Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2308 เหนือกว่าจางเซวียน?
ทุกคนคิดว่าสรวงสวรรค์คงแข็งแกร่งกว่ามิติเบื้องบนไม่มาก แต่แท้ที่จริง ช่องว่างระหว่างโลกทั้งสองใบนั้นห่างไกลจนเกินเอื้อมถึง
ด้วยความแข็งแกร่งทนทานของกฎเกณฑ์แห่งมิติที่นี่ พวกเขานึกไม่ออกเลยว่าจางเซวียนจะฉีกกระชากปราการแห่งมิติเพื่อลงมามอบหยดเลือดให้พวกเขาได้อย่างไร
อีกฝ่ายจะต้องทรงพลังขนาดไหน?
“ตอนที่ผมออกไปเมื่อครู่ก่อน ผมเจอกับนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ออกมาสำรวจพื้นที่” หลัวชวนฉิงพูด “เท่าที่จับความได้ ดูเหมือนระดับวรยุทธในสรวงสวรรค์จะแบ่งเป็นระดับเทพเจ้า เทพเจ้าสวรรค์สร้าง ราชันย์เทพเจ้า ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ และจอมราชันย์! หมอนั่นเพิ่งมาถึงสรวงสวรรค์ได้เพียงเดือนเดียวนะ หากพิจารณาจากความเก่งกาจและความเร็วในการยกระดับวรยุทธของเขา ผมเชื่อว่าตอนนี้เขาคงเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลาง”
“ส่วนการที่เขาลงไปยังมิติเบื้องบนได้ ผมก็ยังสงสัยอยู่ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวให้พวกเราเห็น ผมเดาว่าเขาน่าจะส่งมอบหยดเลือดผ่านทางพิธีกรรม การทำแบบนั้นโดยใช้อำนาจของแท่นบูชาของตำหนักคว้าดาวคงไม่ยากเกินไปหรอก”
จากการแอบฟังบทสนทนาของบรรดานักรบที่เขาได้พบเมื่อครู่นี้ หลัวชวนฉิงพอเข้าใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสรวงสวรรค์ และรู้ดีว่าสำหรับที่นี่ การยกระดับวรยุทธเป็นเรื่องยากแค่ไหน
“คือ…” หูเหยาเหย่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “หมอนั่นน่ะถนัดนักเรื่องทำสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ฉันคิดว่าวรยุทธของเขาน่าจะสูงกว่านั้น…คงเป็นระดับเทพเจ้าขั้นสูงนะ ฉันคิดแบบนี้แหละ!”
“คุณกำลังบอกว่าวรยุทธของเขากระโจนพรวดไปถึง 2 ขั้นภายในเดือนเดียวหรือ?” หลัวชวนฉิงคำรามอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณเชื่อมั่นในตัวเขาเกินไปแล้วล่ะ!”
“การทำแบบนั้นเป็นเรื่องยากมากก็จริง แต่ฉันเชื่อว่าเขาทำได้” หยู่เฟยเอ๋อเสริมอย่างกระตือรือร้น
“ก็อาจเป็นได้…”
รู้ดีว่าเถียงกับ 2 สาวซึ่งเป็นแฟนตัวยงของจางเซวียนต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ หลัวชวนฉิงยักไหล่ก่อนจะเงียบไป
ในตอนนั้น พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทั้งสามรีบพุ่งออกจากถ้ำ เห็นท้องฟ้าดารดาษด้วยหมู่เมฆสีแดง
“นั่นอะไร?”
“เป็นอำนาจบางอย่างของจอมราชันย์หรือเปล่า?”
“ผมรู้สึกเหมือนโลกกำลังให้การยอมรับใครสักคน ผมเคยรู้สึกแบบเดียวกันนี้เมื่อครั้งที่จางเซวียนได้การยอมรับให้เป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้หลังจากมาถึงสรวงสวรรค์ได้เพียงไม่นาน! เอาล่ะ! นับจากวันนี้ไป ผมจะให้เขาเป็นไอดอลของผม!” หลัวชวนฉิงประกาศกร้าวด้วยนัยน์ตาเร่าร้อน “ผมจะยึดถือเขาเป็นเป้าหมาย จะพัฒนาตัวเองต่อไปจนเหนือกว่าเจ้าหนุ่มจางเซวียนคนนั้นให้ได้!”
หลัวชวนฉิงพบจางเซวียนเป็นครั้งแรกที่ปูชนียสถานนักปราชญ์ และทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
แต่ด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับน้องสาวของหลัวชวนฉิง ลงท้ายความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเปลี่ยนไป แต่ในส่วนลึกของหัวใจ เขายังเห็นอีกฝ่ายเป็นทั้งสหายและคู่แข่ง
เพียงแต่วรยุทธของหมอนั่นพัฒนารวดเร็วเหลือเกิน ฝ่าด่านวรยุทธได้เร็วจนน่าสะพรึง ทิ้งตำนานอันแสนเหลือเชื่อเอาไว้มากมาย
หลัวชวนฉิงเคยคิดว่าเขาคงไม่มีวันตามจางเซวียนทัน แต่ใครจะไปรู้ว่าความต่างของกระแสกาลเวลาระหว่างทวีปแห่งปรมาจารย์กับโลกที่อยู่สูงกว่าจะห่างกันขนาดนี้?
ด้วยสิ่งนี้ เขายังพอมีโอกาส!
ในเวลานี้ จางเซวียนล้ำหน้าเขาไปเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ขอแค่เขาหมั่นเพียรฝึกฝนอย่างหนัก ก็น่าจะตามอีกฝ่ายทัน และไม่ช้า คงได้ซ้อมหมอนั่นให้น่วม
“เหนือกว่าจางเซวียน?”
ได้ยินเสียงพึมพำของหลัวชวนฉิง หูเหยาเหย่ากับหยู่เฟยเอ๋อสบตากันก่อนจะส่ายหน้า “ช่างเถอะ เอาที่คุณสบายใจก็แล้วกัน…”
ในฐานะประจักษ์พยานในการสร้างตำนานของจางเซวียน พวกเธอไม่คิดว่าหลัวชวนฉิงจะมีโอกาส แต่ก็นั่นแหละ ถ้าตอนนี้จางเซวียนเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงจริงๆ พวกเธอก็อาจตามทัน หรืออาจพัฒนาไปพร้อมๆกับเขาก็ได้
ความคิดนี้ทำให้ทุกคนมีกำลังใจขึ้นมา
“สวยงามอะไรอย่างนี้ ฉันเชื่อว่าผู้ที่ได้การยอมรับจากโลกจะต้องเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แน่…”
สองสาวรำพึงขณะจับจ้องท้องฟ้าที่ดารดาษด้วยหมู่เมฆสีแดง
…..
จางเซวียนไม่แยแสสายตาตกตะลึงของเหล่าจอมราชันย์ เขาหลับตาขณะสำรวจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร่างกาย
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ขั้นต้น!
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ขั้นกลาง!
…..
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ ขั้นสูงสุด!
เพียงไม่ถึง 1 นาที ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาก็พุ่งจากเทพเจ้าขั้นสูงสุดไปเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติขั้นสูงสุด
แต่มันไม่หยุดแค่นั้น วรยุทธของจิตวิญญาณของเขายังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อไป
การได้รับตำแหน่งทรงเกียรติจากโลกเกินพอที่จะทำให้จางเซวียนยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณได้หลายขั้น สิ่งนี้น่าสะพรึงยิ่งกว่ากระแสจิตปรารถนาเสียอีก
แต่นั่นแหละ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เราจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์ จางเซวียนคิดขณะพยายามกดข่มระดับวรยุทธของจิตวิญญาณที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ตำแหน่งราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าคือการได้รับตำแหน่งทรงเกียรติจากทั้ง 9 น่านฟ้าพร้อมๆกัน ทำให้มีพละกำลังมากกว่าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติทั่วไป อันที่จริง พละกำลังระดับนี้น่าจะเพียงพอให้เขาฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์แล้ว แต่น่าเสียดายที่กายเนื้อกับพลังปราณยังอ่อนด้อยอยู่
หากเขาฝ่าด่านวรยุทธตอนนี้ ก็จะนำพาการทดสอบจอมราชันย์จากสรวงสวรรค์เข้ามา ซึ่งเขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญกับการทดสอบวรยุทธระดับนั้น เพราะแน่นอนว่าคงถูกเล่นงานจนย่ำแย่
ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น เขาก็จะเป็นจอมราชันย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ตายเพราะการทดสอบวรยุทธหลังจากที่เพิ่งฝ่าด่านวรยุทธได้ไม่นาน
มันจะน่าอับอายขนาดไหน?
ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงตั้งใจกดข่มการเติบโตของระดับของวรยุทธของจิตวิญญาณเอาไว้ก่อน
ถึงอย่างไรเขาก็ทำความเข้าใจเทคนิควรยุทธขั้นจอมราชันย์ที่จำเป็นต่อการฝ่าด่านวรยุทธได้แล้ว ยกระดับกายเนื้อและพลังปราณเสียก่อนแล้วค่อยฝ่าด่านวรยุทธก็ยังไม่สาย
“เป็นการตัดสินใจที่ดี…” หลัวลั่วชิงถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นจางเซวียนยังคงมีสติแม้ต้องเผชิญหน้ากับความเย้ายวนขนาดนั้น
หลักการของวรยุทธไม่ใช่การฝ่าด่านวรยุทธให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งที่สำคัญกว่าคือการสร้างรากฐานอันแข็งแกร่ง ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น นักรบจะสำแดงพละกำลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมได้หลังจากฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จแล้ว
ชายที่เธอรักช่างเป็นคนเด็ดเดี่ยวและตั้งใจแน่วแน่เสียจริง!
หลังจากรักษาความเสถียรของระดับพลังงานในร่างกายได้แล้ว จางเซวียนระบายลมหายใจยาวก่อนจะหันมามองสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ
“ผมตั้งใจจะหาหนทางหลีกเลี่ยงสงครามสวรรค์ให้ได้ คุณจะอยู่กับผม หรือว่า…”
กว่าเขาจะได้กลับมาพบเธออีกครั้งก็ไม่ง่าย จึงไม่อยากแยกจากเธอให้เร็วนัก แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเขาจะพบวิธีแก้ไข การอยู่เคียงข้างกันอาจนำไปสู่ความเจ็บปวดแสนสาหัสกว่าเดิมในอนาคต ซึ่งจางเซวียนก็ไม่อยากบีบบังคับหลัวลั่วชิงเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของเขา
“ฉันต้องกลับน่านฟ้าเสรีสักระยะหนึ่งเพื่อสะสางธุระ เสร็จแล้วจะตามไปสมทบกับคุณ!” หลัวลั่วชิงตอบ
มีบางอย่างที่เธอต้องไปจัดการเสียก่อน
“ได้ ผมจะรอคุณ” จางเซวียนพยักหน้า จากนั้นก็ร้องเรียกไก่น้อย “ไปกันเถอะ!”
“ได้สิ” ไก่น้อยตอบรับ
จางเซวียนโบกมือ แล้วทั้งคู่ก็หายวับไป
หลัวลั่วชิงยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกจากตรงนั้น
จอมราชันย์คนอื่นๆต่างพากันแยกย้าย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้พวกเขาออกจะเสียขวัญอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ได้เห็นกับตา หรือจอมราชันย์คนใหม่ที่กำลังจะถือกำเนิด ดูเหมือนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังเข้าใกล้สรวงสวรรค์แล้ว
และสิ่งที่ทำให้พวกเขากังวลยิ่งกว่าก็คือจอมราชันย์ที่กำลังจะถือกำเนิดนั้นมีพละกำลังมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้ยังไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธ จอมราชันย์หลินชีก็เป็นคนรักของเขา แถมมีจอมราชันย์อมตะเป็นอสูรของเขาด้วย
พวกเขาจะรับมือกับบุคคลที่มีพละกำลังล้นเหลือขนาดนี้ได้อย่างไร?
…..
จางเซวียนกลับสู่ภูเขาที่ปรมาจารย์ขงกับเหล่าศิษย์สายตรงพำนักอยู่
“ปรมาจารย์จาง!”
นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนกับคนอื่นๆรีบเข้ามารวมตัวกัน
“ปรมาจารย์ขง เขา…” จางเซวียนตั้งต้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ไม่เป็นไร พวกเรารู้แล้ว” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนตอบพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เมื่อครู่นี้ ตอนที่รูปปั้นของท่านอาจารย์แตกเป็นเสี่ยงๆ พวกเราก็รู้ทันทีว่าจิตวิญญาณของเขาดับสูญไป…”
“ผมเสียใจด้วย”
จางเซวียนรู้ดีว่าปรมาจารย์ขงกับเหล่าศิษย์สายตรงของเขามีความสัมพันธ์แนบแน่นขนาดไหน หลังจากใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายปี ความผูกพันที่ทุกคนมีให้กันก็ล้ำลึกยิ่งกว่าความเป็นเครือญาติ
“ไม่มีอะไรต้องเสียใจหรอก ท่านอาจารย์ไม่จากพวกเราไปแบบนั้นแน่” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนพูด
จางเซวียนออกจะประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ผมเห็นจิตวิญญาณของเขาดับสูญด้วยตาของผมเองเลยนะ เกรงว่าความเป็นไปได้ที่เขาจะกลับมาคงมีน้อยมาก…”
นักรบที่สูญเสียกายเนื้ออาจหากายเนื้อร่างใหม่ให้เป็นที่อยู่ของจิตวิญญาณของพวกเขาได้ แต่หากจิตวิญญาณดับสูญ ย่อมหมายถึงจุดจบอย่างแท้จริง
แต่นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนกับคนอื่นๆยังคงมีความหวังว่าปรมาจารย์ขงอาจกลับมาด้วยวิธีใดสักอย่าง
“ในสรวงสวรรค์ ความตายไม่ได้หมายถึงจุดจบเสมอไป สระบาดาลของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนมีอำนาจฟื้นฟูพลังงานให้จิตวิญญาณที่ดับสูญไปแล้วไม่ใช่หรือ? อย่างจอมราชันย์อมตะที่เสียชีวิตไปเนิ่นนานหลายสิบปีแล้วก็ยังฟื้นคืนชีพได้ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรือไง?” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนพูด
“คือ…” จางเซวียนตัวสั่นเล็กน้อย
จริงด้วย!
สระบาดาลมีความสามารถในการฟื้นคืนชีพวิญญาณที่เคยเสื่อมสลายโดยใช้กระแสจิตปรารถนา และจอมราชันย์อมตะก็ฟื้นคืนชีพจากความตายได้ สำหรับคนอย่างปรมาจารย์ขงที่เก่งกาจจนไม่มีใครเทียบ เขาจะไม่เตรียมแผนสำรองใดๆไว้เชียวหรือ?
ปรมาจารย์ขงจะต้องหาวิธีฟื้นคืนชีพไว้แล้วแน่ๆ!
เพียงแต่…
“ต่อให้เขากลับมา แล้วเขาจะยังเป็นคนเดิมหรือเปล่า?” จางเซวียนถามด้วยความสงสัย
จอมราชันย์อมตะฟื้นคืนจากความตายก็จริง แต่ลงท้ายก็กลายเป็นไก่น้อยตัวหนึ่ง ต่อให้ทั้งคู่มีความทรงจำเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่คนคนเดียวกันแล้ว
สระบาดาลก็ไม่ต่างกัน
ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจิตวิญญาณที่หวนคืนกลับมาใหม่จะมีสติสัมปชัญญะและจิตใต้สำนึกเหมือนจิตวิญญาณดวงเดิม
“เขาจะเป็นคนเดิม” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนตอบหนักแน่น
“คุณแน่ใจได้อย่างไร?” จางเซวียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
เห็นได้ชัดว่านักปราชญ์โบราณจื่อหยวนจะต้องรู้อะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่แสดงทีท่าแบบนี้