Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1795
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1795
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1795 เขาคือนายน้อยของผม
ขณะที่นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินบินไป ก็รู้สึกว่าตัวเองค่อยๆสูญเสียการควบคุมร่างกายที่แข็งทื่อไปทีละน้อย ดูเหมือนเขาพร้อมจะร่วงลงจากกลางอากาศได้ทุกขณะ
เมื่อนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินใกล้หมดความอดทน ก็เห็นร่างของอำมาตย์เฉินหย่งกับชายหนุ่ม ราวกับทั้งคู่รู้ว่าเขาจะต้องมาตามหา จึงเลือกที่จะรออยู่
“ได้โปรดช่วยชีวิตผมด้วย!”
รู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในกำลังกลายเป็นหินอย่างรวดเร็ว นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งอีกต่อไป เขารีบทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มอย่างพรั่นพรึง
ผู้เชี่ยวชาญที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดมีความสามารถพิเศษในการเรียกชีวิตกลับคืนมา พวกเขาฟื้นคืนชีพได้แม้จากความตาย แต่หากต้องกลายเป็นหิน ต่อให้ความสามารถในการเรียกชีวิตนั้นทรงพลังแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ ความเป็นไปได้ข้อเดียวที่จะต้องเผชิญคือความตายเท่านั้น!
แม้นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินจะเลือกละทิ้งทางโลกแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาพร้อมจะตาย
“ผมเป็นแค่นักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ ความสามารถมีจำกัด คนเดียวที่จะช่วยคุณได้ในตอนนี้คืออำมาตย์เฉินหย่ง แต่เขาก็กำลังถูกตามล่าโดยกลุ่มคนทรยศ ผมจึงไม่แน่ใจว่าเขาจะมีเวลาช่วยเหลือคุณหรือไม่” จางเซวียนโบกมือ
ในเมื่อนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินไม่เต็มใจช่วยทั้งที่พวกเขาพยายามวิงวอนแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือเพียงเพราะอีกฝ่ายเรียกร้อง
“ผม…” นึกไม่ถึงว่าคำพูดนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองอย่างทันทีทันควัน นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินถึงกับหน้าซีด เขาอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนละล่ำละลัก “อำมาตย์เฉินหย่ง ขอแค่คุณยอมช่วยชีวิตผม ผมยินดีทำตามคำสั่งของคุณ!”
สถานการณ์นั้นเห็นได้ชัดเจน หากอีกฝ่ายปฏิเสธ ก็หมายถึงความตายเท่านั้น แต่ถ้าอีกฝ่ายตกลง เขาก็ยังพอมีโอกาสเอาชีวิตรอด ซึ่งหากทำสำเร็จ ก็จะได้ทั้งความมั่งคั่งและพละกำลังกลับคืนมา การตัดสินใจที่เขาต้องจัดการให้ลุล่วงนั้นมองเห็นได้ชัดเจน
“ในเมื่อคุณตกลง ผมก็คิดว่าอำมาตย์เฉินหย่งคงพอปลีกเวลามาช่วยเหลือคุณได้” จางเซวียนตอบ
จากนั้นเขาก็ส่งโทรจิตหาหวู่เฉิน
ได้ฟังโทรจิตของจางเซวียน หวู่เฉินตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ “ทำแบบนี้จะดีหรือ?”
จางเซวียนพยักหน้า
“อย่างนั้นก็ได้…”
หวู่เฉินสูดหายใจลึก เขาสะบัดข้อมือและนำกระบี่เล่มยาวออกมา
ฟึ่บ!
กระบี่นั้นฉีกกระชากมิติ แล้วตวัดเข้าใส่ร่างของนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวิน
ฟึ่บ!
เพราะร่างกายของอีกฝ่ายแข็งกระด้าง จึงเกิดประกายไฟแปลบปลาบบนแผงอกของเขาก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้
เลือดสดๆ ทะลักออกมาราวกับน้ำตก
“คุณทำอะไรน่ะ?” นึกไม่ถึงว่าอำมาตย์เฉินหย่งจะเล่นงานเขา นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินหรี่ตาอย่างดุดัน
“เขาจะทำอะไรอื่นได้ล่ะ? เห็นๆอยู่ว่าเขากำลังพยายามช่วยชีวิตคุณ” จางเซวียนตอบอย่างหงุดหงิด “ถ้าคุณไม่เชื่อใจพวกเราล่ะก็ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
ได้ยินคำนั้น นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินแทบร่วงจากกลางอากาศ
ผมทำอะไรให้พวกคุณขุ่นเคือง ถึงต้องเจอกับการโจมตีจากกระบี่แบบนี้?
แม้เขาจะสุดแสนคับอกคับใจ แต่ก็ทำได้แค่ระงับอารมณ์ไว้และประสานมือ “ผมขอวิงวอนให้คุณช่วยชีวิตผมด้วย…”
“ต้องแบบนี้สิ!” จางเซวียนพยักหน้า
เขาเดินเข้าหานักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินและทาบนิ้วลงบนประกายไฟที่อยู่บนแผงอกของอีกฝ่าย
ทันทีที่เลือดสัมผัสกับปลายนิ้วของจางเซวียน ประกายเจิดจ้า 5 สี ก็สาดออกไปโดยรอบ ดูเหมือนมีบางอย่างถูกสกัดออกมาจากร่างของนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวิน
ลำแสงนั้นทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ปลายนิ้วของจางเซวียน ไม่ช้ามันก็ก่อตัวขึ้นเป็นรูปก้อนหิน
มันคือสินแร่แม่เหล็กที่นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินซึมซับเมื่อครู่นี้
ขณะที่ลำแสง 5 สีเริ่มจางไป นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินก็รู้สึกได้ว่าร่างกายที่แข็งทื่อของเขาค่อยๆฟื้นคืนความรู้สึกดังเดิม
ในเวลาเดียวกัน สินแร่แม่เหล็กที่อยู่ในมือของชายหนุ่มก็สั่นสะท้านไม่หยุด รังสีเกรี้ยวกราดแผ่ออกมา ราวกับมันโมโหที่ได้รู้ว่าใครคนหนึ่งทำลายแผนการของมัน และมันต้องการสร้างความปั่นป่วน แต่เพราะถูกพลังปราณของชายหนุ่มห่อหุ้มไว้ จึงทำอะไรไม่ได้
“สินแร่แม่เหล็กก้อนนี้…มีเจตจำนงของตัวเองหรือ?” นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินตาค้างด้วยความพรั่นพรึง
เขาอยู่กับมันมากว่าสามพันปี แต่ไม่เคยรู้ว่ามันเป็นของล้ำค่าที่มีชีวิตจิตใจ!
การจะทำให้ของล้ำค่าที่มีชีวิตจิตใจยอมจำนนนั้นยากกว่าการทำให้อาวุธทั่วไปยอมจำนนมาก สำหรับอาวุธที่มีชีวิตจิตใจ การจะทำให้พวกมันยอมจำนนได้คือต้องใช้พลังปราณ
“มันไม่ได้มีชีวิตจิตใจตั้งแต่แรกหรอก แต่เพราะคุณพยายามซึมซับมันโดยใช้พลังปราณ มันจึงใช้อำนาจของแม่เหล็กในตัวมันซึมซับพลังปราณโดยอัตโนมัติ ในท้ายที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป มันก็มีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง” จางเซวียนอธิบาย
“คุณไม่รู้เรื่องนี้เพราะมันถูกปลุกให้ตื่นตอนที่คุณเสร็จสิ้นการซึมซับมัน วินาทีที่คุณแปรสภาพเป็นแม่เหล็กคือวินาทีที่มันจะได้ร่างกายและจิตวิญญาณกลับมา ซึ่งก็หมายถึงความตายของคุณ…”
ไม่เคยมีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์ที่พยายามทำเรื่องแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกที่นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินจะลงเอยด้วยการมองข้ามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับร่างกายของเขา
ทรัพยากรล้ำค่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างสินแร่แม่เหล็กนั้นมีพละกำลังมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักรบคนไหนก็ตาม ซึ่งรวมถึงนักปราชญ์โบราณจะเข้าถึงอำนาจของมันได้ง่ายๆ
ไม่อย่างนั้น หลุมดำของภูเขาสินแร่แม่เหล็กดึกดำบรรพ์คงว่างเปล่าไปนานแล้ว!
แน่นอนว่ามันออกจะบังเอิญไปสักหน่อยที่สินแร่แม่เหล็กถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพหลังจากที่จางเซวียนกับหวู่เฉินผ่านเข้าไป แต่เรื่องจริงก็คือ สินแร่นั้นใช้เวลานานหลายปีในการสั่งสมชีวิตจิตใจของตัวเอง และกระบวนการที่แปรสภาพร่างกายของนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินให้กลายเป็นแม่เหล็กก็เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ แต่เป็นเพราะจางเซวียนแอบควบคุมอำนาจของแม่เหล็กไว้อย่างเงียบๆ เพื่อร่ายมนต์พลิกฟื้นจิตวิญญาณของสินแร่แม่เหล็ก
นี่เป็นกลยุทธที่เขาได้เรียนรู้จากไม้ทรายเหลืองวิปลาส ถึงนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินจะทรงพลังแค่ไหน เขาก็ยังตกหลุมพรางตื้นๆอันนี้ได้เพราะไม่ทันระมัดระวังตัว
จริงอยู่ว่าการกระทำของจางเซวียนทำให้นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินต้องจนมุม แต่ถึงอย่างไร เหตุการณ์แบบนี้ก็จะต้องเกิดขึ้น เขาแค่คลี่คลายภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้น
นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินหน้าซีดด้วยความพรั่นพรึง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องเกือบเอาชีวิตมาทิ้งเพียงเพราะหินก้อนหนึ่ง
“อำนาจของแม่เหล็กเป็นพละกำลังพิเศษในธรรมชาติ ไม่ใช่อำนาจที่ใครคนหนึ่งจะเชี่ยวชาญมันได้ง่ายๆ” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตขณะกำสินแร่แม่เหล็กที่อยู่ในมือของเขาไว้แน่น
ลำแสงหลากสีเริ่มจางหายไปจากร่างของนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวิน แล้วกลับคืนสู่ก้อนสินแร่แม่เหล็กที่อยู่ในมือของจางเซวียน มันดิ้นรนอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่เป็นผล
เมื่อลำแสงเส้นสุดท้ายถูกดึงออกจากร่างของนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินได้สำเร็จ จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ อำนาจของแม่เหล็กถูกถอดถอนออกจากร่างของอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์แล้ว เขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป
เอาล่ะ ขอดูหน่อยว่าเราจะทำให้มันยอมจำนนได้หรือเปล่า…
เป็นเรื่องลำบากยากเย็นและอันตรายมากสำหรับนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินที่จะทำให้สินแร่แม่เหล็กก้อนนี้ยอมจำนนภายใต้สถานการณ์ปกติ แต่หากจางเซวียนสามารถปรับเปลี่ยนพลังปราณเทียบฟ้าให้เลียนแบบอำนาจของแม่เหล็กได้ เขาก็น่าจะทำให้มันยอมจำนนได้ไม่ยาก
เมื่อเกิดความคิดนั้น จางเซวียนเพ่งสมาธิเข้าสู่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่ในหอสมุดเทียบฟ้า และเริ่มขับเคลื่อนพลังปราณของเขาเข้าสู่สินแร่แม่เหล็ก
ฟิ้วววว!
ลำแสงเจิดจ้าที่อยู่ภายในสินแร่แม่เหล็กแปรเปลี่ยนเป็นกระแสพลังงานที่พวยพุ่งเข้าสู่ร่างของเขา
เพราะจิตใต้สำนึกของจางเซวียนดำดิ่งอยู่ในมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง เขาจึงสามารถฝึกฝนวรยุทธได้เร็วกว่าปกติถึง 10 เท่า ด้วยเหตุนี้ ทั้งหมดที่หวู่เฉินกับนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินเห็นจึงมีเพียงลำแสงเจิดจ้าที่โอบล้อมร่างของจางเซวียนไว้ ทำให้ทั้งคู่มองเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
“สินแร่แม่เหล็กกำลังพยายามกลืนกินเขาหรือเปล่า?” นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินถามด้วยความกังวล
เพิ่งเมื่อครู่นี้เองที่สินแร่แม่เหล็กเกือบจะเปลี่ยนตัวเขาให้กลายเป็นหุ่นกระบอก เป็นไปได้ไหมว่ามันโมโหชายหนุ่มที่มาถอดถอนมันออกจากร่างของเขาและอยากแก้แค้น?
แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาควรทำอย่างไร? ทุกคนได้เห็นอานุภาพอันน่าสะพรึงของสินแร่แม่เหล็กแล้ว และดูเหมือนว่าคงต้องบาดเจ็บสาหัสแน่หากพยายามพุ่งเข้าไปช่วยชีวิตชายหนุ่ม
“เอ่อ…เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ในเมื่อเขาแก้ไขอำนาจของแม่เหล็กที่อยู่ในร่างของคุณได้ ก็น่าจะ จัดการปัญหาตอนนี้ได้เหมือนกัน” หวู่เฉินออกจะงงงันเล็กน้อยกับเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่
ในเมื่อชายหนุ่มคือผู้ที่เข้าตาเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ก็แน่นอนว่าเขาน่าจะมีความสามารถเหนือชั้นกว่าคนทั่วไป
ได้ยินคำตอบของหวู่เฉิน นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาหันมามองอย่างงุนงงและตั้งคำถาม “เจ้าหนุ่มคนนี้…คือศิษย์สายตรงที่คุณเพิ่งรับไว้หรือเปล่า?”
เขารู้จักอำมาตย์เฉินหย่งมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่เคยพบชายหนุ่มคนนี้มาก่อน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ได้ยินเรื่องร่ำลือว่าอีกฝ่ายเพิ่งรับผู้สืบทอดไว้คนหนึ่ง หรือว่าชายหนุ่มคือผู้สืบทอดคนนั้น?
แต่ถ้าอีกฝ่ายคือผู้สืบทอดของอำมาตย์เฉินหย่งจริงๆ ทำไมถึงดูเหมือนว่าเขาคือคนตัดสินใจ อีกอย่าง จากบทสนทนาของทั้งคู่ ก็ดูเหมือนสถานภาพของชายหนุ่มจะเหนือกว่าอำมาตย์เฉินหย่ง!
“ศิษย์สายตรงหรือ? พี่เฮ่าฉวิน คุณให้เกียรติผมมากไปเสียแล้วล่ะ ชายหนุ่มคนนี้คือนายน้อยของผม!” หวู่เฉินรีบแก้ไขความเข้าใจผิด
“นายน้อย?” นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ