Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 9
9 – ตู้แช่
เสียงกรีดร้องปลุกทั้งครอบครัว ความหวาดกลัวของน้องภรรยาเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
ที่ห้องน้ำที่ไม่ได้เปิดไฟเมื่อเธอเปิดประตูออกก็เห็นใครบางคนอยู่ข้างในมันเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกใจได้ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเคยมีประสบการณ์คล้ายๆกัน
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่น้องภรรยาของเขาเจอคือผีจริงๆ
หลินหวั่นชิวออกมาจากห้องนอนและรีบวิ่งไปหาน้องสาว
“มีอะไรเหรอ!”
พ่อตาและแม่ยายก็ขึ้นมาจากชั้นหนึ่งด้วยกันและเห็นลูกสาวตัวน้อยของพวกเขาร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของพี่สาว จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่โจวเจ๋อซึ่งยังคงนั่งอยู่บนโถส้วม
“ซูเล่อแกกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไรถึงคิดเรื่องชั่วๆแบบนี้ออกมาได้!”
แม่ยายหยิบไม้กวาดที่ประตูห้องน้ำและพร้อมที่จะตีโจวเจ๋อ พ่อตาก็เช่นกันเขาโกรธมากและพร้อมที่จะเข้ามาสอนบทเรียนให้ลูกเขย
ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนจะเข้าใจผิดเมื่อเห็นฉากนี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนดึกมีเพียงพี่เขยและน้องภรรยาอยู่ด้วยกันสองคนจากนั้นน้องภรรยาก็กรีดร้องขึ้น ความเข้าใจของทุกคนจึงมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน
“ พ่อกับแม่เลิกบ้าได้แล้วเสี่ยวอี้ก็แค่ตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ในห้องน้ำเท่านั้น” หลินหวั่นชิวกล่าว
แม่ยายตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม้กวาดในมือของเธอถูกยกขึ้นแล้วแต่เธอไม่รู้ว่าจะเอาไปลงที่ไหน พ่อตาก็ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวเขาไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะไม่ปกป้องน้องของตัวเอง
โจวเจ๋อถูกขัดจังหวะความเจ็บปวดและทันใดนั้นเขาก็พบว่าเส้นเอ็นสีน้ำเงินที่แขนของเขาจางหายไปและความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็หายไปด้วย
ตอนนี้โจวเจ๋อรู้สึกเหนื่อยง่วงนอนมาก เขาลุกขึ้นยืนเพื่อออกจากห้องน้ำ สำหรับพ่อตาและแม่ยายของเขาโจวเจ๋อขี้เกียจจะอธิบายเรื่องต่างๆและเขาไม่สนใจที่จะทำความสะอาดสิ่งที่น้องภรรยาของเขาทิ้งไว้บนพื้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อโจวเจ๋อลุกขึ้นน้องภรรยาก็สั่นสะท้านทันทีเธอซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของพี่สาวก่อนจะกรีดร้องออกมา
“อ๊ะ! อย่าเข้ามา!”
โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเพิ่งเห็นอะไร?
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!” แม่ยายกอดอกถามลูกสาวตัวน้อยว่า
“เสี่ยวอี้อย่าทำให้แม่กลัวสิ บอกมาว่าเขาทำอะไรลูก? “
น้องภรรยายังคงซื่อสัตย์และเธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถโกหกเรื่องแบบนี้ได้มิฉะนั้นมันจะก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงขึ้น
“ไม่มีอะไรหนูแค่ตกใจไม่คิดว่าจะมีใครนั่งอยู่ในห้องน้ำ!”
น้องภรรยารวบรวมความกล้ากล่าวออกมา แต่ศีรษะของเธอยังคงมุดอยู่ในอ้อมแขนของพี่สาว
ความเข้าใจผิดทุกอย่างก็จบลงเช่นนี้
“ตอนเข้าห้องน้ำทำไมไม่เปิดไฟ หรือเธอคิดว่าบ้านของเราไม่มีปัญญาจ่ายค่าไฟได้? “
แม่ยายเริ่มกล่าวหาว่าโจวเจ๋อ โจวเจ๋อรู้สึกเหนื่อยมากในเวลานี้เนื่องจากเขาขาดการพักผ่อนเป็นเวลานาน อีกทั้งเขายังหงุดหงิดกับความสัมพันธ์สามีภรรยาที่ซูเล่อสร้างไว้
ถ้าพวกเขาเป็นสามีภรรยาที่แท้จริงโจวเจ๋ออาจจะยังอดกลั้นไว้ได้ ตอนนี้แม้แต่เตียงก็ยังแยกกันนอนโจวเจ๋อก็ขี้เกียจที่จะถนอมน้ำใจแม่ยายคนนี้
“อย่ามารบกวนผมอีก” โจวเจ๋อชี้นิ้วไปที่แม่ยายด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ดวงตาของแม่ยายเบิกกว้างเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกเขยขี้ขลาดคนนั้นจะกล้าพูดกับเธอแบบนี้
“แกกล้าพูดกับแม่แบบนี้ได้อย่างไรหรือต้องให้ฉันสอนกฏให้แกอีกครั้ง” ตอนนี้คนเป็นพ่อเริ่มโวยวาย
“ ถ้าอยากให้ลูกสาวแต่งงานรอบสองก็บอกกฎต่อไปสิ!”
โจวเจ๋อตบไหล่พ่อตาเบาๆแล้วเดินกลับไปที่ห้องนอน
“ปัง!” เสียงปิดประตูอย่างแรงดังตามมา
“เป็นไปได้ยังไง!” ไฟในใจของพ่อตาลุกโชนด้วยความโกรธ
แม่ยายรีบเข้ามาลูบหน้าอกของเขา แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะหาเรื่องอีก
สิ่งที่โจวเจ๋อเพิ่งพูดส่งผลกระทบอย่างมากสำหรับพวกเขา
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกเขยไม่รักดีในวันนี้แต่คำพูดของเขาก็ถูกต้องทุกคำ
เมื่อลูกสาวคนโตหย่าร้างการแต่งงานครั้งต่อไปจะเป็นการแต่งงานครั้งที่สองซึ่งทำให้ชื่อเสียงของเธอและชื่อเสียงของครอบครัวต้องพังพินาศ
ยิ่งไปกว่านั้นในความคิดของพวกเขาการแต่งงานครั้งที่สองของผู้หญิงนั้นจะทำให้พวกเขาเสียเงินไม่น้อย อีกทั้งยังยากที่จะหาคนที่ดีได้ ผู้ชายดีๆที่ไหนจะมาแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยหย่าร้าง
โจวเจ๋อนอนอยู่บนเตียงหายใจเข้าลึกๆหลับตาแล้วเข้านอน เขาเหนื่อยมากจริงๆ
หลังจากนั้นประมาณ15 นาที โจวเจ๋อก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง
“เซียวอี้ตกใจมากฉันจะไปนอนกับเธอคืนนี้”
เป็นเสียงของหลินหวั่นชิวจากนั้นเธอก็จากไป
‘ทำอย่างกับว่าเธอนอนกับฉันจริงๆอย่างนั้นแหละ?’ โจวเจ๋อคิดในใจ
ตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้นพ่อตาแม่ยายกำลังทานอาหารกลางวัน
“เขาไปร้านหนังสือเหรอ” พ่อตาถามแม่ยาย
“ ยังไม่ตื่นเลย” แม่ยายกัดฟันตอบ
“เจ้าคนไม่ได้เรื่อง” พ่อตาแสดงความคิดเห็นอย่างเกลียดชัง
“ฉันว่า.. “
ทันใดนั้นแม่ยายก็หยุดพูดกระทันหันเพราะเธอเห็นโจวเจ๋อลงมาจากชั้นบน ดวงตาของโจวเจ๋อเป็นสีแดงและมีกระเป๋าใบใหญ่ติดมือมาด้วย
บรรยากาศหยุดชะงักเล็กน้อยอาจเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้สถานะของโจวเจ๋อในครอบครัวสูงขึ้นระดับหนึ่ง อย่างน้อยในเวลานี้พ่อตาแม่ยายก็ไม่ได้กระแนะกระแหนเขา
แน่นอนว่าเป็นเพราะว่าตอนนี้โจวเจ๋อดูเหมือนคนที่สามารถใช้มีดเฉือนคนได้ตลอดเวลา
ดวงตาของเขากวาดไปที่โต๊ะโจวเจ๋อเอื้อมมือมาปิดหน้าอกของตัวเอง
กลิ่นข้าวกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ อาการคลื่นไส้กลับมาอย่างรวดเร็ว
โจวเจ๋อรีบเดินออกจากประตูและสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกมันทำให้เขาสบายตัวขึ้นเล็กน้อย
ศีรษะของเขายังคงง่วงซึม โจวเจ๋อเริ่มเดินบนถนนคนเดียวเขาจำเป็นต้องคิดบางเรื่องอย่างเงียบๆ แต่เขาไม่สามารถสงบลงได้จริงๆ เพราะเขามีความปรารถนาที่จะนอนเป็นอย่างมาก
ความรู้สึกของเขาในเวลานี้เหมือนกับไปเที่ยวบาร์สองวันติดต่อกัน หรือนักเรียนมัธยมต้นที่ซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มตลอดทั้งคืนเพื่ออ่านนวนิยายจากนั้นก็ตื่นเช้าในวันรุ่งขึ้นเพื่อไปเรียน
โจวเจ๋อเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายจนกระทั่งเขาไปหยุดอยู่ที่หนึ่ง โรงพยาบาลในเครือตงเฉิงเฟิร์ส
จริงๆแล้วเขาเดินกลับมาที่ทำงานเดิม อาจเป็นเพราะเมืองเล็กเกินไป
โจวเจ๋อเดินเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อขอยานอนหลับ เมื่อได้ยามาแล้วเขาก็กินยาทั้งหมดลงไปในคำเดียวและดื่มน้ำตามเล็กน้อย
หลังจากนั้นเขาเดินไปที่ม้านั่งข้างระเบียงและนอนลงไป แต่แทนที่เขาจะหลับจากฤทธิ์ยา มันกลับทำให้เขาทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าตอนนี้เขาแทบจะไม่สามารถประคองสติของตัวเองอยู่แต่เขาก็ยังนอนไม่หลับ
โรงพยาบาลที่คุ้นเคยสภาพแวดล้อมการทำงานที่คุ้นเคยโจวเจ๋อเห็นอัลบั้มรายชื่อแผนกฉุกเฉินที่ชั้นล่างของอาคาร รูปภาพของเขากลายเป็นสีเทา
โจวเจ๋อตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาระลึกถึงชีวิตของตัวเองที่นี่
งานของเขาชีวิตของเขาและอดีตของเขาหรือชีวิตก่อนหน้านี้
ไม่สามารถย้อนกลับไปได้
จากนั้นโจวเจ๋อก็เดินลงบันไดไปชั้นหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
เขายืนอยู่ตรงไหน? ในฐานะหมอที่เคยทำงานที่นี่มาหลายปีเขารู้แผนผังของอาคารนี้เป็นอย่างดี ห้องเก็บอุปกรณ์และก็ห้องเก็บศพ
เขาจำได้ว่าเขานอนอยู่ที่นี่และสัปเหร่อกำลังแต่งหน้าเขาอยู่ในตอนนั้น
เขาเดินไปข้างหน้าเพื่อเข้าสู่ห้องเก็บศพ โจวเจ๋อต้องการเห็นสถานที่ที่เขาเคยนอนมันมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่กำลังชักนำเขาไปสถานที่แห่งนั้น
เมื่อเดินมาถึงห้องเก็บศพที่หน้าประตูมีตัวล็อคอิเล็กทรอนิกส์อยู่ โจวเจ๋อจำรหัสได้ หากแพทย์ในแผนกอื่นกำลังยุ่งๆบางครั้งโจวเจ๋อจะเป็นคนเข็นศพมาที่นี่เอง
ในความเป็นจริงโรงพยาบาลแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นห้องเก็บศพของสถานีตำรวจอีกด้วย ศพบางส่วนไม่สามารถระบุตัวตนได้พวกเขาจะนำมาไว้ที่นี่ชั่วคราวซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาในหลายๆ ที่
หากสถานีตำรวจในพื้นที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่พอและอุปกรณ์ทางนิติวิทยาศาสตร์ของพวกเขาไม่เพียงพอ ศพมักจะถูกนำไปไว้ในห้องเก็บศพของโรงพยาบาลในท้องที่
หลังจากป้อนรหัสผ่านล็อคประตูจะเปิดโดยตรง
โจวเจ๋อเดินเข้าไปข้างในเพื่อสัมผัสกับความเย็น
มันไม่ใช่ความเย็นที่กระตุ้นผิวแต่เป็นลักษณะพิเศษที่ดูเหมือนจะปกปิดอุณหภูมิภายในของคน แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้คือที่พักผ่อนระยะสั้นของคนตาย
ตามปกติแล้วห้องนี้จะมีคนดูแลอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้โจวเจ๋อถึงไม่พบใครเลยหรือว่าพวกเขาออกไปทำธุระข้างนอก
โจวเจ๋อเดินเข้าไปในห้อง ศพหลายศพถูกวางไว้บนเตียงถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว และศพหนึ่งห่อด้วยผ้านวมลายดอกไม้เมื่อพิจารณาจากเส้นผมสีเงิน โจวเจ๋อเดาว่าน่าจะเป็นหญิงชราคนหนึ่ง
ด้วยเหตุผลทางวิชาชีพโจวเจ๋อจึงไม่กลัวซากศพ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาก็ถือได้ว่าเป็นผีคนหนึ่งเช่นกัน
โจวเจ๋อเดินไปที่ตู้แช่แข็ง เป็นตู้แช่ที่สามารถดึงออกมาทีละชั้นได้ มีประวัติติดอยู่ที่ด้านนอกของตู้แช่มันบันทึกชื่อเพศและข้อมูลของศพ
โจวเจ๋อเปิดตู้แช่แข็งที่ว่างเปล่าทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ปิดลงความรู้ผ่อนคลายถาโถมเข้าสู่จิตใจของเขา เขารู้แล้วว่าต้องเป็นที่นี่อย่างแน่นอน หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งโจวเจ๋อก็นอนลง
“ ซี๊ด … ”
ตู้แช่แข็งถูกดันเข้ามาช้าๆจนปิดในที่สุด
เงียบ เย็น โจวเจ๋อปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆความง่วงเข้าเกาะกุมจิตใจของเขา ในที่สุดเขาก็พบกับความรู้สึกของการนอนหลับอีกครั้ง
ในตอนที่เขาหลับอยู่เขาไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังปิดประตูตู้แช่ให้กับเขาเบาๆ