Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1602
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1602
เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นจริงๆ!
“จ้าวหย่ากับลูกศิษย์คนอื่นๆของฉันอยู่ที่ไหน?”
หลังจากสอยชายหนุ่มสองคนกระเด็นไป จางเซวียนก็ย่างสามขุมเข้าหาพร้อมกับหอกที่เปล่งประกายเยือกเย็นออกมา ในตอนนั้น เขาดูเหมือนกับเทพเจ้าแห่งสงครามที่ลงมาจากสวรรค์
ตริ๊งงงงง!
ขณะที่จางเซวียนกำลังจะคว้าตัวหนึ่งในสองคนนั้นมาสอบสวน คลื่นความสั่นสะเทือนก็แผ่เข้าใส่เขา ตรงเข้ากรีดแทงจิตวิญญาณ เมื่อหันไป ก็เห็นชายหนุ่มท่าทางบอบบางที่ถือของล้ำค่าของนักปราชญ์โบราณเยียนเยียนไว้กำลังดีดพิณโดยหันหน้ามาทางเขา
จางเซวียนรีบหันไปมองหวู่เฉิน และเห็นอีกฝ่ายถูกนักรบทองคำ 3 ตัวเล่นงาน นักรบทองคำกลุ่มนี้มีพละกำลังมหาศาลจนทำให้พื้นที่โดยรอบพังพินาศไปเพราะพลังจากกำปั้นของพวกมัน แม้ด้วยความแข็งแกร่งระดับหวู่เฉินก็ยังไม่อาจเอาชนะ 3 ตัวนั้นได้ในระยะเวลาอันสั้น
“เจ้าพวกนี้มีของล้ำค่ามากมายจริงๆ…”
นักรบทองคำ 3 ตัวนี้เหมือนกับนักรบทองคำที่พวกเขาได้เผชิญหน้าตอนที่กำลังจะเข้าสู่หอหรันจื่อ พวกมันคือทหารหาญที่แปรสภาพมาจากลายมือของนักปราชญ์โบราณผู้เชี่ยวชาญ มีทั้งความคิดและจิตวิญญาณของเขา
แต่ทั้งสามก็ไม่เหมือนกับนักรบทองคำที่ทั้งกลุ่มได้เจอก่อนหน้า เพราะสามตัวนี้ไม่ได้ลดระดับวรยุทธ และพวกมันก็ผนึกกำลังกันต่อสู้ได้อย่างไร้ที่ติ ทำให้แม้แต่หวู่เฉินก็ยังรับมือกับพวกมันได้ยาก
จางเซวียนเกิดความสงสัย นักรบทองคำแห่งลายมือบ่มเพาะจิตวิญญาณ, พิณโบราณของนักปราชญ์เยียนเยียน…เจ้าพวกนี้เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นจริงๆหรือเปล่า?
แม้แต่สภาปรมาจารย์ก็ยังไม่อาจใช้ของล้ำค่าทีเดียวมากขนาดนี้ แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนี้กลับมี แถมนำมาใช้อย่างง่ายๆ ราวกับของเหล่านี้ไม่ได้มีค่ามากมายอะไรสำหรับพวกมัน
เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่มาจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์?
แต่ถ้าชายหนุ่มทั้ง 4 มาจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จริงๆ แล้วหลัวลั่วชิงกับหวู่เฉินเป็นใคร?
ถึงอย่างไร หลัวลั่วชิงก็บอกเขาแล้วว่าเธอไม่ใช่เผ่าพันธุ์ปีศาจ และเขาก็อยากจะไว้ใจเธอ
ข้อบกพร่อง!
ด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้น จางเซวียนตัดสินใจใช้หอสมุดเทียบฟ้ากับชายหนุ่มทั้ง 4 เพื่อหวังจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกนั้น
วิ้ง!
หอสมุดเทียบฟ้ากระตุก แต่ไม่มีหนังสือที่ได้รับการประมวล
เกิดอะไรขึ้น? คงไม่ใช่ว่าเจ้าพวกนี้มีสภาวะของการปฏิเสธคำทำนายโดยสิ้นเชิงหรอกนะ? ในโลกทั้งใบ คงไม่มีคนมากมายขนาดนั้นหรอกที่มีสภาวะนี้! จางเซวียนหรี่ตา
เขายังพอรับได้ที่ไม่อาจประมวลหนังสือของหลัวลั่วชิงและหวู่เฉิน แต่ทำไมถึงมองทะลุชายหนุ่มกลุ่มนี้ไม่สำเร็จ มันเกิดอะไรขึ้น?
ทั้ง 4 คนกำลังสำแดงเทคนิคการต่อสู้ เขาควรจะอ่านข้อมูลของคนพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย!
หรือว่า…ใช่แล้วล่ะ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ! ถึงคนพวกนี้จะไม่ได้มีสภาวะของการปฏิเสธคำทำนายโดยสิ้นเชิง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะมีของล้ำค่าบางอย่างที่สามารถปกปิดตัวตนของตัวเองจากสวรรค์ได้ ไม่อย่างนั้น คงไม่มีทางที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่และตระกูลจางจะไม่รู้ว่าพวกนี้มีแผนการจะลักพาตัวจ้าวหย่ากับคนอื่นๆ! จางเซวียนพยักหน้า
ทั้งจ้าวหย่า เว่ยหรูเหยียน และหยวนเทามีความสำคัญต่อการเข้าถึงวิหารแห่งขงจื๊อ ทางสภาปรมาจารย์จึงได้มอบหมายให้เหล่าผู้หยั่งรู้ที่มีทักษะสูงสุดของพวกเขาเฝ้าจับตาสามคนนี้ หากทั้งสามกำลังจะถูกจับตัว บรรดาผู้หยั่งรู้จะต้องทำนายได้ล่วงหน้า แต่เรื่องนั้นก็ไม่เกิดขึ้น มีเหตุผลเดียวที่อธิบายได้ ก็คือชายหนุ่มทั้ง 4 ใช้กรรมวิธีบางอย่างปกปิดตัวเองไว้จากดวงตาของสวรรค์!
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นวิธีการเดียวกับที่กระดองเต่าของนักปราชญ์ชีปกปิดตัวเองไว้จากการตรวจจับของสวรรค์โดยอยู่ภายใต้ปราการของศาลเจ้าแห่งผู้หยั่งรู้
ดูเหมือนเราจะต้องหาทางไปเยือนศาลเจ้าแห่งผู้หยั่งรู้สาขาต่างๆให้ได้หลังจากที่ออกจากอาณาจักรโบร่ำโบราณแห่งนี้…จางเซวียนคิด
หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ดูเหมือนว่าหอสมุดเทียบฟ้าของเขาจะไร้ประโยชน์
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เขาควรจะยกระดับหอสมุดเทียบฟ้า แต่หากทำไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะได้เรียนรู้วิธีการต่างๆที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจจับของสวรรค์ เพื่อที่ในอนาคตเขาจะได้รับมือกับคนเหล่านั้นได้!
ช่างมันเถอะ ต่อให้เรามองทะลุพวกเขาไม่ได้ สู้กันเมื่อไหร่ก็คงจะได้รู้เอง! จางเซวียนคิดขณะชำเลืองมองชายหนุ่มทั้ง 3 คนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเย็นชา
เพียงแค่การที่หอสมุดเทียบฟ้ามองทะลุคนเหล่านี้ไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาหมดหนทาง
ถึงเผ่าพันธุ์ปีศาจจะสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ แต่ก็ไม่อาจปรับเปลี่ยนธรรมชาติพื้นฐานของพลังปราณของพวกมัน เมื่อเผชิญกับช่วงเวลาคับขัน สัญชาตญาณแห่งการตอบโต้จะเปิดเผยตัวเองออกมาทันที ทำให้ตัวตนที่แท้จริงปรากฏ
เว้นเสียแต่พวกมันจะทรงพลังเสียจนสามารถรับมือกับการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย…
แต่ด้วยความแข็งแกร่งของชายหนุ่มทั้ง 4 ในเวลานี้ โอกาสที่สถานการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้นก็ไม่น่าเป็นไปได้
ถึงอย่างไร จางเซวียนก็ไม่เชื่อว่าจะมีนักรบคนไหนที่มีวรยุทธต่ำกว่าขั้นนักปราชญ์โบราณจะสามารถปกปิดตัวตนที่แท้จริงจากเขา!
“พวกแกสามคนน่ะ เข้ามาหาฉันพร้อมๆกันเลย!” จางเซวียนคำรามลั่นขณะกวัดแกว่งหอกและทิ่มปลายหอกไปข้างหน้า
วิ้ง!
คลื่นความสั่นสะเทือนที่ชายหนุ่มท่าทางบอบบางแผ่ออกมาถูกปลายหอกจัดการจนเสื่อมสลาย จางเซวียนก้าวยาวๆเข้าไปและกวัดแกว่งหอกของเขาอีกครั้ง
ฟึ่บ!
ปลายหอกพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มผิวคล้ำที่อยู่ใกล้เขามากที่สุด
“ฮึ่มมม!” อีกฝ่ายคำรามและสะบัดข้อมือ เขานำพู่กันด้ามหนึ่งออกมาปัดป้องการกวัดแกว่งหอกของจางเซวียน
พู่กันด้ามนั้นเบี่ยงเบนพละกำลังของหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกไปได้ขณะที่ชายผิวคล้ำถูกบีบให้ถอยไป 8 ก้าว เขารอดพ้นการโจมตีไปได้โดยปราศจากบาดแผล
พู่กันนั้นเป็นของล้ำค่าของนักปราชญ์โบราณอีกชิ้นหนึ่งหรือเปล่า? จางเซวียนถึงกับประหลาดใจ
แต่ก็รู้ดีว่าไม่ใช่เวลาจะมาสงสัย เขากวัดแกว่งหอกอีกครั้งโดยมีเป้าหมายในการจ้วงแทงชายหนุ่มคนสุดท้าย
ฟิ้ววววว!
พายุดุเดือดพัดหวีดหวิวราวกับพายุเฮอริเคน ชายหนุ่มคนสุดท้ายหน้าซีดเผือดเมื่อต้องเผชิญกับหอกนั้น
ตริ๊งงงงง!
แต่ขณะที่หอกกำลังจะจ้วงแทงเขา เสียงพิณของชายหนุ่มท่าทางบอบบางก็ดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ จางเซวียนไม่ต้านทานบทเพลงบรรเลงปีศาจนั้น เขาดึงการโจมตีจิตวิญญาณทั้งหมดเข้าสู่ร่าง
ในชั่วพริบตา การซึมซับแรงกดดันจากหอกสวรรค์กระดูกมังกรก็เสร็จสมบูรณ์ จิตวิญญาณของเขาแปรสภาพไปโดยมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกมาก
จางเซวียนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของเขาก้าวขึ้นสู่ระดับใหม่ แม้จะยังไม่ถึงขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็บริสุทธิ์กว่าเดิมมาก ขนาดของจิตวิญญาณก็ลดลงไปเกือบครึ่ง
ด้วยจิตวิญญาณที่อยู่ในสภาวะนี้ เขาสามารถทำการทะลุมิติและข้ามสิ่งกีดขวางได้
ความแช่มชื่นจากการฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จทำให้จางเซวียนหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า แกได้รับความขอบคุณอย่างสูงจากฉันนะ!”
จากนั้นเขาก็รุดหน้าต่อไป
เหงื่อหยดเป็นทางจากศีรษะของชายหนุ่มคนสุดท้ายขณะที่รู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตราย เขารีบล่าถอย แต่ปลายหอกของจางเซวียนก็ตามติดราวกับเงา ไม่ว่าชายหนุ่มคนสุดท้ายจะเคลื่อนที่ไปทางไหนหรือใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวชนิดไหนก็ตาม ก็ไม่อาจสลัดตัวเองให้หลุดพ้นจากปลายหอกที่พุ่งเข้าใส่ได้
“บ้าที่สุด!” ชายหนุ่มผิวคล้ำสบถออกมาขณะที่ราดหมึกทั่วทั้งพื้นที่และเริ่มวาดภาพอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตา เขาก็วาดโล่อันหนึ่งให้ชายหนุ่มคนสุดท้ายเข้าไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง
แคว่ก!
หอกสวรรค์กระดูกมังกรทำลายโล่ที่เกิดจากภาพวาดนั้นและฉีกมันเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย
แต่โล่ที่เกิดจากภาพวาดก็ดูดเอาพลังจากการจ้วงแทงของหอกให้ลดลงไปมาก ชายหนุ่มคนสุดท้ายหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาชักดาบแทงสวนออกมาด้วยพละกำลังเต็มพิกัด จึงรอดพ้นจากสภาวะคับขันครั้งนี้ไปได้หวุดหวิด
เห็นอีกฝ่ายไม่ได้นำของล้ำค่าชนิดไหนออกมาทั้งๆที่ถูกต้อนให้จนมุม จางเซวียนคิด ดูเหมือนหมอนี่จะไม่มีของล้ำค่าของนักปราชญ์โบราณอยู่ในครอบครอง…
พูดกันตามตรง แม้พละกำลังจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขงและหอกสวรรค์กระดูกมังกรจะทำให้จางเซวียนมีประสิทธิภาพการต่อสู้ที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ แต่ก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อยหากจะจับตัวชายหนุ่มทั้ง 3 แบบเป็นๆ
โชคร้ายที่พลังจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขงนั้นมีระยะเวลาจำกัด จางเซวียนจึงไม่อาจใช้เวลาอย่างฟุ่มเฟือยได้
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็คงจะดีที่สุดหากเขาจะพุ่งความสนใจไปที่ชายหนุ่มคนสุดท้ายที่อ่อนแอที่สุดและไม่มีของล้ำค่าของนักปราชญ์โบราณอยู่ในครอบครอง
หากคนหนึ่งพ่ายแพ้ การเล่นงานอีก 2 คนที่เหลือก็คงไม่ยากนัก
เมื่อเกิดความคิดนั้น จางเซวียนตัดสินใจพุ่งหอกเข้าใส่ชายหนุ่มคนสุดท้ายอีกครั้ง
ถ้าการโจมตีก่อนหน้านี้เป็นเพียงการทดสอบความสามารถของชายหนุ่ม คราวนี้ก็ถือเป็นของจริง ยังไม่ทันที่ปลายหอกจะถึงตัวชายหนุ่มคนสุดท้าย คลื่นความสั่นสะเทือนดังสนั่นก็แผ่ไปทั่วทั้งห้องนั้น มิติระหว่างปลายหอกกับจุดที่ชายหนุ่มคนสุดท้ายยืนอยู่ฉีกขาดออกจากกันราวกับแผ่นกระดาษบางๆ ที่ฉีกขาด ทำให้เกิดคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติมากมายแผ่ออกไปโดยรอบ
ตริ๊งงงงง! ตริ๊งงงงงง!
นึกไม่ถึงว่าจางเซวียนจะไม่สนใจอีก 2 คนและตั้งหน้าตั้งตาเล่นงานชายหนุ่มคนสุดท้าย ชายหนุ่มท่าทางบอบบางรีบดีดพิณของเขา แต่ถึงบทเพลงบรรเลงปีศาจที่เขาบรรเลงจะมีอานุภาพน่าสะพรึง แต่ก็ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่สร้างรอยแยกของมิติเท่านั้น
การขัดขวางมิติ!
“โว้ยยยย!”
ชายผิวคล้ำรีบพุ่งเข้าไปเพื่อปกป้องชายหนุ่มคนสุดท้าย แต่ด้วยการกวัดแกว่งหอกสวรรค์กระดูกมังกรเพียงครั้งเดียว พู่กันของเขาก็กระเด็นหลุดมือไป
“ขอฉันสังหารพวกแกสักคนให้หายแค้นก่อนเถอะ!” จางเซวียนตวาดขณะรุดหน้าเข้าไปพร้อมหอกในมือ
ชายหนุ่มคนสุดท้ายหน้าซีดด้วยความพรั่นพรึง รู้ดีว่าต้องถูกสังหารแน่หากไม่ลงมือทำอะไร จึงเงยหน้าขึ้นและคำราม
“อ๊ากกกกก!”
ท่ามกลางเสียงคำรามโหยหวนดังสนั่นนั้น ร่างของเขาก็ขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างที่สูงอยู่แล้วสูงขึ้นไปจนเกินกว่า 2 เมตร เจตนาสังหารแรงกล้าแผ่ออกมาจากร่างของเขา พุ่งขึ้นสู่สวรรค์
“แกเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นจริงๆ…” จางเซวียนหรี่ตาอย่างอาฆาตแค้น