Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 73
73 – ผมฆ่าเขาไปแล้ว
ข้างนอกมีไป๋อิ่งกำลังรออยู่ เธอกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งไปพลางๆ เมื่อโจวเจ๋อออกมาเธอก็แกะถุงหมากฝรั่งพร้อมกับยัดหมากฝรั่งเข้าปากของเขา
“เจ้านายได้เงินคืนแล้วเหรอ?”
โจวเจ๋อพยักหน้า
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ”
ไป่อิ่งไม่สนใจเรื่องเงิน มีทรัพย์สมบัติมากมายที่ถูกฝังร่วมกับศพของเธอพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นของเก่าที่มีอายุหลายร้อยปี หาพวกมันถูกนำออกมาขายทั้งหมดน่าจะทำเงินได้มากกว่า 10 ล้านหยวน
เมื่อโจวเจ๋อเข้าไปเธอตั้งตารอชมว่าเขาจะทรมานเด็กหญิงคนนั้นอย่างไรบ้าง
“อยู่ในบ้าน” โจวเจ๋อเตรียมเรียกแท็กซี่
“อยู่ในบ้าน? เธอตายอยู่ในนั้นเหรอ?” ไป่อิ่งถาม
“ผมไม่ได้ทำ”
“ทำไม?” ไป่อิ่งรู้สึกงงงวย “ผู้หญิงแบบนั้นควรถูกลงโทษ”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรทำ” โจวเจ๋อพูดอย่างสงบ
“แต่เจ้านายควรทำนะ”
“ครูของเธอก็บอกแล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องของผม”
ขณะที่เขาพูดแบบนี้โจวเจ๋อก็ยื่นนิ้วออกไปชี้บริเวณรอบๆแล้วเสริมว่า
“นอกจากนี้ ผมยังไม่รู้ว่ามีดวงตากี่คู่กำลังเฝ้ามองผมอยู่ บางทีพวกเขาอาจจะรอให้ผมทำพลาดก็ได้”
โจวเจ๋อไม่คิดจะทำตัวเหมือนกับผู้ชายที่อยู่ในเฉิงตู เขาไม่แน่ใจว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นไปเฉิงตูจริงๆหรือเปล่า หรือบางทีเธออาจจะปฏิบัติการร่วมกับยมทูตคนอื่นเพื่อรอจัดการเขา
เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้แม้แต่สาวไร้หน้าบนถนนหวงเฉวียนก็ยังสามารถปรากฏตัวขึ้นบนโลก ทั้งที่นั่นคือสิ่งที่เธอพยายามทำมาตลอดหลายปีแต่ไม่เคยสำเร็จ
และด้วยเหตุผลนี้ทำให้โจวเจ๋อไม่กล้าประมาท
แม้ว่าสถานะของเขาตอนนี้จะเป็นผู้พิพากษาชั่วคราวของนรกที่อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ แต่เมื่อชาติที่แล้วเขาเป็นหมอดังนั้นเขาควรช่วยคนไม่ใช่ฆ่าคน นั่นคือจรรยาบรรณทางวิชาชีพของเขา
ตลอดทางที่นั่งแท็กซี่กลับไปที่ร้านไป๋อิ่งไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจกับการตอบสนองเชิงลบของโจวเจ๋อ
เมื่อกลับไปที่ร้านหนังสือ โจวเจ๋อเห็นว่าชายวัยกลางคนยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นั่น เขาไม่ได้หนีแม้ว่าโจวเจ๋อจะบอกว่าจะส่งเขาไปลงนรก แต่เขาก็ยังไม่หนี
“เทน้ำให้ผมสักแก้ว” โจวเจ๋อพูดกับไป๋อิ่ง
“เจ้านายฉันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ” ไป๋อิ่งฮัมเพลงและนั่งลงตรงหลังเคาน์เตอร์โดยไม่สนใจคำสั่งของเขา
โจวเจ๋อได้แต่ส่ายหน้า ตั้งแต่สนิทกันขึ้นมาดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะเป็นเพียงเสียงนกเสียงกาเท่านั้นสำหรับเธอ หลังจากนั้นเขาจึงเดินไปหาชายวัยกลางคน
“มีใครในครอบครัวคุณอีกไหม”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า “พ่อแม่ของผมเสียชีวิตแล้ว มีน้องสาวคนเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่”
“บอกข้อมูลติดต่อของน้องสาวคุณหรือที่อยู่ของเธอให้ผมหน่อย”
โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนจะเปิดเสียงที่อัดไว้
“ถ้าฉันตะโกนขึ้นตอนนี้บอกว่าคุณต้องการจะข่มขืนฉัน แม่ของฉันจะเรียกเพื่อนบ้านและเพื่อนบ้านจะโทรเรียกตำรวจนั่นจะทำให้ชีวิตของคุณจบลง.”
ริมฝีปากของชายวัยกลางคนเปิดขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเขามีความตื่นเต้น แต่หลังจากนั้นมันก็ซีดสลดลง
“อย่าดีกว่า ผมตายไปแล้วถ้าคุณประกาศเรื่องนี้ออกไปมันจะทำลายชีวิตของเธอ”
“แล้วใครรับผิดชอบชีวิตคุณ? ชื่อเสียงของโรงเรียนคุณชื่อเสียงของญาติพี่น้องคุณ” โจวเจ๋อตะคอก “อย่างน้อยก็ชื่อเสียงในฐานะครูของคุณ”
ชายวัยกลางคนทำหน้าลำบากใจ แล้วพยักหน้า “ตกลง ผมจะบอกที่อยู่ของน้องสาวให้”
หลังจากที่ชายวัยกลางบอกที่อยู่ของน้องสาวของเขาออกมา ร่างกายของเขาก็ค่อยๆว่างเปล่าก่อนจะจมลงสู่ดิน
หลังจากอ่านหนังสือจบ ความต้องการที่เหลืออยู่ในโลกของเขาก็หมดลง ในเวลานี้เขาออกเดินทางแล้ว ออกเดินทางด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้โจวเจ๋อส่งเขาไป
โจวเจ๋อส่งวิดีโอไปให้ไป๋อิ่งซึ่งทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ
“เจ้านาย ถ้าน้องสาวของเขาส่งวีดีโอนี้ให้ตำรวจหมวกที่อยู่บนหัวของเขาก็จะถูกออกถอดออกใช่ไหม”
“อา…” โจวเจ๋อยิ้ม “หมวก ถอดไม่ได้”
“ทำไม? ในเมื่อความบริสุทธิ์ของเขาถูกยืนยันแล้ว” ไป่อิ่งมีสีหน้างุนงง
“คุณรู้ไหมโดยปกตินิสัยของคนแล้วพวกเขาให้ความสนใจต่อเรื่องที่นักผจญเพลิงต้องเสียชีวิตกลางกองไฟน้อยกว่าการที่ลูกหมาถูกรถชนตายด้วยซ้ำ”
“นั่นหมายความว่าอย่างไร?” แน่นอนว่าไป๋อิ่งไม่เข้าใจ เธอเพิ่งติดต่อกับอินเทอร์เน็ตและเล่นเกมคอมพิวเตอร์ไม่กี่เกมเท่านั้น
“ตามนิสัยของคนแล้วพวกเขาไม่สนใจความจริงเท่าไหร่ พวกเขาจะสนใจเฉพาะข่าวที่มันเป็นด้านลบหรือไม่ก็เรื่องฉาวโฉ่”
โจวเจ๋อมีสีหน้าโกรธเคือง
“คุณคิดว่าจะมีคนกี่คนที่สนใจข่าวเรื่องนี้ แล้วต่อให้พวกเขารู้ว่าสิ่งที่พวกเขาออกตัวประนามคุณครูคนนั้นเป็นความคิดที่ผิดแล้วคุณคิดว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยายังไง?”
“ความอัปยศอดสู?”
“เมื่อพวกเขารู้ว่าตัวเองทำในสิ่งที่ผิดจนเป็นเหตุให้ครูคนนั้นกระโดดตึกตาย สิ่งที่พวกเขาจะทำเป็นอย่างแรกก็คือแกล้งทำเป็นไม่รับรู้ความจริงนี้ แม้แต่สำนักข่าวก็จะไม่ออกข่าวเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เข้าใจหรือยัง”
“โอ้”
………………….
กระเป๋าเงินของน้องภรรยาถูกส่งกลับไปโดย “คนนิรนาม” โดยโจวเจ๋อคิดค่าดำเนินการ 2,000 หยวน
วันรุ่งขึ้น โจวเจ๋อเห็นว่าน้องภรรยาส่งข้อความมาหาเขา
“โจรคนนี้ยังมีจรรยาบรรณในวิชาชีพที่ดี เขาขโมยกระเป๋าสตางค์ของฉันไปแต่ส่งบัตรเครดิตและบัตรประจำตัวประชาชนของฉันกลับมา แสดงว่าสังคมนี้ยังพอจะมีคนดีอยู่บ้าง”
โจวเจ๋อส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
ไป๋อิ่งแอบส่งวิดีโอโดยตัดส่วนเริ่มต้นของวีดีโอและส่วนท้ายของวีดีโอไปให้น้องสาวของชายวัยกลางคน ซึ่งเธอก็เดินทางไปแจ้งเรื่องนี้ต่อสถานีตำรวจ ทำให้สถานีตำรวจจัดงานแถลงข่าวที่ค่อนข้างใหญ่โต
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคลื่นลมมากมายเช่นกัน หลายคนประณามความไร้ยางอายและความไร้หัวใจของหญิงสาว แต่ความร้อนแรงนั้นเทียบไม่ได้กับเหตุการณ์เดิมโดยสิ้นเชิง
หลังจากนั้นวันเวลาผ่านไปอย่างสงบและเงียบ ธุรกิจของเขายังคงทำเงินได้อย่างย่ำแย่ ส่วนไป๋อิ่งเริ่มติดอินเทอร์เน็ตมากขึ้นและมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
เธอติดเกมออนไลน์อย่างหนักจนถึงขั้นที่ว่าเริ่มศึกษากลยุทธ์ของเกมแล้วด้วยซ้ำ
ตอนค่ำโจวเจ๋อรับประทานอาหารที่ร้านของซูชิงหลางตามปกติ
หลังอาหารเย็น โจวเจ๋อและซูชิงหลางก็สูบบุหรี่ตามปกติ ซูชิงหลางถือโทรศัพท์มือถือและเล่นเพลงที่เชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูธอย่างสบายใจ
โจวเจ๋อรู้สึกว่าธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวของซูชิงหลางเริ่มย่ำแย่ลงเรื่อยๆเช่นกัน เมื่อเร็วๆนี้แทบจะไม่มีคนมากินที่ร้านแล้ว ส่วนคนที่ซื้อกลับบ้านตลอดทั้งวันก็มีเพียง 2-3 คนเท่านั้น
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ธุรกิจตกต่ำลง แต่เพราะชายที่อยู่ข้างหน้าเขาเริ่มขี้เกียจมากขึ้นเรื่อยๆต่างหาก
แต่จากคำกล่าวของซูชิงหลางปัญหาของร้านเขานั้นเกิดขึ้นจากโจวเจ๋อ เขาบอกว่าเขาจะมีเวลามาขายของได้อย่างไรในเมื่อร้านหนังสือที่อยู่ข้างๆมีเรื่องอยู่ตลอด?
“เฮ้ เร็วๆนี้มีของแปลกๆมากมายที่ฝั่งตะวันออก” ซูชิงหลางกล่าวพร้อมกับพ่นควัน
ฝั่งตะวันออกของเมืองตงเฉิง อยู่ห่างจากใจกลางเมืองเล็กน้อย วัดขงจื้อและวัดเทพเจ้าประจำเมืองอยู่ที่นั่น และในวันธรรมดาจะมีชีวิตชีวามาก
“เกิดอะไรขึ้น?” โจวเจ๋อถามพลางเขี่ยขี้บุหรี่ทิ้งลงบนพื้น
“ดูนี่สิ มีคนทวีตเมื่อคืนนี้ตอนที่ฉันเดินผ่านวัดขงจื๊อ เขาบอกว่าเขาเห็นคนที่คอสเพลย์แต่งตัวเป็นคนโบราณสมัยราชวงศ์ชิงเดินเล่นอยู่รอบๆวัด พอเขาจะขอถ่ายรูปด้วยพวกที่แต่งชุดคอสเพลย์พวกนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
“มีอีกคนบอกว่าตอนที่เขาเดินผ่านวัดขงจื้อมีใครบางคนกำลังนั่งท่องกวีอยู่บนหลังคาด้วยซ้ำ ”
วัดขงจื้อ?
โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับมัน
“อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือวัดขงจื้อถูกไฟไหม้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครดูแลเครื่องหอมที่ถูกจุดขึ้นในวัด” ซูชิงหลางกล่าวด้วยอารมณ์
“มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้เลย วัดขงจื้อเป็นวัดที่ค่อนข้างใหญ่เหตุไฉนจึงไม่มีคนดูแล ทางนรกก็ควรจะส่งใครบางคนมาจัดการเรื่องนี้” ซูชิงหลางกล่าว
“ความจริงที่วัดขงจื้อก็มีคนดูแลอยู่” โจวเจ๋อกล่าว
“แล้วตอนนี้ล่ะ เกิดอะไรขึ้นทำไมเขาถึงปล่อยให้ผีออกมาอาละวาดได้”
“ผมฆ่าเขาไปแล้ว”
“…………” ซูชิงหลาง