Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 51
51 – ประตูนรก
“เจ้านาย เขาจะไม่เรียกตำรวจเหรอ?” ไป๋อิ่งกลัวปัญหา “แต่ที่จริงเขาคงไม่กล้าเรียกตำรวจหรอกไม่อย่างนั้นจะเป็นการป่าวประกาศว่าตัวเขาทำชั่วอะไรบ้าง ไอ้คนหน้าด้าน”
หญิงสาววิจารณ์อย่างรุนแรง ในขณะที่โจวเจ๋อไม่ได้พูดอะไรสักคำ
โจวเจ๋อมองไปที่ตำแหน่งฝ่ามือของมือขวาของเขาแล้วค่อยๆหลับตาลงพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่างในใจเบาๆ
อืม
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากนั้นโจวเจ๋อก็ย่อตัวลงแล้วเอื้อมมือออกไปแล้วแหย่ไปที่ทารก
‘ดี’
ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในตอนแรกไป๋อิ่งอุ้มทารกไว้ในมือไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไร แต่หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อยพยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา
โจวเจ๋อเหลือบตาไปมองที่หญิงสาวพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
“ฉันช่วยไม่ได้”
ใช่โจวเจ๋อไม่สามารถเปิดประตูนรกได้
เด็กหญิงตัวน้อยวาดกุญแจของนรกไว้ที่มือของเขาแต่สุดท้ายเขากลับไม่สามารถเปิดประตูได้
ในความเป็นจริงเด็กหญิงตัวน้อยไม่ควรเล่นตลกกับเขา เพราะเขาเห็นว่าที่มือของเธอก็มีสัญลักษณ์ที่มีลักษณะเดียวกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฉันจะหัวเราะเยาะเจ้านายได้อย่างไร ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่กล้าดูหมิ่นเจ้านายของฉันฮ่าฮ่าฮ่า ” ไป๋อิ่งไม่สามารถอดกลั้นตัวเองได้อีกต่อไป
“แล้วผมจะทำยังไงทีนี้” โจวเจ๋อถาม
หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างรวดเร็ว “เจ้านาย นี่มันไม่ใช่งานของฉันมันเป็นงานของคุณแล้วฉันจะรู้ได้ยังไง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้โจวเจ๋อก็จำได้ว่าซูชิหลางบอกกับเขาว่าเด็กหญิงตัวน้อยเอาพ่อแม่ของเขาไปด้วยวิธีการบางอย่าง เมื่อนึกขึ้นได้อย่างนั้นเขาก็รีบกางมือออกพร้อมกับตะโกน
“ฝ่ายหยินมีกฎระเบียบเปิดเส้นทางสู่ถนนหวงเฉวียน”
“โว้ว…” นอกประตูร้านมีคนเดินผ่านมาพอดีเมื่อเห็นท่าทางของโจวเจ๋อเขาก็รีบเดินเลี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว
ทุกสิ่งทุกอย่างในร้านหนังสือยังคงเงียบสงบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หรือว่าพวกเขาเปลี่ยนคาถาแล้ว” ไป๋อิ่งรีบเสนอความคิด “บางทีทุกคนอาจจะมีคาถาที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง”
“ถ้าเธอยังขืนพูดมากอีกเธอจะโดนดีแน่” โจวเจ๋อหันมาขู่
“ชีวิตของฉันเป็นของเจ้านายอยู่แล้ว”
หญิงสาวทำหน้างอ
โจวเจ๋อเลิกสนใจเธอ เขาจำได้ว่าในการต่อสู้ในคืนนั้นซูชิงหลางได้ท่องคาถาว่า
” สวรรค์และโลกเป็นอนันต์ ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานธรรมะได้” ก่อนที่เขาจะขว้างยันต์ไปหาไป๋อิ่ง
แต่หลังจากนั้นตามที่ซูชิงหลางพูดนี่เป็นเพียงคำพูดที่เขาได้ยินจากละครทีวี มันคล้ายคล้ายกับที่ตัวเอกของอนิเมะญี่ปุ่นตะโกนออกมาในตอนที่กำลังใช้ท่าไม้ตาย
ดังนั้นคำที่ว่า”ฝ่ายหยินมีกฎระเบียบจงเปิดเส้นทางสู่ถนนหวงเฉวียน” ที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดก็คงไม่ต่างจากที่ซูชิงหลางทำในตอนนั้นแม้ว่าเธอจะเป็นผีรุ่นพี่ก็ตาม
โจวเจ๋อทดลองสิ่งต่างๆบางครั้งเขาลองเรียกเล็บที่อยู่ในมือซ้ายให้ยาวออกมา จนเป็นเหตุให้ไป๋อิ่งกระโดดถอยหลังด้วยความกลัว
แม้ว่าปกติแล้วเธอจะเป็นคนมีนิสัยขี้เล่นแต่เมื่อต้องเจอกับเล็บสีดำนี้ ร่างกายของเธอก็อดสั่นสะท้านไม่ได้
สิ่งนี้ทำให้โจวเจ๋อสงสัยว่าชายชราที่เสียชีวิตต่อหน้าเขาอาจไม่ง่ายนัก
ตามที่เด็กหญิงตัวน้อยบอกผู้ลักลอบหลบหนีออกจากนรกมักมีสองประเภท ประเภทแรกนั้นเขายังไม่เคยเจอพวกนี้ล้วนแล้วแต่มีหางงอกออกมาจากร่างกาย
ส่วนอีกประเภทนั้นเขาเคยเจอแล้วถ้าไม่นับรวมตัวเขาด้วยอีกคนก็คือชายชราจากหรงเฉิง เด็กหญิงตัวน้อยบรรยายถึงความยากลำบากในการจัดการเรื่องนี้อยู่บ้าง
หลังจากลองไปเรื่อยๆในที่สุดโจวเจ๋อก็ใช้เล็บในมือซ้ายกรีดฝ่ามือขวาของเขาดู มันได้ผล!เขาดึงเส้นสีดำๆออกมาจากมือเหมือนคาราเมลร้อน เหนียวมากแต่ไม่ขาดออกจากกัน
ทันทีที่มันออกมาด้านนอกมันก็ก่อตัวขึ้นเป็นหลุมดำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งฟุต
เด็กทารกในมือของไป๋อิ่งเริ่มดิ้นรนอย่างหนัก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการไปที่นรก
โดยปกติแล้วไม่มีใครต้องการไปที่นั่น อย่าว่าแต่เด็กทารกคนนี้เลย
แต่โจวเจ๋อรู้ดีว่าทางเลือกที่ถูกต้องคือส่งเขาไปนรกและตั้งตารอการเริ่มต้นใหม่
ไม่จำเป็นต้องขอคำแนะนำจากเขา ในเวลานี้โจวเจ๋อจับตัวทารกที่อยู่ในมือของไป๋อิ่งออกมาก่อนจะโยนลงไปในหลุมดำโดยตรง
จากนั้นหลุมดำก็ค่อยๆหายไปในอากาศพร้อมกับกลิ่นของอะไรบางอย่างที่ถูกเผาใหม่
ไป๋อิ่งมีสีหน้าโกรธเคือง เห็นได้ชัดว่าเธอเสียดายอาหารอันโอชะนี้
โจวเจ๋อรู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาส่งผีกลับไปนรก เพราะทุกครั้งพวกเขาล้วนเดินทางไปด้วยตัวเอง
“เฮ้ เธออยากไปกับเขาไหม” โจวเจ๋อถาม
“ไม่” ไป๋อิ่งตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันลงไปไม่ได้”
หญิงสาวไม่มีวิญญาณเป็นของตัวเองแม่ว่าจะฟังดูไร้สาระเพราะว่าเธอมีความคิดและจิตใจเป็นของตัวเองอย่างแน่ชัด
แต่เธอเป็นเพียงซากศพที่มีความคิดขึ้นมา กลายเป็นผีดิบที่แม้แต่นรกก็ยังไม่ยอมรับตัวตน!
กล่าวคือถ้าหญิงสาวไม่มีอะไรทำแล้วออกไปเดินเล่นข้างนอก บางทีเธออาจจะถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆจนทุกสิ่งทุกอย่างสูญสลายไป
โลกนี้ไม่มีที่ให้เธอ มนุษย์อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ วิญญาณอาศัยอยู่ในนรก ส่วนผีดิบนั้นเป็นตัวตนแปลกปลอมของทั้งสองโลก
โจวเจ๋อนั่งที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ เขารู้สึกไม่มีความสุขเพราะว่าวิถีชีวิตของเขามันน่าเบื่อมากเกินไป
งานที่เขาต้องทำนั้นเป็นเหมือนกับพวกพนักงานในโรงงานรีไซเคิลขยะ ที่เพียงโยนขยะลงไปในเครื่องพวกมันก็จะถูกทำขึ้นเป็นของชิ้นใหม่
“เจ้านายดูนี่”
ไป๋อิ่งหยิบเงินจำนวนหนึ่งจากพื้นแล้วยื่นให้โจวเจ๋อที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์
โจวเจ๋อตกใจนิดหน่อยเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับเงินในครั้งนี้
“นี่คงเป็นค่าจ้างของราชานรกที่มอบให้คุณ เด็กคนนั้นตัวเล็กเกินไปค่าจ้างจึงมีไม่มากนัก” หลังจากนั้นก็พึมพำเบาๆอย่างนึกขึ้นได้
“หรือบางทีอาจเป็นแม่ของเขาที่เผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ “
โจวเจ๋อพยักหน้าและหยิบเงินมาโยนใส่ลิ้นชักเคาน์เตอร์ เงินก้อนแรกที่เขาได้จากการเผากระดาษเงินกระดาษทองยังเหลืออยู่ เงินพวกนี้ที่ได้มาใหม่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
” คุณอยู่ในโลกนี้มาตั้งนานไม่มีเพื่อนเลยเหรอ? ทำไมคุณไม่ลองแนะนำพวกเขามาหาผมบ้างธุรกิจของเราจะได้เฟื่องฟูขึ้นยังไงล่ะ “
“เจ้านาย ฉันรู้จักแต่วิญญาณที่อ้างว้างและผีป่าเท่านั้น ญาติของพวกเขาก็ตายไปหมดแล้ว พวกเขาไม่มีเงินเลยและพวกเขาก็ไม่กล้ามาหาคุณด้วย ต่อให้คุณช่วยพวกเขาได้มันก็แค่เป็นการทำงานที่เปล่าประโยชน์เสียแรงฟรี”
“เสียแรงฟรี?” โจวเจ๋อได้ยินสิ่งนี้เป็นครั้งแรก “แม้แต่โลกของผีก็ยังต้องสนใจเรื่องนี้ด้วยหรือ”
“คุณไม่รู้เหรอ?”
“ผมไม่รู้” โจวเจ๋อยักไหล่ เขาไม่รู้จริงๆเพราะเด็กหญิงตัวน้อยเพียงบอกว่า “เขาเป็นคนซื่อที่สุดที่เธอเคยรู้จัก เธอจึงมอบงานนี้ให้กับเขา” แล้วเธอก็ไป
เธอไม่ได้ทิ้งจรรยาบรรณหรือวิธีการเป็นเจ้าหน้าที่โลกวิญญาณในอุดมคติไว้ให้เขา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นแก่ตัวของฉันเท่านั้น” ไป๋อิ่งส่ายหน้าถอนหายใจแล้วเสริมว่า
“เหมือนกับผู้หญิงที่เป็นเจ้าของร่างนี้ที่ฉันไม่เข้าใจเธอเลย เธอต้องทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องหมู่บ้านชนบทแห่งนั้นอยู่ถึง 200 ปี บางทีถ้าศาลเจ้าของเธอไม่ถูกทำลายลงเธอก็น่าจะทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆโดยไม่กลับไปนรก”
“สรุปแล้วว่าคุณรู้จักผีคนอื่นๆหรือเปล่า” โจวเจ๋อถาม
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักหรอกนะเพียงแต่พวกเขาไม่ใช่คนดี”
“โอ้” โจวเจ๋อพยักหน้า
แต่ในเวลานั้นเสียงสกู๊ตเตอร์ก็วิ่งมาจอดที่หน้าร้านของเขา เป็นซูชิงหลางที่กลับมาจากร้านทำป้าย
“โอ้ วันนี้โคตรเหนื่อยเลย”
ซูชิงหลางเดินเข้ามาในร้านหนังสือและยื่นบุหรี่ให้โจวเจ๋อพร้อมกับชักชวนออกไปสูบข้างนอก
“ป้ายเสร็จแล้ว?” โจวเจ๋อถาม
“สั่งทำไว้แล้ว พอมีเวลาว่างฉันจึงแวะไปท่าเรือจะดูว่ามีของสดอะไรบ้างแล้วก็แวะกินข้าวด้วย”
“คุณไม่ได้ทำเกี๊ยวกินที่ร้านของตัวเองเหรอ?”
“ฮ่าๆ โค้กในร้านฟาสต์ฟู้ดก็ยังต้องซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างๆกัน แล้วฉันจะกินอาหารอยู่ที่บ้านของตัวเองทุกวันได้ยังไง”
“แต่ถ้าพี่ยังไม่ได้กินอะไรเดี๋ยวฉันกลับไปดูที่ร้านว่ามีอะไรในตู้เย็นหรือเปล่า” ซูชิงหลางโบกมือให้โจวเจ๋อและกลับไปที่ร้านของเขา
หลังจากที่ซูชิงหลางออกไปไป๋อิ่งก็แค่นเสียงออกมาจากจมูกเบาๆ
โจวเจ๋องุนงงเล็กน้อย “มีอะไรเหรอ?”
ไป๋อิ่งพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“เขาดูดีจริงๆผู้ชายส่วนใหญ่มักจะหลงเสน่ห์เขา คิดว่าตอนที่เขาไปซื้อของที่ท่าเรือก็คงได้ส่วนลดไม่น้อย”