Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 62
62 – ประสบการณ์ 200 ปี
“พวกเขาอยู่ในรถ”
ที่หน้าร้านหนังสือไป๋อิ่งนั่งบนม้านั่งขนาดเล็กและจ้องมองเข้าไปที่มาเซราตีในระยะไกล
“อา พื้นที่ภายในของมาเซราติไม่ใหญ่เท่ากับกาเยน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถคันนั้น?”
ซูชิงหลางก็ขยับม้านั่งขนาดเล็กมานั่งข้างไป๋อิ่ง
“เจ้านายขี่ไปเฉี่ยวชนเสาไฟฟ้า”
เดิมทีทั้งคู่ต่างก็ทำสิ่งต่างๆของตัวเองอยู่ แต่ไป๋อิ่งไม่ใช่คนธรรมดาเธอมีอายุถึง 200 ปีดังนั้นการได้ยินของเธอจึงค่อนข้างดีผิดปกติ
ในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมา คุณหนูไป๋จะสนทนากับเธอเป็นครั้งคราวและพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งต่างๆจากโลกภายนอกเช่นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
พวกเธอก็เหมือนกับสาวมหาลัยที่มารวมตัวกันเป็นครั้งคราวและพูดคุยเกี่ยวกับผู้ชาย
ดังนั้นแม้ว่าไป๋อิ่งจะไม่เคยออกไปไหนกว่า 200 ปี แต่เธอก็ไม่ได้นอนอยู่อย่างนั้นเฉยๆ ในบางครั้งเมื่อคุณหนูไป๋ไม่อยู่เธอก็อาศัยหูของตัวเองเพื่อฟังเสียงต่างๆที่อยู่รอบกาย
เมื่อ “ได้ยิน” เรื่องราวดูเหมือนจะเริ่มไปในทิศทางที่ไม่สามารถอธิบายได้ เธอก็นั่งลงบนม้านั่งทันทีและตบที่ผนังส่งสัญญาณให้ซูชิงหลางออกมาชมการแสดงด้วยกัน
ต้องบอกว่าแม้ว่าทั้งสองมักจะทะเลาะกันเล็กน้อยแต่พวกเขาก็ยังรู้วิธีแบ่งปันความสุขในช่วงเวลาสำคัญ
“เจ้านายออกมาแล้ว” ไป๋อิ่งกระซิบ
“เฮ้ หมอคนนั้นก็ลงจากรถด้วย” ซูชิงหลางกล่าวอย่างมีชีวิตชีวา
“โย่ เจ้านายเปิดประตูด้านหลังแล้ว” ไป๋อิ่งยังคงกระซิบ
“เฮ้ หมอก็เข้าไปในเบาะหลังรถเหมือนกัน”ซูชิงหลางยังคงบรรยายการถ่ายทอดสดต่อไป
“รถมันสั่น” ไป๋อิ่งปิดปากและจ้องไปโดยไม่กระพริบตา
“พวกเขาน่าจะทำได้ดี” ซูชิงหลางสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ฉันเหม็นอะไรเปรี้ยวๆ น้ำบ๊วยในครัวของคุณหกหรือเปล่า” ไป๋อิ่งโบกมือปิดจมูกด้วยท่าทางเสแสร้ง
“เฮอะ! เธอนี่ชอบพูดเรื่องไร้สาระอยู่เรื่อย เรามาพนันกันไหมว่าพวกเขาจะทำกันนานแค่ไหน” ซูชิงหลางมองไปที่โต๊ะและพูดว่า
“ฉันเดิมพันสิบนาที”
“สิบห้านาที!” ไป๋อิ่งตอบกลับ
“หนึ่ง สอง สาม สี่…………แปด เก้า สิบวินาที!”
พวกเขามองไปที่นาฬิกาพร้อมกับนับออกมา
“เฮ้ รถไม่สั่นแล้ว” ไป๋อิ่งพูดด้วยความสงสัย
“พวกเขากำลังเปลี่ยนท่าหรือเปล่า” ซูชิงหลางขมวดคิ้ว แม้แต่เขาก็ไม่เชื่อคำพูดของตัวเอง!
“เปลี่ยนท่าในสิบวินาที?” ไป๋อิ่งยิ้มและหัวเราะคิกคัก “คุณนี่เด็กจริงๆเลยนะ”
ไป๋อิ่งรีบข่มทันที ในเวลานั้นคุณหนูไป๋และบัณฑิตผู้ยากไร้มีประสบการณ์แอบกินผลไม้ต้องห้าม ดังนั้นเธอจึงมีประสบการณ์เรื่องนี้ไปด้วย
ซูชิงหลางดูไม่มีความสุขกับคำเยาะเย้ยของเธอ ในฐานะผู้ชายที่มีคอนโดมากกว่า 20 ห้อง เขากลับไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อน
“รถสั่นอีกแล้ว” ซูชิงหลางอุทาน
“หนึ่ง สอง สาม สี่…………แปด เก้า สิบวินาที!”
“รถไม่ขยับแล้ว” ไป่อิ่งอุทาน “เปลี่ยนท่าอีกแล้วเหรอ?”
“เจ้านายของคุณ ไม่เคยแต่งงานมาก่อนหรือ” ซูชิงหลางขมวดคิ้ว “เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนว่าฉันได้ตรวจสอบข้อมูลของโจวเจ๋อแล้วเขาบอกว่ายังไม่แต่งงาน บางทีเขาอาจจะไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้จริงๆ”
“ใช่เขาบอกฉันว่ายังไม่แต่งงาน” ไป๋อิ่งตอบกลับ
“ขนคิ้วของหมอยังไม่แตก สะโพกของเธอยังคงไม่ผายออก เธอควรจะเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่” ซูชิงหลางตบหน้าผากของเขาอย่างรุนแรงและพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันขำจนจะตายอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ พวกเขาก็แค่ลูกไก่ที่ไม่มีประสบการณ์ 2 ตัว”
ไป๋อิ่งเงียบอยู่ข้าง
“มีอะไรผิดปกติกับคุณ?” ซูชิงหลางถาม
“ฉันจำได้ ครั้งแรกที่เจ้าของร่างนี้และบัณฑิตยากไร้คนนั้นมีอะไรกัน ดูเหมือนเจ้าบัณฑิตนั่นจะมีประสบการณ์มากมายทีเดียว” ไป๋อิ่งรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
“ในสมัยโบราณคนที่เสแสร้งเก่งที่สุดก็คือพวกบัณฑิตศึกษานี่แหละ บางคนถึงกับหน้าด้านสุดๆโดยการให้นางคณิกาเลี้ยงดู จนพวกเขามีเงินไปสอบที่เมืองหลวงหลังจากนั้นค่อยสลัดพวกนางทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย”
ซูชิงหลางรู้สึกเห็นใจไป๋อิ่งในเรื่องนี้อยู่บ้าง
“ดูสิรถสั่นอีกแล้ว”
สิบวินาที หยุด
สิบวินาที หยุด
สิบวินาที หยุด
สิบวินาที หยุด
ทุกครั้งที่ไป๋อิ่งและซูชิงหลางพยายามจะตั้งใจดูการกระทำของพวกเขา รถก็หยุดสั่นทันทีจนทำให้ทั้งคู่ก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย
ในที่สุดประตูหลังก็ถูกเปิดออก
โจวเจ๋อและหมอหลินที่เหงื่อออกเต็มตัวก็เดินลงจากรถพร้อมกับเปิดประตูรถและนั่งลงที่เบาะหน้า
“อะไรกันนี่” ซูชิงหลางส่ายหัว
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” ไป๋อิ่งก็ดูสับสนเช่นกัน
“จังหวะของโจวเจ๋อแตกต่างจากคนทั่วไปหรือปล่าว?” ซูชิงหลางส่ายหัวอีกครั้ง
“อาจจะ” ไป๋อิ่งเดา
ในที่สุดมาเซราติขับรถออกไป ความสนุกจบลงตรงนี้
ซูชิงหลางและไป๋อิ่งมองหน้ากันแล้วหันหลังเดินจากไป
ที่เบาะด้านข้างของคนขับโจวเจ๋ออ้าปากค้างและผมบนหน้าผากของเขาเปียกด้วยเหงื่อ
หมอหลินกำลังขับรถอยู่และมีเม็ดเหงื่อติดอยู่ตามร่างกายของเธอ
“ฉันขอโทษ มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่มีเสน่ห์พอ” หมอหลินกัดริมฝีปากและตำหนิตัวเอง
“ฉันไม่มีประสบการณ์จึงทำให้คุณหมดสนุกไปด้วย”
โจวเจ๋อเอนหลังส่ายหัว
“มันเป็นปัญหาของผมไม่เกี่ยวกับคุณเลย”
โจวเจ๋อหยิบกระดาษเช็ดหน้าออกมาเช็ดผมเปียกของเขา
“เราทุกคนเป็นหมอ อันที่จริงเราทุกคนรู้ว่านี่มันเป็นปัญหาของผม” ซูเล่อสูดหายใจเข้าลึกๆ
ตอนนี้เขาต้องการกลับไปที่ร้านและจับซูชิงหลางออกมาแขวนไว้บนต้นไม้แล้วฟาดด้วยแส้หนังสักร้อยครั้ง!
เมื่อกี้ตอนที่เขากำลังเผด็จศึกทันใดนั้นโจวเจ๋อก็นึกถึงสิ่งที่ซูชิงหลางพูดกับเขา
คุณใช้ร่างกายของซูเล่อ ดังนั้นคุณสวมหมวกเขียวให้ซูเล่อหรือซูเล่อสวมหมวกเขียวให้คุณ?
ร่างกายของคุณคือซูเล่อ DNA ก็คือซูเล่อและเด็กที่จะเกิดมาก็เป็นลูกของซูเล่อ
ในเวลานั้นโจวเจ๋อรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยภายใต้แรงกดดันทางจิตใจนี้หลังจากพยายามมาหลายครั้ง ในที่สุดน้องชายของเขาก็ไม่ตื่นตัว
“ให้เวลาผมสักนิด.” โจวเจ๋อจุดบุหรี่แต่เมื่อคิดว่ากำลังอยู่กับหมอหลินที่ไม่ชอบบุหรี่เขาจึงโยนมันออกนอกหน้าต่าง
“ครั้งหน้าฉันจะใส่ถุงน่อง” หมอหลินพูดอย่างจริงจัง
“แล้วมันก็พิสูจน์ได้ว่าเป็นปัญหาของผมอย่างสมบูรณ์” โจวเจ๋อยิ้มอย่างขมขื่น แต่เมื่อมองไปที่หมอหลินด้วยท่าทางเคร่งขรึมหัวใจของโจวเจ๋อก็อ่อนลงทันที
เขารู้ว่าเขาไม่ควรโยนความผิดเรื่องนี้ไปใส่เธอ
“ขอโทษนะ” โจวเจ๋อพูดในใจ
ไม่ว่าความเกลียดชังที่เขามีต่อซูเล่อจะมีมากมายแค่ไหน อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็ไร้เดียงสาความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขานั้นบริสุทธิ์ไม่มีอะไรเจือปน
“คุณส่งผมลงที่ท่ารถข้างหน้าก็พอ” โจวเจ๋อกล่าว
“แน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันไปส่ง” หมอหลินหยุดรถและถามออกมา
โจวเจ๋อสายหน้าและลงจากรถ หมอหลินจึงได้ขับรถออกไป
โจวเจ๋อบอกกับเธอว่าเขาไม่สามารถกลับไปอยู่กับเธอที่บ้านได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าพ่อตาแม่ยาย แต่เพราะว่าถ้าเขานอนอยู่ที่บ้านกับเธอเขาก็จะนอนไม่หลับ
แล้วให้เธอมาอยู่ที่ร้านมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ที่นี่คับแคบและไม่มีทางที่เธอจะนอนในตู้แช่ได้?
โจวเจ๋อเป็นผีไปแล้ว แล้วหมอหลินล่ะ?
หรือเขาต้องเรียกไป๋อิ่งมานอนด้วยกัน 3 คน?
โจวเจ๋อรู้สึกปวดหัวกับเรื่องนี้การกินและนอน สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตถูกจำกัดและไม่สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายๆ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วน ปัญหาที่แท้จริงของเขาคือเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เด็กหญิงตัวน้อยนั้นกลับมาแย่งชิงหน้าที่การงานของเขาได้ ดังนั้นเขาต้องไปหาวิธีที่วัดขงจื้อ