Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1676
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1676
ตอนที่ 1676 สังหารแม่ทัพ
แม่ทัพบอบช้ำเสียจนจิตวิญญาณแทบจะหลุดลอย
เขามีความคาดหวังสูงในการนำกองกำลังเข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน ตั้งใจจะบุกรุกทวีปแห่งปรมาจารย์ให้ได้ ซึ่งหากเขาทำสำเร็จ ชื่อของเขาจะกระฉ่อนไปทั่วทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจ และตำแหน่งของเขาก็จะสูงขึ้นอีกมาก แต่ยังไม่ทันจะได้บุกรุก ก็มาถูกอิฐก้อนหนึ่งกับหอกเล่มหนึ่งเล่นงาน…
ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่ปีศาจที่เขานำมาจากตระกูลเพื่อโอกาสพิเศษนี้ก็กลับไปยอมจำนนให้อีกฝ่าย
ความหยิ่งผยองที่แกแสดงออกต่อหน้าฉันเมื่อครู่นี้หายไปไหน?
มันเรื่องอะไรที่ตอนนี้แกถึงยอมสยบแทบเท้าหมอนั่น?
เรารู้แล้ว กระบี่ปีศาจนี่จะยอมจำนนให้ผู้ที่มีเจตนาสังหารบริสุทธิ์กว่ามัน เจตนาสังหารที่เราแผ่ออกมาผ่านพลังปราณเทียบฟ้ามีความบริสุทธิ์อย่างน้อยก็เทียบเท่ากับไอ้โหด จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะยอมจำนนให้เราอย่างรวดเร็ว…จางเซวียนพยักหน้าเมื่อนึกได้
ถึงแม่ทัพจะเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น แต่เมื่อวัดจากมาตรฐานของฮ่องเต้ฉิงเทียน เจตนาสังหารของอีกฝ่ายก็ยังเทียบอะไรไม่ได้กับพลังปราณเทียบฟ้า
จางเซวียนเคาะนิ้วเบาๆ แล้วนำเลือดหยดหนึ่งออกมาให้กระบี่ปีศาจซึมซับเข้าไป
ไม่ช้าเขาก็รู้สึกได้ถึงกระแสเจตจำนงที่พุ่งเข้าสู่จิตใจของเขา
กระบี่เพลิงสีดำ!
นั้นคือชื่อของกระบี่ปีศาจที่อยู่ตรงหน้า
ก็เหมือนกับที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรพูดไว้ กระบี่เพลิงสีดำเป็นของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณ แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด…
มันเป็นของล้ำค่าที่ได้รับการยกระดับมาแล้ว!
ของล้ำค่าของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ได้รับการยกระดับนั้นมีพื้นฐานต่างจากของล้ำค่าของมนุษย์
หม้อต้นกำเนิดทองคำเป็นหนึ่งในของล้ำค่าไม่กี่ชิ้นในโลกที่ได้รับการยกระดับ ซึ่งในการยกระดับขั้นของมัน มันจะต้องถูกหลอมรวมเข้ากับสินแร่ล้ำค่าชนิดอื่น แต่สำหรับของล้ำค่าที่ได้รับการยกระดับจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ จะต้องใช้เลือดหรือจิตวิญญาณที่มากพอ
พูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่จำเป็นต้องหลอมกระบี่เพลิงสีดำขึ้นใหม่หรือทำอะไรให้ยุ่งยาก ที่เขาต้องทำก็คือสังหารผู้เชี่ยวชาญให้ได้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของมัน!
ก็เพราะสิ่งนี้ที่ทำให้กระบี่ปีศาจแผ่รังสีที่เป็นอันตรายหนักหน่วงออกมา
“ถ้าอย่างนั้น ก็หมายความว่าแกสามารถยกระดับขึ้นเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณได้ใช่ไหม?” เมื่อรู้เรื่องนี้ จางเซวียนถามกระบี่เพลิงสีดำด้วยนัยน์ตาที่ฉายแววตื่นเต้น
ใครก็รู้ว่าของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณนั้นมีประสิทธิภาพมากพอที่จะสังหารได้แม้แต่นักปราชญ์โบราณ ถ้ากระบี่เพลิงสีดำได้รับการยกระดับขั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวนักรบที่มีวรยุทธขั้นต่ำกว่านักปราชญ์โบราณคนไหนอีกต่อไป!
“คุณสามารถยกระดับผมได้ แต่ต้องใช้เลือดสดๆของนักปราชญ์โบราณ” กระบี่เพลิงสีดำตอบอย่างนอบน้อม
“แกต้องใช้เลือดสดๆของนักปราชญ์โบราณเพื่อทำการยกระดับขั้นหรือ? ช่างมันเถอะ”จางเซวียนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำนั้น
เรื่องนี้เหลวไหลสิ้นดี! หากเขาแข็งแกร่งพอที่จะสังหารนักปราชญ์โบราณและนำเลือดมามอบให้กระบี่เพลิงสีดำได้ แล้วเขาจะต้องมีกระบี่ไว้เพื่ออะไร?
“ถ้าคุณไม่สามารถหาเลือดของนักปราชญ์โบราณ ก็สามารถยกระดับขั้นของผมได้โดยใช้เลือดและจิตวิญญาณของนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานหรือนักรบขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณ แต่กระบวนการจะเป็นไปได้ช้ากว่า…” ราวกับล่วงรู้ความคิดของเจ้านาย กระบี่เพลิงสีดำรีบเสริม
“เลือดของนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานก็ใช้ได้หรือ? แล้วหมอนั่นล่ะ?” จางเซวียนตั้งคำถามขณะชี้นิ้วไปที่แม่ทัพ
“ถึงประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาจะไม่เท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นสมาชิกหลักของเผ่าพันธุ์ปีศาจชั้นสูง ถ้าผมได้ดื่มเลือดของเขา ก็จะยกระดับวรยุทธไปเป็นแถวหน้าของของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณได้” กระบี่เพลิงสีดำตอบพร้อมกับพยักหน้า
“ดี ถ้าอย่างนั้นฉันยกเขาให้แกก็แล้วกัน!” จางเซวียนตอบ
ตั้งแต่แรก จางเซวียนก็ไม่เคยมีเจตนาดีต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่แล้ว แถมหมอนั่นยังถึงกับวางแผนจะสังหารท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาด้วย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้
“ขอบคุณมาก นายท่าน!” ได้ยินคำนั้น กระบี่เพลิงสีดำรี่เข้าใส่แม่ทัพอย่างยินดีปรีดาและกรีดคมกระบี่ลงไปในผิวหนังของเขา
ใช้เวลาไม่นาน แม่ทัพก็กลายเป็นศพเหี่ยวแห้ง จิตวิญญาณและเลือดของเขาถูกสูบออกไปจนหมด
หลังจากได้รับการบ่มเพาะจากเลือดและจิตวิญญาณของแม่ทัพ กระบี่เพลิงสีดำก็ดูโหดเหี้ยมกว่าแต่ก่อน ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นอีกมากจนถึงระดับที่แม้แต่หม้อต้นกำเนิดทองคำก็ยังไม่อยากยุ่งกับมัน
“ไม่เลว!” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ
ถึงตอนนี้ ไม่ช้าไม่นานเขาก็คงสามารถยกระดับกระบี่เพลิงสีดำให้เป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณได้ และนั่นจะเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ให้เขาได้มากทีเดียว
“เอาล่ะ ตอนนี้แกเข้าไปอยู่ในแหวนเก็บสมบัติของฉันได้แล้ว”
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น จางเซวียนเก็บของล้ำค่าทั้ง 3 ชิ้นกลับคืนสู่แหวนเก็บสมบัติก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
หลังจากรับมือกับกระบี่เพลิงสีดำและแม่ทัพแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เหลือจะไม่เป็นอันตรายต่อเขามากนัก แต่พละกำลังของเผ่าพันธุ์ปีศาจจำนวนมากนั้นก็ไม่อาจประมาทได้ เพื่อปลอดภัยไว้ก่อน เขาจึงต้องดำเนินการต่อด้วยความระมัดระวัง
หากเขาหาทางสังหารหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจได้ นั่นก็จะดีที่สุด
ไม่อย่างนั้น ต่อให้แม่ทัพของพวกมันถูกสังหารไป ไม่ช้าไม่นานแม่ทัพตัวใหม่ก็จะต้องเข้ามารับหน้าที่และสั่งการเผ่าพันธุ์ปีศาจเหล่านี้ให้เล่นงานเขา ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้น ใครจะไปรู้ว่าทายาทตระกูลจางจำนวนมากมายแค่ไหนที่จะต้องเสียชีวิต?
จางเซวียนลูบคางขณะครุ่นคิด
ในเมื่อมีแม่ทัพที่เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานอยู่ในฐานที่ตั้งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็เป็นไปได้ว่าน่าจะมีนายทหารคนอื่นๆที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน คงจะโง่เง่าเต็มทีหากจะคิดว่ากองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจจะล่มสลายเพียงเพราะสูญเสียแม่ทัพไป
เป็นไปได้ว่าเขาคงจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างแม่ทัพอีกในฐานที่ตั้งแห่งนี้ แต่จางเซวียนก็ไม่มีพละกำลังมากพอที่จะกำจัดกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีด้วยพละกำลังของตัวเขา หรือต่อให้มีของล้ำค่าทั้ง 3 ชิ้นคอยช่วยเหลือก็ตาม!
เขาจะต้องคิดให้รอบคอบและวางแผนการที่แยบยลก่อนจะเริ่มดำเนินการต่อไป
การสู้รบกับแม่ทัพก่อนหน้านี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่โชคดีที่มีกระจกเงาและค่ายกลติดตั้งอยู่โดยรอบ จึงไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ พูดอีกอย่างก็คือเหล่าทหารที่เหลือยังคงไม่รู้ว่าแม่ทัพของพวกมันตายไปแล้ว เราน่าจะทำอะไรบางอย่างได้ถ้าสามารถปลอมตัวเป็นแม่ทัพ…จางเซวียนคิด
เพื่อปกปิดการมีอยู่ของกระบี่เพลิงสีดำ แม่ทัพได้ปิดกั้นห้องนี้ไว้จากโลกภายนอก ถึงขนาดที่แม้แต่รังสีและคลื่นความสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจเล็ดลอดออกไปได้ มันอาจจะดูย้อนแย้ง แต่ก็เป็นเพราะการกระทำของแม่ทัพนี่เองที่ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขาตายไปแล้ว
ในเมื่อจางเซวียนสามารถปลอมตัวเป็นนายพลอ้าววั่วได้อย่างไร้ที่ติ ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่สามารถปลอมตัวเป็นแม่ทัพ
เขาถอดหมวกเกราะออกจากศพแล้วรีบสวมเข้าไป ในเวลาเดียวกันก็เริ่มปรับเปลี่ยนกล้ามเนื้อและกระดูก ค่อยๆเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองให้กลายเป็นแม่ทัพ
ขอดูหน่อยเถอะว่าในฐานที่ตั้งแห่งนี้มีนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่กี่คน…
จางเซวียนทิ้งแผ่นหินและกระจกเงาไว้ เขาออกจากพื้นที่นั้นและมุ่งหน้าไปยังเต็นท์บัญชาการที่เป็นศูนย์กลางของฐานทัพ
ในเมื่อแม่ทัพเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน ก็แน่นอนว่ารองแม่ทัพย่อมไม่อ่อนแอนัก อันดับแรก เขาจะต้องตรวจสอบก่อนว่ามีนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่กี่คนในแคมป์แห่งนี้ และจัดการพวกมันให้หมด เมื่อนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ตายไปหมดแล้ว กองกำลังที่เหลือก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้อีกต่อไป
เพราะจางเซวียนอยู่ในร่างของแม่ทัพ จึงไม่มีองครักษ์หรือทหารคนไหนกล้ายับยั้งเขาไว้ขณะที่เขาเดินตรวจการไปทั่วแคมป์ ไม่ช้าก็มาถึงเต็นท์บัญชาการ
“ท่านแม่ทัพ!”
เหล่าทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อารักขาเต็นท์บัญชาการไว้รีบประสานมือและทักทาย
“อือ!” จางเซวียนพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในเต็นท์
ภายในเต็นท์ เขาเห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ 7 ตัวนั่งอยู่โดยรอบ แต่ละตัวมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ท่านแม่ทัพ คุณทำสำเร็จแล้วหรือ?” เมื่อเห็นแม่ทัพกลับมา เผ่าพันธุ์ปีศาจเหล่านั้นมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น
ดูเหมือนเจ้าพวกนี้จะรู้ว่าแม่ทัพกำลังวางแผนสังหารเซียนดาบชิงเหมิง และพวกมันก็กำลังรอคอย ที่จะฟังผล
“ผมยังไม่ได้จัดการ มีเรื่องด่วนที่เราต้องหารือกัน และผมอยากให้พวกคุณเสนอคำชี้แนะมา!” จางเซวียนพูดอย่างวางอำนาจ
ด้วยการมีอยู่ของของล้ำค่าของผู้หยั่งรู้ เขาไม่กล้าใช้หอสมุดเทียบฟ้าง่ายๆ เพราะไม่อย่างนั้น ก็อาจเสี่ยงกับการเรียกการทดสอบสายฟ้าเข้าใส่ฐานทัพก่อนที่จะทันได้แก้ปัญหาที่กำลังรออยู่
เขาไม่แน่ใจนักว่าสถานการณ์ของแม่ทัพคืออะไร แต่ด้วยประสบการณ์มากมายในการปลอมตัว ผนวกกับประสิทธิภาพของเครื่องรางแห่งการปลอมตัวของหลัวลั่วชิง เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 7 ตัวในห้องจึงไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ
“ท่านแม่ทัพสั่งการเรามาได้เลย!”
ทุกตัวรีบประสานมือ
“อือ!” จางเซวียนพูดขณะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม อันที่จริง เขาแอบเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้และตรวจสอบเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
เป็นอย่างที่เขาคาดเดาไว้ ทั้ง 7 ตัวล้วนแต่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่, 2 ใน 7 ตัวเป็นนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ, 3 ตัว เป็นนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ และอีก 2 ตัวเป็นนักรบขั้นการพักฟื้นภายใน
โชคดีที่เขาไม่ผลีผลามเปิดการโจมตีก่อนหน้านี้ เพราะไม่อย่างนั้น หากทั้ง 7 ตัวผนึกกำลังกันเล่นงานเขา มันจะบานปลายกลายเป็นสงครามครั้งใหญ่
และด้วยกองกำลังทหารจำนวนมากมายของพวกมัน หากเผ่าพันธุ์ปีศาจรวมตัวกันสร้างค่ายกลขึ้นมา ต่อให้นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานก็หลบหนีได้ยาก
จางเซวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเรียกเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งที่มีวรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณออกมาและพูดว่า “คุณ ตอนนี้ตามผมมา ผมมีภารกิจที่จะมอบหมายให้คุณเป็นการส่วนตัว!”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ถูกจางเซวียนเรียกรีบออกไปนอกเต็นท์บัญชาการโดยไม่มีความสงสัยแม้แต่น้อย