Legend of the mythological genes - ตอนที่ 278
Legend of the mythological genes – ตอนที่ 278
เพียงแค่สั่ง ทีมของเฟิงหลินก็ลงมือทำทัน ย้ายจากจุดเดิม
พวกเขาตั้งค่ายที่นี่เป็นเวลาห้าวันและไม่ได้ขยับเลย พวกเขาอดทนจริงๆ
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะและสามารถปรับร่างกาย พวกเขาจะไม่สามารถรับมือได้
“วะจิทูลาทิร่า … ” เสียงคำรามดังกึกก้อง
ชนเผ่าพื้นเมืองของเผ่าเจิ้งล้วนสวมใส่ชุดเกราะแบบดั้งเดิม หอกที่พวกเขาใช้ทำมาจากผลึกวิญญาณและพวกมันก็วิ่งออกมาเหมือนกองทัพ
ข้างนอกถ้ำเสียงการฆ่าสะท้อนดังไม่หยุดหย่อน
“ผู้สมัครสอบหรอ?” ยานาถาม
เฟิงหลินหลับตาและส่งพลังวิญญาณออกไป ครู่ต่อมาเขาก็ผงกหัว “ทีมพาลาดินอยู่ที่นี่”
ยานาและคนอื่น ๆ เงียบลง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
ทีมพาลาดินมาที่นี่เร็วมาก ตอนนี้เวลาที่เหลืออยู่สำหรับพวกเขาไม่มากอีกต่อไป ถ้าพวกเขาไม่ใช้มันอย่างดี พวกเขาจะไม่มีโอกาสเลย
พวกเขารู้ว่าเฟิงหลินไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดกับพวกเขา
ตั้งแต่การพบกันครั้งที่แล้วเมื่อสามวันที่ผ่านมา ทีมพาลาดินได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อุปกรณ์ของพวกเขาใหม่ทั้งหมด ดังนั้นมันจึงน่าทึ่งมาก
หากในตอนนั้นพวกเขาเป็นเหมือนขุนนาง ตอนนี้พวกเขาก็เป็นเหมือนจักรพรรดิ
คนกลุ่มนี้ช่างโหดเหี้ยม คนที่อยู่ข้างหน้าถือตรีศูลผลึก เขาโบกมันทำให้คลื่นตกลงมาจากยอดเขาพุ่งเข้าถ้ำและเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้เป็นมหาสมุทร
อีกคนถืออาวุธหม้อดินดูเก่าและไม่สมบูรณ์ แต่เปลวไฟสีดำไหลออกมาทำให้พื้นที่รอบๆเผาไหม้ ทำให้สมาชิกของเผ่าเจิ้งถูกเผากลายเป็นเนื้อย่าง
…
อาวุธทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ระดับ 5 ที่สร้างขึ้นบนดาวใบนี้ ต้องใช้วิชาดั้งเดิมบางอย่างเพื่อควบคุมปราณสวรรค์และโลก พลังของอุปกรณ์นี้สูงมาก สามารถเปลี่ยนภูมิประเทศ
สมาชิกเผ่าเจิ้งเหล่านั้นไม่ทันได้วิ่งหนี พวกเขาก็ถูกกลืนหายไปด้วยกระแสพลังงาน
ถ้ำสั่นสะเทือนในขณะที่คนพื้นเมืองนับล้านพุ่งออกมาเหมือนกระแสน้ำ
“ นี่เป็นโอกาสของเรา ทีมพาลาดินหยิ่งเกินไป พวกเขาคิดเพียงว่าฐานการบ่มเพาะของพวกเขานั้นสูงและมีอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมแล้วจะสามารถพุ่งเข้าไปในถ้ำและปะทะกับหัวหน้าเผ่าเจิ้งได้โดยตรง แต่เมื่อคนออกไปจนหมดถ้ำ มันจะเป็นโอกาสของเรา “เฟิงหลินกล่าว
“เราจะรออะไรอยู่อีก?” แอริสถาม
“ไม่ต้องรีบ” ตอนนี้สิ่งต่างๆมาถึงตรงนี้แล้ว เฟิงหลินไม่ได้กังวล เขาส่ายหัว “มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับทีมพาลาดิน เราควรรอจนกว่าสมาชิกเหล่านี้จะออกมาก่อน เมื่อถึงเวลาที่สุนัขกัดกัน เราจะตัดเส้นทางหลบหนี พวกเขาจะต่อสู้กับพาลาดินให้เรา ในเวลานั้นถ้ำจะว่างเปล่า มันจะเป็นโอกาสที่พวกเราจะลงมือ! “
เมื่อหัวหน้าอย่างเฟิงหลินพูด ยานาและคนอื่น ๆ ก็ไว้วางใจในการตัดสินของเขาและทำให้ความกังวลของพวกเขาหายไป
และเมื่อการสู้รบด้านนอกทวีความรุนแรงมากขึ้น สมาชิกชนเผ่าเจิ้งกว่าพันคนก็รีบออกมา
การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเฟิงหลินทำให้เห็นว่าด้านนอกถ้ำนั้นได้กลายเป็นหม้อโจ๊กไปแล้ว สถานการณ์นั้นวุ่นวายมาก
ทีมพาลาดินได้รับการคาดหวังเพราะเป็นทีมสุดยอดผู้บ่มเพาะ ไม่ว่าพวกเขาจะมีแค่ห้าคนก็ตาม พวกเขาก็เหมือนกำแพงเหล็กเคลื่อนที่ได้ ฆ่าสมาชิกเผ่าเจิ้งอย่างง่ายดาย
โฮก
เสียงคำรามด้วยความโกรธดังขึ้น
การดำรงอยู่ที่น่ากลัวจากส่วนลึกของถ้ำ ในที่สุดก็ตื่นขึ้น มันคำรามราวกับว่ามันกำลังสั่งบางอย่าง
แม้แต่ชาวพื้นเมืองระดับสูงก็ยังไม่สามารถนั่งนิ่งได้ ในที่สุดพวกเขาก็แสดงตัวออกมาราวครึ่งหนึ่ง วิ่งออกไปเพื่อเสริมกำลัง
“ได้เวลาแล้ว” เมื่อเห็นสิ่งนี้ ในที่สุดเฟิงหลินก็ออกคำสั่ง เขาควงกระบองโลหะของเขาและเขวี้ยงเล็งไปที่เพดานเพื่อระเบิดอย่างรุนแรง
ไม่กี่วินาทีต่อมาเพดานก็สั่นสะเทือน หินตกลงมาซ้อนกันที่ทางเข้า
ยานาและคนอื่น ๆ ก็ใช้เทคนิคของตัวเองเช่นกัน ทำให้ทางเข้าถูกปิดอย่างสมบูรณ์
“มนุษย์น่าสมเพช! พวกแกได้รับความช่วยเหลือจากข้างใน!” สมาชิกของเผ่าเจิ้งพูดพล่ามในภาษาของพวกเขา
ทีมพาลาดินตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ ไม่นานท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก “ไม่ได้การ ต้องมีทีมอื่นซ่อนตัวอยู่ในนั้น เราต้องฆ่าพวกมันให้เร็วที่สุด เราไม่อาจปล่อยให้คนอื่นขโมยสิ่งที่เราต้องการไปได้!”
สมาชิกของเผ่าเจิ้่งเห่าหอนและพุ่งไปข้างหน้ าสมาชิกห้าคนของทีมพาลาดินไม่สามารถผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไป ร่างกายของพวกเขาเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ และพุ่งออกไปโจมตี
“จิวะจิวาวา …”
เมื่อเห็นสมาชิกแปลกๆห้าคนของเผ่าเดียวกันปรากฏตัวและตัดเส้นทางของสมาชิกในเผ่า พวกชนชั้นสูงเหล่านี้ก็เริ่มพึมพำและรีบพุ่งไปข้างหน้า
“ฆ่าพวกมันทั้งหมด!” เฟิงหลินพูดอย่างเยือกเย็น
ไม่จำเป็นต้องซ่อนอีกต่อไป
สมาชิกในทีมคนอื่น ๆ ฉีกการปลอมตัวออก และระเบิดการโจมตีใส่พวกระดับสูงของเผ่าเจิ้ง
“มนุษย์ … ” พวกชนชั้นสูงร้องเสียงโหยหวน
“รูปปั้นเทพสงคราม!!”
ร่างกายของแอริสขยายใหญ่ ยานายืนอยู่บนไหล่ของรูปปั้นยักษ์ ขณะที่เธอทั้งสองเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยกัน
หมัดของรูปปั้นยักษ์ระเบิดออกทำให้พวกระดับสูงของเผ่าเจิ้งสองคนลอยไป
ควบคุมจิตใจ!
ติ้ง ติ้ง ติ้ง
ยานาโบกคทา เธอถูกสวมเกราะสีทองและเปลี่ยนร่างเป็นเทพธิดา ควบคุมจิตใจของเป้าหมาย
ครู่ต่อมาสายตาของชนชั้นสูงทั้งสามของเผ่าเจิ้งก็ว่างเปล่าและพวกเขาก็เริ่มที่จะต่อสู้กันเอง
สถานการณ์ที่นี่ก็วุ่นวายมาก
“พวกนายไปกันก่อน ให้พวกเราจัดการที่นี่!” ยานาพูด
เฟิงหลินและอีกสองคนไม่ลังเล พวกเขารีบเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ
พี่น้องสองคนเติบโตมาด้วยกันและการร่วมมือกันของพวกเธอนั้นสมบูรณ์แบบเหมือนเป็นหนึ่งเดียว
แอริสมีความเชี่ยวชาญในการจู่โจมด้วยพลังโจมตี ในขณะที่ยานาเป็นประเภทควบคุมใช้พลังจิตของเธอเพื่อสะกดจิตสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
คนหนึ่งคือผู้โจมตีหลัก ในขณะที่อีกคนสวมบทบาทผู้สนับสนุน การต่อสู้ของพวกเธอมีพลังเป็นสองเท่าทำให้พวกเธอสามารถทนการโจมตีจากชนชั้นสูงของเผ่าเจิ้งได้
นี่เป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ การตัดสินใจผิดเพียงอย่างเดียวจะทำให้แผนการของพวกเธอพัง
เฟิงหลิน, อี้และซูลี่ข้ามพวกเผ่าเจิ้งและเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ จากนั้นแสงสีแดงก็ปรากฏขึ้น
เสาผลึกขนาดยักษ์จำนวนมากห้อยลงมาจากเพดานเหมือนหินย้อย พวกมันส่องแสงสีแดงสดใส
ด้านล่างเป็นทะเลสาบสีแดงทอดยาว น้ำที่นี่มีสีแดงเหมือนเลือดและมีกลิ่นเลือด
ฮั่ว ฮั่ว ~
“ มนุษย์ที่น่าสมเพช แกกล้าเข้ามาในอาณาจักรของกษัตริย์ได้ยังไง?ช่างรนหาที่ตาย!” เสียงคำรามเสียงดังกึกก้อง น้ำในทะเลสาบแยกตัวออกจากตรงกลาง
เหล่าชายมีความมุ่งร้ายเหมือนภูติผีในขณะที่ผู้หญิงมีเสน่ห์และสวยงามเหมือนปีศาจ
(ทำไมเผ่าเจิ้งถึงคล้ายกับเผ่าอสุราในตำนาน? แม้แต่สภาพแวดล้อมที่พวกเขาอยู่ก็คล้ายกันมาก)
ความคิดพุ่งเข้ามาในใจของเฟิงหลิน แต่เขาไม่มีเวลาไตร่ตรองมากกว่านี้
“อย่าเมตตา ฆ่าคนพื้นเมืองเหล่านี้ทั้งหมด!” เขาสั่ง
ปัง!
พลังปะทุออกมา
ซูลี่ยกปืนเงินขนาดใหญ่ขึ้นมาด้วยร่างผอมบาง ปืนรังสีควอนตัมรวมตัวกันเป็นกระสุนรังสียิงออกมา ทำให้สมาชิกของเผ่าเจิ้งตายเป็นจำนวนมาก
อีกาทองทะยาน!
อี้ใช้ไมโครเมชา เขาเปลี่ยนเป็นนักรบระหว่างดวงดาวและยิงธนูไฟบินโฉบลงมาจากท้องฟ้าก่อนที่จะระเบิดทำให้ศัตรูของพวกเขาถูกเผาเป็นจำนวนมาก
ระเบิดรังสีสังหาร!
ระเบิดรังสีตกไปในทะเลสาบเลือดและระเบิดพลังงาน รังสีสีเทากระจายออกไปทันที
สมาชิกของเผ่าเจิ้งไม่สามารถหลบหนีได้ทัน พวกเขาทำได้เพียงแค่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของพวกเขาละลายเหมือนน้ำแข็งและนอนโดนเผาอยู่บนพื้น
แม้ว่าเฟิงหลินจะไม่เกลียดชังชาวพื้นเมืองเหล่านี้ แต่เขาเข้าใจว่าการเมตตามีแต่จะทำร้ายตัวเอง
การฆ่าก็เป็นความเมตตาเช่นกัน!
ตั้งแต่เริ่ม เฟิงหลินใช้ไม้ตายก้นหีบ บดขยี้พวกชนพื้นเมืองเหล่านี้จนถึงจุดที่ไม่อาจสู้กลับได้ ทีมเขาแหวกเปิดเส้นทางไปส่วนลึกของทะเลสาบเลือด
บูม บุม บูม
เสียงเต้นหัวใจดังขึ้นเหมือนเสียงฟ้าร้อง ในขณะที่กลิ่นอายไหลผ่านนั้นเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว
ฮั่ว
น้ำแยกอีกครั้งขณะที่บัลลังก์ที่ทำจากผลึกเลือดสีแดงลอยขึ้นมา ร่างยักษ์เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั่งอยู่บนนั้น ปกคลุมด้วยความมืด มีเพียงดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตถึงเห็นได้ชัด กำลังจ้องมองลงมาที่กลุ่มของเฟิงหลิน