Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 68
68 – ปัญหาของน้องภรรยา
โจวเจ๋อไม่คิดว่าสาวไร้หน้าจะทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อเขามากนัก เขาคิดว่าการที่เธอออกมาในครั้งนี้ย่อมมีข้อจำกัดมากมายไม่อย่างนั้นเธอไม่จำเป็นต้องเลือก “หน้าง่ายๆ” ของหมอหลินเพื่อเข้าใกล้เขา
เธอสามารถเป็น รปภ. ในห้าง เป็นคนขับรถบัส คุณยายที่รอให้คุณช่วยเธอเมื่ออยู่บนท้องถนนหรือเป็นพี่สาวหุ่นเอ็กซ์ที่สามารถชวนเขาดื่มชาได้ในตอนที่โจวเจ๋อออกไปซื้อของ
ตราบใดที่เธอมีความแข็งแกร่งมากพอเมื่ออยู่ในโลกใบนี้เธอสามารถความเป็นใครก็ได้และลงมือจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย
โจวเจ๋อไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไรจากเขากันแน่ หรือบางทีผีเฒ่าตนนี้อาจต้องการพลังหยางของชายหนุ่มเหมือนกับที่เขาเคยเจอในหนังผี
หรือว่าเธอต้องการแย่งชิงร่างกายของเขา?
หรือเธอต้องการเป็นพนักงานชั่วคราวแทนเขา?
โจวเจ๋อไม่รู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยรู้เรื่องนี้หรือไม่ แต่ต่อให้เธอไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่ก็เชื่อได้ว่าเธอจะไม่ยุ่งกับความขัดแย้งของพวกเขาแน่
สำหรับเด็กหญิงตัวน้อยแล้วพวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างเป็นผีด้วยกัน การที่พวกเขาจะลงมือฆ่ากันเองนั้นมีแต่จะทำให้เธอมีความสุขเท่านั้น
แน่นอนเมื่อมองจากไป๋อิ่งที่แสดงความหวาดกลัวต่อกรงเล็บของเขา การที่สาวไร้หน้าจะแสดงความระมัดระวังก็เป็นเรื่องที่สมเหตุผล ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็เคยโดนกรงเล็บของเขาจัดการมาแล้วครั้งหนึ่ง
บางทีเธออาจจะยังคงหลงเหลือความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนั้นมาบ้าง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้โจวเจ๋อเศร้าเล็กน้อย
กลิ่นน้ำลายผีที่สามารถกระตุ้นสัญชาตญาณชายชาตรีของเขาให้เพิ่มมากกว่าเดิมถึงร้อยเท่า แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ยังสามารถควบคุมตัวเองได้
โจวเจ๋อไม่ได้ภูมิใจในพลังแห่งความมุ่งมั่นของเขา ในตอนนี้มีเพียงความเศร้าโศกเท่านั้นที่เกาะกุมจิตใจของเขาอยู่
เขานั่งอ่านหนังสือเล่มบางๆที่เคาน์เตอร์ โจวเจ๋อยังตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสาวไร้หน้าบนอินเทอร์เน็ตเพื่อดูว่าเขาสามารถหาข้อมูลที่มีค่าได้หรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พบอะไร
จากนั้นโจวเจ๋อและไป๋อิ่งก็ใช้เวลาทั้งบ่ายในการดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับผีไปหลายเรื่อง
หลังจากไม่มีอะไรทำในที่สุดโจวเจ๋อก็เปิดร้านอีกครั้ง
“เจ้านาย ไม่กลัวเธอมาอีกหรือ”
“ไม่มีเงินแล้ว” โจวเจ๋อบอก “ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันเปิดร้านเธอก็แบ่งเงินของเธอมาให้ฉันหมุนบ้างสิ”
ไป๋อิ่งเบ้ปากก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู แม้ว่าเธอจะรวยก็ไม่มีทางที่เธอจะเอาเงินของตัวเองออกมาเป็นเงินหมุนของร้านอย่างแน่นอน
เมื่อคุณหนูไป๋ถูกฝังเธอเป็นหญิงสาวที่เกิดในตระกูลร่ำรวย ดังนั้นสมบัติมากมายจึงถูกใส่ไว้ในโลงศพของเธอ และเมื่อเธอเดินทางไปโลกหน้าก็ไม่มีทางที่เธอจะเอาของพวกนี้ไปได้
โจวเจ๋อรู้ว่าไป๋อิ่งซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่น Limited Edition ไปหลายใบในช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตอนแรกโจวเจ๋อสงสัยว่าเธอขโมยเงินจากร้านเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตัวเองหรือเปล่า
ต่อมาเมื่อโจวเจ๋อพบว่าเงินทั้งหมดในร้านไม่เพียงพอแม้แต่จะซื้อกระเป๋าใบเดียวของเธอได้เขาก็เลิกสงสัยอีก
ในตอนแรกคุณหนูไป๋ให้เกี้ยวมารับซูชิงหลาง คนแบกเกี้ยวพวกนั้นบอกว่าเธอมีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นความจริง
ไป๋อิ่งหมกมุ่นอยู่กับของแบรนด์เนม นั่นทำให้โจวเจ๋อรู้สึกไม่ดีเอามากๆ แม้แต่สาวใช้ในร้านของเขาก็ยังมีเงินมากกว่าเขาซะอีก
หลังจากเปิดประตูได้ไม่นาน โจวเจ๋อก็ไปชงชา และชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาในร้าน
ไป๋อิ่งยืนอยู่ที่นั่นและหันมามองโจวเจ๋อ
ทั้งสองมองหน้ากันและกันโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะบอกตัวเองอย่างมีสติปัญญาว่าเป็นไปไม่ได้ที่สาวไร้หน้าจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเธออย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ต้องระวังตัวอยู่เสมอ
ชายวัยกลางคนสวมเสื้อหนัง เส้นผมของเขาขาวโพลนแม้ว่าจะอายุเพียง 40-50 ปีเท่านั้น เขาสวมรองเท้าหนังเก่าๆคู่หนึ่งส่วนกางเกงก็เป็นกางเกงวอร์มที่ดูค่อนข้างเก่าเช่นกัน
ที่ศีรษะของเขาสวมหมวก มันเป็นหมวกทรงสูงมันทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาดูค่อนข้างน่าตลก
ชายวัยกลางคนไปที่ชั้นหนังสือและนวดมือของเขาโดยไม่รู้ตัว เขากำลังจะหาหนังสือ แต่เมื่อเขามองไปทางซ้ายและขวา คิ้วของเขาก็เลิกขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันเขาบ่นว่า
“เถ้าแก่ร้านของคุณมีแต่นิยายเหรอ ไม่มีพวกหนังสือสำหรับผู้ใหญ่บ้างหรือไง?”
“นี่ครับ”
โจวเจ๋อกวักมือเรียกไป๋อิ่งให้ถือกล่องที่หลังเคาน์เตอร์และยกออกไปให้ชายวัยกลางคน
ไป๋อิ่งก็ทำตามที่เขาสั่ง
ชายวัยกลางคนนั่งยองๆเลือกหนังสือจากกล่องต่อไป หลังจากพลิกหนังสือหลายเล่มติดต่อกันใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดลงเรื่อยๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างในกล่องนี้ล้วนแต่เป็นหนังสือโป๊ไม่ก็เป็นนิยายที่มีเนื้อหา 18+
ชายวัยกลางคนตัวสั่นด้วยความโกรธและผลักกล่องไปข้างหน้า
“นี่คุณเอาอะไรมาให้ผมดู!”
ชายวัยกลางคนโกรธและยืนขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่โจวเจ๋อ
“ตอนนี้พวกที่เปิดร้านหนังสือกลายเป็นคนไร้ยางอายไปหมดแล้วเหรอ! หนังสือพวกนี้มีแต่ของสกปรกทั้งนั้น! “
โจวเจ๋อจุดบุหรี่นั่งสูบอยู่หลังเคาน์เตอร์อย่างสบายใจโดยไม่มีท่าทางว่าจะสนใจชายวัยกลางคนแม้แต่น้อย
ชายวัยกลางเห็นเช่นนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธขึ้นไปอีกแต่ไม่มีอะไรที่เขาทำได้เขาจึงเดินออกจากร้านไป
แต่เมื่อเขาไปที่ประตูของร้านสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่อยู่ทางด้านหน้าประตูเขาจึงหยุดและเลือกหนังสือพวกนั้น
หลังจากนั้นสักครู่เขาก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งมานั่งอ่านที่เก้าอี้พลาสติก
โจวเจ๋อไม่สนใจชายวัยกลางคนเช่นกัน เขาเป็นร้านหนังสือมีทั้งคนและผีที่เป็นลูกค้า เมื่อมั่นใจว่าชายวัยกลางคนไม่ใช่สาวไร้หน้าเขาจึงเลิกสนใจฝ่ายตรงข้าม
ในเวลานี้โทรศัพท์ของโจวเจ๋อก็ดังขึ้น โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมาและพบว่าเป็นเบอร์ของน้องภรรยาที่เป็นคนโทรมา
“ว่าไง” โจวเจ๋อพูดโทรศัพท์ด้วยความระมัดระวัง
คราวที่แล้วเป็นวีแชทของหมอหลิน คราวนี้เป็นเสียงโทรศัพท์ของน้องภรรยา เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่
“ซู่เล่อ!…” หลังจากที่ได้ยินเสียงของน้องภรรยาโจวเจ๋อก็รีบวางสายทันที
มีปัญหา มีปัญหาบางอย่าง!
น้องภรรยาของเขาไม่เคยอ่อนโยนขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่านี่ต้องเป็นกับดักอย่างแน่นอน
น้ำเสียงแบบนี้มันเหมือนกับตอนที่หมอหลินบอกว่าจะสวมถุงน่องในครั้งต่อไป
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งหลังจากขบคิดอยู่ชั่วครู่ในที่สุดโจวเจ๋อก็รับสาย
“ว่าไง”
“ซูเล่อ ไอ้สารเลว นายกล้าวางสายใส่ฉัน!”
ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะกลับมาเป็นปกติแล้ว
“ว่าไง.” โจวเจ๋อตอบอย่างเย็นชา
“เพื่อนของฉันและฉันไปที่ KFC หลังเลิกเรียน แต่ไม่รู้ว่ากระเป๋าของพวกเราถูกขโมยไปตั้งแต่ตอนไหน นายพอจะมีเงิน 7-8000 ให้ฉันยืมไหม”
โจวเจ๋อวางสายอีกครั้ง
ต้องเป็นสาวไร้หน้าแน่ๆ
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่สาวไร้หน้าแต่เมื่อได้ยิน “เจ็ดแปดพัน” โจวเจ๋อก็เชื่อว่าเธอต้องเป็นสาวไร้หน้าอย่างแน่นอน
ใช่! มันควรจะเป็นเช่นนั้น
แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง โจวเจ๋อรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่นั้นก็ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าโทรศัพท์ของโจวเจ๋อรบกวนการอ่านของเขา
“ขอโทษด้วยครับเดี๋ยวผมจะปิดเสียง” โจวเจ๋อกล่าว
อีกฝ่ายก้มศีรษะลงและอ่านหนังสือต่อไป
อย่างไรก็ตามน้องภรรยายังคงโทรศัพท์มาไม่หยุด โจวเจ๋อไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่ต้องคุยด้วย
“ซูเล่อฉันแค่ขอยืมเงินพี่ไม่ได้คิดจะขอเลยสักหน่อย ถ้าพี่ให้ฉันยืมเงินฉันจะไม่บอกพ่อแม่เรื่องรถมาเซราติ”
“เชิญบอกได้ตามสบาย”
“…………” น้องภรรยา
แม้ว่าเขาจะต้องการให้เงินเธอยืมแต่ก็เป็นไปไม่ได้ ในกระเป๋าของเขามีเงินเหลือเพียง 4-5000 หยวนเท่านั้น
“พี่เขยฉันขอร้องล่ะให้ฉันยืมเงินด้วย ฉันพูดความจริงกับพี่ก็ได้ฉันกับเพื่อนคนหนึ่งไปเที่ยวบาร์ด้วยกัน ฉันบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ไม่ได้ไม่งั้นพวกเขาจะตีฉันตายแน่นอน เพื่อนของฉันต้องจ่ายค่าเทอมวันพรุ่งนี้ถ้าพวกเราไม่มีเงินนั่นเรื่องนี้จะต้องเข้าหูของผู้ปกครองเธอแน่ “
“นั่นมันเป็นปัญหาของเพื่อนเธอ” โจวเจ๋อกล่าว
“สภาพครอบครัวของเธอไม่ค่อยดีนัก ความสัมพันธ์ของพ่อแม่เธอก็ไม่ค่อยปกติพวกเขาจะไม่ยอมจ่ายเงินพวกนี้แน่นอน พี่เขยฉันขอร้องละนะให้ฉันยืมเงินที”
โจวเจ๋อยังคงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
แต่ในเวลานั้นเองรถแท็กซี่คันหนึ่งก็จอดอยู่ที่หน้าร้านหนังสือ เด็กสาวมปลาย 2 คนเดินลงมาจากรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม