Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก - ตอนที่ 98
98 – ช่วงนี้คุณผอมนะ
โจวเจ๋อหยิบบุหรี่ออกมาจุดไฟ เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการที่ต้องสูบมันในบ้านของคนอื่น
ผ่านไปครู่หนึ่ง โจวเจ๋อก็ถามว่า
“ทำไม?”
“เพราะความสุข” หวังเค่อส่ายหัวจากนั้นชี้ไปที่หม้อน้ำซุปแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าหม้อน้ำซุปต้มเนื้อมนุษย์อยู่เหรอ”
โจวเจ๋อไม่ได้พูดนั่นเป็นการยอมรับโดยปริยาย
หวังเค่อยังหยิบบุหรี่ออกมาและใช้ไฟบนเตาแก๊สจุดบุหรี่
“นี่คือคำใบ้ทางจิตวิทยา ทุกคนจะพบกับคำใบ้ทางจิตวิทยาแบบนี้ไม่มากก็น้อยในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเพิ่งออกมาจากบ้านแล้วคุณป้าข้างบ้านก็บอกว่าล็อคประตูบ้านแล้วหรือยังไม่งั้นจะมีขโมยมาขโมยของ
คุณจะใคร่ครวญโดยไม่รู้ตัวว่าคุณล็อกประตูแล้วหรือยัง จากนั้นคุณก็จะวิ่งไปที่ประตูเพื่อดูว่าประตูของตัวเองปิดแล้วหรือไม่ซึ่งมันก็ถูกล็อคสนิทแล้ว การที่คุณวิ่งมาก็เป็นเพียงแค่เรื่องเสียเวลาเท่านั้น
นี่เป็นเพียงเรื่องธรรมดาเรียบง่าย หากเป็นขั้นสูงขึ้นอีกเล็กน้อยก็จะมีการศึกษาโดยผ่านพฤติกรรมและจิตสำนึกของสัญญาณทางจิตวิทยาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น คุณกำลังคิดว่าผมทำซุปเนื้อคนอยู่ในครัว “
หวังเค่อยักไหล่
“มันไร้สาระเหรอ? ใช่ มันไร้สาระ แต่คุณเชื่อมันนี่คือสิ่งที่ไร้สาระและธรรมดาที่สุด”
“นี่เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาหรือเปล่า?” โจวเจ๋อถาม
หวังเค่อส่ายหัว “ไม่ มันไม่ใช่โรค เรานักจิตวิทยาไม่เรียกปัญหาทางจิตว่า โรค คุณกำลังคิดว่าผมทำอาหารโดยใช้เนื้อคน แล้วผมจะใช้เนื้อของใคร ตัวอย่างเช่น ภรรยาของผมที่ชอบออกไปทำผมแต่ไม่เปลี่ยนทรงผมเมื่อเธอกลับมา
คุณคิดว่าผมมีแรงจูงใจอะไรที่ต้องฆ่าเธอ?
ผมถูกสวมหมวกเขียวอย่างนั้นเหรอ เธอแอบนัดพบผู้ชายอีกคนข้างนอกและสวมหมวกสีเขียวที่ค่อนข้างน่ารักให้กับผม”
“น่ารัก”
“ก็นะ คำคุณศัพท์ น่ารัก อาจมองข้ามไปก่อนก็ได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นคำใบ้ที่ใหญ่ที่สุดที่คุณคิดว่าผมได้ลงมือฆ่าภรรยาของตัวเองแล้วปรุงเป็นอาหาร
เพราะคุณคิดว่าผมรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ถูกต้อง อันที่จริงผมรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณก็อาจจะคิดว่าผมกำลังโกรธ โอเค ผมโกรธจริงๆ
หลังจากนั้น คุณคิดว่าผมมีแรงจูงใจที่จะฆ่าเธอและกินเนื้อของเธอ เพราะผมควรจะระบายความโกรธด้วยวิธีนี้
แน่นอนว่ามีคำแนะนำเสริมบางอย่างในเรื่องนี้ เช่น ตัวตนของผม ที่มีความหมกมุ่นอยู่กับการทำเนื้อตุ๋น เหตุผลก็เพราะตอนที่ผมเป็นเด็กนั้นผมเติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพวกเราจึงไม่ค่อยได้กินเนื้อกันมากนัก
ความแตกต่างนี้ทำให้สมองของคุณเริ่มตีความไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งคุณคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผล
กล่าวคือ สิ่งที่คุณคิดว่าเป็น “ความจริง” มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแม้แต่น้อย”
หวังเค่อหยิบชิ้นเนื้อด้วยตะเกียบ จุ่มลงในจานแล้วใส่เข้าไปในปากแล้วเคี้ยวโดยที่หลับตา
“ไม่กินจริงๆเหรอ อร่อยดีนะ จำได้ว่าตอนที่อยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพวกเราแย่งเนื้อกันจนทะเลาะกันบ่อยมาก”
“แต่สุดท้ายคุณก็เสียสละให้ผม” โจวเจ๋อกล่าว
“ฮ่าฮ่า ใครบอกให้คุณตัวเล็กกว่าและยังเป็นน้องชายของผมอีก” หวังเค่อโบกมืออย่างไม่ชอบใจ
“จริงๆตอนนี้ผมก็ยังชอบกินเนื้ออยู่เพียงแต่ว่าสุขภาพผมไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้กินอาหารที่มีไขมันมากนัก ร่างกายครับผมไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมก็กำลังจะเป็นคนวัยกลางคนแล้วด้วย นอกจากนี้สภาพความเป็นอยู่ของผมก็ดีขึ้นมากหลังจากที่ผมเริ่มทำงาน”
หวังเค่อหยิบเนื้ออีกชิ้นหนึ่งเข้าปาก หลังจากกินเข้าไป เขาก็ถอนหายใจ
โจวเจ๋อพ่นบุหรี่ออกมาโดยไม่พูดอะไร แต่เอนกายพิงผนังห้องครัวอย่างเงียบๆ มองดูควันสีขาวลอยอยู่ข้างใน มองดูความผันผวนทางอารมณ์ของชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างใน
“นี่เป็นสถานการณ์ปกติสำหรับคนส่วนใหญ่ อาเจ๋อคุณและผมเติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เราทุกคนต้องทนทุกข์จากความโชคร้ายในวัยเด็ก เช่นเดียวกับการขาดความอบอุ่นจากครอบครัวมาตลอดชีวิตของพวกเรา
อันที่จริง เราทั้งคู่มีปัญหาทางจิตไม่มากก็น้อย นี่คือเมล็ดพันธุ์ที่ถูกฝังไว้ในใจของเรา และตอนนี้มันกำลังเบ่งบานขึ้นแล้ว
คุณบอกว่ามโนธรรมของคุณหายไป แต่มันไม่ใช่แบบนั้นคุณแค่ปฏิเสธมันเพราะคุณเบื่อที่จะทำเรื่องที่ดีแล้วต่างหาก ดังนั้นจิตใต้สำนึกของคุณจึงสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมา
และเมื่อคุณกินมโนธรรมของตัวเองไปแล้ว คุณก็จะสามารถเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่คุณไม่อยากทำได้อย่างง่ายดาย”
“จะแก้ไขอย่างไร” โจวเจ๋อถาม
“เว้นแต่ว่าจะมีปรมาจารย์ด้านจิตวิทยาที่สามารถเอาชนะคุณในจิตสำนึกได้อย่างสมบูรณ์และทำลายโซ่ตรวนของหัวใจของคุณในจังหวะเดียว ไม่เช่นนั้นคุณก็ต้องทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้ตลอดไปจนกว่าคุณจะตาย”
หวังเค่อจิบซุปอีกคำและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“น้องชายความสามารถของผมนั้นไม่เพียงพอ ผมสามารถแก้ปัญหาของคนทั่วไปได้แต่คุณก็รู้ดีว่าคุณไม่ใช่คนทั่วไป”
โจวเจ๋อพยักหน้า “ดังนั้น ทั้งหมดนี้ทำได้แค่ปล่อยมันไว้อย่างนั้น?”
“แทนที่จะต่อต้าน คุณสามารถยอมรับมันได้ แม้ว่ามันจะทำให้คนกลายเป็นคนชั่วในสายตาของคนอื่นก็ตาม”
หลังจากทานเนื้อตุ๋นเสร็จหวังเค่อและโจวเจ๋อก็ไปที่ห้องนั่งเล่นและหวังเค่อก็ชงชาอีกครั้ง
ทีวีกำลังออกอากาศข่าวท้องถิ่นของตงเฉิง บังเอิญมีใบหน้าที่โจวเจ๋อคุ้นเคย เป็นใบหน้าที่ซื่อสัตย์ของชายวัยกลางคน เขากำลังร้องไห้และคำราม
หวังเค่อเห็นโจวเจ๋ออ่านข่าวและอธิบายว่า “เมื่อเร็วๆนี้ ลูกชายของเขาเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เขาต้องการตามหาลูกสาวคนที่สองของเขาที่เคยถูกส่งออกไปก่อนหน้านี้
แต่ลูกสาวคนที่สองและพ่อแม่บุญธรรมของเธอปฏิเสธที่จะบริจาคสเต็มเซลล์ เขาและภรรยาจึงไปปิดกั้นที่ด้านหน้าประตูโรงเรียนมัธยมของลูกสาวคนที่สองของพวกเขาพร้อมกับด่าทอเธอต่างๆนานา”
“โอ้”
โจวเจ๋อจิบชา
“ผมต้องกลับแล้วขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในวันนี้”
“อย่าพูดถึงมัน ผมจะไม่ติดต่อหาคุณอีกในอนาคตแต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือคุณสามารถมาที่นี่ได้”
หลังจากอำลาหวังเค่อ โจวเจ๋อก็เดินออกจากบ้านของเขาและมองไปที่ระเบียงชั้นสองแต่ไม่เห็นเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ที่นั่น
ก็สมควรอยู่เด็กหญิงตัวน้อยและกลุ่มเพื่อนผีของเธอน่าจะอยู่ที่เฉิงตูในเวลานี้
โจวเจ๋อเรียกรถแท็กซี่ให้เข้ามารับ หลังจากที่คอยอยู่ประมาณห้านาทีแท็กซี่คันหนึ่งก็ขับมารับเขาที่ด้านในของหมู่บ้าน
“จะไปไหนเหรอครับ”
“ไปส่งผมที่ไหนก็ได้ที่เงียบสงบที่สุด”
“อ้าว พี่ชายเป็นนักเขียนเหรอครับ หรือว่าตอนนี้คุณกำลังออกหาแรงบันดาลใจ”
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นผมรู้จักสถานที่หนึ่ง มันเป็นสถานที่ที่เงียบสงบมากรับรองได้ว่าคุณต้องพอใจ”
คนขับตบหน้าอกเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะหาที่ที่ดีสำหรับโจวเจ๋อได้ สถานที่แห่งนี้เลวร้ายมากจนคนส่วนใหญ่ไม่กล้าผ่านตอนกลางคืน
จากนั้นคนขับก็ส่งโจวเจ๋อไปที่ประตู “ร้านหนังสือยามดึก”
ทันทีที่รถจอดใบหน้าของโจวเจ๋อก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
หลังจากลงมาจากรถโจวเจ๋อก็มองย้อนกลับไปที่รถแท็กซี่ซึ่งกำลังขับห่างไกลออกไป และทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเขาควรคุยกับซูชิงหลางเกี่ยวกับการย้ายที่ตั้งของร้านอย่างจริงๆจังๆเสียที
…………
เมื่อผลักประตูห้องนอนหวังเค่อก็เดินเข้าไปในห้อง ภรรยาของเขานอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง เมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาเธอก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือทันที
หวังเค่อนั่งลงที่ข้างเตียงด้วยรอยยิ้ม เขาเอื้อมมือไปแตะแก้มภรรยาของเขาแล้วพูดว่า
“คุณดูผอมไปนะช่วงนี้ มันจะทำให้ผมกินคุณไม่อร่อย”
พูดจบหวังเค่อแคะเศษเนื้อชิ้นนึงออกมาจากฟันของเขา