Legend of the mythological genes - ตอนที่ 265
ตอนที่ 265 ศรแห่งกรรม
ลูกศรยิงผ่านอากาศ ย่นระยะอย่างรวดเร็ว มันทิ้งเส้นสีเงินไว้ด้านหลัง
และเร็วจนไม่มีใครตอบสนองทัน
“ชิ่ว” เสียงตะโกนดังเหมือนฟ้าร้อง เปล่งกลิ่นอายโบราณเหมือน
เสียงจากฮั่วเซียโบราณ
อี้ผู้นี้ตั้งใจเตือนให้เฟิงหลินระวัง เขากลัวว่าเฟิงหลินจะไม่อาจป้องกัน
ลูกศรนี้ได้และตาย
“ดี” เฟิงหลินหรี่ตา จ้องลูกศรไฟ เขาตกตะลึงกับกลิ่นอายที่มันปล่อย
และสามารถสัมผัสได้ว่าลูกศรนี้เล็งใจกลางคิ้วเขา
ลูกศรต้องแม่นยำจริง ๆ ความแม่นยำนี้มาจากเทคนิคไล่ตามลม ช่าง
น่าอัศจรรย์
ร่างเฟิงหลินขยับหลบอย่างเร็ว
แต่ทว่า เสียงหึ่งก็ดังจากปลายลูกศร มันเล็งเฟิงหลินและเปลี่ยนทิศทาง
กลางอากาศ ไม่ยอมให้เฟิงหลินหลบ
ลูกศรนี้สามารถติดตามเป้าหมายได้!
ในระยะสั้นเช่นนี้ ไม่ควรมีใครสามาถหลบได้
แสงสีเงินปะทุออกจากหน้าผากเฟิงหลิน พลังวิญญาณเขาพุ่งออกมา
เหมือนกระแสน้ำเป็นมือไร้รูปร่างคว้าจับลูกศรไว้
ลูกศรเล็กนี้มีพลังของกระทิงอัดแน่นภายใน เขาไม่อาจทำอะไรได้
นอกจากเบี่ยงมัน
ฟิ้ว
ลูกศรพุ่งผ่านเขาไป
“เอ๊ะ?” อี้ตกใจ การยิงที่แม่นยำ 100 % ของเขาพลาด นี่คือครั้งแรก
“ไม่เลว!” เจตนาต่อสู้สามารถเห็นได้ในตาเขา
ในสมัยโบราณ นักรบเวทย์ต้องสู้กับท้องฟ้า และทวยเทพ พวกเขามี
เจตจำนงแห่งการต่อสู้ไร้ขอบเขตและกลัวการไม่ได้สู้
เฟิงหลินเพิ่งแสดงความสามารถเขาและนี่ก็ทำให้อี้ชมชอบ
“มือ เท้า ตา!”เขาตะโกนและดึงคันศร ปล่อยลูกศรสามดอกในลม
หายใจเดียว เล็งมือ เท้าและตาของเฟิงหลิน เขามั่นใจมากว่าจะไม่
พลาด
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น
ร่างของเฟิงหลินสั่นด้วยความเร็วสูง ร่างเขากระพริบ สร้างภาพติด
ตามากมายที่สับสนกับความจริง
ลูกศรดูเหมือนจะล็อคเข้ากับเฟิงหลินด้วยพลังของกฎลึกลับบางอย่าง
ลูกศรเริ่มหมุนเหมือนลูกข่าง ปลายลูกศรสั่น พวกมันไม่สนใจทุกสิ่ง
และจดจ่อแค่เป้าหมายจริง
ขนของเฟิงหลินตั้งชัน
เขาไม่อาจหลบสิ่งนี้ได้
ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็รู้สึกว่าลูกศรเหล่านี้หลบไม่ได้
เฟิงหลินตกใจ
ลูกศรเหล่านี้เหมือนศรแห่งกรรมในตำนาน เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลบ
ตามคาดของคนที่เดินบนเส้นทางตำนานของโฮ่วอี้
ในเมื่อไม่อาจหลบ เขาก็ทำได้แค่ป้องกัน
การเติบโตบนเส้นทางจนถึงปัจจุบัน เฟิงหลินพบกับการฆ่าฟันมา
มาก ดังนั้น พลังต่อสู้เขาจึงเหนือกว่าคู่แข่ง เขามีกลยุทธ์จัดการกับ
มันทันที
ไม่ว่ามนุษย์จะเร็วแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจหลบลูกศรของคนที่อยู่
ในอาณาจักรบ่มเพาะเดียวกันได้ นี่คือกฎในจักรวาล พลังของมนุษย์
ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น
พลังวิญญาณเปลี่ยนเป็นรูปร่าง สร้างเป็นชั้นกำแพงที่มองไม่เห็น
ตรงหน้าเขา
ปุ ปุ ปุ!
ลูกศรแหลมเหล่านั้นพุ่งเจาะกำแพงตรง ๆ ดูเหมือนไม่มีอะไรขวาง
พวกมันได้
แต่หลังเจาะผ่านชั้นกำแพง พลังภายในพวกมันก็ไม่ทรงพลังเท่าเดิม
อีก
เฟิงหลินโบกมือและคว้าลูกศรทั้งสามไว้ในมือ
เขาเห็นลูกศรเหล่านี้ถูกสร้างจากกระดูกขาวและมันวาวเหมือนหยก
บางทีพวกมันอาจเป็นสมบัติ
หมื่นลูกศร!
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
มันเหมือนอี้ได้พบกับคนที่ใช่ เจตนาต่อสู้ในตาเขายิ่งรุนแรง เผา
ผลาญด้วยความตื่นเต้น
สายธนูบิดซ้ำ ๆ เสียงของม้าพันตัวดังสะท้อน
ลูกศรหนาแน่นประดุจฝน สร้างเป็นการโจมตีต่อเนื่องในอากาศ
เหมือนนกยูงแผ่หางมัน การโจมตีนี้มีความงามหาที่เปรียบไม่ได้ มัน
กลืนกินเฟิงหลินทันที
บูม!
ร่างเฟิงหลินพุ่งสูงไปในอากาศ พลังวิญญาณเขาก่อเป็นรัศมีสีทอง
ล้อมรอบเขา
ติง ติง ติง!
เสียงการปะทะดังชัดเจน
ลูกศรที่เป็นเหมือนสายฝนสามารถแหวกผ่านชั้นป้องกันได้และพลัง
มันก็ลดลงมาก
ร่างของเฟิงหลินหมุนเหมือนลูกข่างในอากาศ เขาใช้ขาเป็นแส้ กวาด
มันใส่ลูกศร
หลังลูกศรตกพ้น พวกมันจะหายไปเงียบ ๆ และกลับไปหาคันศร
ของอี้โดยอัตโนมัติ พวกมันดูเหมือนจะมีจำนวนไร้สิ้นสุด
เฟิงหลินจะไม่เข้าใจได้ยังไง? ชุดธนูและลูกศรนี้ต้องมาจากแหล่ง
เดียวกัน พวกมันถือเป็นสมบัติหายากยิ่งและทรงพลังมาก
มันแค่ว่าเขาไม่รู้ว่าลูกศรแห่งกรรมก่อนหน้าเป็นผลของธนูหรือ
ความสามารถยีนโฮ่วอี้
อี้ยืนตำแหน่งเดิม ฝังเท้าแน่นบนพื้นและมีเพียงกล้ามบนแขนเขา
และสายธนูที่ขยับ พละกำลังเขาดูเหมือนไร้ขอบเขตขณะยิงลูกศร
เหมือนไม่รู้จักเหนื่อย
เขายิงลูกศรออกมาด้วยพลังที่ประดุจกองทัพ ด้วยพลังของคน ๆ เดียว
เฟิงหลินทำได้แค่ป้องกันตัวเอง แต่การถูกข่มและไม่ตอบโต้ไม่ใช่
สไตล์เขา
หมัดปืนใหญ่!
กล้ามของเฟิงหลินเหมือนกระแสน้ำ แขนเขาขยายขึ้นสามเท่า
นี่ไม่ใช่วิชาแปลงกาย
นี่คือความสามารถที่มอบให้เขาโดยยีนความรุนแรง ความสามารถนี้
จะเพิ่มพลังของแขนเขาห้าถึงหกเท่า
บูม!
หมัดระเบิด!
คลื่นหมัดที่มองไม่เห็นผลักลูกศรไป กระแทกพวกมันเข้ากับกำแพง
แต่ทว่า ศรบินเหมือนฝน มีมากเกินไป ลูกศรที่เขาระเบิดไปไม่ได้ทำ
ให้จำนวนลดลงเลย
แต่เฟิงหลินไม่ตื่นตระหนก
หากหมัดเดียวไม่พอ งั้นก็สอง สาม…
ครืน
หมัดเขาระเบิดเหมือนสายฟ้า
เฟิงหลินเป็นเหมือนคนบ้า หมัดเขาระเบิดออกมาไม่หยุด
ทั้งสองปะทะกันและผลพวงก็กระจายออกไป กลิ่นอายพวกเขา
แข็งแกร่งจนผู้คนรู้สึกอึดอัด ไม่อาจยืนได้มั่นคง
หนึ่งเป็นเหมือนนักธนูเทพจากยุคแรกเริ่มที่ตามล่าปีศาจ อีกคน
เหมือนราชานักรบ
ทั้งสองสู้กัน พลังปะทะพลัง
ฉากป่ าเถื่อนนี้ทำให้สองพี่น้องชาวกรีกแสดงสีหน้าหวาดกลัว
สำหรับซูลี่ ใบหน้าเขาซ่อนภายใต้หน้ากากจิ้งจอก ไม่มีใครบอกได้
ว่าเขามีสีหน้ายังไง แต่ดวงตาเขาทอประกาย เต็มไปด้วยความกังวล
ใจ
“เทคนิคดี!” ตอนนี้ เฟิงหลินและอี้สบตากัน
มีเพียงการพบคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียมถึงจะพบความสุขในการต่อสู้
ลูกศรกระดูกมีความเหนียวมาก แม้จะถูกหมัดปืนใหญ่เฟิงหลินบด
ขยี้ พวกมันก็ไม่เสียหายเลย
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เฟิงหลินจึงไม่อาจออมมือได้อีก
บูม!
ลมแรงพัด
เฟิงหลินถูมือ ในชั่วพริบตา กระบองเหล็กก็ขยายใหญ่ เขาควงมัน
สร้างพายุ กวาดลูกศรภายในก่อนกระจายพวกมันด้วยพลัง
สีหน้าของอี้ขาวซีดอย่างสมบูรณ์
ลูกศรเหล่านี้เป็นวัตถุที่ควบคุมโดยจิตใจเขา ตอนนี้พวกมันได้รับ
ความเสียหาย เขาย่อมบาดเจ็บไปด้วย
หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ
(กระบองนั่นมันอะไร? เฟิงหลินมีอาวุธเทพเช่นนั้นด้วย ไม่แปลกใจ
ที่เขาจะมั่นใจ)
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้คิดมากนัก ด้วยความที่พายุลูกศรเขาหยุด
ข้อบกพร่องใหญ่เขาจึงเผย
ร่างเฟิงหลินขดและยิงทะลุช่องว่างที่สร้างขึ้นชั่วคราว กระโจนใส่อี้
มหาเทพผ่าภูเขา!
ร่างเขาเหยียดออกไป โค้งหลังเหมือนคันธนู กระบองเหล็กในมือเขา
ฟาดลงด้วยพละกำลังมหาศาล สามารถแหวกขุนเขาและทะเลได้ ไม่
มีอะไรสามารถรอดจากการทำลายล้าง
สัมผัสวิกฤติเกิดในหัวใจอี้ เขาใช้คันธนูกระดูกในมือเขาเป็นอาวุธ
และกวาดเป็นแนวนอนเพื่อป้องกัน
ปัง!
ประกายไฟบินว่อน
เฟิงหลินก้าวถอยก่อนกระโจนไปอีกครั้ง
อี้ไม่ขลาดกลัว ขอบคันธนูกระดูกแหลมดุจดาบ ในฐานะนักธนู เขา
ไม่กลัวเลยและพัวพันกับเฟิงหลินในระยะประชิด
ขอบธนูแหลมมากและพลังดิบเถื่อนภายในกระบองก็รุนแรงเป็น
พิเศษ
ทั้งสองเหมือนนายพลที่เป็นคู่แข่งกัน ทุกการปะทะจะทำให้เกิด
ประกายไฟและเสียงดังแหลมก้อง
เฟิงหลินพบว่าอี้ไม่ใช่แค่นักธนูมือฉกาจ การต่อสู้ระยะประชิดเขาก็
ยังน่ากลัวมาก!
ระบำหมอผี!
อี้ก้าวไปรอบ ๆ ด้วยจังหวะแปลก ๆ วิชายุทธนี้ดูแปลก เปล่งกลิ่น
อายป่าเถื่อน
ร่างเขาเปลี่ยนเป็นภาพติดตา เขาวิ่งรอบเฟิงหลิน นี่เหมือนหมอผีใน
ยุคโบราณที่เต้นรอบกองไฟ บทสวดคล้ายคาถาแม่มดดังจากปากเขา
ขณะรอยสักบนตัวเขาดูเหมือนมีชีวิต พวกมันบิดเหมือนไส้เดือน
แสงสีดำที่เต็มไปด้วยพลังคำสาปลอยออกมา
ธนูกระดูกแทงออกมาด้วยมุมแปลก ๆ อยากฉีกเฟิงหลิน เขาใช้เลือด
เขาเป็นเครื่องสังเวยต่อรอยสักบรรพบุรุษเขา และอากาศก็เริ่มบิด
กระตุ้นความรู้สึกน่าขนลุก
การเคลื่อนไหวนี้ล้วนไร้เหตุผลและแปลกประหลาดมาก แต่ก็มีพลัง
มหาศาล
แม้แต่เฟิงหลิน เขาก็ไม่อาจหาข้อบกพร่องได้
แต่ทว่า ไม่จำเป็นที่เขาต้องหามัน วิชากระบองมหาเทพเทียมฟ้า
เหมือนกระแสน้ำในมหาสุมทร เติมเต็มอากาศด้วยเงามัน
ในเมื่อเขาไม่อาจหาข้อบกพร่องได้ เขาจึงใช้พลังดิบ ๆ เขาทำลายทุก
สิ่ง
“มาดูกันว่าใครจะแข็งแกร่งกว่าในการปะทะตรง ๆ”
แก่นแท้ของวิชากระบองแสดงออกมาเต็มที่ เสริมกระบองเหล็กไร้
ขอบเขต
แต่ทว่า อี้กลับยังคงสีหน้าสงบ
(ตามคาดของคนที่เดินบนเส้นทางโฮ่วอี้)
โฮ่วอี้คือคนที่ยิง 9 ดวงตะวัน
ศักยภาพของเส้นทางนี้น่าตกใจ มันไม่ได้ด้อยกว่าเส้นทางในตำนาน
ของซุนหงอคง
แต่ทว่า ศักยภาพเป็นสิ่งหนึ่ง ผู้บ่มเพาะจะพัฒนาเส้นทางตัวเองโดย
ยึดตามเส้นทางตำนานที่เกี่ยวข้องเป็นกุญแจหลัก
แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะบนเส้นทางโฮ่วอี้ เฟิงหลินก็ไม่รู้สึกกลัวที่จะ
เผชิญหน้าเลย
หลังประมือกันอยู่นาน เขายังมองเห็นเทคนิคอีกฝ่าย
ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายแค่ไหน ใครจะสามารถเอาชนะ
ซุนหงอคงได้ในแง่ของพละกำลัง?
อาจมีเส้นทางในตำนานอื่นที่สามารถทำได้แบบซุนหงอคง แต่
ตอนนี้ เฟิงหลินยังไม่เจอคนแบบนั้นมาก่อน
ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาพัวพันกับอี้ ในอนาคต ต้องมี
โอกาสประมือกันอีกแน่
พลังลิงหัวใจเขาระเบิดออกไป ห่อหุ้มกระบอง น้ำหนักของกระบอง
พลันเพิ่มขึ้นสามเท่าตัวและพลังของทั้งร่างก็เช่นกัน
กระบองฟาดลงมา
นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ธรรมดามาก แต่ทำให้พื้นที่ทั้งหมดบิดจาก
แรงกดดันที่เหมือนขุนเขา
“อะไรกัน?” สัญชาตญาณของอี้ร้องเตือน วินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกถึง
แรงกดดันที่กดทับ ดวงตาเขาหรี่แคบ
แต่ทว่า ภายในพลังกระบอง ไม่มีทางให้หลบ อี้ทำได้แค่ป้องกัน
เขาใช้ธนูเขาป้องกันตามสัญชาตญาณ
แคร่ก
“อะไรกัน?” อี้ถูกระเบิดออกไป เหวี่ยงไปในอากาศ เขากระแทกกับ
กำแพงเหล็กเหมือนปืนใหญ่ก่อนหยุด
เขาสะกดกลั้นปราณและเลือด ลดหัวลงและมอง เขาเห็นรอยร้าวชัด
บนธนูกระดูกเขา ในชั่วพริบตา ความเจ็บปวดและความกลัวก็เติม
เต็มหัวใจ
เขาทนความเจ็บปวดจากการปะทุของปราณและเลือด
ธนูทำลายตะวันเขาคือสมบัติโบราณที่สืบทอดจากตระกูลเขาและ
แข็งมาก แต่ตอนนี้ พลังจากกระบองกลับทำให้มันแตก?
นี่เป็นสมบัติประเภทใดกันแน่?
เขาไม่รู้ว่ากระบองในมือเฟิงหลินคืออาวุธเทพที่สามารถผลักดันได้
ทั้งทวีป หากรู้ เขาคงไม่เลือกใช้ธนูมาป้องกัน
หลังได้เปรียบ เฟิงหลินก็รู้สึกเป็นอิสระ เขาทำการโจมตีต่อไป
เงากระบองเร็วและไร้ความปรานี เหมือนพายุรุนแรง
การโจมตีเขาเป็นพละกำลังล้วน ๆ ชกด้วยหมัด ฟาดด้วยกระบอง
นั่นคือความเป็นชาย
แม้นี่จะเป็นแค่การประลอง เฟิงหลินก็ไม่คิดเมตตา เขาอยากเอาชนะ
อี้อย่างสมบูรณ์
อี้ไม่อาจป้องกันและต้องหนีอย่างต่อเนื่อง
ศรแบ่งแยก!
อี้คำรามและมือเขาก็รั้งสายธนู ยิงลูกศรที่แยกเป็นล้านก่อนตกลงมา
จากฟ้า
ตึง ตึง ตึง!
กระบองเหล็กถูกควงหมุน สร้างเป็นวงกลมป้องกันสัมบูรณ์
อี้ไม่ไร้เดียงสาคิดว่าจะสามารถเอาชนะเฟิงหลินได้ด้วยกระบวนท่า
นี้ เขาแค่ใช้การโจมตีนี้เพื่อยืดระยะห่างระหว่างพวกเขา ต่อมา เขาก็
รั้งสาย ทำให้มันโค้งงอเป็นรูปจันทร์เสี้ยวขณะที่กลิ่นอายเขายิ่งทวี
ความรุนแรง
“นายแข็งแกร่งมาก หากฉันใช้เทคนิคทั่วไป ฉันคงไม่ใช่คู่มือนาย” อี้
พูด “แต่ ฉันมีศรอีกดอก หากนายกันมันได้ ฉันจะยอมรับว่านาย
เหนือกว่าและเข้าร่วมทีมนาย!”
“มาเลย” เฟิงหลินกล่าวอย่างสงบ
ตัดสินในการโจมตีเดียว? นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ
คนที่เดินบนเส้นทางโฮ่วอี้จะแข็งแกร่งแค่ไหนหากทุ่มสุดตัว?
มันทำให้เขารู้สึกคาดหวัง
กลิ่นอายยิ่งหนาแน่น ความแหลมแทรกซึมในอากาศ เจาะผิวคนและ
จับเฟิงหลินไว้
(มันกำลังมา!)
ดวงตาเฟิงหลินเปล่งประกายเยียบเย็น
เอี้ยด
เสียงโลหะถูกับโลหะดังขึ้น ลูกศรนี้ดูเหมือนจะช้ามากเหมือนวีดิโอ
ในภาพช้า อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินไม่ลดความระวัง
ยิ่งลูกศรปรากฏช้า พลังก็ยิ่งมาก!
แม้สถานะพลังชีวิตจะสูง แขนเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นหลังยิงลูกศรนี้
มันเหมือนกับว่าแขนเขาไม่อาจแบกรับภาระได้
ฟิ้ว
เกิดประกายไฟไล่ตามลูกศร
ลูกศรทำให้เกิดแรงเสียดทานอย่างรุนแรงจากการยิงผ่านอากาศ
ประกายไฟที่สร้างขึ้นงดงามเหมือนพลุไฟ คล้ายนกยักษ์ที่กางปีก
และแหงนหน้าเพื่อเปล่งเสียงร้อง ขณะที่ร่างมันปกคลุมด้วยไฟ
(ลูกศรนี้ช้ามาก..ไม่สิ! มันเร็วมาก!)
ความช้าที่เขาเห็นแค่ภาพลวงตาเพราะลูกศรเร็วจนตาเขามองไม่ทัน
เฟิงหลินกระพริบตา เขาเห็นแค่นกไฟกำลังโถมหาเขา นี่รู้สึกเหมือน
อีกาทองคำในตำนานที่จุติลงจากฟ้า มันราวกับดาวหางที่แหวกผ่าน
อากาศ อยากเผาไหม้โลก
เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงเข้ากลืนกินเขา
อีกาทองคำทะยาน!
อี้วางคันธนูลงด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
วินาทีต่อมา เปลวไฟก็มอด เผยให้เห็นร่างของเฟิงหลิน แม้เสื้อผ้าเขา
จะไหม้ ผิวเขาก็ยังมันวาวดุจหยก
เฟิงหลินยังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม
เอี้ยด เอี้ยด
ฝ่ามือเขาเหมือนห่วงเหล็ก คว้าจับลูกศรไว้แน่น เขาออกแรงและศร
กระดูกก็แตกสลายเป็นผุยผงก่อนหายไปตามลม
จากนั้นเฟิงหลินก็กางมือ บาดแผลสามารถเห็นได้บนฝ่ามือเขา
นอกจากนี้ ยังมีรูเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเฟิงหลินพร้อม
เลือดที่หยดจากมัน
เขาเกือบตาย!
เฟิงหลินรู้ว่าเขาโชคดี ลูกศรนี้เร็วและทรงพลังเกินไป เกือบจะทำลาย
การป้องกันเขา! แม้เฟิงหลินจะไม่รู้ว่ามันมีพลังแค่ไหน แต่รู้ว่ามัน
เกือบจะฆ่าเขา
“เยี่ยม ฉันจะเข้าร่วมทีมนาย” อี้ยอมรับความพ่ายแพ้เขาเมื่อเห็นฉาก
นี้ เขากอดธนูไว้และก้าวไปด้านหน้า หลับตาทำสมาธิ
“นายแกร่ง แกร่งมาก แม้ฉันจะไม่รู้ว่าระบบสุริยะสามารถให้กำเนิด
คนอย่างนายได้ยังไง พลังนายก็ได้รับการยอมรับจากฉันไปแล้ว”
ดวงตาของซูลี่ภายใต้หน้ากากสว่าง เขาพูดต่อ “ตราบเท่าที่นายสามารถ
รับหนึ่งในการโจมตีของฉันได้ ฉันเองก็จะเข้าร่วม”
“เชิญ” เฟิงหลินไม่เสียคำพูด
ผู้บ่มเพาะล้วนแต่เป็นคนที่ภาคภูมิในตัวเอง หากพวกเขาไม่คุยกัน
ด้วยพลังพวกเขา มันก็ยากที่จะโน้มน้าว
เขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อดูความสามารถที่แท้จริงของทีมเขา
ชุดของซูลี่กระพริบตามลมขณะที่ปราณปีศาจพวยพุ่งออกมา ปราณ
ปีศาจควบแน่นเป็นสามหางด้านหลังเขา เขาคำราม และหางเขาก็ตั้ง
ตรงขณะที่แสงจากพลังงานสามประเภทสามารถเห็นได้บนปลายหาง
เพลิงดำ สายฟ้าสีม่วง หิมะสีเงิน…
พลังงานทั้งสามรวมกัน สร้างเป็นห่วงพลังงานที่เติมเต็มกัน
“บ่วงสามหาง!”
พลังของสิ่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนห่วงเหนือศีรษะ เป้าหมายจะถูก
โจมตีด้วยน้ำแข็ง ไฟและสายฟ้า
มันสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง!