Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2338 จิตใต้สำนึกของพลังงานชั่วร้าย?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- ตอนที่ 2338 จิตใต้สำนึกของพลังงานชั่วร้าย?
ตอนที่ 2338 จิตใต้สำนึกของพลังงานชั่วร้าย?
“เมื่อครู่นี้คุณพูดถึงการนำเศษเสี้ยวของสวรรค์กลับมารวมกัน คุณ
หมายถึงสงครามสวรรค์ใช่ไหม?” จางเซวียนถามด้วยน้ำเสียงที่ออก
จะสั่นเครือ
“ใช่ ทั้งคุณและปรมาจารย์ขงมีเศษเสี้ยวสวรรค์อยู่ในตัว…เพื่อให้
สรวงสวรรค์กลับเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง เราจะต้อง…” เสียงของ
หลัวลั่วชิงขาดห้วงขณะเริ่มจะตัวสั่น
เธอไม่อาจบังคับตัวเองให้พูดคำนั้นออกมาดัง ๆ ได้
มันคือชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่เธอก็ไม่เต็มใจจะเผชิญหน้า
กับมัน
“ผมเข้าใจ…” จางเซวียนพยักหน้า “ไม่เป็นไรนี่ คุณก็แค่ฆ่าผม ตอนนี้
คุณมีลิขิตสวรรค์ของปรมาจารย์ขงแล้ว และผมก็เป็นจอมราชันย์แล้ว
เหมือนกัน ผมเข้าร่วมสงครามสวรรค์ได้…”
“สงครามสวรรค์น่ะจะจบง่ายแบบนั้นได้อย่างไร? ถ้าเราแก้ปัญหาได้
ด้วยการสละชีวิตใครสักคน ฉันก็ขอเป็นคนที่ถูกฆ่า!” หลัวลั่วชิง
ส่ายหน้าและถอนหายใจเฮือก “ในสงครามสวรรค์ เพียงแค่ได้เป็น
จอมราชันย์ก็ยังมีความชอบธรรมไม่มากพอ คุณจะต้องพิสูจน์ตัวเอง
ก่อน เงื่อนไขแรกก็คือต้องได้การยอมรับจากทั้ง 9 น่านฟ้า”
“ได้การยอมรับจาก 9 น่านฟ้า? แต่ผมก็เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ
แห่ง 9 น่านฟ้าอยู่แล้วนี่นา…อ้อ! หรือคุณหมายถึงการท้าทาย 9 จอม
ราชันย์?” จางเซวียนถาม
หากพิจารณาจากสิ่งที่ปรมาจารย์ขงทำไว้ ดูเหมือนมี 2 วิธีที่จะทำให้
ได้การยอมรับจากทั้ง 9 น่านฟ้า โดยวิธีแรกคือได้เป็นราชันย์เทพเจ้า
ผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้า และอีกวิธีก็คือเอาชนะทั้ง 9 จอมราชันย์
ให้ได้ เพื่อให้ได้การยอมรับจากพวกเขา
จางเซวียนได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแห่ง 9 น่านฟ้าแล้ว แต่
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจอมราชันย์แห่ง 9 น่านฟ้ายุ่งยากกว่านั้นมาก
ไม่อย่างนั้น ปรมาจารย์ขงก็คงไม่ต้องลงทุนท้าดวลกับจอมราชันย์
ทั้งเก้าทีละคนเพื่อให้ได้การยอมรับจากพวกเขา
หลัวลั่วชิงพยักหน้ารับคำพูดของจางเซวียน
ระหว่างนั้น จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นกับคนอื่น ๆ ที่ยืนฟังอยู่ก็พลัน
หนาวเยือกถึงกระดูกสันหลัง
พวกเราจะต้องถูกซ้อมอีกแล้วหรือ?
เจ้าบ้าที่ไหนกันที่กำหนดกฎเกณฑ์ของสงครามสวรรค์ให้เป็นแบบนี้?
พวกเราเป็นแค่ผู้ชมเท่านั้น! เฝ้าดูโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยสักนิด!
ก็เหมือนใครสักคนที่ระบายความโกรธใส่แมวของตัวเองหลังจากถูก
คนอื่นต่อย…ก็แล้วแมวตัวนั้นไปทำอะไรให้?
ขณะที่เหล่าจอมราชันย์กำลังตัวสั่นด้วยความกลัว จางเซวียนก็เหยียด
ริมฝีปากพร้อมกับเอ่ยคำท้า “เข้ามารุมผมพร้อม ๆ กันเลย!”
ด้วยการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นจอมราชันย์พร้อมกันกับตัวโคลนของ
เขา อีกทั้งศิลปะเพลงดาบระดับจอมราชันย์ ตอนนี้เขาไม่กลัวจอม
ราชันย์หน้าไหนทั้งนั้น
พละกำลังเต็มพิกัดของเขาอาจอ่อนด้อยกว่าปรมาจารย์ขงเล็กน้อย
แต่ถ้าคู่ต่อสู้คือคนพวกนี้ ก็เรียกว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรง
“….”
“เวรแล้ว…”
จอมราชันย์บางคนถึงกับปล่อยโฮ
น้องชาย! ผมรู้ว่าคุณอยากอวดพละกำลังที่ได้มาใหม่ แต่ไม่เห็นต้อง
ทำแบบนี้เลย จริงไหม?
แค่ต้องพ่ายแพ้ไปทีละคนสองคน พวกเขาก็อับอายขายหน้าพออยู่
แล้ว แต่หมอนั่นอยากเล่นงานพวกเขาพร้อมกันในคราวเดียว…
คุณคิดว่าพวกเราไม่มีศักด์ิศรีเลยหรือไง?
พวกเราเป็นจอมราชันย์นะ! คุณจะมาทำแบบนี้กับพวกเราไม่ได้!
เหล่าจอมราชันย์หน้าแดงก่ำขณะขบคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป จะ
ตอบรับคำท้าก็ดูไม่เข้าท่า แต่หากปฏิเสธ ก็เท่ากับหยามหน้าตัวเอง
อย่างรุนแรง
ทุกคนอับจนปัญญา ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
“ไม่ต้องสู้หรอก ผมยอมแพ้!” ไก่น้อยพูด
ในเมื่อชายหนุ่มเป็นเจ้านาย มันจะยอมแพ้ก็ไม่ได้น่าอับอายอะไร
“ฮะ…” เห็นจอมราชันย์อมตะยอมแพ้ จอมราชันย์คนอื่น ๆ มองหน้า
กันอย่างลังเล ครู่ต่อมาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดว่า “พวกเราก็
ยอมแพ้เหมือนกัน…”
พวกเขาจะทำอะไรได้?
หากต้องพ่ายแพ้ด้วยกำปั้นของชายหนุ่ม ก็มีแต่จะอับอายขายหน้า
กว่าเดิม
ทั้งจางเซวียนและตัวโคลนของเขาล้วนเป็นจอมราชันย์ แถมยังมี
อสูรระดับจอมราชันย์อยู่ในครอบครอง ซึ่งสามารถเรียกมาเป็นกำลัง
เสริมได้ เห็นกันชัด ๆ แล้วว่าพวกเขาไม่มีทางชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้
เลย เพราะจะต้องประจันหน้ากับจอมราชันย์ผู้ทรงพลังพร้อมกันถึง
3 คน!
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนยังได้เห็นแล้วว่าชายหนุ่มเอาชนะการลงทัณฑ์
จากสวรรค์ต่อจอมราชันย์ได้ด้วยการฟันดาบเพียงฉับเดียว พละกำลัง
ของศิลปะเพลงดาบนั้นอยู่ในระดับที่ต่อให้พวกเขาผนึกกำลังกัน ก็
คงทำได้แค่ต้านทานมันเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่มีทางที่พวกเขาจะยอม
เผชิญหน้ากับชายหนุ่มแบบตัวต่อตัว
ทุกคนหยิ่งในศักด์ิศรี ไม่มีทางลดตัวลงไปถึงขนาดสร้างค่ายกลผนึก
กำลังเพื่อรับมือกับคู่ต่อสู้
“เอ่อ…” หลัวลั่วชิงเลิกคิ้วกับภาพที่เห็นตรงหน้า
ตอนที่ปรมาจารย์ขงท้าดวลกับพวกเธอ เขาจะยื่นสมุดแนะนำตัวและ
นัดหมายเวลาล่วงหน้า พิธีการทุกอย่างเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ต่อ
ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าถูกหยามเกียรติอะไร เพราะทุก
อย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
แต่จางเซวียนกลับเดินเข้าหาพวกนั้นดื้อ ๆ แล้วบอกให้ทุกคนเข้ามา
รุมเขาพร้อมกันในคราวเดียว
คุณคงไม่ได้ให้ความสำคัญกับจอมราชันย์พวกนั้นเลยสินะ ใช่ไหม?
วินาทีที่จอมราชันย์มังกรเมฆ จอมราชันย์นรกโลกันต์ จอมราชันย์ฟู่
เหมิง จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น จอมราชันย์จัวหยาง เทพธิดาหลิง
หลง และจอมราชันย์อมตะกล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ ฉนวนสุดยอด
จอมราชันย์ที่พวกเขาถืออยู่ก็ระเบิดพละกำลังออกมาโอบล้อมจาง
เซวียน ทำให้เขาได้การยอมรับจากทั้ง 7 น่านฟ้า
การยอมรับครั้งนี้จะทำให้เขาเข้าถึงกระแสจิตปรารถนาของเหล่า
นักรบในทั้ง 7 น่านฟ้าได้
“เอ๊ะ? ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ 7, แต่เป็น 8 น่านฟ้า นี่เราได้การยอมรับจาก 8
น่านฟ้าเลยหรือ?” จางเซวียนชะงัก
เขารู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับ 8 น่านฟ้าแทนที่จะเป็น 7
นี่จอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบก็ให้การยอมรับเขาด้วยหรือ?
“เป็นเพราะดาบสวรรค์สีเลือด…ดาบศักด์ิสิทธ์ิของน่านฟ้าดาบสวรรค์
การที่เขามอบให้คุณก็หมายความว่าน่านฟ้าดาบสวรรค์ยอมรับใน
พละกำลังและศักยภาพของคุณแล้ว” หลัวลั่วชิงพูด
คำนี้ทำให้จางเซวียนพยักหน้า
จอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบเคยบอกไว้ว่าเขาใช้เวลาหลายสิบปี
หลอมดาบเล่มนี้ ดังนั้น ต่อให้ดาบสวรรค์สีเลือดจะไม่ใช่ฉนวนสุด
ยอดจอมราชันย์ แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
จางเซวียนถามสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า “ตอนนี้ผมได้การยอมรับจาก 8
น่านฟ้าแล้ว มีความชอบธรรมมากพอจะเข้าร่วมสงครามสวรรค์หรือ
ยัง?”
ปรมาจารย์ขงท้าดวลกับหลัวลั่วชิงหลังจากเอาชนะ 8 จอมราชันย์ที่
เหลือและได้การยอมรับจากพวกเขา
หลัวลั่วชิงก้มหน้างุดขณะถามเบา ๆ “คุณแน่ใจแล้วหรือ?”
“ผมแน่ใจ” จางเซวียนตอบ
จางเซวียนชำเลืองมองสรวงสวรรค์ที่อยู่ด้านล่าง เห็นความสับสน
วุ่นวายกระจายตัวไปทุกหนแห่ง เพราะความสิ้นหวัง…นักรบหลาย
คนเริ่มฆ่าฟันกันเองเพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่มีจำกัด แม้ราชันย์เทพเจ้า
ก็ไม่อาจระงับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นได้
เขาอาจยื้อการต่อสู้ออกไปได้อีกหน่อยหากต้องการ แต่ทุกนาทีที่เสีย
ไปย่อมหมายถึงผู้คนที่จะล้มตายมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาไม่อยากแบกรับภาระที่เป็นชีวิตผู้คนมากมายเอาไว้
จางเซวียนรู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น ยื้อไปก็
ไม่ได้ประโยชน์
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มเลย…” หลัวลั่วชิงสูดหายใจลึกก่อนจะชักดาบออกมา
เธอทั้งหม่นหมองและไม่เต็มใจ แต่ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรก็ไม่ก่อให้
เกิดความแตกต่าง
ตั้งแต่เธอตอบรับการสารภาพความในใจของเขา ชะตากรรมของทั้ง
คู่ก็เป็นอันถูกลิขิตแล้ว ทั้งเธอกับเขาหนีมันไม่พ้นและไม่มีทาง
เปลี่ยนแปลงได้
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรม
“ได้ เริ่มเลย” จางเซวียนตอบยิ้ม ๆ
ทั้งคู่ขับเคลื่อนวรยุทธจนถึงขีดสุดขณะเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้
ครั้งสุดท้าย
ขณะที่กำลังจะสำแดงกระบวนท่า พลังงานมหาศาลก็ระเบิดออกมา
จากด้านบน รอยแยกแห่งมิติที่อยู่เหนือศีรษะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ทางเข้าดำมืดของทะเลท่วมท้นค่อย ๆ เปลี่ยนสภาพไป กลายเป็น
หลุมดำขนาดใหญ่ที่พร้อมกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างในโลก
ไม่ว่าจะเป็นพลังจิตวิญญาณ ดินแดนต่าง ๆ หรือสิ่งมีชีวิตก็ล้วนถูก
ดูดเข้าไปในนั้น ก่อนจะสลายตัวไปท่ามกลางประกายระยิบระยับ
ของแสงสีเขียว
“แย่แล้ว จิตใต้สำนึกของพลังงานชั่วร้ายนั่นเริ่มแผลงฤทธ์ิ” หลัวลั่ว
ชิงอุทานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“จิตใต้สำนึกของพลังงานชั่วร้าย?” จางเซวียนทวนคำขณะหันไปจับ
จ้อง
ก่อนหน้านี้ หลัวลั่วชิงเคยบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่พลังงานชั่วร้าย
ที่สามารถเจือจางพลังปราณเทียบฟ้าของเขาจะมีชีวิตจิตใจเป็นของ
ตัวเอง ทำให้แปลงร่างเป็นปีศาจในคราบมนุษย์ได้
ซึ่งเท่าที่เห็น ดูเหมือนมันกำลังปรากฏตัวต่อหน้าเขาแล้ว
ฟิ้วววว!
ขณะที่หลุมดำดูดกลืนทุกอย่างเข้าไปอย่างต่อเนื่อง มิติในสรวง
สวรรค์ก็เริ่มบิดเบี้ยว อ้าวเฟิงกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคนอื่น ๆ
ที่อยู่ใกล้กับหลุมดำแทบจะต้านทานแรงดูดอันทรงพลังจากหลุมดำ
นั้นไม่ไหว
จางเซวียนรีบถ่ายทอดพลังงานเข้าสู่ดาบสวรรค์สีเลือดก่อนจะฟันฉับ
เข้าใส่หลุมดำ แต่พลังนั้นก็หยุดกึกตรงปากทางเข้าก่อนจะสลายตัวไป
“มันแข็งแกร่งเหลือเกิน…” จางเซวียนตาโตด้วยความตกใจ
นี่คือการโจมตีที่ทำให้เขาเอาชนะได้แม้แต่การลงทัณฑ์จากสวรรค์
ต่อจอมราชันย์ แต่กลับไม่อาจทำอะไรหลุมดำได้เลย ร่างแปลงนั้น
จะต้องทรงพลังขนาดไหน?
“มันออกมาแล้ว!” หลัวลั่วชิงร้องออกมาขณะขับเคลื่อนพลังปราณ
จนเต็มพิกัด เตรียมพร้อมจะสำแดงกระบวนท่าหากจำเป็น
ในตอนนั้น ร่างดำมืดร่างหนึ่งเดินออกมาจากหลุมดำ ทุกอย่างที่
ขวางทางมันอยู่ ไม่ว่าจะทรงพลังแค่ไหน ก็ถูกทำลายจนกลายเป็น
ฝุ่นผงก่อนจะหายวับไปท่ามกลางประกายระยิบระยับของแสงสีเขียว
“มันคือพลังงานชั่วร้ายนั่น…” จางเซวียนใจหายวาบ
เพราะเขาเคยประจันหน้ากับมันมาก่อน จึงรู้ดีว่ามันน่าสะพรึงแค่
ไหน พลังงานนี้มีอานุภาพเจือจางพลังปราณเทียบฟ้าที่แสนจะทรง
พลังของเขาได้อย่างง่ายดาย เมื่ออยู่ต่อหน้ามัน ต่อให้ของล้ำค่าที่
แข็งแกร่งที่สุดในสรวงสวรรค์ก็จะเสื่อมสลายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเดินออกมาจากหลุมดำ ร่างดำมืดนั้นเหลียวมองรอบตัวก่อนจะ
เหยียดริมฝีปากและยิ้มอ่อน “ปรมาจารย์จาง…ไม่ได้พบกันนานเลย
นะ”
จางเซวียนตัวแข็งเมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของร่างดำมืดนั้น “ปะ-
เป็นไปได้อย่างไร?”
ผู้ที่ปรากฏตัวตรงหน้าเขา, จิตใต้สำนึกของพลังงานชั่วร้ายที่เจือจาง
ได้แม้พลังปราณเทียบฟ้า…กลับกลายเป็นใบหน้าที่แสนจะคุ้นตา ไอ้
โหด!
จางเซวียนรีบตรวจสอบหนังสือเทียบฟ้าของเขา เห็นมันว่างเปล่า ไอ้
โหดที่เคยถูกกักขังไว้ในนั้นหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
และเขาก็ไม่รู้ตัวสักนิด!