Legend of the mythological genes - ตอนที่ 393 กฎเกณฑ์
“ลันเชินโน่ นักปรุงยาขั้นสูง อายุ 35 เกิดในกรุงโรมสหพันธ์ดาวเคราะห์… “
“เฉินตงไล่ ปรมาจารย์ด้านการปรุงแต่งยา อายุ 52 ปีเกิดในดาวเคราะห์ราชายา ของสาธารณรัฐดาวฮั่วเซีย… “
“โอ๊คลัน นักปรุงยาขั้นสูง อายุ 31 ปีเกิดในดาวชาโร่ของพันธมิตรยูโรป้า… “
…
หลายคนยืนตรงหย้สเขา พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยา แต่งกายในชุดทหารและดูมีชีวิตชีวามาก
อายุเฉลี่ยของมนุษย์ระหว่างดวงดาวเกินกว่า 200 ปีและผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต
ไม่มีใครมีระดับต่ำกว่านักปรุงยาขั้นสูงและพวกเขาทั้งหมดอยู่ในช่วงสำคัญของชีวิต เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดู และพวกเขาถูกส่งมาเป็นพิเศษเพื่อเรียนรู้เทคนิคการปรุงแต่งยาตะกั่วแดงกลั่นเข้มจากเฟิงหลิน
“นี่คือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยาที่มหาวิทยาลัยสุดยอดกำแพงมีให้ คุณคิดยังไง?” ผู้พันมองไปที่เฟิงหลินและยิ้ม รู้สึกมั่นใจว่าเฟิงหลินจะต้องพอใจ
เฟิงหลินอ่านต่อ แต่คิ้วของเขาขมวดแน่น “ท่านครับ พวกเขาจะไม่สามารถเรียนรู้เทคนิคของผมได้!”
“พวกเขาไม่สามารถเรียนรู้ได้?!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้พันก็รู้สึกงงงวย
คนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาและอย่างน้อยก็เป็นนักปรุงยาขั้นสูงหรือแม้แต่ปรมาจารย์ด้านการปรุงยา พวกเขาถือเป็นชนชั้นสูงในหมู่กองทัพสุดยอดกำแพง และเป็นคนมากพรสวรรค์ที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูเป็นพิเศษ
ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะในการปรุงแต่งตะกั่วแดงกลั่นเข้มนั้นสำคัญมาก มันก็เป็นไปไม่ได้ที่คนมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ที่จะถูกส่งมาทำงานภายใต้คำสั่งของร้อยตรี
แค่เทคนิคการปรุงแต่งสำหรับยาประเภทเดียว พวกเขาจะไม่สามารถเรียนรู้มันได้ยังไง?
ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงหลินดูจะไม่ได้โกหก ผู้พันคงสงสัยจริงๆว่าเฟิงหลินทำแบบนี้โดยมีเจตนาที่จะไม่ถ่ายทอดเทคนิคนี้
เขาได้รับตำแหน่งทางทหารแล้วเพื่อแลกกับการมอบทักษะ หากเขาพยายามซ่อนเทคนิคนี้โดยเจตนา ผลที่ตามมาจะเลวร้ายมาก
เป็นไปไม่ได้ที่คนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่เด็กใหม่จะเป็นคนโง่ขนาดนี้!
สีหน้าของผู้พันเปลี่ยนเป็นมืดมน ขณะที่เขารอคำอธิบายของเฟิงหลิน
เฟิงหลินรู้ว่าผู้พันคิดอะไรเมื่อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เฟิงหลินยิ้ม“ ไม่ใช่ว่าผมไม่เต็มใจที่จะสอนพวกเขา แต่พวกเขาจะไม่สามารถเรียนรู้มันได้จริงๆ การปรุงแต่งตะกั่วแดงกลั่นเข้มนั้นต้องใช้เทคนิคการปรุงแต่งยาเฉพาะของผม นั่นคือเทคนิคการตกผลึกยา การตกผลึกของยายีนเหลวและระดับของแต่ละบุคคลไม่สำคัญ เทคนิคนี้ต้องใช้ยีนประเภทจิตอันเป็นเอกลักษณ์ โดยใช้พลังงานทางจิตที่มองไม่เห็นเพื่อควบคุมกระบวนการปรุงแต่งและวิเคราะห์คุณสมบัติทางยา กลั่นตัวเป็นผลึกเล็ก ๆ หากบุคคลนั้นไม่ได้ปลุกยีนประเภทจิต พวกเขาจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผมได้ ไม่ว่าพวกเขาจะมีระดับสูงแค่ไหนก็ตาม! “
เทคนิคการสร้างยาตกผลึก?
เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เฟิงหลินพูด (ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเทคนิคการปรุงแต่งแบบนี้มาก่อนเลย?)
(อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นจริง อาจเป็นเพราะมีการใช้เทคนิคการปรุงแต่งยาแบบใหม่ มันถึงสามารถผลิตตะกั่วแดงกลั่นเข้มซึ่งเป็นของลึกลับได้!)
ผู้พันครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่านี่จะเป็นหน้าที่ของผม!คุณสามารถระบุประเภทผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ได้ และทางเราจะหาตัวเขามาให้”
(ดูเหมือนว่ากองทัพสุดยอดกำแพงจะให้ความสำคัญกับตะกั่วแดงกลั่นเข้มมาก!)
เฟิงหลินคิดกับตัวเอง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
ยิ่งพวกเขาให้ความสำคัญกับตะกั่วแดงกลั่นเข้มมากเท่าไหร่ คุณค่าของเขาก็จะยิ่งมากขึ้นและผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับก็จะมากขึ้นเท่านั้น
“เงื่อนไขไม่ยากเกินไป!” เฟิงหลินคิดบางอย่างก่อนที่จะพูดว่า “ผมมีเพียงสองข้อ ข้อแรกผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยาทุกคนจะต้องปลุกยีนในตำนานประเภทจิตหรือวิญญาณ และสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ด้วยความคิด! สอง
ผมไม่มีข้อกำหนดใด ๆ สำหรับระดับขั้นของนักปรุงแต่งยา ไม่เป็นไรตราบใดที่พวกเขาอยู่ในขั้นเริ่มต้นก็ตาม แต่พวกเขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผมอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นผมก็อยากมีสิทธิ์ไล่พวกเขา ผมไม่ต้องการให้ใครมาแทรกแซงภารกิจภายในของเรา!”
เมื่อผู้พันได้ยินดังนั้นก็คิดลึกลงไปทันที ข้อแรกนั้นแปลกมาก แต่ก็ยังพอรับได้
อย่างไรก็ตามเงื่อนไขที่สองนั้นยากเล็กน้อย
ร้อยตรีเพียงคนเดียวที่ต้องการมีเอกสิทธิ์เหนือทีมของเขาเอง!
นี่เป็นสิ่งที่หายากมาก!
อย่างไรก็ตามเขายังคงพยักหน้า
เรื่องวิชาชีพควรปล่อยให้มืออาชีพ เมื่อถึงเวลาทุกอย่างจะถูกกำหนดโดยผลลัพธ์
หากเฟิงหลินสามารถทำภารกิจนี้สำเร็จ ทุกอย่างจะสามารถต่อรองได้
แต่ถ้าเขาทำไม่ได้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะยึดอำนาจการปกครองกลับคืนมาเท่านั้น แต่เขาอาจไม่สามารถรักษาตำแหน่งร้อยตรีเอาไว้ได้ด้วยซ้ำ
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี! คุณแน่ใจหรือว่าคุณไม่มีข้อจำกัดด้านระดับขั้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยา แม้แต่นักปรุงยาขั้นเริ่มต้นก็ยังใช้ได้” ผู้พันทำการตรวจสอบรอบสุดท้าย พบว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อ
“ท่านโปรดมั่นใจ!” เฟิงหลินยิ้มและตอบว่า “ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการปรุงแต่งยาตะกั่วแดงกลั่นเข้มต้องใช้คนคอยควบคุมพลังจิต นอกเหนือจากนั้นขั้ นตอนการกลั่นอื่นๆไม่ซับซ้อนอะไร ตราบใดที่พวกเขาเต็มใจเรียนรู้ แม้แต่นักปรุงยาขั้นเริ่มต้นก็สามารถทำได้! “
“ผมเข้าใจแล้ว ผมจะเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาให้คุณใหม่เอง!” ผู้พันพูดแบบนี้และแตะนิ้วของเขาบนไมโครชิพประจำตัวของเขาออกคำสั่งต่างๆ
เฟิงหลินใช้เวลานี้ในการมองไปรอบ ๆ ห้องปรุงแต่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายในรวมถึงเครื่องมือการกลั่น
ตึง ตึง ตึง!
ในไม่ช้าเสียงฝีเท้ากับเสียงเคาะก็ดังขึ้น
“ขออนุญาตครับ!” เสียงดังขึ้นและทุกคนก็หยุดอยู่นอกห้องปฏิบัติการ
“เข้ามาได้!” ผู้พันร้องเสียงเข้ม
ประตูห้องปฏิบัติการถูกผลักเปิดออก
ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยากว่า 100 คนในช่วงอายุต่างๆ – ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้ามา เด็ก ๆ อายุไล่เลี่ยกับเฟิงหลินในขณะที่คนโตมีผมหงอกอแล้ว
อย่างไรก็ตามไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่น้อย พวกเขาทั้งหมดต่างปล่อยคลื่นพลังจิตออกมา
ผู้พันเดินเข้าไปหาพวกเขาและพูดว่า “ตอนนี้พวกคุณมีโอกาสได้รับสิทธิ์ทางทหารแล้ว! นี่คือร้อยตรีเฟิงหลินของหน่วยโลจิสติกส์ ในอนาคตพวกคุณจะได้เรียนรู้เทคนิคการปรุงแต่งยาใหม่จากเขา เพื่อสร้างตะกั่วแดงกลั่นเข้ม
นี่คือยายีนสร้างความเสียหายแบบใหม่และนับเป็นยาพิษต่อเผ่าพันธุ์วิญญาณ มันมีความสามารถในการสร้างความเสียหายอย่างมากในสนามรบ ผู้ที่สามารถเรียนรู้มันได้สำเร็จจะมีโอกาสได้รับการเลื่อนขั้นเป็นนายทหาร! “
ทุกคนตกตะลึงและแอบรู้สึกตื่นเต้น
มันเป็นโอกาสหายากที่จะได้มีส่วนร่วมในภารกิจสำคัญเช่นนี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยา ยิ่งพื้นฐานของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น โอกาสที่พวกเขาจะสามารถเพิ่มฐานะของพวกเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งได้ก็ย่อมมากขึ้น
นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่านี่คือตะกั่วแดงกลั่นเข้ม ซึ่งเป็นยาที่มีชื่อเสียงอย่างมากในกองทัพสุดยอกกำแพง พวกเขาจะหาโอกาสแบบนี้ได้ที่ไหนอีก?
พวกเขาจะต้องไม่พลาดโอกาสนี้!
พวกเขาแอบรู้สึกอิ่มเอมใจ แต่เมื่อเห็นว่าหัวหน้าเฟิงหลินของพวกเขาอายุยังน้อย รอยยิ้มของพวกเขาก็หยุดนิ่ง
แม้ว่าเฟิงหลินจะเป็นผู้ประดิษฐ์ตะกั่วแดงกลั่นเข้ม แต่เขาก็เป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาควรแค่ส่งมอบเทคนิคกลั่นยามาและไสหัวไปงั้นหรอ?
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยา หลายคนมีความหยิ่งผยอง พวกเขาประเมินเฟิงหลินอย่างหยาบคายและเต็มไปด้วยสายตาดูถูก แต่เป็นเพราะอำนาจของยศร้อยตรีที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าพูดมาก
อย่างไรก็ตามเฟิงหลินได้เห็นปฏิกิริยาของพวกเขาแล้ว เขาก้าวไปข้างหน้าสวมสีหน้าเคร่งขรึมและพูดว่า “จากนี้ไปทุกคนจะต้องทำตามคำแนะนำของผมในการปรุงแต่งยา เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัตินี้เท่านั้นที่สามารถอยู่ได้ ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งสามารถเดินออกไปได้ตอนนี้!”
เสียงของเขาเหมือนสายฟ้าฟาด โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของพวกเขา
เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงแต่งยาได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าพวกเขาก็ดำมืด
อย่างไรก็ตามเฟิงหลินไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุบแต่งยาจะมีความสามารถเพียงใดหรือความสามารถในการปรับแต่งยาของพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด หากเขาไม่สามารถใช้มันได้ก็ไม่มีทางที่เขาจะรักษาเอาไว้
คนเหล่านี้อาจดูเย่อหยิ่ง แต่ไม่มีใครโง่เลย ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่พอใจแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครขยับแม้แต่ก้าวเดียว
นี่เป็นโอกาสที่หายาก!
หากพวกเขาพลาดโอกาสนี้คงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาในการมีส่วนร่วมในภารกิจที่สำคัญ!
ไม่มีใครยอมปล่อยโอกาสนี้ง่ายๆ
“ดูผม ตอนที่ผมปรุงแต่งยา! เรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้! ผมจะเก็บไว้เพียง 20 คนเท่านั้น คนที่เรียนรู้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุดจะมีโอกาสมากกว่า!” เฟิงหลินไม่ได้ใส่ใจพวกเขาขณะที่เขาเริ่ม
การเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นเหมือนเมฆที่พริ้วไหว รวมทั้งเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ภายใต้การควบคุมของมือและพลังวิญญาณ สมุนไพรหลายชนิดเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ลึกลับ ทุกคนจ้องมองด้วยตาเบิกกว้าง