Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1787
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1787
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1787 หมาป่าใบเมเปิ้ล
“คุณสองคนด้วยหรือ?” อู๋ควงขมวดคิ้ว
แม้กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจจะล่าถอยไปจากอาณาจักรใต้ดินแล้ว แต่ก็ยังมีเผ่าพันธุ์ปีศาจจำนวนหนึ่งหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ และในเมื่อนี่คือการผจญภัย ก็แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องพบเจอกับอันตรายบ้าง เพื่อนร่วมทีมที่มีศักยภาพอ่อนด้อยเกินไปจะเป็นตัวถ่วงของทั้งกลุ่ม
สำหรับชาย 2 คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เด็กชายวัยรุ่นมีสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย บ่งบอกว่ากำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนชายหนุ่มก็มีสีหน้าเหมือนคนป่วย เมื่อพิจารณาจากพละกำลังของทั้งคู่ ดูเหมือนพวกเขายังไม่ได้เป็นแม้แต่นักรบระดับเซียนขั้น 1 ด้วยซ้ำ ทั้งสองคนจะต้องเป็นตัวถ่วงแน่!
“ผมไม่รู้ว่าทำไมพวกคุณถึงอยากเข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน แต่ขอแนะนำอะไรสักหน่อย อย่าเห็นชีวิตของคุณเป็นเรื่องตลก!” อู๋ควงแนะนำ
“ผมขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำด้วยความปรารถนาดีของคุณ, ปรมาจารย์อู๋ แต่เราทั้งคู่มีเหตุผลสำคัญที่จะต้องเข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน อย่าห่วงเลย พวกเราจะตามหลังกลุ่มของคุณไป หากมีอันตรายใดๆเข้ามา เราก็จะรับมือกับมันเอง ไม่เป็นตัวถ่วงของคุณหรอก” จางเซวียนตอบยิ้มๆ
ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติโลกจารึกอย่างเขาจะโดนนักรบระดับเซียนขั้น 4 ดูถูก ทุกอย่างช่างกลับตาลปัตรอะไรเช่นนี้!
“ถ้าพวกคุณยังยืนกรานที่จะเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินล่ะก็ ไปด้วยกันก็ได้ แต่ผมจะพูดให้ชัดเจนนะ อย่างที่คุณบอกเมื่อครู่นี้นั่นแหละ ผมไม่รับประกันความปลอดภัยของพวกคุณ!” อู๋ควงพูดก่อนจะเงียบไป
ลงท้าย ทุกคนก็ต้องใช้ชีวิตของตัวเอง เขาได้ทำสิ่งที่ควรทำแล้ว คือให้คำแนะนำกับชายทั้งสอง แต่ทั้งคู่ก็ยังคงยืนกรานที่จะร่วมเดินทางไปด้วย ดังนั้น หากทั้งสองเผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ ก็จะมาตำหนิพวกเขาไม่ได้ที่ไม่ให้ความช่วยเหลือ
ถึงอย่างไร ก็ไม่มีใครเป็นหนี้บุญคุณกับทั้งคู่ หากพวกเขาช่วยชายหนุ่มกับเด็กชายวัยรุ่นไว้จากอันตรายได้ ก็เพราะความมีน้ำใจเท่านั้น ไม่ใช่หน้าที่
…..
“พวกเขาช่างรนหาที่ตาย…”
“ทั้งชีวิตนี้คงไม่เคยพบเจอความยากลำบาก เลยไม่เข้าใจว่าอันตรายหมายถึงอะไร!”
เห็นทั้งสองยังคงยืนกรานจะเข้าร่วมการเดินทางสู่อาณาจักรใต้ดิน ทั้งกลุ่มมีสีหน้าดูถูก
นักรบที่ยังไม่ได้เป็นแม้แต่นักรบระดับเซียนขั้น 1 ก็จะยังบินไม่ได้ หากมีอันตรายเข้ามา พวกเขาคงหนีไม่พ้น ช่างโง่เง่าเหลือเกินที่คิดจะเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินในสภาพแบบนี้
ทั้งกลุ่มส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วยและเดินออกจากหอนาฬิกาเก่าแก่ มุ่งไปยังอาคารที่อยู่ตรงหน้า แต่หลังจากเดินไปได้เพียงไม่กี่นาที ยอดขุนพลจำนวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและยับยั้งพวกเขาไว้
“ผมคืออู๋ควง, ปรมาจารย์ระดับ 7 ดาว นี่คือใบอนุญาตเดินทางของผม” อู๋ควงพูด
ยอดขุนพลคนหนึ่งรับใบอนุญาตเดินทางไปตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนก่อนพยักหน้ารับ “พวกคุณผ่านไปได้ แต่คุณมีเวลาแค่ 3 วันในนั้น กลับมาให้ทันภายใน 3 วันนะ เข้าใจไหม?”
“วางใจเถอะ ผมรับทราบ!” อู๋ควงตอบยิ้มๆก่อนจะนำฝูงชนเข้าไป
แม้ทางเข้าอาณาจักรใต้ดินจะเปิดให้เหล่าปรมาจารย์และนักรบทั่วไปผ่านไปได้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังต้องแสดงใบอนุญาตเดินทาง ไม่อย่างนั้น หากทุกคนสามารถเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินได้ ก็จะนำมาซึ่งความยุ่งเหยิง เพราะถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นพื้นที่อ่อนไหว สภาปรมาจารย์จึงยังต้องวางมาตรการควบคุมไว้ระดับหนึ่ง
ทางเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินแห่งทะเลเยือกแข็งอยู่ภายในอาคารหลังนั้น
ทันทีที่ทั้งกลุ่มเข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน สิ่งแรกที่พวกเขารู้สึกได้ก็คือเจตนาสังหารเข้มข้นที่อยู่รอบตัว
อู๋ควงเดินนำหน้าเพื่อเคลียร์เส้นทางก่อนจะสั่งการให้ทุกคนหยุดพัก “นี่เป็นครั้งแรกที่พวกคุณเข้ามาที่นี่ ดังนั้น ร่างกายของคุณจึงต้องการเวลาปรับตัวระยะหนึ่ง ไม่อย่างนั้น ถ้าเจตนาสังหารทำลายสติสัมปชัญญะของคุณ ก็อาจทำให้ปีศาจใต้สำนึกในตัวพวกคุณเติบโตได้”
เจตนาสังหารไม่ใช่พลังที่ควรจะประมาท นักรบที่มีสภาวะจิตอ่อนแอจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากมัน และหากขาดความระมัดระวังเพียงเล็กน้อย ก็จะนำไปสู่ความบอบช้ำที่ไม่อาจเยียวยา
แม้นักรบส่วนใหญ่ที่เข้ามาที่นี่จะสำเร็จวรยุทธระดับเซียนแล้ว แต่ก็ยังต้องการเวลาระยะหนึ่งเพื่อให้เคยชินกับเจตนาสังหาร ซึ่งจะทำให้เดินสำรวจพื้นที่ได้อย่างปลอดภัยขึ้น
“หรือเราควรจะ…” เห็นทั้งกลุ่มกำลังจะหยุดพัก หวู่เฉินหันไปมองจางเซวียนเพื่อจะหารือว่าพวกเขาควรเดินทางต่อหรือไม่
ถึงทั้งคู่จะได้รับบาดเจ็บและยังไม่อาจเรียกคืนวรยุทธกลับมาได้ดังเดิม แต่เจตนาสังหารในระดับนี้ก็ไม่เป็นภัยคุกคามกับพวกเขา ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาเสียเวลาอันมีค่าอยู่ที่นี่
“ผมเข้าใจว่าคุณกังวลเรื่องอะไร แต่เรื่องนี้เราจะรีบร้อนไม่ได้ ต่อให้พวกเรารีบไป ในสภาพแบบนี้ก็คงทำอะไรไม่สำเร็จ ค่อยๆฟื้นฟูพละกำลังของเราระหว่างเดินทางดีกว่า อย่างน้อยที่สุดก็ยังปลอดภัย” จางเซวียนพูด
แม้เจตนาสังหารที่อบอวลอยู่โดยรอบจะเป็นภัยกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่นี่คือสภาพแวดล้อมที่หวู่เฉินเติบโตขึ้นมา เขาจึงฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าผู้ที่มาจากทวีปแห่งปรมาจารย์
ได้ยินคำนั้น หวู่เฉินพยักหน้ารับ
การรีบไปเผชิญหน้ากับอำมาตย์เฉินหลิงและอำมาตย์เฉินชิงในขณะที่พวกเขามีสภาพแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเท่าไหร่ เป็นไปได้ว่าพวกนั้นน่าจะเตรียมกับกับดักบางอย่างเอาไว้แล้ว อย่างน้อยที่สุด พวกเขาจึงควรเรียกระดับวรยุทธกลับคืนมาให้ได้ก่อนที่จะทำการใดๆต่อไป
อีกอย่าง การซ่อนตัวถือเป็นความได้เปรียบ เพราะพวกเขาจะสามารถแกะรอยความเคลื่อนไหวของอำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิงและเตรียมการตอบโต้ได้จากในเงามืด
ทั้งกลุ่มทรุดตัวลงนั่งในพื้นที่ที่เคลียร์แล้วเพื่อปรับสภาพร่างกายให้คุ้นชินกับเจตนาสังหารที่อบอวลอยู่โดยรอบ ส่วนจางเซวียนก็เพ่งสมาธิเข้าสู่มิติลี้ลับของเขาและนำของล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่เปี่ยมด้วยพลังจิตวิญญาณออกมา เขาแอบซึมซับพลังงานนั้นเข้าสู่จุดชีพจรและแปรสภาพมันให้กลายเป็นพลังปราณเทียบฟ้า
แม้หยดเลือดของนักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดจะมีความสามารถพิเศษอันน่าทึ่งในการฟื้นฟูตัวเองจากภาวะใกล้ตาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผลข้างเคียง ข้อแรกก็คือมันดูดกลืนพลังงานชีวิตของผู้นั้นไปมาก ทำให้อายุขัยสั้นลง นี่คือเหตุผลที่จางหงเทียนสิ้นอายุขัยเร็วกว่านักปราชญ์โบราณคนอื่นๆ ทั้งที่ตัวเขามีอายุน้อยกว่าและระดับวรยุทธก็สูงกว่า
แม้จะมีราคาที่ต้องชดใช้ แต่จางเซวียนก็ยังรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ ข้อแรก, มันเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่จะระงับความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงไป ข้อ 2, มันเป็นโอกาสดีที่เขาจะลักลอบเข้าสู่ดินแดนของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น โดยเฉพาะเมื่อพวกมันไม่ได้ระมัดระวังตัวเท่าที่ควรหลังจากได้ข่าวเรื่องความตายของเขา
ฟิ้วววว!
ขณะที่พลังจิตวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างกายของจางเซวียน พลังปราณก็เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับวรยุทธของเขาเพิ่มสูงขึ้น
ไม่ช้าจางเซวียนก็สำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 1, ขั้น 2…
ภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมง เขาก็สำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 3
ขณะที่จางเซวียนกำลังพยายามฟื้นคืนวรยุทธ ก็พลันได้ยินเสียงแกรกกรากเป็นชุดดังมาจากบริเวณโดยรอบ เขาลืมตาขึ้นทันทีและเพ่งดู
รอยย่นปรากฏบนหน้าผากของหวู่เฉิน
“มันคืออะไร?”
เพราะจางเซวียนไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในอาณาจักรใต้ดิน จึงจำเป็นต้องถามหวู่เฉิน
“มันคือหมาป่าใบเมเปิ้ล พละกำลังของมันมาจากพลังงานที่อยู่ในพระจันทร์สีเลือด ราชาหมาป่าใบเมเปิ้ลโดยทั่วไปมีวรยุทธได้ถึงระดับเซียนขั้น 5 การละทิ้งช่องว่าง” หวู่เฉินอธิบาย
“หมาป่าใบเมเปิ้ล?” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
แม้สภาพแวดล้อมในอาณาจักรใต้ดินจะทุรกันดารมาก แต่ก็ยังมีพืชและสัตว์บางชนิดที่ทนทานอยู่ได้ จางเซวียนไม่เคยได้ยินชื่อหมาป่าใบเมเปิ้ลมาก่อน แต่ก็ดูจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกเขาจะรับมือด้วยได้ง่ายนักในสภาพแบบนี้
ขณะที่จางเซวียนกำลังพูดคุยกับหวู่เฉิน อู๋ควงก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาลุกพรวดและอุทานเสียงดัง “ทุกคน ระวังตัวด้วย ผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างมุ่งหน้ามาหาเรา!”
ฟึ่บ!
หลังจากพูดจบได้ไม่นาน หมาป่า 8 ตัวก็มาถึง พวกมันตีวงล้อมนักรบทั้งกลุ่มอย่างรวดเร็ว สกัดกั้นเส้นทางหลบหนีไว้ทั้งหมด
หมาป่าเหล่านั้นมีสีเทา แต่มีขนสีขาวกระจุกหนึ่งบนหน้าผาก ซึ่งมีรูปร่างเหมือนใบเมเปิ้ล
แม้จะมีหมาป่าอยู่ไม่มากนัก แต่รังสีเกรี้ยวกราดที่พวกมันแผ่ออกมาก็ทำให้ทั้งกลุ่มหน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง
“อย่าพยายามต่อสู้เลย!” เสียงตวาดนั้นดูจะทำให้ทุกอย่างแข็งทื่อไป “ยอมเป็นอาหารของพวกเราเสีย แล้วพวกคุณจะตายอย่างไม่เจ็บปวด!”
จากนั้น หมาป่าตัวหนึ่งที่ลำตัวปกคลุมด้วยหิมะก็เดินออกมาจากกลุ่ม มันมีดวงตาสีแดงก่ำที่สั่งสมการกระทำอันชั่วร้ายที่มันได้ทำมาทั้งชีวิต
“อสูรที่มีวรยุทธขั้นการละทิ้งช่องว่าง?” อู๋ควงตัวแข็งทื่อด้วยความพรั่นพรึง
นักรบทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างหน้าซีดเผือด
พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะโชคร้ายแบบนี้
แผนการเดิมของพวกเขาก็คือรีบเก็บสมุนไพรล้ำค่าจำนวนหนึ่งภายในอาณาจักรใต้ดิน ก่อนจะออกจากพื้นที่นี้ไปและขายสมุนไพรเหล่านั้นให้ได้เงินมา แต่ใครจะไปคิดว่าทันทีที่เข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน ยังไม่ทันจะได้คุ้นชินกับเจตนาสังหารเลย ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับอสูรผู้ทรงพลังแล้ว?
เพราะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร หมาป่าใบเมเปิ้ลจึงก้าวร้าวและดุร้ายกว่าเหล่าปรมาจารย์ที่เป็นคู่ต่อสู้ของมัน ทำให้การรับมือกับพวกมันเป็นเรื่องยาก แถมทุกอย่างยังเลวร้ายลงไปอีกเพราะมีราชาหมาป่าอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย!
พวกเขาจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งหลังจากที่เข้าสู่อาณาจักรใต้ดินได้เพียงไม่นานหรือเปล่า?
“พร้อมรบ!” อู๋ควงสูดหายใจลึกขณะจ้องหมาป่าใบเมเปิ้ลที่อยู่รอบตัวอย่างหวาดระแวง
เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็ชักดาบออกมาและพุ่งเข้าใส่ราชาหมาป่า
โอกาสรอดของพวกเขามีเพียงทางเดียวคือสังหารราชาหมาป่าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหากเล่นงานราชาหมาป่าได้สำเร็จ การรับมือกับหมาป่าใบเมเปิ้ลตัวอื่นๆที่เหลือก็ถือว่าไม่ยาก
เห็นมนุษย์อาจหาญท้าทายมันตั้งแต่เริ่ม ราชาหมาป่าคํารามเยาะ “วู้!”
นัยน์ตาสีแดงก่ำของมันฉายแววดูถูกขณะตะปบกรงเล็บเข้าใส่
พลั่ก!
เจตนาสังหารพลุ่งพล่าน เลือดสาดกระจายทั่วพื้นที่นั้น ยังไม่ทันที่อู่ควงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ถูกสอยกระเด็นไปไกล
ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่ปรมาจารย์ระดับ 7 ดาวขั้นสูงสุดอย่างเขาก็ยังไม่อาจรับมือกับการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากราชาหมาป่าใบเมเปิ้ลได้!