Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1859
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1859
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1859 นกน้อยในกรงทอง
ถึงอย่างไร เจิ้งหยางก็เป็นศิษย์พี่ของเธอ ในครั้งนั้นเขาได้มอบหัวใจให้ซูเฟยเฟย แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างโหดร้าย ถ้าหลังจากนั้นซูเฟยเฟยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เว่ยหรูเหยียนก็คงไม่มีอะไรจะพูด แต่ลงท้าย อีกฝ่ายก็ต้องครองคู่กับชายแก่ที่มีรูปร่างใหญ่โตผิดมนุษย์
แน่นอนว่าซูเฟยเฟยมีสิทธิ์เลือกว่าเธออยากใช้ชีวิตอย่างไร แต่เว่ยหรูเหยียนก็อดหงุดหงิดไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และในเมื่อเธอหงุดหงิด แล้วจะปล่อยให้สองคนนั้นใช้ชีวิตเป็นสุขได้อย่างไร?
นึกไม่ถึงว่าเว่ยหรูเหยียนจะไม่ยอมกลับ เจิ้งหยางใจไม่ดีขึ้นมาทันที “ศิษย์น้อง อย่าสร้างปัญหาที่นี่ พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา…”
“ไม่ต้องห่วงน่ะ ฉันไม่คิดจะทำอะไรเกินเลยหรอก” เว่ยหรูเหยียนทำหูทวนลมกับเสียงทักท้วงของเจิ้งหยาง เธอทรุดตัวลงนั่งในร้านน้ำชาและยิ้มหวานให้เจ้าของร้าน “ผู้จัดการ น้ำชากาหนึ่ง!”
หลังจากน้ำชามาเสิร์ฟ เธอก็นั่งจิบอย่างสบายอารมณ์ ราวกับกำลังใช้เวลายามบ่ายพักผ่อนอย่างเกียจคร้าน
รู้ดีว่าไม่มีทางที่เขาจะบังคับให้เว่ยหรูเหยียนออกจากที่นี่ได้ เจิ้งหยางกุมขมับก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง ประจันหน้ากับเธอด้วยสีหน้าจนปัญญา
ซูเฟยเฟยมองชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างเธอและถามว่า “เชียงเก่อ นี่เรากำลังจะมุ่งหน้าไปพระราชวังจริงๆหรือ?”
“ผมสั่งการให้เจ้าเสิ่นจุ้ยคนนั้นนำกองกำลังทหารมาให้ผมจำนวนหนึ่ง แต่เขาก็ยังไม่ทำ คงไม่อยากเป็นฮ่องเต้อีกแล้วกระมัง!” ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าเชียงเก่อคำราม แววตาเหี้ยมโหดฉายวาบในดวงตาของเขา
“กล้าขัดคำสั่งของเชียงเก่อ เจ้าเสิ่นจุ้ยนั่นช่างอวดดีเสียจริง! ถ้าเราไม่สั่งสอนบทเรียนให้เขา เขาคงจะคิดว่าตัวเองสำคัญเต็มที!” ซูเฟยเฟยใช้มือปิดปากไว้ขณะคำรามเยาะ เผยท่าทีดูถูกเหยียดหยามที่มีต่อฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเทียนเซวียนอย่างไม่ปิดบัง
ในสายตาของคนอื่นๆ เสิ่นจุ้ยคือฮ่องเต้ของอาณาจักรเทียนเซวียนซึ่งเป็นที่เคารพยกย่อง แต่สำหรับเธอ เขาไม่มีความหมายอะไรเลย
“ใช่! เขาเป็นแค่ฮ่องเต้ของอาณาจักรกระจอกงอกง่อยไร้ขั้น แต่สำคัญตัวเองเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะบุญคุณของผม เขาคงตายไปหลายครั้งหลายหนแล้ว…” เชียงเก่อคำราม
ขณะที่กำลังพูด จู่ๆใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว แข้งขาอ่อนไปหมด
พลั่ก!
เขาร่วงลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น
ซูเฟยเฟยถึงกับผงะและร้องออกมาด้วยความพรั่นพรึง “เชียงเก่อ!”
เธอรู้ดีว่าชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างเธอมีพละกำลังแค่ไหน ในแง่ของความแข็งแกร่ง แม้เสิ่นจุ้ยก็เทียบชั้นกับเขาไม่ได้ เขาเป็นนักรบที่เหนือชั้นกว่าวรยุทธขั้นจื้อจุนแล้ว…มาร่วงลงไปกองกับพื้นแบบนี้ จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่!
“ใครเล่นงานผม?” นึกไม่ถึงว่าจะถูกเหยียดหยามในที่สาธารณะ เชียงเก่อจ้องเขม็งไปรอบๆขณะกัดฟันกรอด
“คุณถูกเล่นงานด้วยยาพิษล่อลวงหัวใจปีศาจสวรรค์ของฉัน” เสียงสุขุมเยือกเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ “ถ้าคุณอยากมีชีวิตอยู่ล่ะก็ จะต้องหาใครสักคนที่เต็มใจถ่ายเลือดสดๆของเขาให้คุณ ไม่อย่างนั้น ภายในช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป คุณจะต้องตายเพราะการเสียเลือดมากเกินไปจากทวารทั้งเจ็ด ต่อให้เทพเจ้าก็ช่วยชีวิตคุณไม่ได้!”
เชียงเก่อรีบเงยหน้าเพื่อหาต้นตอของเสียง เห็นสาวน้อยคนหนึ่งนั่งวางท่าอยู่ตรงหน้ากาน้ำชา พร้อมกับถ้วยน้ำชาใบหนึ่งที่ยังร้อนควันฉุย
“คุณเป็นใคร? เราไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อน ทำไมถึงอยากฆ่าผม?”
เท่าที่เห็น การที่สาวน้อยสามารถวางยาเขาได้จากระยะไกลและเล่นงานเขาจนหมดสภาพ รวมทั้งข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่อาจประเมินความแข็งแกร่งของเธอได้แม้สักนิด เชียงเก่อรู้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะเทียบชั้นกับอีกฝ่ายได้ จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างบุ่มบ่าม
“โลกนี้จะมีอะไรให้ต้องขัดแย้งกันนักหนา? ฉันก็แค่รู้สึกว่าการเห็นคุณน่ะมันน่าขยะแขยง” เว่ยหรูเหยียนดึงผมไปทัดหูขณะวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ เธอพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน “คุณเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ ฉันไม่คิดว่าคุณจะมัวเสียเวลาอยู่แถวนี้ได้หรอกถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่”
“ผม…”
เชียงเก่อรีบขับเคลื่อนพลังปราณในร่างของเขา หวังจะเจือจางพิษในร่างกาย แต่ก็พบว่าขับมันออกไปไม่ได้ เป็นอย่างที่สาวน้อยพูดไว้ ต้องมีใครสักคนยอมถ่ายเลือดให้เขาเพื่อให้อาการของเขาดีขึ้น
เชียงเก่อหน้าดำคร่ำเครียด เขาหันไปตะโกนใส่ซูเฟยเฟยที่อยู่ข้างๆ “เฟยเฟย มานี่ซิ!”
“ฉัน…” รู้ดีว่าเชียงเก่อกำลังคิดอะไร ซูเฟยเฟยหน้าซีดด้วยความพรั่นพรึงขณะถอยกรูดอย่างหวาดกลัว
ต่อให้ความรักที่แท้จริงก็ย่อมสลายไปหากต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย นับประสาอะไรกับความสัมพันธ์ที่มีรากฐานบนผลประโยชน์ร่วมกัน
เห็นซูเฟยเฟยถอยกรูด เชียงเก่อหรี่ตาอย่างข่มขู่ “คุณคิดจะขัดคำสั่งของผมหรือ?”
“ฉัน…” ซูเฟยเฟยตัวสั่นด้วยความหวาดผวา
“คุณมันก็แค่สาวบ้านนอกเซ่อซ่า คงไม่ได้คิดจริงๆหรอกนะว่าตัวเองเป็นคนสูงส่ง ควรจะรู้ไว้ด้วยว่าของล้ำค่าต่างๆที่ผมมอบให้คุณน่ะมีราคาค่างวดสูงแค่ไหน รีบมาถ่ายเลือดของคุณให้ผมเดี๋ยวนี้ ถ้าผมหายดีจากการถูกวางยาครั้งนี้ล่ะก็ ผมจะดูแลทะนุถนอมคุณเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็…ผมก็จะฆ่าคุณเสียที่นี่ ตอนนี้เลย!”
เชียงเก่อคำราม เจตนาสังหารเปล่งประกายออกจากดวงตาของเขา
ซูเฟยเฟยกับซูเม่าชิง? ทั้งสองเป็นแค่เครื่องอำนวยความสะดวกให้ตัวเขาเท่านั้น
“ไม่นะ!”
รู้ดีว่าเธอคงจะเสียชีวิตหากต้องถูกถ่ายเลือด ซูเฟยเฟยถอยกรูดด้วยความหวาดผวา แต่ถอยไปได้เพียงสองสามก้าว ก็พลันรู้สึกถึงพลังงานมหาศาลที่ร้อยรัดตัวเธอไว้ ซูเฟยเฟยรู้ตัวว่าถ้ายังคงถอยต่อไป เชียงเก่อจะต้องคร่าชีวิตของเธอแน่
ประกายในดวงตาของเธอหายไป แทนที่ด้วยความมืดมิดโศกสลด
เมื่อปีก่อน มีชายคนหนึ่งที่รักเธอจนหมดหัวใจ เขาได้สารภาพความในใจกับเธอ แต่เธอก็ตั้งแง่ติติงเขาเรื่องภูมิหลังที่ไม่น่าสนใจและปฏิเสธเขาด้วย ใครจะไปรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นจะได้พบกับอาจารย์ที่ดีและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้? แม้แต่เสิ่นจุ้ยก็ยังต้องให้เกียรติเขาในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติ!
เธอเคยคิดว่าคงหมดโอกาสที่จะก้าวพ้นจากความยากจนแล้ว แต่วันหนึ่งก็ได้พบกับเชียงเก่อ
เชียงเก่อดูแลเธออย่างดี ถึงกับสร้างคฤหาสน์ใหญ่โตให้ เธอเคยคิดว่าเขารักเธอด้วยใจจริง แต่มาตอนนี้ก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าของเล่นชิ้นหนึ่งของเขา
เว่ยหรูเหยียนไม่ใส่ใจการถกเถียงของทั้งคู่ เธอหันไปยิ้มให้เจิ้งหยาง “เป็นไงล่ะ?”
ไม่มีอะไรที่จะเป็นบททดสอบความรู้สึกของคนคนหนึ่งได้ดีไปกว่าความเป็นความตาย…และเห็นได้ชัดว่าสองคนนี้แค่ใช้ประโยชน์จากกันและกัน!
“เธอจะเลือกใช้ชีวิตอย่างไรก็เป็นการตัดสินใจของเธอ ผมไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย” เจิ้งหยางตอบ แต่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกกรีดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน
เขาชอบสาวน้อยคนนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก และความปรารถนาสูงสุดเนิ่นนานของเขาก็คือได้ใช้ชีวิตร่วมกับเธอ ไม่เคยคิดเลยว่าจะลงเอยแบบนี้
“ฉันจะให้โอกาสคุณเล่นบทวีรบุรุษ คุณอยากทำให้เธอเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเธอไม่ใช่หรือ? ไม่มีโอกาสไหนดีกว่านี้แล้วนะ” เว่ยหรูเหยียนยุเจิ้งหยาง
“ไม่จำเป็นหรอก ผมไม่ได้มีใจให้เธอแล้ว” เจิ้งหยางส่ายหน้า
เขารู้ดีว่าต่อให้เขาทำให้เธอเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งคู่อยู่กันคนละโลกแล้ว ไม่มีทางใช้ชีวิตร่วมกันได้
อีกอย่าง หลังจากได้รู้นิสัยของซูเฟยเฟย ต่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เจิ้งหยางก็รู้ว่าเศษเสี้ยวหนึ่งในหัวใจของเขาจะต้องแคลงใจว่าซูเฟยเฟยอาจหลงใหลในทรัพย์สินและอำนาจของเขาเท่านั้น ไม่ใช่ตัวเขาเอง เขาไม่อยากนำพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานภาพที่ต้องคอยระแวงแคลงใจในคนรักของตัวเองอยู่เรื่อยไป
ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น จะแกว่งเท้าหาเสี้ยนเพื่อ?
“ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะยังมีใจให้เธอหรือไม่ แต่ถ้าคุณไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้ เธอต้องตายแน่” เว่ยหรูเหยียนพูดอย่างสุขุมขณะจิบชาต่อไป
เจิ้งหยางรีบเงยหน้า เห็นนัยน์ตาของเชียงเก่อแดงก่ำ เขายกแขนขึ้นฉุดซูเฟยเฟยเข้าหาตัวโดยใช้พลังปราณ เชียงเก่อใช้นิ้วของเขาแทนดาบและกรีดข้อมือซีดเผือดของสาวน้อย ทำให้เลือดอุ่นๆทะลักออกมา
การถ่ายเลือดกับการถ่ายทอดสายเลือดถือเป็นคนละเรื่องกัน การถ่ายเลือดจะใช้เพียงเลือดของอีกฝ่ายเข้าไปแทนที่เลือดที่ปนเปื้อนยาพิษ กระบวนการนั้นไม่ได้ซับซ้อน แม้แต่นายแพทย์ระดับ 2 ดาวโดยทั่วไปก็สามารถจัดการได้ ถึงเชียงเก่อจะถูกวางยา แต่วรยุทธของเขาไม่ได้ถูกกดข่มไว้ ตราบใดที่เขาดำเนินการอย่างระมัดระวัง ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นว่าซูเฟยเฟยอาจเสียชีวิตได้หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ เจิ้งหยางลุกพรวดและตวาดก้อง “หยุดเดี๋ยวนี้!”
เชียงเก่อหันกลับมาจ้องหน้าเจิ้งหยางอย่างเย็นชา
ในเวลาเดียวกัน ซูเฟยเฟยที่ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นหูก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที เธอหันขวับไปมองร่างหนึ่งที่กำลังเดินมาหา น้ำตาไหลเป็นทางจากสองตาของเธอ
“เจิ้งหยาง…คะ-คุณกลับมาแล้วหรือ?”
ไม่มีทางที่เธอจะจดจำเสียงนั้นไม่ได้ มันเป็นเสียงของชายหนุ่มที่เคยรวบรวมความกล้าทั้งหมดในชีวิตเพื่อสารภาพความในใจกับเธอ เพียงเพื่อจะถูกปฏิเสธ
เห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ ร่างนั้นดูจะใหญ่โตอย่างไม่น่าเชื่อภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์