที่แท้จริงก็ยังทำอะไรไม่ได้มากนัก
แล้วไอ้พวกที่ไม่มีร่างกายยังกล้ามาเล่นตลกต่อหน้าเขาจริงๆ?
ในช่วงสัปดาห์นี้โจวเจ๋อมักจะมองหาชายชุดสูทสีดำว่าเขามีความแข็งแรงขึ้นบ้างหรือยัง
ความรู้สึกของเขาคล้ายกับคนเป็นพ่อที่เฝ้าดูลูกน้อยกำลังเติบโตขึ้นด้วยความสุข
โจวเจ๋อสามารถรับรู้อารมณ์ที่อยู่เบื้องหลังของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน ความเกลียดชังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาไม่ได้อยู่ที่สาเหตุของไฟไหม้ แต่เขาเกลียดชังโจวเจ๋อที่ปล่อยให้เขาตายในกองไฟ
บางทีในมุมมองของเขาเจ็ดวันแรกของคืนนี้คือช่วงเวลาแห่งการแก้แค้นของเขา
โจวเจ๋อเคลียร์ก้นบุหรี่และรอให้เขาเป็นรูปเป็นร่างอย่างแท้จริง โจวเจ๋อจะบอกเขาว่าทำไมดอกไม้จึงเป็นสีแดง(ทำให้รู้ว่าของจริงเป็นยังไง)
โจวเจ๋อไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดกับการช่วยชีวิตผู้คน เขาไม่สนใจว่าชายชุดสูทสีดำจะเกลียดชังเขามากแค่ไหน
ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อเคยเจอสิ่งที่คล้ายกันในชีวิตก่อน มีใครบางคนจมน้ำและคนที่ลงไปช่วยเขาก็ตายไปด้วยกัน
โดยทั่วไปแล้วในการช่วยชีวิตผู้คนในน้ำคุณต้องจับเขาจากด้านหลังเพื่อช่วยเหลือพวกเขา หากคุณช่วยเหลือผู้คนจากด้านหน้ามันจะเป็นเรื่องง่ายที่คนจมน้ำจะยึดเขาเป็นฟางเส้นสุดท้าย
อย่างไรก็ตามชายชุดสูทสีดำมีสิทธิ์จะโกรธแค้นเขา
แต่ก็ไม่เป็นไรในเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่อยากจะทำความเข้าใจเรื่องนี้เขาก็จะปล่อยให้ชายในชุดสูทสีดำมีความสุขอยู่ในร้านของเขาจนกระทั่งถึงเที่ยงคืนของวันนี้
ในระหว่างวันโจวเจ๋อสั่งอาหารจากชายหนุ่มที่ขี่สกูตเตอร์คนนั้น
ในเหตุการณ์ไฟไหม้เขาถูกยกย่องเป็นอย่างมาก เขาได้รับรางวัลมากมายไม่ว่าจะเป็นจากเมืองและจากบริษัทของตัวเอง
ในตอนนี้เขาได้ฉายา “เด็กด่วนสุดหล่อ” ความนิยมของเขาพุ่งสูงมีคนสั่งอาหารจากเขามากมายรวมทั้งโจวเจ๋อด้วย
โจวเจ๋อผู้ซึ่งกำลังกินน้ำส้มสายในตอนนี้ เมื่อเปิดเว่ยป๋อขึ้นเขาก็พบการค้นหายอดนิยมที่เกี่ยวข้องกับ ‘เด็กด่วนสุดหล่อ’ เป็นจำนวนมาก
ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์จนถึงตอนนี้หัวข้อนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมในตงเฉิงเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของเขายังขยายออกไปทั่วประเทศแล้ว
ตอน 23:00 น.โจวเจ๋อเฝ้ามองดูชายในชุดสูทค่อยๆแข็งแรงขึ้นไปพร้อมๆกับการนั่งดูหนัง“ Magic Police” ที่โด่งดังมากเมื่อไม่นานมานี้ และแน่นอนว่าเขาดูตามเว็บเถื่อนที่ไม่มีลิขสิทธิ์เช่นเคย
ทันใดนั้นประตูของร้านหนังสือก็ถูกผลักให้เปิดออกโดยเด็กหนุ่มส่งอาหาร ในมือของเขามีไม้เซลฟี่และเขากำลังพูดอยู่กับกล้อง ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังไลฟ์พูดคุยกับแฟนๆ
“ นี่คือร้านหนังสือที่ผมมาบ่อยๆ ผมมาร้านหนังสือนี้เป็นประจำเพราะว่าผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก”
“………………..” โจวเจ๋อ
ในที่สุดเด็กหนุ่มส่งอาหารก็หยิบหนังสือ “ Eight Crises” (ทรราชแห่งทุนนิยม)ของเหวินเถี่ยจุน จากชั้นหนังสือมาโชว์ให้กับแฟนๆดู
หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เด็กหนุ่มกางหนังสือออกแล้วนั่งลงที่เก้าอี้พลาสติกจากนั้นก็อ่านด้วยความสนใจ
โจวเจ๋อจำได้ว่าเมื่อเด็กหนุ่มคนนี้มาที่ร้านเขาครั้งสุดท้ายเขาอ่านหนังสือแนวแฟนตาซีอย่างเดียว ไม่รู้ว่าเขาไปสนใจเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ Ok นะครับ วันนี้ผมมาที่ร้านหนังสือเพื่อจะได้อ่านหนังสือเงียบๆ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณที่ติดตามรับชมทั้งวันนะครับ แล้วพบกันใหม่วันพรุ่งนี้ ซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้” เด็กหนุ่มประสานมือก้มหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์
หลังจากปิดโทรศัพท์ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันหน้ามามองโจวเจ๋อแล้วตะโกนว่า
“ บอสออกไปทานอาหารเย็นด้วยกันเถอะ ผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณ”
โจวเจ๋อส่ายหัวและชี้ไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเขา
“คุณกำลังดูอะไร?” ชายหนุ่มเดินมาที่หลังเคาน์เตอร์ด้วยรอยยิ้ม“ ผมเคยดูเรื่องนี้แล้ว พูดถึงแต่เรื่องเวทมนตร์ไร้สาระจริงๆ บทของพระเอกก็ป่วยสุดๆ”
“เยี่ยม! ถ้าพูดจบแล้วก็ออกไปสักที” โจวเจ๋อพยักหน้าก่อนจะหันไปมองเวลาและเห็นว่าเกือบเที่ยงคืนแล้ว
เด็กหนุ่มยังคงคึกคักและวนเวียนอยู่ข้างหลังเขา
“ ไม่มีนักข่าวมาสัมภาษณ์คุณเหรอ”
โจวเจ๋อส่ายหัว
“ ที่จริงคุณควรจะให้พวกเขาสัมภาษณ์นะ มันจะทำให้ธุรกิจของคุณดีขึ้นมาก ให้ผมติดต่อเขาให้เอาไหม”
“ อย่าเด็ดขาด ฉันชอบใช้ชีวิตแบบเงียบๆ! ” โจวเจ๋อแสร้งทำหน้าเบื่อหน่าย
แน่นอนว่าชีวิตย่อมสำคัญกว่าเงิน ดังนั้นเขาจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงอย่างเด็ดขาด
“ ก็ได้มาดูหนังต่อดีกว่า” เด็กหนุ่มส่งอาหารดูเหมือนจะชื่นชอบโจวเจ๋อมาก ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็ร่วมเป็นร่วมตายกันมา
“ นายรู้หรือเปล่าว่าหนังเรื่องนี้สร้างมาจากเรื่องจริง” โจวเจ๋อกล่าว
“ เฮ้ผมไม่รู้จริงๆ” เด็กหนุ่มยิ้มเขินๆ “ ใครเขาจะไปสนใจเรื่องนี้กัน”
“ จริงของนาย” โจวเจ๋อปิดคอมพิวเตอร์และยืดเอวขึ้น “ ดึกแล้วมีอะไรให้กิน”
“ แบบง่ายๆดีกว่าไหม ”
“ พอดีเลยนายเป็นคนไปซื้อมาก็แล้วกันฉันจะรออยู่ที่นี่”
“ ไม่ดีกว่า พี่ก็ซ้อนขายมอเตอร์ไซค์ผมออกไปกินกันข้างนอกอยากกินอะไรก็สั่งเชฟเลย”
“ จริงของนาย” โจวเจ๋อพยักหน้า “ นายรู้ใช่ไหมว่าหนังที่เราดูเมื่อกี้นี้ถูกสร้างมาจากเรื่องจริง?”
“ พี่อยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“ พระเอกของเรื่องฆ่าเพื่อนร่วมงานของเขาที่สถานีวิทยุ หลังจากนั้นเมื่อคนให้ความสนใจเขาก็กลายเป็นคนที่โด่งดังชั่วข้ามคืน” โจวเจ๋อลูบจมูกเบาๆ “ มันค่อนข้างซับซ้อนเขาเป็นคนที่ชอบให้คนมารุมล้อมอะนะ”