Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1683
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1683
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1683 แม่ทัพใหญ่
“แกพูดถูก ฉันก็เชื่อว่าท่านโหมวอู่น่าจะรู้เรื่องพวกนี้…” เมื่อถูกเปิดโปง จางเซวียนก็เบื่อที่จะปลอมตัวอีกต่อไป เขาหัวเราะหึๆ
“มันไม่ใช่ท่านโหมวอู่ จัดการ!”
เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 3 ตัวหรี่ตาอย่างดุร้ายขณะเตรียมพร้อมกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอย่างนั้น ร่างใหญ่โตที่อยู่กลางอากาศก็ร่วงลงมาใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว
พลั่ก!
เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนค่ายกลแหลกเละเป็นเนื้อบด
จากนั้น หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็พุ่งเข้ามาและตัดหัวเผ่าพันธุ์ปีศาจอีกตัวหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน กระบี่ปีศาจก็ฟันร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวสุดท้ายจนขาดครึ่ง
เผ่าพันธุ์ปีศาจสามตัวนี้เป็นแค่นักรบการพักฟื้นภายใน ในเมื่อพวกมันรู้แล้วว่าเขาปลอมตัวมา สิ่งที่เขาต้องทำก็คือปิดปากมันเสีย
หลังจากจัดการศพแล้ว จางเซวียนก็ถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่ค่ายกลทะลุมิติเก่าแก่ที่อยู่ตรงหน้า มันเรืองแสงออกมา จากนั้นเขาก็หายวับไป
ด้วยความเชี่ยวชาญในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลและความเข้าใจเรื่องมิติของเขา การเปิดใช้งานค่ายกลจึงเป็นเรื่องง่าย
เกิดการกระตุก แล้วจางเซวียนก็มาปรากฏตัวที่อีกด้านหนึ่งของค่ายกล เขากวาดสายตามองไปโดยรอบและพบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางหุบเขาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ภูเขาหลายลูกมีความสูงลดหลั่นกันไป เรียงรายทั่วทั้งพื้นที่ บดบังทัศนียภาพเอาไว้
“คารวะท่านแม่ทัพ!”
หลังจากตั้งตัวได้ จางเซวียนก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
เสียงนั้นมาจากพลทหาร 2 ตัวที่ทำหน้าที่อารักขาค่ายกลทะลุมิติ ดูเหมือนพวกมันจะมีตำแหน่งไม่สูงนัก เป็นไปได้ว่ามันน่าจะจดจำเขาได้จากหมวกเกราะและชุดเกราะที่สวมอยู่
“อือ” จางเซวียนพยักหน้าขณะก้าวยาวๆเข้าไป
ดวงจันทร์สีเลือดลอยอยู่ท่ามกลางหุบเขา ชั้นหมอกบางๆลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือหุบเขานั้น แม้จะมีบรรยากาศของอันตรายอบอวลไปทั่ว แต่จางเซวียนก็ต้องยอมรับว่าทัศนียภาพที่เห็นนั้นสวยงามราวกับภาพวาด
มีพลทหารนับไม่ถ้วนยืนประจำตำแหน่งในรูปแบบของค่ายกลอยู่ทั่วทั้งหุบเขาขนาดใหญ่นั้น การเคลื่อนไหวของพวกมันได้รับการจัดระเบียบอย่างดี ไม่มีความสับสนวุ่นวายแม้แต่น้อย ลำพังแค่ระเบียบที่เห็น ก็ชัดเจนแล้วว่าพวกมันได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
ในฐานะกองกำลังเสริมที่มาจากอาณาจักรใต้ดินที่ต่างๆกัน แม้ใบหน้าของโหมวอู่จะดูแปลกตาสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจหลายๆตัว แต่ก็ไม่มีตัวไหนสงสัยตัวตนของเขา ยิ่งรุดหน้าไป จางเซวียนก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้น
ก็เหมือนกับกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่บริเวณอาณาจักรใต้ดินแห่งภูเขาพยัคฆ์มังกร แม้แต่ตัวที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 3!
หากกองทัพที่มีกำลังพลนับแสนนี้เคลื่อนไหวพร้อมๆกัน ต่อให้นักปราชญ์โบราณก็ยังต้องล่าถอย
เราต้องยับยั้งพวกมันไว้ ไม่อย่างนั้นจะต้องเกิดการสูญเสียหลายชีวิตแน่! จางเซวียนคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว
หลังจากการพัฒนามาหลายหมื่นปี สภาปรมาจารย์ก็สามารถรวบรวมกองกำลังนักรบระดับเซียนขั้น 3 ขึ้นไปได้กว่าแสนคน แต่ก็ยังต้องใช้เวลา อีกอย่าง ด้วยการที่เผ่าพันธุ์ปีศาจเข้าโจมตีอาณาจักรใต้ดินทั้ง 108 แห่งพร้อมกัน เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เป็นนักรบจึงต้องกระจายกำลังกันทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์เพื่อขับไล่เผ่าพันธุ์ปีศาจออกไป
หากกองทัพนี้เข้าโจมตี ก็ไม่มีทางที่สภาปรมาจารย์จะรับมือไหว และทันทีที่กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากก็จะต้องถูกสังหาร!
เขาต้องยับยั้งกองทัพนี้ไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม
แต่…จะทำได้อย่างไรล่ะ?
แม้แต่นักปราชญ์โบราณก็คงไม่กล้าเผชิญหน้ากับกองทัพที่มีกำลังพลมากขนาดนี้ นับประสาอะไรกับตัวเขา
ถ้าเขาแสดงทีท่าผิดปกติออกมาแม้แต่นิดเดียว คงได้ตายเสียก่อนที่จะทันรู้ตัว!
จางเซวียนคิดจะใช้พลังปราณเทียบฟ้าของเขาเปลี่ยนเป็นยาพิษเพื่อเล่นงานพลทหาร แต่ต่อให้เขาใช้พลังปราณจนหยดสุดท้าย ก็ดูท่าจะไม่เพียงพอที่จะยับยั้งพวกมัน
ก่อนหน้านี้ กลยุทธสายฟ้าอาจใช้การได้ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีของล้ำค่าของผู้หยั่งรู้อยู่กับตัว อีกอย่าง เขาจะต้องจัดการให้พลทหารเหล่านี้เชื่อฟังคำสั่งของเขาก่อน
ลองดูซิว่าเราจะหาตัวแม่ทัพใหญ่ได้หรือเปล่า…หากสังหารมันและเข้าควบคุมกองทัพแทนได้ ก็น่าจะผลักดันบางอย่างได้สำเร็จ…
ในการรับมือกับกองทัพนั้น กลยุทธที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือต้องเล่นงานแม่ทัพของพวกมันก่อน
ตอนนี้เขายังหาแผนการเหมาะๆที่จะเล่นงานทั้งกองทัพไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้ตอนนี้ คือหาตัวหัวหน้าของพวกมัน ถ้าเขาสามารถสวมบทบาทผู้มีอำนาจสูงสุดในกองทัพได้ ก็คงจะมีสถานภาพที่ดีขึ้นในการสั่งการเรื่องต่างๆ
ดังนั้น จางเซวียนจึงเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้และกวาดสายตาไปโดยรอบ ไม่ช้าก็เห็นเต็นท์ขนาดใหญ่ที่มีพลทหารกลุ่มหนึ่งยืนอารักขาอยู่ด้านนอก รู้ดีว่าน่าจะเป็นเต็นท์ของแม่ทัพ จางเซวียนจึงเดินไป
ขณะที่มุ่งหน้าไปยังเต็นท์ จางเซวียนก็ผ่านพื้นที่ที่ลับสายตา เขากระดิกนิ้ว จากนั้นก็ทำการบิดเบี้ยวมิติโดยรอบและหายตัวไปจากบริเวณนั้น
หลังจากอำพรางตัวแล้ว จางเซวียนก็เดินหน้าไปยังเต็นท์ขนาดใหญ่ ไม่ช้าก็มายืนอยู่ตรงหน้ามัน
เขารออยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง แล้วเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมหมวกเกราะและชุดเกราะสีดำ ดูเหมือนจะเป็นแม่ทัพในระดับเดียวกับเหิงเจียงและโหมวอู่ก็เปิดประตูเต็นท์และเดินเข้าไป จางเซวียนตามหลังเข้าไปติดๆ
มีเตาผิงอยู่ในห้องนั้นซึ่งทำให้เต็นท์อบอุ่น หลังจากกวาดสายตาไปทั่วเต็นท์ จางเซวียนก็เห็นว่ามีเผ่าพันธุ์ปีศาจนั่งอยู่ในนั้น 18 ตัว ทุกตัวสวมหมวกเกราะและชุดเกราะสีดำซึ่งบ่งบอกว่าพวกมันเป็นแม่ทัพ
“พวกนี้เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานหมดเลยหรือ?” จางเซวียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
ไม่น่าเชื่อว่าพวกมันทุกตัวจะเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน มีพละกำลังเทียบเท่ากับโหมวอู่ โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์ปีศาจวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงกลางซึ่งถือกระบี่สีทองไว้ในมือ จางเซวียนสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าความแข็งแกร่งของหมอนั่นทัดเทียมกันกับปรมาจารย์หยาง!
เมื่อรู้ตัว จางเซวียนก็ตัวแข็งขึ้นมาทันที เขาแทบไม่กล้าขยับตัวเพราะเกรงจะดึงดูดความสนใจ
โชคดีที่เขาไม่ได้บุกเข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่น แต่ตามแม่ทัพอีกตัวหนึ่งเข้ามา ไม่อย่างนั้น ต่อให้มีความสามารถในการสกัดกั้นมิติ แต่การบุกเข้าไปอย่างพรวดพราดก็จะต้องทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่นี่รับรู้ความผิดปกติแน่
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขายกระดับวรยุทธขึ้นได้มาก แต่ก็ไม่โง่เง่าพอที่จะคิดว่าตัวเองจะสามารถหนีรอดจากการจับกุมของนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานจำนวนมากขนาดนี้ได้
“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ เป่ยชิงปฏิเสธที่จะทำตามความต้องการของพวกเรา!” แม่ทัพตัวที่เพิ่งเข้ามาในห้องประสานมือและรายงาน
“เขาปฏิเสธหรือ?” เผ่าพันธุ์ปีศาจวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงกลางทวนคำด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เขาบอกว่าทรัพยากรของพวกเขาก็มีจำกัดเหมือนกัน จึงไม่อาจแบ่งปันกับพวกเราได้ เขาเสนอว่าพวกเราควรแยกทรัพย์สมบัติออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียโดยไม่จำเป็น!” แม่ทัพตัวนั้นพูด
“การสูญเสียโดยไม่จำเป็น? ดูเหมือนเขาจะมีแผนการในใจแล้วนะ หมอนั่นหวังให้เราเป็นแนวหน้า แต่กลับไม่เต็มใจที่จะให้เรายืมแม้แต่ชุดเกราะสักชุด ชัดเจนเลยว่าเขาไม่ได้เห็นเราดีไปกว่าหินรองเท้าก้อนหนึ่งเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย!”
“เป็นที่รู้กันว่าอำมาตย์เฉินชิงนั้นละโมบโลภมาก แต่ใครจะไปคิดว่าเป่ยชิงก็เจ้าเล่ห์เจ้ากลเหมือนกัน? พวกเราทำข้อตกลงร่วมกันในการโจมตีครั้งนี้แล้ว แต่เขาคิดจะเอาแต่ได้โดยไม่ยอมสูญเสียอะไรเลยอย่างนั้นหรือ? ฝันกลางวันไปแล้วล่ะ!”
…..
เมื่อได้ยินการรายงานของแม่ทัพที่เพิ่งมาถึง เสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ก็ดังไปทั่วทั้งห้อง
เผ่าพันธุ์ปีศาจวัยกลางคนตัวนั้นยกมือขึ้นเพื่อให้ทุกตัวเงียบเสียง “บอกพวกเขาไปว่า ไม่อยากสนับสนุนทรัพยากรให้พวกเราก็ไม่เป็นไร แต่พวกเขาจะต้องส่งกองกำลังออกมาด้วย แล้วเราจะเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ พวกเขาจะต้องมอบเกราะฟ้าประทานที่หลอมโดยอำมาตย์เฉินชิงให้เรา ผมไม่ขออะไรมากหรอก แค่ร้อยชุดก็พอ ถ้าไม่เป็นไปตามนั้นล่ะก็ ได้เกิดการสู้รบแน่ ซึ่งถ้าเขาชนะ ผมก็จะทำตามความต้องการของเขา แต่ถ้าผมชนะ เขาจะต้องเลิกทำตัวงี่เง่าและเชื่อฟังคำสั่งของผมทุกคำ!”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพใหญ่!” แม่ทัพผู้นั้นรีบพยักหน้ารับและออกไปจากห้อง
จางเซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เลือกจะออกจากห้องไปพร้อมกับแม่ทัพตัวนั้น เขาตามอีกฝ่ายไป ไม่ช้า เต็นท์ขนาดใหญ่นั้นก็เกือบลับสายตา
จากบทสนทนาของพวกมัน ดูเหมือนว่าถึงกองกำลังเสริมจะมีกำลังพลนับแสน แต่ก็แบ่งพรรคแบ่งพวกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งขึ้นตรงกับอำมาตย์เฉินชิง ขณะที่อีกฝ่ายขึ้นตรงกับอำมาตย์เฉินหลิง! จางเซวียนวิเคราะห์ข้อมูลที่เขาได้รับมาอย่างรวดเร็ว
เขาไม่รู้ว่าอำมาตย์ทั้งสองตัวนั้นเป็นใคร แต่ก็ชัดเจนว่าแม้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจจะทำงานร่วมกัน แต่ก็ยังมีความขัดแย้งและการแบ่งพรรคพวกอยู่
ยิ่งพวกมันแตกแยกกันมากเท่าไหร่ ถ้าเราสามารถใส่ไฟ กระพือความโกรธแค้น และทำให้พวกมัน งัดกันเองได้ ก็คงจะแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ได้สำเร็จ จางเซวียนคิดด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
ถ้ากองกำลังที่มีพลทหารนับแสนรวมตัวกันเป็นหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ เขาคงต้องรีบกลับไปยังอาณาจักรใต้ดินโดยเร็วที่สุดและรายงานเรื่องนี้ให้สภาปรมาจารย์กับกลุ่มอำนาจใหญ่ๆได้รับรู้ผ่านตราหยกสื่อสาร เพื่อที่คนเหล่านั้นจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า แต่ในเมื่อมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกเป็นสองฝ่าย ก็ดูเหมือนจะเป็นโอกาสให้เขาได้เข้าแทรก
ดังนั้น จางเซวียนจึงรีบปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองก่อนจะสลายปราการแห่งมิติที่อยู่รอบตัว และเปิดเผยตัวเองอีกครั้ง
“แค่ก!” จางเซวียนจงใจไอเสียงดังเพื่อเรียกความสนใจของแม่ทัพ
“นั่นใครน่ะ?”
แม่ทัพกำลังกำลังมุ่งหน้าไปยังเต็นท์ฝั่งตรงข้าม ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงไอ มันรีบหันกลับมา และเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็ลนลานโค้งคำนับและทักทาย “ท่านแม่ทัพใหญ่ คะ-คุณ…มีคำสั่งอื่นจะมอบหมายให้ผมหรือ?”
บุคคลที่จางเซวียนทำการปลอมตัวก็คือเผ่าพันธุ์ปีศาจวัยกลางคนที่นั่งอยู่ใจกลางห้องเมื่อครู่นี้, ท่านแม่ทัพใหญ่!