Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 74
74 – บัณฑิตโบราณ
ในตอนกลางคืนโจวเจ๋อและไป๋อิ่งมาที่วัดขงจื๊อด้วยกัน
ครั้งล่าสุดโจวเจ๋อเอาชนะคนแคระเฒ่าและฆ่าเขาตายที่นี่ จากนั้นเขาก็สะบัดตูดจากไปโดยไม่สนใจปัญหาที่ตามมา
แต่จากเหตุการณ์เมื่อเร็วๆนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเมื่อไม่มีคนควบคุมวิญญาณของบัณฑิตมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ปรากฏตัวออกมาสร้างความวุ่นวายให้กับชุมชน
โจวเจ๋อเป็นตุลาการของนรกเขาควรจะรับผิดชอบเรื่องนี้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาเป็นคนสังหารคนแคระเฒ่าคนนั้นอีกด้วย
“เจ้านาย ผีเหล่านี้เพียงแค่ระบายความคับแค้นออกมาเล็กน้อยเท่านั้นภายใน 2-3 วันพวกเขาก็จะสูญสลายไป สิ่งที่พวกเราต้องทำก็แค่จัดระเบียบเล็กๆน้อย ” ไป๋อิ่งมีความสัมพันธ์กับผีมาอย่างยาวนานดังนั้นเธอจึงรู้เรื่องนี้ดี
“สถานการณ์ตอนนี้ดูย่ำแย่ไปแล้วเราต้องจัดการอะไรสักอย่าง” โจวเจ๋อเริ่มมองหาวิญญาณของบัณฑิตเหล่านั้นเพื่อจัดการส่งไปนรก
โจวเจ๋อรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยไว้ใจเด็กหญิงตัวน้อย เขารู้สึกว่าเธอไม่มีความจริงใจเพียงแต่เธอยังไม่กล้าลงมือจัดการเขาเท่านั้นจึงยกตำแหน่งนี้ให้ชั่วคราว
บางทีเหตุการณ์ชุลมุนครั้งนี้ที่มีเขาเป็นต้นเหตุอาจทำให้เธอใช้เป็นข้ออ้างในการขอกำลังมาจัดการเขาก็ได้
แต่คืนนี้มันไม่เหมือนกับในข่าว ทุกอย่างเงียบสงบโจวเจ๋อสูบบุหรี่หมดไปครึ่งซองแล้วและไป๋อิ่งนอนก็นอนอยู่บนพื้นหญ้านุ่มๆพร้อมกับมองหาภูตผีที่อยู่บริเวณนี้แต่ก็ไม่เจอสักคน
เมื่อหมดความอดทน โจวเจ๋อก็เหยียดฝ่ามือออกพร้อมกับตะโกนขึ้นว่า
“ถ้าผมนับถึง 2 แล้วพวกคุณไม่ยอมออกมาผมจะส่งพวกคุณลงนรกให้หมด”
ไป๋อิ่งหันไปมองที่โจวเจ๋อด้วยสายตาที่เหมือนกับกำลังมองคนปัญญาอ่อน เห็นได้ชัดว่าวิธีนี้ย่อมไม่ได้ผลอย่างแน่นอน
“โลกก็คือความฝัน เป็นเหมือนกับดวงจันทร์ในแม่น้ำ เพียงแต่คนเราไม่รู้ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร”
เสียงผู้ชายดังมาจากหลังต้นไม้
จากนั้นชายในรองเท้าหนังและสวมเสื้อคลุมหรูหราก็เดินออกมา เขามีเครายาวหน้าเหลี่ยม และมีรูปร่างสง่างามคล้ายกับได้รับการฝึกฝนจากตระกูลใหญ่
เพียงมองแว๊บเดียวก็รู้ว่าเขาต้องเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ไม่สิ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่จะตาย
ไป๋อิ่งค่อยๆยืนขึ้น เธอจ้องมองไปที่ชายที่อยู่ข้างหน้าแล้วพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เจ้านายฉันก็คิดอยู่แล้วว่าทำไมถึงไม่เห็นวิญญาณสักตัวที่นี่ แท้ที่จริงพวกเขาคงถูกบัณฑิตคนนี้กินลงไปจนหมดแล้ว!”
โจวเจ๋อมองดูชายที่อยู่ข้างหน้าซึ่งมีลักษณะที่สง่างาม เพียงแต่ว่าที่ท้องของเขานั้นระยิบระยับด้วยแสงหลากสีคล้ายกับมีวิญญาณมากมายที่ถูกเขากินเข้าไป
“มาเถอะผมจะส่งคุณเดินทาง”
โจวเจ๋อกำลังจะเปิดประตูนรกและจับผู้ชายคนนี้
อีกฝ่ายกลืนวิญญาณของบัณฑิตจำนวนมาก แต่ดูเหมือนว่าจิตใจของเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากการทำเรื่องพวกนี้นั่นแสดงให้เห็นว่าเขายังคงรักษาสติของตัวเองได้ ไม่ได้กลายเป็นวิญญาณชั่วร้าย
แต่ถึงอีกฝ่ายจะอาละวาดขึ้นมาโจวเจ๋อก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเพราะว่าเขามีเล็บที่สามารถจัดการภูตผีทุกตัวได้
“เจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ประจำการที่นี่เหรอ” ชายคนนั้นมองไปที่โจวเจ๋อและถามด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับไหนนายอำเภอหรือว่ามือปราบ”
“ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะยังหลงคิดว่าตัวเองอยู่ในราชวงศ์ชิงอยู่เลย?”
ไป๋อิ่งเยาะเย้ย
“เมื่อผู้ชายพูดกันการที่ภรรยาพูดแทรกนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง มารดาของเจ้าไม่เคยสั่งสอนหรือยังไง” ชายคนนั้นดูหมิ่นออกมา
ชายผู้นั้นมองไปที่โจวเจ๋อซึ่งกำลังจะเปิดประตูนรกที่อีกฝั่งหนึ่ง และกล่าวว่า
“ชายผู้ยากไร้คนนี้เคยทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นจ้าวยมโลกจึงอนุญาตให้ข้าสามารถอยู่ต่อได้อีก เจ้าอย่าได้พยายามทำอะไรที่ไร้ประโยชน์เลย
หลังจากที่ข้าไปเที่ยวบ้านเกิดจนสำราญพอใจแล้วก็จะกลับไปที่นรกเอง บางทีเจ้าควรจะคุกเข่าคำนับข้าเป็นอาจารย์และขอฝากตัวด้วยซ้ำ หากวันหนึ่งเมื่อข้ากลับไปที่นรกข้าเชื่อว่าข้าก็จะได้ตำแหน่งข้าราชการระดับสูงซึ่งจะเป็นหัวหน้าเจ้าอีกที”
“เจ้าหมอนี่ดูจะเป็นเอามากจริงๆ” ไป๋อิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
“เลิกพูดจาเพ้อเจ้อได้แล้วมานี่อย่าให้ผมต้องใช้กำลัง”
“เจ้าไม่อาจบังคับข้ากลับนรกได้ ราชานรกได้อนุญาตให้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผีน้อยอย่างเจ้าจะสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยว? “
โจวเจ๋อหยุดที่จะเปิดประตูนรกไม่ใช่ว่าเขากลัวการข่มขู่จากฝ่ายตรงข้าม เขาแค่คิดว่าผู้ชายคนนี้น่าสนใจมาก
นี่ไม่ใช่ผีสมัยใหม่แต่นี่เป็นถึงผีข้าราชการโบราณมันเป็นเรื่องที่ยากมากกว่าเขาจะผ่านยุคสมัยมาได้อย่างยาวนานขนาดนี้
“คุณไว้ผมเปีย แต่คุณไม่ได้สวมเสื้อผ้าอย่างเป็นทางการของราชวงศ์ชิง” หลังจากสังเกตอย่างใกล้ชิด โจวเจ๋อก็กล่าวต่อว่า
“เครื่องแบบที่คุณสวมมันเป็นเครื่องแบบของราชวงศ์หมิง ดูเหมือนจะเป็นเครื่องแบบของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีกด้วย”
เมื่อชายผู้นั้นได้ยินสิ่งที่โจวเจ๋อพูดเขาก็กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า
“ข้ารับราชการในสองราชวงศ์ ข้าเป็นบัณฑิตขององค์จักรพรรดิฉงเจิน ดังนั้นเครื่องนุ่งห่มของข้าเป็นสิ่งที่เจ้าสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้หรือ “
โจวเจ๋อหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า
” ผมรู้แล้วว่าคุณเป็นใคร ความจริงคุณควรจะถูกประหารไปแล้วแต่ว่าที่ยังรอดอยู่ก็เพราะอาศัยความหน้าด้านของตัวเอง “
“ไร้สาระ!” ชายคนนั้นโบกแขนเสื้อ “เจ้าไม่รู้อะไรเจ้าก็อย่าได้กล่าวหาบัณฑิตลอยๆไม่งั้นเจ้าจะได้รับโทษ!”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ถูกประหารในวันที่ *19 มีนาคม ปีเจียเซิน?”
โจวเจ๋อตะโกนออกไป
ชายคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังชั่งใจว่าจะพูดออกมาหรือไม่
“เจ้าคิดว่าข้าสมควรตายไหม”
โจวเจ๋อไม่ตอบ
“ข้ามีเพื่อนที่ดีคนหนึ่งแซ่หลิว เขาทำงานในสำนักเสนาบดีและยังมีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิในฐานะพระญาติ หลังจากที่รู้ว่าจักรพรรดิผูกคอตายแล้วเขาก็ฆ่าคนทั้งบ้านและฆ่าตัวตายตามจักรพรรดิไป
ในวันก่อนที่เขาจะลงมือ สหายของข้าคนนั้นมีหลานสาวคนหนึ่งอายุเพียง 13 ปี มารดาของนางเป็นพระสนม นางต้องการหาที่พักพิงเพื่อหลบหนีจากความตายจึงมาอาศัยอยู่ที่บ้านของข้า
ไม่คิดว่าเหตุการณ์ผ่านไปไม่ถึงวันสหายแซ่หลิวคนนั้นของข้าก็ติดตามนางมาก่อนจะใช้มีดแทงเข้าใส่หน้าอกของเด็กหญิงคนนั้นจนตาย
นางอายุเพียง 13 ปี นางไม่ต้องการตายแต่สุดท้ายนางก็ตายหลังจากนั้นคนตระกูลหลิวทั้ง 20 คนก็ผูกคอตายตามจักรพรรดิไป” ชายคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าคิดว่าค่านิยมแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ เจ้าคิดว่าเด็กหญิงคนนั้นควรตายหรือไม่?”
คราวนี้แทนที่จะนิ่งเงียบแต่โจวเจ๋อตอบว่า “เธอไม่สมควรตาย”
“ใช่ นางไม่สมควรตาย ไม่มีใครต้องการที่จะตาย ครอบครัวของข้าก็ไม่ต้องการที่จะตาย ลูกๆของข้าก็ไม่ต้องการที่จะตาย ดังนั้นข้าจึงต้องมีชีวิตอยู่
ไม่ว่าคนจะมองข้าอย่างไรแต่ข้าก็ต้องอยู่เพื่อปกป้องคนในครอบครัวของข้า
ข้ารู้ดีว่าการมีชีวิตอยู่ของข้านั้นมันไร้เกียรติ แต่แล้วยังไง? ตราบใดที่ลูกเมียของข้าพ่อแม่ของข้ายังคงมีชีวิตอยู่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เพียงพอแล้ว”
ชายคนนั้นพูดมากอย่างเห็นได้ชัด เป็นเพราะว่าเขาก็ไม่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำเท่าไหร่ เขาจึงพยายามหาทางออกให้กับตัวเอง
บัณฑิตในสมัยโบราณนั้นขึ้นชื่อเรื่องความซื่อสัตย์ ในเมื่อจักรพรรดิสิ้นราชวงศ์และฆ่าตัวตายไปแล้ว สิ่งที่พวกเขาควรทำก็คือการฆ่าตัวตายตามไปด้วย นั่นเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อเจ้าชีวิตและบ้านเมือง
โจวเจ๋อมองดูชายที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“ผมเข้าใจสิ่งที่คุณพูด ผมเข้าใจจริงๆแม้ว่าสิ่งที่คุณทำมันอาจจะขัดกับค่านิยมในตอนนั้น แต่ถ้ามันเกิดขึ้นในยุคนี้คุณคงไม่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากมายขนาดนั้น
แต่ในเมื่อคุณเป็นบัณฑิตของพระราชสำนักหมิง การกระทำของคุณจึงถือว่าผิดคุณไม่ต้องหาข้ออ้างอะไรให้กับตัวเองแล้ว”
เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำพูดของโจวเจ๋อเขาก็แสดงท่าทีโกรธเคืองออกมา
โจวเจ๋อเปิดประตูนรกขึ้นจากนั้นเล็บของเขาก็งอกออกมาเพื่อเป็นการข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม
“ได้โปรดเข้าไปเองอย่าให้ผมต้องบังคับ นั่นมันขัดกับหลักการของผม”
ชายคนนั้นยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้าทีละก้าว ก่อนจะก้าวเข้าไปในประตู เขาได้มองโจวเจ๋อเป็นครั้งสุดท้ายและถามออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถ้าเจ้าเป็นข้าเจ้าจะทำอย่างไร?”
“ผมจะทำเหมือนคุณ” โจวเจ๋อตอบโดยไม่ต้องขบคิด
ชายคนนั้นยิ้มออกมาจากนั้นเขาก็ส่ายหน้าและเดินเข้าไปในประตู
ด้วยการโบกมือของโจวเจ๋อ ประตูก็หายไปและทุกอย่างก็จบลง
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องขอบคุณบัณฑิตคนนี้ที่ช่วยกลืนกินวิญญาณชั่วร้ายทุกตนที่อยู่ที่นี่ มันทำให้โจวเจ๋อประหยัดแรงไปเยอะ
“เจ้านาย เสร็จแล้วเหรอ? ฉันคิดว่าคุณจะตีเขาเสียอีก” ไป๋อิ่งพูดอย่างผิดหวัง
“เขาไม่ได้ชั่วร้ายถึงขนาดนั้น” โจวเจ๋อมองลึกเข้าไปในวิหารขงจื๊อที่อยู่ข้างหน้าและกล่าวว่า “นอกจากนี้ นักปราชญ์ในวิหารขงจื๊อยังขังเขาไว้ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้วนั่นก็ถือได้ว่าเป็นการลงโทษแบบหนึ่ง”
ไป๋อิ่งมีสีหน้าไม่พอใจเหมือนเดิม
“เจ้านาย คุณคิดว่านักปราชญ์พวกนั้นที่อยู่ในวิหารขงจื้อเป็นคนดีหรือเปล่า?”
ไป๋อิ่งจำได้ว่าตอนที่เธอเดินเข้าไปในวิหารขงจื๊อเธอถูกพวกเขา “จ้องมอง” และมีความรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
“ทุกคนมีทั้งด้านดีด้านร้าย”
*19 มีนาคม ปีเจียเซิน การนับปฏิทินแบบเดิม ตรงกับวันที่ 25 เมษายน 1644 เป็นวันที่จักรพรรดิฉงเจินแห่งราชวงศ์หมิงผูกคอตาย