Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2347 ภาคต่อ 4
ตอนที่ 2347 ภาคต่อ 4
เนี่ยหลินชีมองเธอครู่หนึ่งก่อนจะโบกมืออย่างสง่างาม แล้วชุดสีแดง
หรูหราพร้อมมงกุฎก็ปรากฏบนร่างของหลัวฉีฉี เปลี่ยนเธอให้กลาย
เป็นเจ้าสาวผู้งดงามคนหนึ่ง
“จอมราชันย์หลินชี ฉัน…ฉัน…” หลัวฉีฉีตาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
ขณะตัวสั่นเล็กน้อย
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวบรัดจนแทบไม่อยากเชื่อว่ามันเกิดขึ้นกับเธอ
จริง ๆ
“คุณทำอะไรให้จางเซวียนมามาก ก่อนหน้านี้ หอสมุดเทียบฟ้ากด
ข่มความรู้สึกของเขาไว้ ทำให้เขาแทบไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคนรอบ
ข้าง แต่ตอนนี้เขาได้ชีวิตจิตใจกลับคืนมาแล้ว เขาจะทนเห็นคุณทุกข์
ทรมานได้อย่างไร?” เนี่ยหลินชีหัวเราะเบา ๆ
“แต่…” หลัวฉีฉียังคงงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
พรจากสวรรค์มาถึงเธออย่างรวดเร็วเสียจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับ
มัน
เธอหันไปมองจางเซวียน เห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน
“ฉีฉี คุณเต็มใจหรือเปล่า?”
“ฉัน…” หลัวฉีฉีหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย เธอก้มหน้างุดและ
กระซิบแผ่วเบาราวกับเสียงหวี่ของยุงตัวหนึ่ง “…ฉันเต็มใจ”
เธอจะไม่เต็มใจได้อย่างไร? นี่คือสิ่งที่เธอฝันถึงมาตลอดนับตั้งแต่
เธอกับเขาได้ใช้เวลาด้วยกันในทวีปแห่งปรมาจารย์
ในครั้งนั้น ตอนที่เขาเดินออกจากงานแต่งงานของเธอ เธอคิดว่าโชค
ชะตาของเธอกับเขาคงแยกจากกันไปตลอดชีวิต ไม่มีทางได้กลับมา
เจอกันอีก ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าความรักครั้งนี้จะได้รับการเติมเต็ม
“เท่านั้นก็พอแล้ว” จางเซวียนพูดยิ้ม ๆ
จากนั้น เขาหันไปมองฝูงชนและประกาศด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“วันนี้ เราจะแต่งงานกัน!”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งสรวงสวรรค์ ผู้คนนับไม่ถ้วนต่าง
ประสานมือเพื่ออวยพรให้
จากนั้น จางเซวียนยื่นมือของเขาให้เนี่ยหลินซีกับหลัวฉีฉี “เราจะไป
กันได้หรือยัง?”
ทั้งสามออกบินไปสู่ท้องฟ้าแสนไกล จนในที่สุดก็หายลับไปจาก
ขอบโลก
…..
ในหมู่ฝูงชนที่อยู่ด้านล่าง ในที่สุดสีหน้าเคร่งเครียดของหลัวชวนฉิง
ก็ผ่อนคลาย เขาปล่อยขวานในมือก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
“มันต้องแบบนี้สิ…”
…..
ภาคต่อ 3 : ซุนฉาง
“พวกเขาจะต้องเป็นคู่รักที่หวานที่สุดในสรวงสวรรค์แน่…”
ทุกครั้งที่เทพธิดาหลิงหลงนึกถึงจางเซวียนที่โบยบินไปพร้อมกับ
เนี่ยหลินซีและหลัวฉีฉี จากไปพร้อมกับคำอวยพรของผู้เชี่ยวชาญ
มากมาย ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาจับใจ
เพราะเกิดมาเป็นหนึ่งในจอมราชันย์ จึงถูกชะตาลิขิตให้มีชีวิตต่าง
จากคนอื่น แต่เธอกลับโหยหาความรักของมนุษย์
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอหวังจะได้พบชายสักคนที่แข็งแกร่งกว่าเธอ
ให้เธอพึ่งพาได้
แต่เหล่าจอมราชันย์ก็ล้วนแข็งแกร่งพอ ๆ กับเธอทั้งนั้น บางคน
อ่อนแอกว่าด้วยซ้ำ และถึงแม้จะมีบางคนที่เคยมีใจให้เธอ แต่เธอก็
ไม่แยแส
ไม่ใช่เพราะเทพธิดาหลิงหลงมักใหญ่ใฝ่สูง แต่สิ่งที่เธอปรารถนา
อย่างแท้จริงคือความโรแมนติกและความรักแบบเร่าร้อนที่จะพบได้
เฉพาะในโลกมนุษย์
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จอมราชันย์มังกรเมฆกับคนอื่น ๆ จะมอบให้เธอได้
เทพธิดาหลิงหลงรู้จักพวกเขาดีเกินไป จึงไม่อาจบังคับตัวเองให้
สนใจคนเหล่านั้น
…..
จอมราชันย์มังกรเมฆเป็นคนเจ้าชู้ มีทายาทมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ทั่ว
โลก
จอมราชันย์อมตะใช้วันคืนส่วนใหญ่ไปกับการครุ่นคิดว่าจะฆ่าตัว
ตายอย่างไร เขาเก็บตัว มองโลกในแง่ร้าย ใช้ชีวิตไปวัน ๆ แถมยังไม่
สนใจผู้หญิงสักคน
จอมราชันย์ฟู่เหมิงเป็นคนอารมณ์ร้อน ชนิดที่แทบจะอดทนอดกลั้น
กับอะไรไม่ได้เลย
จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นก็อ่อนแอปวกเปียกเกินกว่าที่เธอจะสนใจ
จอมราชันย์จัวหยางเป็นคนหุนหันพลันแล่นและไม่ค่อยรู้สึกรู้สากับ
อะไรจนมองข้ามรายละเอียดต่าง ๆ เสมอ มีข่าวลือว่าเขามักออกไป
ไหนมาไหนโดยไม่ใส่กางเกงชั้นในด้วยซ้ำ แหวะ!
ส่วนจอมราชันย์ดาบสวรรค์ก็แต่งงานกับดาบของเขาไปแล้ว จะต้อง
พูดอะไรอีก?
จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ไร้ซึ่งความปรารถนาทางโลกใด ๆ ราวกับ
นักบวชผู้ทรงศีล
และจอมราชันย์หลินชีก็เป็นผู้หญิง…
ดูสิ! ในบรรดาจอมราชันย์ ไม่มีใครเหมาะสมกับเธอสักคน นั่นคือ
เหตุผลที่ทำให้เธอต้องอยู่เป็นโสดตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แต่ขณะที่เฝ้ามองความรักของหลาย ๆ คู่ เทพธิดาหลิงหลงก็อดสงสัย
ไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ฤดูใบไม้ผลิของเธอจะมาถึง?
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอหวังสุดใจว่าจะมีใครสักคนที่พึ่งพาและ
ไว้ใจได้มาอยู่เคียงข้าง คอยสนับสนุนเธอในทุกเรื่อง
เธออาจเป็นถึงจอมราชันย์ แต่ก็ใช่จะไร้ซึ่งความปรารถนา บางที อาจ
เป็นเพราะเธอโหยหาการมีคู่ชีวิตมากเกินไป จึงต้องทุกข์ทรมานจาก
อาการนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจข่มตาหลับได้เลย
เรื่องนี้ทำให้เทพธิดาหลิงหลงท้อใจมาก
และนั่นคือเหตุผลที่เธอรู้สึกอิจฉาจับใจเมื่อเห็นหลัวลั่วชิงกับหลัวฉีฉี
ได้แต่งงาน
เธอปรารถนาจะได้ไปยืนในจุดนั้น
…..
เทพธิดาหลิงหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่และสลัดความคิดพวกนั้นทิ้ง
ไปขณะเดินไปตามถนนในเมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง
งานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของจางเซวียนกับจอมราชันย์หลินชีผ่านไป
1 เดือนแล้ว แต่ความอึกทึกครึกโครมทั้งหลายก็ยังไม่จบสิ้น ผู้คน
มากมายยังคงเล่าขานถึงเรื่องราวในวันนั้นอย่างตื่นเต้น
เทพธิดาหลิงหลงหยุดฟังเสียงซุบซิบครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปใน
โรงเตี๊ยมที่ดูมีระดับ
เธอปลอมตัวเรียบร้อยแล้วก่อนจะลงมาเดินถนน จึงไม่มีทางที่ใคร
จะจดจำเธอได้
ต่อให้จอมราชันย์ก็ไม่อาจฝังตัวอยู่ในพระราชวังที่ใหญ่โตและหนาว
เยือกได้ทั้งวันทั้งคืน มันแสนจะน่าเบื่อ! บางครั้งพวกเขาก็จะปลอมตัว
เป็นคนธรรมดาสามัญเพื่อสัมผัสชีวิตปกติบ้าง
เธอเลือกที่นั่งริมหน้าต่างและสั่งอาหาร 2-3 จานก่อนจะค่อย ๆ ละเลียด
รสชาติของมัน
ขณะที่ความท้อใจของเธอเริ่มจางหายไปเพราะได้รับการเยียวยาจาก
อาหารรสเลิศ ชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ที่แต่งกายในชุดเครื่องแบบ
เดียวกันก็เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม
“เขาอยู่นั่น!”
มีเสียงอุทาน แล้วกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหลายสิบที่เพิ่งเข้ามาใน
โรงเตี๊ยมก็หันขวับไปมองชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลจาก
เธอ
อีกฝ่ายมีรูปร่างค่อนข้างตุ้ยนุ้ย แต่เพราะเขานั่งหันหลังให้ เทพธิดา
หลิงหลงจึงไม่เห็นหน้า
ชายวัยกลางคนผู้นั้นดูจะไม่แยแสกับการถูกผู้คนมากมายจับตา เขา
ยังคงถือแก้วไวน์อย่างสบายใจและจิบไปเรื่อย ๆ
บนโต๊ะของเขามีเนื้อหมูกับขาหมูจานใหญ่ ซึ่งเขาก็กินอย่างสบายใจ
จนน้ำมันหยดลงจากริมฝีปาก
“ล้อมเขาไว้!”
หลังจากยืนยันเป้าหมาย ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มก็ยกมือ
ขึ้นและสั่งการคนของเขา
ฟึ่บ!
ชายฉกรรจ์หลายสิบคนเข้าล้อมชายวัยกลางคนร่างตุ้ยนุ้ยไว้ทันที
พวกเขายังไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ผู้ที่เฝ้ามองอยู่ก็รู้สึกได้ถึงเจตนา
สังหารอันน่าสะพรึงที่แผ่ออกมา
หัวหน้ากลุ่มประสานมือขณะบอกกล่าวฝูงชนที่อยู่โดยรอบ “สหาย
ผมมีบางเรื่องที่ต้องจัดการ คงต้องขอให้พวกคุณออกไปก่อน ทุก
อย่างที่พวกคุณซื้อไว้ ผมจ่ายเอง!”
“ได้ ได้ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้…”
…..
“พวกนั้นมาจากตระกูลชางกวน!”
“ตระกูลชางกวน?”
“ใช่ หลังจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไป๋ เย่ฉิงหงเสียชีวิต ราชันย์
เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของตระกูลชางกวนก็กลายเป็นผู้กุมอำนาจใน
เมืองหลวงแห่งน่านฟ้าหลิงหลง เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เราต้องไม่ขัดใจพวกเขา!”
“แล้วเจ้าอ้วนนั่นเป็นใคร? คนพวกนั้นมาจับตัวเขาทำไม?”
“เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้ ยื่นจมูกเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้คงไม่ฉลาด
แน่ เร็วเข้าเถอะ รีบไป!”
ฝูงชนส่งเสียงกระซิบกระซาบและรีบอพยพออกจากโรงเตี๊ยม
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา และคงฉลาดกว่ามากหากไม่เข้าไป
ก้าวก่ายธุระของตระกูลใหญ่หมายเลข 1 ของเมืองหลวงแห่งน่านฟ้า
หลิงหลง
ไม่ช้า ผู้ที่ยังอยู่ในโรงเตี๊ยมก็มีแต่กลุ่มชายฉกรรจ์ ชายร่างตุ้ยนุ้ย และ
เทพธิดาหลิงหลงเท่านั้น
เธออารมณ์ไม่ดีนัก และกว่าจะหาที่เหมาะ ๆ เพื่อนั่งสงบใจได้ก็ไม่
ง่าย จึงเป็นธรรมดาที่ยังไม่อยากออกไป
เมื่อเห็นว่ายังมีคนไม่ยอมออกไป หัวหน้ากลุ่มขมวดคิ้ว “สหาย
ตระกูลชางกวนของพวกเรามีเรื่องต้องจัดการ ผมหวังว่าคุณจะออก
จากที่นี่เสีย ไม่อย่างนั้น เราอาจพลั้งมือทำให้คุณได้รับบาดเจ็บก็ได้
หากเป็นแบบนั้นคงไม่ดีแน่ ใช่ไหม?”
“คุณจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ฉันแค่ผ่านมา…” เทพธิดาหลิงหลงพูด
ขณะรินไวน์แก้วหนึ่งให้ตัวเอง
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เงาขนาดใหญ่ก็พาดผ่าน เมื่อเงยหน้ามอง
ชายร่างตุ้ยนุ้ยก็ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเธอแล้ว เขายื่นขาหมูจานใหญ่
ให้ จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “สาวน้อย คุณออกจากโรงเตี๊ยมเสียดีกว่า
พวกเขามีธุระกับผม และคงไม่ดีแน่หากคนพวกนั้นพลั้งมือทำให้
คุณบาดเจ็บ…”
เมื่อชายร่างตุ้ยนุ้ยทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเธอ เทพธิดาหลิงหลงจึงได้
เห็นหน้าตาของอีกฝ่ายใกล้ ๆ เขามีสีหน้าที่ดูเป็นมิตร แม้จะพูด
ไม่ได้ว่าหล่อเหลา แต่ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว
แทนที่จะรับขาหมูจานใหญ่ไว้ เทพธิดาหลิงหลงมองหน้าอีกฝ่าย
และถามด้วยความอยากรู้ “พวกนั้นมาจากตระกูลชางกวนนะ คุณไม่
กลัวหรือ?”
ด้วยความสามารถในการหยั่งรู้ของเธอ เธอดูออกว่าชายร่างอ้วนคน
นี้เป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง แต่กลับไม่แสดง
ความเกรงกลัวผู้เชี่ยวชาญของตระกูลชางกวนสักนิด แถมยังเป็น
ห่วงเป็นใยเธอด้วย ดูเหมือนเขาจะมีจิตใจเข้มแข็งกว่าที่เธอคิดไว้
ตอนแรก
“กลัว? มีอะไรต้องกลัว?” ชายร่างตุ้ยนุ้ยตอบพร้อมกับหัวเราะลั่น “ก็
แค่เจ้าพวกเหยาะแหยะกลุ่มหนึ่งที่รวมหัวกันเท่านั้น!”
เห็นชายร่างตุ้ยนุ้ยไม่กลัวคู่ต่อสู้จริง ๆ เทพธิดาหลิงหลงยิ่งอยากรู้
หนักกว่าเดิม
ชางกวนหยุนหวันคือผู้หนึ่งที่เทพธิดาหลิงหลงมอบตำแหน่งทรง
เกียรติให้ แม้เธอจะไม่ได้แต่งงาน แต่ก็มีน้องชายถึง 7 คน ดังนั้น
ตระกูลชางกวนจึงเป็นตระกูลใหญ่แม้เมื่อเทียบกับตระกูลใหญ่
ตระกูลอื่น ๆ ในสรวงสวรรค์
ชายร่างตุ้ยนุ้ยเป็นแค่เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง แต่กลับไม่กลัวสัก
นิด เขาเอาความมั่นใจมาจากไหน?
ได้ยินคำนั้น หัวหน้ากลุ่มเลิกคิ้วขณะจ้องซุนฉางด้วยสายตาที่แทบ
จะสังหารอีกฝ่ายได้ “คุณรนหาที่ตายแล้ว!”
ซุนฉางรู้ดีว่าต้องเกิดการปะทะแน่ จึงวางจานขาหมูลงก่อนจะลุกขึ้น
ยืน เขาสะบัดแขนเสื้อไปไว้ด้านหลังขณะพูดกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่
รุมล้อมอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “ผมไม่รู้ว่าสาวน้อยคนนี้เป็นใคร
และเธอก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมด้วย จะทำอะไรผมก็เข้ามาเลย
แต่อย่าสร้างปัญหาให้เธอ”
เห็นอีกฝ่ายยังปกป้องเธอแม้ตัวเองจะตกอยู่ในอันตราย เทพธิดาหลิง
หลงอดไม่ได้ที่จะมองชายร่างตุ้ยนุ้ยด้วยความรู้สึกใหม่
ไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก แต่เพียงแค่บุคลิกและท่าทีก็บ่งบอก
ชัดเจนแล้วว่ากลุ่มนักรบจากตระกูลชางกวนไม่อาจเทียบชั้นกับเขา
ได้
เป็นสุภาพบุรุษและช่างคิด…สมัยหนุ่ม ๆ ชายร่างตุ้ยนุ้ยคนนี้คงเป็น
เสือผู้หญิงตัวยงแน่
นี่เป็นครั้งแรกตลอดชีวิตอันยาวนานของเทพธิดาหลิงหลงที่ต้องเจอ
กับสถานการณ์แบบนี้
“ฮึ่มมม! ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องจัดการคุณอยู่แล้ว!” หัวหน้ากลุ่ม
คำรามก่อนจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องเข้าโจมตี