Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1722
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1722
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1722 ความก้าวหน้าของหูเหยาเหย่า
“พวกเขาเห็นจ้าวหย่า?”
ผู้ที่ส่งข้อความมาหาจางเซวียนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากท่านพ่อของเขา เซียนดาบชิง
“พวกนั้น…มาถึงที่นี่แล้วเหมือนกันหรือ?” จางเซวียนตาโต
จากประสบการณ์ของเขาในทั้ง 3 มิติก่อนหน้า เขาพบว่าไม่อาจส่งข้อความหาใครได้เลย เป็นไปได้ไหมว่าการที่ตราหยกสื่อสารของเขาสั่นสะท้านขึ้นเป็นเพราะท่านพ่อและท่านแม่ คือเซียนดาบชิงกับเซียนดาบเหมิงอยู่ในมิติเดียวกันกับเขา หรือข้อจำกัดเรื่องการส่งข้อความไม่ใช่ข้อกำหนดของมิติแห่งนี้?
จางเซวียนทาบนิ้วลงไปบนตราหยกสื่อสารและเขียนข้อความก่อนจะส่งกลับไป “ท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ที่ไหนกัน?”
ครู่ต่อมา ตราหยกสื่อสารก็เรืองแสง คำพูดแถวหนึ่งปรากฏ “หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่, โดมใบไม้ผลิอบอุ่น!”
“โดมใบไม้ผลิอบอุ่น?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
อย่าว่าแต่โดมใบไม้ผลิอบอุ่นที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาอยู่ เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อยู่ที่ไหน!
“ต้องไปดูเสียหน่อย” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
ถึงอย่างไร วิหารแห่งขงจื๊อก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ในเมื่อท่านพ่อส่งตำแหน่งที่อยู่ที่ชัดเจนมาได้ เขาก็น่าจะหาพบหากสำรวจให้ทั่ว
หูเหยาเหย่ามองจางเซวียนแล้วตั้งคำถาม “พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่นั่นหรือ?”
“ใช่ ในเมื่อเราเข้าถึงอาณาเขตรอบนอกของวิหารแห่งขงจื๊อแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าเราน่าจะพบกับผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังอีกมากมาย ถ้าหลังจากนี้เราพบกับอันตรายล่ะก็ ผมอยากให้คุณหันหลังกลับและรีบหนีไปทันที ไม่จำเป็นต้องห่วงผม เข้าใจไหม?” จางเซวียนสั่งการอย่างเคร่งเครียด
“เฮอะ! คุณกำลังคิดว่าฉันเป็นภาระล่ะสิ ใช่หรือเปล่า? ถึงระดับวรยุทธของฉันจะยังไม่ถึงขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของฉันก็ถือว่าน่าพอใจนะ เหตุผลที่ฉันถูกจับตัวที่มิติหิมะก็เพราะพวกมันใช้การโจมตีจิตวิญญาณเล่นงานฉัน!” หูเหยาเหย่ารู้ดีว่าจางเซวียนเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวเธอ แต่ก็อดประท้วงด้วยความหงุดหงิดไม่ได้
เมื่อครึ่งปีก่อน หมอนี่ยังเป็นแค่เด็กใหม่ที่เธอสามารถกลั่นแกล้งได้ตามใจ แต่มาตอนนี้ เธอพบว่าตัวเองไม่อาจเทียบชั้นกับเขาได้ ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม ความจริงข้อนี้ทำให้เธอหงุดหงิดมาก
“ไม่นะ ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นภาระ ขอแค่คุณหลบหนีได้เร็วพอเมื่อเผชิญกับปัญหา ก็ไม่มีทางที่คุณจะเป็นภาระกับผม” จางเซวียนพยักหน้า
ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนคุ้นเคยสำหรับหูเหย่าเหย่า คือแทบปรี๊ดแตกกับคำพูดของอีกฝ่ายจนถึงขั้นที่อยากกระอักเลือดออกมา
เหตุผลที่เธอพูดว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของเธอไม่เลวนั้นก็เพื่อบอกจางเซวียนว่าเธอสามารถช่วยเขาได้ในยามอันตราย ไม่มีทางที่เธอจะเป็นตัวถ่วง แต่ทั้งหมดที่หมอนี่คิดได้ก็คือมองว่าเธอควรจะหลบหนีให้ได้เร็วพอเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระกับเขาในการสู้รบ!
ในสายตาของคุณ ฉันไร้ประโยชน์ขนาดนั้นเลยหรือ?
หูเหยาเหย่ากัดฟันกรอด ครู่ต่อมาเธอก็ผุดรอยยิ้มยั่วยวนขณะเดินเข้าหาจางเซวียนด้วยท่วงท่าที่อวดส่วนเว้าส่วนโค้งในร่างของเธอ หูเหยาเหย่ากระซิบด้วยเสียงด้วยน้ำเสียงยั่วยวนที่ทำให้ผู้ชายทุกคนใจเต้น “คุณแคลงใจในความสามารถของฉันหรือ? เรามาพนันกันไหม?”
“พนัน?”
“ใช่ ฉันจะแสดงการร่ายรำ และถ้าสภาวะจิตของคุณได้รับผลกระทบจากการร่ายรำของฉัน คุณจะต้องกล่าวคำขอโทษ คุณจะต้องไม่ขอให้ฉันหลบหนีเมื่อเราพบเจอกับอันตราย แต่ถ้าคุณยังคงไม่สะทกสะท้านกับการร่ายรำของฉัน นับจากนี้ฉันจะทำทุกอย่างตามที่คุณบอก จะไม่สร้างปัญหาให้คุณเลยแม้แต่นิดเดียว!” หูเหยาเหย่าจ้องหน้าจางเซวียนด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
“ตามนั้น” จางเซวียนพยักหน้าเมื่อเห็นหูเหยาเหย่ายืนกราน
อันที่จริง เขาเองก็อยากเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ขั้นสูงสุดนั้นจะมีความสามารถแค่ไหน แม้ระดับวรยุทธของหูเหยาเหย่าจะยังอ่อนด้อย แต่เธอก็ได้รับการถ่ายทอดมรดกตกทอดสูงสุดของสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์สำนักงานใหญ่ จึงออกจะโง่เง่าทีเดียวหากจะไม่ใส่ใจความเก่งกาจของเธอ
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเริ่มแล้วนะ”
หูเหยาเหย่าก้าวออกมาแล้วเริ่มต้นร่ายรำ ในชั่วพริบตา เธอก็ดูเหมือนจะกลายร่างเป็นเทพธิดาน้อยจากสรวงสวรรค์ ท่วงท่าอันงามสง่าและความงดงามกลมกลืนอันไร้ขีดจำกัดของเธอสร้างเสน่ห์ที่ดึงดูดจิตวิญญาณของผู้พบเห็น ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว ผู้ชายทุกคนก็พร้อมจะตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของเธอ ถูกเสน่ห์ของเธอผูกมัดรัดตรึงไว้
จางเซวียนต้องยอมรับว่าเรือนร่างของหูเหยาเหย่านั้นสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ แม้แต่ในบรรดาสาวสวยมากมายที่เขาได้พบมา มันเป็นความสมดุลที่สมบูรณ์แบบถึงขนาดที่ว่าหากเธอมีเนื้อหนังมากกว่านี้สักนิดเดียว เธอก็จะดูตุ้ยนุ้ย และหากผอมกว่านี้สักนิดเดียวก็จะดูผอมแห้งเกินไป มันเป็นความเหมาะเจาะราวกับได้รับการรังสรรค์จากสองมือของสวรรค์ แม้เธอจะไม่สามารถเปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงามได้ด้วยข้อจำกัดของสภาพแวดล้อม แต่ท่วงท่าอันงดงามอ่อนช้อยของเธอก็มากพอจะทำให้ผู้พบเห็นใจสั่นครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไม่เลวเลย!” จางเซวียนพยักหน้ารับ
การที่หูเหยาเหย่ามั่นใจในประสิทธิภาพการต่อสู้ของเธอถือว่ามีเหตุผล แม้เธอจะเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด แต่การร่ายรำของเธอก็อาจทำให้แม้แต่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติสูญเสียการควบคุมตัวเองได้อย่างง่ายดาย
ถึงการร่ายรำนี้จะส่งผลกระทบต่อนักรบทั้งสองเพศ แต่ก็แน่นอนว่าย่อมมีผลต่อนักรบบุรุษมากกว่า ต่อให้นักรบบุรุษที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน ก็ย่อมหลงใหลในศาสตร์แห่งนาฏศิลป์ของเธอหากไม่ทันระมัดระวังตัว
อย่างคำกล่าวที่ว่าแม้แต่วีรบุรุษผู้ทรงพลังที่สุดก็ยังต้านทานเสน่ห์ของความงดงามได้ยาก ตั้งแต่แรก หูเหยาเหย่าก็มีความงดงามอย่างน่าทึ่งและมีบุคลิกเฉพาะตัวอยู่แล้ว แม้ยังไม่ใช้ศาสตร์แห่งนาฏศิลป์ ท่วงท่าของเธอก็ดึงดูดความสนใจจากใครๆได้ไม่ยาก แต่เมื่อประกอบเข้ากับการร่ายรำ ต่อให้วรยุทธของเธอจะยังอ่อนด้อย แต่ก็สามารถแผ่มนต์เสน่ห์ที่ทำให้ผู้พบเห็นยากจะต้านทาน
แน่นอนว่ายังคงมีความยากลำบากระดับหนึ่งระหว่างการทำให้คู่ต่อสู้ยอมจำนนต่อศาสตร์แห่งนาฏศิลป์ของเธอกับการสังหารพวกเขา
เพราะขีดจำกัดของวรยุทธ เธอไม่สามารถแม้แต่จะสร้างรอยแผลไว้บนร่างกายของนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติได้ ต่อให้มีอาวุธอยู่ในมือก็ตาม
“คุณ…ไม่สะทกสะท้านกับการร่ายรำของฉันเลยหรือ?”
การร่ายรำสิ้นสุดลง ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของหูเหยาเหย่าค่อยๆช้าลงจนสงบนิ่งอย่างสวยงาม เมื่อจ้องมองเข้าไปในดวงตาเป็นประกายและใสซื่อของชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้าม เธอก็อดไม่ได้ที่จะเสียอาการเพราะความผิดหวัง
เพราะมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามราวกับเทพเจ้าประทานให้ เธอจึงได้รับเลือกให้เป็นตัวเลือกของนักปราชญ์รุ่นเยาว์ภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากเข้าสู่สมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์สำนักงานใหญ่ เหตุผลที่เธอได้รับอนุญาตให้เข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อก็เพราะเธอเชี่ยวชาญในมรดกตกทอดขั้นสูงสุดของสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์สำนักงานใหญ่แล้ว ซึ่งนั่นเป็นเครื่องยืนยันความสามารถในการป้องกันตัวของเธอ ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
ด้วยความสามารถที่เธอมี เมื่อได้กลับมาพบกับจางเซวียนอีกครั้ง ความคิดที่จะแข่งขันกับเขาก็ผุดขึ้นมาในใจ
เมื่อครั้งที่เธอยังอยู่ที่สถาบันปรมาจารย์หงหย่วน จำนวนชายหนุ่มที่มาหลงเสน่ห์เธอนั้นมีมากมายจนแทบนับไม่ถ้วน ไม่มีปรมาจารย์ชายคนไหนที่จะไม่มองเธอด้วยความยำเกรง เพราะกลัวว่าจะทำอะไรที่เป็นการล้ำเส้น
แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคนนี้, จางเซวียน เป็นเจ้าบื้อใบ้คนเดียวที่หูหนวกตาบอดกับเสน่ห์ของเธอ มองเธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ
เธอเคยคิดว่าสักวัน การได้รับมรดกตกทอดขั้นสูงสุดของสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์สำนักงานใหญ่มาจะทำให้เธอสร้างความหวั่นไหวให้กับหัวใจของชายหนุ่มคนนี้ได้ แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นดวงตาของหมอนั่นยังคงใสกระจ่างเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็น
พี่ชาย…แน่ใจนะว่าสายตาของคุณยังปกติดี?
ในตอนนั้น หูเหยาเหย่าแทบอยากจะหานายแพทย์สักคนมาตรวจสายตาของจางเซวียน
ขณะที่เธอรู้สึกพ่ายแพ้หมดรูป จางเซวียนก็พูดขึ้น “ผมยอมรับนะว่าผมได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการร่ายรำของคุณ”
“จริงหรือ?” หูเหยาเหย่าตาโต แต่แล้วก็มองเขาด้วยสายตาสงสัย ไม่แน่ใจว่าจางเซวียนเพียงแค่กำลังปลอบใจเธอหรือเปล่า “ฉันไม่เห็นว่าคุณจะรู้สึกรู้สาอะไรกับการร่ายรำของฉันเลย…”
“การร่ายรำหลิงหลงโบยบินของคุณนั้นถูกแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม คุณสามารถเก็บรายละเอียดการเคลื่อนไหวของเทพธิดาที่โผขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกราวกับตกอยู่ในความฝัน”
“แต่ข้อบกพร่องในการร่ายรำของคุณก็โดดเด่นเห็นชัดเช่นกัน อย่างแรก การเคลื่อนไหวของคุณดูจงใจเกินไป เสน่ห์ของเทพธิดานั้นคือการไม่เปิดเผยเรือนร่าง แต่ใช้การแสดงท่วงท่าและการเคลื่อนไหวกลางอากาศ สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญคือสรวงสวรรค์ ไม่ใช่โลกมนุษย์”
“อย่างที่สอง เจตจำนงในการร่ายรำของคุณยังหยาบเกินไป สิ่งนี้จะทำให้เหล่านักรบสามารถสร้างมาตรการป้องกันตัวได้ ซึ่งนั่นจะทำให้การทะลุทะลวงเข้าสู่สภาวะจิตของพวกเขาทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม…”
จางเซวียนร่ายยาวข้อบกพร่องทั้งหมด 17 ข้อโดยไม่หยุดหายใจ จากนั้นก็หยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ผมพูดอย่างนี้ดีไหม การร่ายรำที่คุณแสดงให้ผมดูก่อนหน้านี้น่ะมีข้อบกพร่องมากเกินไปจนผมทนดูไม่ไหวแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย อีกอย่าง คุณก็รู้ว่าผมเป็นผู้รักความสมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้น…”
“คุณ…”
หูเหยาเหย่าแทบกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ผู้รักความสมบูรณ์แบบ? ความสมบูรณ์แบบบ้านคุณน่ะสิ!
การที่คุณจะไม่หลงใหลการร่ายรำยั่วยวนของฉันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถึงกับอึดอัดที่ต้องดูมันด้วย…
น้ำตาเอ่อขึ้นมาปริ่มขอบตาของหูเหยาเหย่า ในตอนนั้น ทั้งหมดที่เธอเห็นมีแต่ความสิ้นหวังในวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ของตัวเอง
ขณะที่คนอื่นๆได้รับความสุขสำราญจากการชมการร่ายรำของฉัน ทั้งหมดที่คุณเห็นมีแค่ข้อบกพร่อง ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ ฉันว่าเราคงไปต่อด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะ!
“อย่าเสียใจไปเลย” จางเซวียนพูดด้วยสีหน้าจริงใจจนไม่อาจจับผิดคำพูดของเขาได้ “นี่คือวิธีแก้ไขข้อบกพร่องที่ผมทำไว้สำหรับการร่ายรำที่คุณเพิ่งแสดงออกมา ขอแค่คุณศึกษามัน มันจะช่วยให้คุณพัฒนาศาสตร์แห่งนาฏศิลป์ของคุณได้อีกมาก ด้วยวิธีนี้ ผมก็คิดว่าการร่ายรำของคุณจะไม่ทำให้ผมอึดอัดอีกแล้ว”
หูเหยาเหย่านวดหว่างคิ้วอย่างเคร่งเครียด
ทำไมเราถึงหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน?
โชคดีที่เราเป็นแค่สหายของหมอนี่ พูดตามตรง เราไม่คิดหรอกว่าเราจะทนคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ต่ำอย่างเขาได้ อีกอย่าง พูดกับหมอนี่ทีไรก็มีแต่หงุดหงิดและช้ำใจ ไม่ช้าเราคงได้ทำร้ายตัวเองแน่!
หูเหยาเหย่าใกล้อกแตกเต็มที แต่เธอก็รีบจดจำข้อบกพร่องและวิธีแก้ไขที่จางเซวียนชี้แนะให้จนครบถ้วน จากนั้นก็เริ่มศึกษาคำพูดของเขาอย่างละเอียด ยิ่งครุ่นคิดมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดถูก คำพูดของเขาล้ำลึก แต่ขณะเดียวกันก็เรียบง่ายและตรงประเด็น ร่างของเธอเคลื่อนไหวไปตามคำชี้แนะของเขา แล้วเธอก็แสดงการร่ายรำหลิงหลงโบยบินอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวของเธอเร็วขึ้นเรื่อยๆ และท่วงท่าก็เข้าใกล้สวรรค์มากยิ่งขึ้นทุกที
ครู่ต่อมา พลังปราณก็ไหลพล่านไปทั่วร่าง หูเหยาเหย่าต้องประหลาดใจที่พบว่าด่านคอขวดที่กีดขวางวรยุทธระดับเซียนขั้น 9 ของเธอได้หายไปแล้ว ทำให้วรยุทธของเธอพุ่งขึ้นสู่ขั้นการพักฟื้นภายใน
“ฉัน…ฝ่าด่านวรยุทธได้แล้วจริงๆหรือ?” หูเหยาเหย่าตัวแข็งด้วยความประหลาดใจ เธอหันขวับไปมองชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ นัยน์ตาของเธอบ่งบอกความสับสนและขัดแย้ง
อีกฝ่ายมองทะลุข้อบกพร่องในการร่ายรำของเธอได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ทำตามคำชี้แนะของเขา เธอก็สามารถแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้นและยกระดับวรยุทธรวมทั้งศาสตร์แห่งนาฏศิลป์ของเธอได้
เท่าที่เห็น ดูเหมือนการดูไร้ประโยชน์ในสายตาของหมอนี่จะไม่ได้เลวร้ายอีกต่อไป
อย่างน้อยที่สุด เธอก็ยังได้รับคำชี้แนะของเขา
เอาเถอะ! ไม่ว่าเขาจะคิดว่าฉันไร้ประโยชน์อย่างไร ก็ปล่อยให้คิดไป ฉันจะติดตามเขาและเก็บเกี่ยวคำชี้แนะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คงทุ่นแรงไปได้อีกมากหากได้พึ่งพาหมอนี่…
จากนั้น จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของหูเหยาเหย่าก็ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง