Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1626
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1626
หนังสือเล่นงานนักปราชญ์โบราณ
“โจมตี!”
ขณะที่จางเซวียนกำลังจังงัง ฉีเจินก็ตวาดลั่น
ตัวเขาพร้อมกับผู้อาวุโสมั่วชิงจากสมาคมผู้หยั่งรู้สำนักงานใหญ่พุ่งเข้าใส่หวู่เฉินที่อยู่กลางอากาศ
“ฮึ่มมม!” หวู่เฉินคำรามขณะปล่อยพลังจากฝ่ามือลงมาเพื่อตอบโต้
ฟึ่บ!
พื้นที่ที่อยู่โดยรอบแข็งทื่อ ยังไม่ทันที่จีเฉินกับมั่วชิงจะได้ทำอะไร ก็ถูกเล่นงานอย่างจังเข้าที่หน้าอก ทำให้ทั้งคู่ร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรงพร้อมกับกระอักเลือดออกมากองใหญ่
แม้จะเป็นถึงนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 2 แต่ก็ยังอ่อนด้อยหากเปรียบเทียบกับหวู่เฉิน
ดูเหมือนหวู่เฉินจะยังไม่เห็นจางเซวียนกับหลัวลั่วชิง หลังจากเล่นงานชายชราทั้งคู่แล้ว เขาก็ปล่อยพลังฝ่ามืออีกครั้งเข้าใส่ด้านหลังห้อง ซึ่งน่าจะเป็นที่อยู่ของร่างกายท่อนบนของไอ้โหด พื้นที่ที่อยู่โดยรอบบริเวณหลังห้องพังทลายไปทันที ทำให้เพดานถูกทำลายไปด้วย
ฟิ้วววว!
ในตอนนั้น พู่กันด้ามหนึ่งก็ลอยละลิ่วมาจากเพดานที่กำลังทรุดตัวและปะทะเข้ากับพื้นที่ที่ถูกทำลาย จากนั้นเสียงคมกริบก็กรีดก้องไปทั่ว เกิดรอยแยกของมิติที่กระจายไปยังพื้นที่โดยรอบ
“นั่นมันเผ่าพันธุ์ปีศาจสี่ตัวนั้นนี่!” จางเซวียนหรี่ตา
พู่กันที่ลอยมาดูคุ้นตามาก มันเป็นหนึ่งในของล้ำค่าของเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสี่ตัวที่จางเซวียนพบที่อาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์โบราณหรันชิว
เขาไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับพวกมันอีกครั้งที่นี่
ดูเหมือนว่าหลังจากที่แยกกัน หวู่เฉินก็คงใช้วิธีการบางอย่างสะกดรอยตามพวกมันมา
เราควรโจมตีบ้าง จางเซวียนคิด
เขาคว้าเข็มขัดที่รัดอยู่รอบเอวและสะบัดให้มันกลายเป็นหอกสวรรค์กระดูกมังกร จากนั้นก็โผขึ้นสู่กลางอากาศ
เคร้งงงง!
หลังจากเกิดเสียงกระทบกันของโลหะ 2-3 ครั้ง จางเซวียนก็ถูกบีบให้ล่าถอยด้วยใบหน้าซีดเผือด
หากไม่ใช้หยดเลือดของปรมาจารย์ขง เขาก็ไม่อาจเทียบชั้นกับเผ่าพันธุ์ปีศาจสี่ตัวนั้นได้
ขณะที่จางเซวียนถูกผลักดันให้ล่าถอย เสียงตวาดกร้าวก็ดังกึกก้องมาจากด้านล่าง ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดคนหนึ่งพุ่งออกมาจากที่ซ่อน เขาสะบัดข้อมือ แล้วดาบเล่มยาวก็มาอยู่ในมือของเขา เมื่อมีบทเพลงบรรเลงปีศาจและพู่กันเข้าช่วย เขาก็สามารถเล่นงานหวู่เฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปราการของกระแสดาบฉีอันดุเดือดครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้าบริเวณเหนือสมาคมผู้หยั่งรู้ ผู้ที่ได้เห็น ต่างก็แทบจะตาบอดเพราะความเข้มข้นของกระแสดาบฉี ราวกับดาบเล่มนั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีอยู่ในโลก
อากาศโดยรอบส่งเสียงหวีดหวิวเพราะแรงกดดันหนักหน่วงจากปราการของกระแสดาบฉี รอยแยกของมิติสีดำสนิทถูกเปิดออกทั่วทั้งบริเวณนั้น
ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดใช้พลังเต็มพิกัดตั้งแต่ต้น หากเปรียบเทียบกับตอนที่จางเซวียนปะทะกับอีกฝ่ายที่อาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์โบราณหรันชิว ก็ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งกว่าตอนนั้นมาก
แต่ถึงชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดจะทรงพลังแค่ไหน หวู่เฉินก็ยังทรงพลังกว่า
“ฮึ่มมมม!” หวู่เฉินคำราม
เขาปล่อยพลังฝ่ามือลงมาอีกครั้งโดยไม่มีอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
รอยแยกของมิติสีดำสนิทที่กระจัดกระจายไปทั่วสมานตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว และชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดที่ดูจะไร้เทียมทานคนนั้นก็พลันแข็งทื่อกลางอากาศพร้อมกับดาบของเขา ด้วยความตกใจ เขาไม่สามารถปล่อยพละกำลังออกมาได้เลย!
“ช่างมีประสิทธิภาพการต่อสู้ที่น่าทึ่งอะไรอย่างนี้!” จางเซวียนนัยน์ตาเบิกโพลงขณะเอ่ยชม
เขานึกไม่ถึงจริงๆว่าหวู่เฉินจะมีพละกำลังมากมายอย่างที่เห็น ต่อให้เขาเรียกใช้พลังงานจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขง ก็เป็นไปได้ว่าไม่น่าจะรับมือกับการโจมตีของชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดได้ดีกว่าที่หวู่เฉินทำอยู่
บึ้มมมม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งในสมาคมผู้หยั่งรู้ ชายอีกหลายคนพุ่งเข้าใส่หวู่เฉิน การปรากฏตัวของคนเหล่านั้นส่งผลให้เจตนาสังหารกระหายเลือดอบอวลไปทั่ว บรรยากาศโดยรอบทำให้รู้สึกราวกับตกอยู่ในสมรภูมิอันดุเดือด
“พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจทุกตัวเลยนี่!” จางเซวียนตัวแข็งด้วยความประหลาดใจ
เขานึกไม่ถึงว่าจะมีเผ่าพันธุ์ปีศาจปรากฏตัวพร้อมกันทีเดียวมากขนาดนี้ แถมพวกมันยังไม่พยายามปกปิดตัวเองเลยด้วย
“รู้แล้ว เพราะที่นี่คือสมาคมผู้หยั่งรู้ ไม่เพียงแต่ที่นี่จะปกปิดรังสีของพวกมันได้ ยังปกปิดร่างกายของพวกมันจากสายตาของสวรรค์ด้วย จึงเป็นธรรมดาที่พวกมันไม่จำเป็นต้องพยายามซุกซ่อนตัวตนของตัวเอง…” จางเซวียนพยักหน้าเมื่อนึกได้
ตอนที่พวกเขาอยู่ที่อาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์โบราณหรันชิว เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสี่ต้องปลอมตัวเล็กน้อย เพราะหากเครื่องรางลำดับแรกรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกมันและพยายามใช้อำนาจกดข่มพวกมันไว้ พวกมันก็จะต้องเจอปัญหาใหญ่
แต่สำหรับที่นี่ ตราบใดที่พวกมันมั่นใจว่าจะไม่มีใครที่สามารถเอาชีวิตรอดและเดินออกไปจากสมาคมผู้หยั่งรู้ได้ ก็แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกมัน
“เรียกพลัง!”
รู้ดีว่าหากมัวแต่ลังเลในตอนนี้ ก็อาจหมายถึงการต้องเสียชีวิต จางเซวียนจึงเรียกใช้พลังงานจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขงหยดสุดท้ายทันที
มันเป็นไพ่ไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของเขา ซึ่งทำให้เขาออกจะไม่เต็มใจที่จะใช้มัน แต่ก็รู้ดีว่าหากไม่รีบโจมตีตอนนี้ และถ้าหวู่เฉินเพลี่ยงพล้ำ ตัวเขากับหลัวลั่วชิงก็จะต้องเป็นรายต่อไป!
ฟึ่บ!
ทันทีที่พละกำลังจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขงถูกเรียกใช้ จางเซวียนก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่โอบรอบร่างกายของเขา ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ได้รับการยกระดับขึ้นสู่ขั้นใหม่ จางเซวียนถือหอกสวรรค์กระดูกมังกรไว้และพุ่งเข้าใส่เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่อยู่ใกล้เขาที่สุด
“ตายซะ!”
จางเซวียนใช้หอกจ้วงแทงจุดสำคัญของเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นโดยไม่ลังเล
คราวที่แล้ว ก็เป็นเพราะความลังเลของเขาที่ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสี่ตัวหนีรอดไปได้ คราวนี้เขาจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด!
เมื่อเจอกับการโจมตีอย่างกะทันหันจากคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องผละจากหวู่เฉินมาปัดป้องการโจมตีของจางเซวียน
เจตนาสังหารโหดเหี้ยมพุ่งเข้าใส่จางเซวียน เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นสะบัดกรงเล็บใส่เขา
แต่ด้วยประสิทธิภาพการต่อสู้ที่จางเซวียนมีอยู่ในตอนนี้ เขาจะปล่อยให้เผ่าพันธุ์ปีศาจทำอะไรตามใจได้อย่างไร?
จางเซวียนใช้หอกแทงกรงเล็บของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก่อนจะจ้วงลึกเข้าไปถึงหัวใจของมัน
ขณะที่หอกของเขาอยู่ในร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เขาก็บิดมันอย่างแรง
พลั่ก!
วินาทีต่อมา ร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจก็แหลกเละ กลายเป็นเนื้อบด
ด้วยสิ่งนี้ นักรบที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4-ชั่วกัลปาวสานก็พบจุดจบ
เห็นสหายของพวกมันเสียชีวิตในชั่วพริบตา เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่เหลือถึงกับจังงัง บางที อาจเป็นเพราะรู้ตัวว่าจางเซวียนเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงของพวกมัน พวกมันกลุ่มหนึ่งจึงเบนเป้าหมายและพุ่งการโจมตีมาที่จางเซวียน
จางเซวียนหรี่ตา เขาสะบัดหอกโดยใช้มือเดียว มันแปรสภาพกลายเป็นมังกรอันสง่างามและพุ่งเข้าใส่เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ดีดนิ้วเบาๆด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
“แข็งทื่อ!”
ฟึ่บ!
พื้นที่โดยรอบดูจะแข็งทื่อไปทันที ทุกอย่างที่อยู่ในสมาคมผู้หยั่งรู้หยุดชะงัก
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่กำลังเกรี้ยวกราดคิดไม่ถึงว่าจางเซวียนจะมีเทคนิคแบบนี้ ทันทีที่พวกมันรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ ก็รีบหันหลังกลับและพยายามหนี แต่สายไปแล้ว พื้นที่รอบตัวมันถูกปิดกั้น และพวกมันก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้แม้เพียงนิ้วเดียว
ฉึกกก!
หอกจ้วงแทงเข้าใส่ศีรษะของเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด มันเสียชีวิตทันที แต่เพราะมิติที่ถูกทำให้แข็งทื่อ ร่างของมันจึงยังคงลอยคว้างอยู่กลางอากาศอย่างน่าขยะแขยง
เมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจสองตัวถูกกำจัดไป ภาระของหวู่เฉินก็เบาลงมาก เขาปล่อยพลังจากฝ่ามือติดต่อกันอีกสองครั้ง ครั้งแรกทำให้ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดกระเด็นไป และครั้งที่สองก็ทำลายพิณของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอได้ภายในเสี้ยววินาที
วิ้ง!
ในตอนนั้น โครงกระดูกของร่างกายท่อนบนของไอ้โหดก็ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ
ยากที่จะบอกได้ว่าร่างกายท่อนบนนั้นทำจากอะไร แต่กระดูกซี่โครงมีความโปร่งแสงราวกับหยกชั้นดี และแทนที่มันจะแผ่เจตนาสังหารอันเหี้ยมโหดออกมา กลับมีรังสีของผู้ทรงภูมิ
“นายท่าน นั่นคือร่างกายท่อนบนของผม!” ไอ้โหดอุทานอย่างตื่นเต้น
“ในที่สุดก็ออกมา!”
เมื่อเห็นว่าร่างกายท่อนบนของไอ้โหดอยู่ที่นี่จริงๆ จางเซวียนตาโต เขาสะบัดข้อมือโดยไม่ลังเล แล้วหนังสือเทียบฟ้าก็ลอยเข้าหาร่างกายท่อนบนของไอ้โหด
ฟึ่บ!
ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตา หนังสือเทียบฟ้าก็กักขังร่างกายท่อนบนของไอ้โหดไว้ในนั้น
การจัดการกับศีรษะและนิ้วมือของไอ้โหดดูจะยุ่งยากกว่า เพราะพวกมันมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่สำหรับร่างกายท่อนบน การถูกรูปปั้นนักปราชญ์ขุยที่อยู่ภายในปูชนียสถานนักปราชญ์กดข่มอำนาจของมันมานานหลายปีทำให้ร่างกายท่อนบนของไอ้โหดถูกชำระล้าง ขจัดเอาความคิดและชีวิตจิตใจของมันออกไปจนหมด
ดังนั้นหนังสือเทียบฟ้าจึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายในการกักขังมัน
เมื่อเห็นภาพนั้น หวู่เฉินเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ผมกำลังจะฝ่าด่านวรยุทธแล้ว นายท่าน ผมต้องจำศีลนะ คุณดูแลตัวเองด้วย…” ไอ้โหดคำรามพร้อมกับหัวเราะลั่น เสียงของมันค่อยๆจางหายไป
จางเซวียนรู้สึกได้ว่าสติสัมปชัญญะของไอ้โหดเข้าสู่สภาวะหลับลึก
ก็เหมือนกับหลายครั้งที่ผ่านมา
การซึมซับร่างกายท่อนบนของมันเป็นกระบวนการที่ทำให้เหน็ดเหนื่อยอยู่ไม่น้อย มันจึงต้องเข้าสู่ภาวะจำศีล
เมื่อมันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็คงฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่…จางเซวียนแอบถอนหายใจ
แม้ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่จางเซวียนก็ยังไม่ถอย เขาเงื้อหอกเข้าใส่เผ่าพันธุ์ปีศาจอีกตัวหนึ่ง ตั้งใจจะสังหารมัน
แต่ในตอนนั้นเอง รังสีทำลายล้างก็ระเบิดออกมาจากสมาคมผู้หยั่งรู้ มันพุ่งทะยานขึ้นสู่หมู่เมฆ
รังสีนั้นทรงพลังอย่างน่าทึ่งเสียจนแทบจะพลิกสวรรค์ได้!
“หรือว่าจะเป็น…นักปราชญ์โบราณ?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกตะลึง
การเรียกใช้พลังงานจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขงทำให้พละกำลังของเขาเหนือชั้นกว่านักรบทุกคนที่มีวรยุทธต่ำกว่าขั้นนักปราชญ์โบราณ แต่เมื่อเผชิญกับรังสีที่ทรงพลังอย่างน่าทึ่งจากสมาคมผู้หยั่งรู้ จางเซวียนก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมดที่ยืนอยู่ตรงหน้าช้าง
เขาไม่สามารถแม้แต่จะหยั่งถึงพละกำลังของผู้ที่ปลดปล่อยรังสีนั้น
เป็นไปได้ว่านี่คือระดับความแข็งแกร่งของผู้ที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณซึ่งเขาเคยได้ยินเรื่องราวมามาก
จางเซวียนรีบหันไปยังทิศทางที่รังสีระเบิดออกมาด้วยความหวาดระแวง และเห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวมหึมากำลังพุ่งเข้าใส่หลัวลั่วชิงด้วยความเร็วสูง
จางเซวียนทั้งพรั่นพรึงและตื่นตระหนก เขาคำรามก้อง “ลั่วชิง ระวังด้วย!”
ถ้าเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณตัวนั้นเข้าถึงตัวหลัวลั่วชิงได้ เธอคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ใครจะไปคิดว่าจะมีนักปราชญ์โบราณซ่อนตัวอยู่ในสมาคมผู้หยั่งรู้ แถมยังเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นด้วย? พวกเผ่าพันธุ์ปีศาจกำลังวางแผนอะไรอยู่?
บ้าจริง! บ้าที่สุด!
“ไม่นะ!”
จางเซวียนไม่รู้ว่านั่นคือเสียงตะโกนก้องในหัวของเขาหรือเขาตะโกนออกมาจริงๆ แต่สิ่งที่เห็นบอกเขาว่าเขาไม่อาจปล่อยให้อะไรที่กำลังจะเกิดนั้นเกิดขึ้นจริงๆได้
ฟิ้วววว!
หนังสือเล่มหนึ่งลอยละลิ่วออกจากหว่างคิ้วของจางเซวียน
พลั่ก!
มันพุ่งเข้าใส่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณซึ่งกำลังจะเล่นงานหลัวลั่วชิง
“อะไรกัน?”
ด้วยสีหน้าที่ยังคงพรั่นพรึง เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณตัวนั้นถูกทับบี้แบนอยู่กับพื้น และสิ้นใจ
แม้ในวินาทีแห่งความตาย มันก็ยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรผู้ที่ทรงพลังอย่างมันถึงต้องพบจุดจบเพียงเพราะน้ำหนักของหนังสือเล่มหนึ่ง